• Bookmark
• Tweet
• Share
• PM

สวัสดีค่ะ ช่วงวันหยุดหลายคนออกไปเที่ยว แต่ค่าที่พักและค่าใช้จ่ายสูงขึ้น ทำให้ต้องวางแผนกันอย่างรอบคอบ บรรยากาศท่องเที่ยวสนุกสนานแต่ก็ต้องระวังงบไม่บานปลาย และสำหรับสายเทรด Forex วันนี้เรามาดูกันว่า 5 ข่าวที่ควรรู้ไว้เพื่อทำกำไรในการเทรด FOREX การเทรด Forex ซึ่งถือเป็นตลาดการเงินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดทั่วโลก เปิดโอกาสในการสร้างผลตอบแทนอย่างมหาศาล อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จในการซื้อขายไม่ได้ขึ้นอยู่แค่ทักษะการวางแผนของคุณเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับความสามารถในการติดตามข้อมูลสำคัญที่อาจส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินด้วย บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักข่าวสำคัญ 5 ประเภทที่ควรเฝ้าดูเพื่อเพิ่มความเป็นไปได้ในการทำกำไรจากตลาด Forex



Unemployment Rate : อัตราการว่างงาน

อัตราการว่างงานเป็นตัวเลขที่ใช้บ่งบอกจำนวนประชากรที่ไม่มีงานทำในประเทศหนึ่ง ๆ เมื่ออัตราการว่างงานปรับลดลงหรือเพิ่มขึ้น ก็ย่อมส่งผลต่อเงินสกุลนั้นโดยตรง ตัวอย่างเช่น หากเงินปอนด์รายงานอัตราการว่างงานลดลงจากเดือนก่อน หมายความว่ามีประชาชนมีงานทำมากขึ้น รายได้เพิ่มขึ้น ทำให้รายได้ที่สามารถนำไปใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมีมากขึ้น สิ่งนี้มักเป็นผลบวกต่อค่าเงินปอนด์ เพราะมีแนวโน้มช่วยดันราคาให้ขยับขึ้นเล็กน้อย

ในทางกลับกัน หากข้อมูลเงินปอนด์ออกมาแย่และมีอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น แสดงว่ามีคนขาดรายได้มากกว่ามีรายได้ ส่งผลให้ยอดการใช้จ่ายลดลง เงินที่ไหลเวียนในระบบหดตัว เศรษฐกิจโดยรวมอ่อนแอลง จึงกดดันให้มูลค่าของปอนด์ปรับตัวลงตามไปด้วย

สำหรับผู้ที่เทรดทองหรือคู่เงินที่มี USD การเปลี่ยนแปลงของอัตราการว่างงานก็ทำให้เกิดความผันผวนสูงเช่นกัน ซึ่งหลักการก็คล้ายตัวอย่างของเงินปอนด์ที่กล่าวไปก่อนหน้า



Gross Domestic Product : GDP

เทรดเดอร์จำนวนไม่น้อยอาจยังไม่เคยใช้ตัวเลข GDP อย่างจริงจัง GDP คือดัชนีที่วัดปริมาณการใช้จ่ายทั้งหมดภายในประเทศอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า อาหาร รถยนต์ หรือสินค้าอุตสาหกรรมทุกประเภท จึงสะท้อนภาพเศรษฐกิจได้อย่างแม่นยำ หาก GDP ลดลง หมายถึงการใช้จ่ายในประเทศลดลง เศรษฐกิจชะลอตัว และส่งผลให้ค่าเงินอ่อนค่าตาม

ตรงกันข้าม หาก GDP เพิ่มขึ้น ค่าเงินมักแข็งค่าตาม เพราะเป็นสัญญาณว่าการใช้จ่ายภายในประเทศขยายตัว ตัวเลขนี้ถือว่าสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการดูทิศทางการเคลื่อนไหวของสกุลเงินในระยะยาว จากการเปรียบเทียบ GDP ระหว่างประเทศหรือช่วงเวลา เช่น ถ้าศึกษา GDP ของโซนยุโรปตลอด 10 ปี เทรดเดอร์จะเห็นภาพชัดของแนวโน้มราคาระยะยาว ซึ่งช่วยในการวิเคราะห์ข้อได้เปรียบพื้นฐานทางเศรษฐกิจได้ดีขึ้น



CPI (Consumer Price Index)

CPI คือดัชนีราคาผู้บริโภค ใช้วัดระดับเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาในตลาดอย่างมาก ปัจจุบันปัญหาเงินเฟ้อเป็นสิ่งที่หลายประเทศกำลังเผชิญ ทำให้หลายคนจับตาดูการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง

เมื่อเงินเฟ้อปรับตัวสูง และ CPI ออกมาสูงตาม นั่นมักบ่งบอกถึงเศรษฐกิจที่กำลังขยายตัว เพราะการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ผู้คนซื้อของมากขึ้น ดังนั้นเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น ตัวเลข CPI จะมีแนวโน้มตาม GDP และอัตราการว่างงาน ซึ่งบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจโดยรวม



Interest Rates : อัตราดอกเบี้ย

อัตราดอกเบี้ยเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางของราคาทองคำและค่าเงินต่าง ๆ ธนาคารกลางใช้การปรับดอกเบี้ยเพื่อควบคุมระดับเงินเฟ้อ ดังนั้นเมื่อเข้าใจความเชื่อมโยงระหว่าง GDP CPI และอัตราเงินเฟ้อ เทรดเดอร์จะสามารถคาดการณ์การตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นเครื่องมือหลักของธนาคารกลางในการรักษาสมดุลเศรษฐกิจ

ปัจจุบันสิ่งที่เห็นได้ชัดคือการใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวดหรือผ่อนคลาย การกระชับเชิงปริมาณคือการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อที่สูงเกินไป ทำให้ประชาชนมีกำลังซื้อน้อยลง ส่วนการผ่อนคลายคือการลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อเงินเฟ้อต่ำเกินไป เพื่อให้เศรษฐกิจกลับเข้าสู่ระดับเป้าหมายที่ต้องการ



NFP (Non-farm Payroll)

NFP คือข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตร ซึ่งสะท้อนจำนวนงานที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงในระบบเศรษฐกิจแต่ละเดือน ถือเป็นตัวเลขที่ตลาดให้ความสนใจอย่างมาก หากตัวเลข NFP สูงขึ้น แสดงว่ามีคนได้งานมากขึ้น รายได้เพิ่มขึ้น การใช้จ่ายขยายตัว ซึ่งชี้ถึงความแข็งแรงของเศรษฐกิจ

แต่หากตัวเลขเริ่มลดลงเรื่อย ๆ นั่นหมายความว่าตำแหน่งงานถูกตัดออก รายได้ประชาชนลดลง ส่งผลให้การหมุนเวียนเงินในระบบลดลงตาม และอาจตามมาด้วยความเสี่ยงของปัญหาเศรษฐกิจในอนาคต

โดยทั่วไป NFP จะประกาศในวันศุกร์ช่วงต้นเดือน และเป็นข่าวที่ทำให้ตลาดผันผวนอย่างมาก



บทสรุป

ข่าวทั้ง 5 ประเภทที่กล่าวมานี้มีผลกระทบโดยตรงต่อตลาด Forex และยังเชื่อมโยงกับการเคลื่อนไหวของตลาดทั่วโลก เทรดเดอร์ควรติดตามตัวเลขเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ เพราะเป็นข้อมูลที่ช่วยบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งหรือจุดอ่อนของเศรษฐกิจ และเป็นพื้นฐานสำคัญในการวิเคราะห์ภาวะตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ

[ladyMP]

• Bookmark
• Tweet
• Share
• PM

สวัสดีค่ะ ช่วงวันหยุดหลายคนออกไปเที่ยว แต่ค่าที่พักและค่าใช้จ่ายสูงขึ้น ทำให้ต้องวางแผนกันอย่างรอบคอบ บรรยากาศท่องเที่ยวสนุกสนานแต่ก็ต้องระวังงบไม่บานปลาย และสำหรับสายเทรด Forex วันนี้เรามาดูกันว่า 5 ข่าวที่ควรรู้ไว้เพื่อทำกำไรในการเทรด FOREX การเทรด Forex ซึ่งถือเป็นตลาดการเงินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดทั่วโลก เปิดโอกาสในการสร้างผลตอบแทนอย่างมหาศาล อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จในการซื้อขายไม่ได้ขึ้นอยู่แค่ทักษะการวางแผนของคุณเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับความสามารถในการติดตามข้อมูลสำคัญที่อาจส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินด้วย บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักข่าวสำคัญ 5 ประเภทที่ควรเฝ้าดูเพื่อเพิ่มความเป็นไปได้ในการทำกำไรจากตลาด Forex



Unemployment Rate : อัตราการว่างงาน

อัตราการว่างงานเป็นตัวเลขที่ใช้บ่งบอกจำนวนประชากรที่ไม่มีงานทำในประเทศหนึ่ง ๆ เมื่ออัตราการว่างงานปรับลดลงหรือเพิ่มขึ้น ก็ย่อมส่งผลต่อเงินสกุลนั้นโดยตรง ตัวอย่างเช่น หากเงินปอนด์รายงานอัตราการว่างงานลดลงจากเดือนก่อน หมายความว่ามีประชาชนมีงานทำมากขึ้น รายได้เพิ่มขึ้น ทำให้รายได้ที่สามารถนำไปใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมีมากขึ้น สิ่งนี้มักเป็นผลบวกต่อค่าเงินปอนด์ เพราะมีแนวโน้มช่วยดันราคาให้ขยับขึ้นเล็กน้อย

ในทางกลับกัน หากข้อมูลเงินปอนด์ออกมาแย่และมีอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น แสดงว่ามีคนขาดรายได้มากกว่ามีรายได้ ส่งผลให้ยอดการใช้จ่ายลดลง เงินที่ไหลเวียนในระบบหดตัว เศรษฐกิจโดยรวมอ่อนแอลง จึงกดดันให้มูลค่าของปอนด์ปรับตัวลงตามไปด้วย

สำหรับผู้ที่เทรดทองหรือคู่เงินที่มี USD การเปลี่ยนแปลงของอัตราการว่างงานก็ทำให้เกิดความผันผวนสูงเช่นกัน ซึ่งหลักการก็คล้ายตัวอย่างของเงินปอนด์ที่กล่าวไปก่อนหน้า



Gross Domestic Product : GDP

เทรดเดอร์จำนวนไม่น้อยอาจยังไม่เคยใช้ตัวเลข GDP อย่างจริงจัง GDP คือดัชนีที่วัดปริมาณการใช้จ่ายทั้งหมดภายในประเทศอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า อาหาร รถยนต์ หรือสินค้าอุตสาหกรรมทุกประเภท จึงสะท้อนภาพเศรษฐกิจได้อย่างแม่นยำ หาก GDP ลดลง หมายถึงการใช้จ่ายในประเทศลดลง เศรษฐกิจชะลอตัว และส่งผลให้ค่าเงินอ่อนค่าตาม

ตรงกันข้าม หาก GDP เพิ่มขึ้น ค่าเงินมักแข็งค่าตาม เพราะเป็นสัญญาณว่าการใช้จ่ายภายในประเทศขยายตัว ตัวเลขนี้ถือว่าสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการดูทิศทางการเคลื่อนไหวของสกุลเงินในระยะยาว จากการเปรียบเทียบ GDP ระหว่างประเทศหรือช่วงเวลา เช่น ถ้าศึกษา GDP ของโซนยุโรปตลอด 10 ปี เทรดเดอร์จะเห็นภาพชัดของแนวโน้มราคาระยะยาว ซึ่งช่วยในการวิเคราะห์ข้อได้เปรียบพื้นฐานทางเศรษฐกิจได้ดีขึ้น



CPI (Consumer Price Index)

CPI คือดัชนีราคาผู้บริโภค ใช้วัดระดับเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาในตลาดอย่างมาก ปัจจุบันปัญหาเงินเฟ้อเป็นสิ่งที่หลายประเทศกำลังเผชิญ ทำให้หลายคนจับตาดูการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง

เมื่อเงินเฟ้อปรับตัวสูง และ CPI ออกมาสูงตาม นั่นมักบ่งบอกถึงเศรษฐกิจที่กำลังขยายตัว เพราะการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ผู้คนซื้อของมากขึ้น ดังนั้นเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น ตัวเลข CPI จะมีแนวโน้มตาม GDP และอัตราการว่างงาน ซึ่งบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจโดยรวม



Interest Rates : อัตราดอกเบี้ย

อัตราดอกเบี้ยเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางของราคาทองคำและค่าเงินต่าง ๆ ธนาคารกลางใช้การปรับดอกเบี้ยเพื่อควบคุมระดับเงินเฟ้อ ดังนั้นเมื่อเข้าใจความเชื่อมโยงระหว่าง GDP CPI และอัตราเงินเฟ้อ เทรดเดอร์จะสามารถคาดการณ์การตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นเครื่องมือหลักของธนาคารกลางในการรักษาสมดุลเศรษฐกิจ

ปัจจุบันสิ่งที่เห็นได้ชัดคือการใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวดหรือผ่อนคลาย การกระชับเชิงปริมาณคือการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อที่สูงเกินไป ทำให้ประชาชนมีกำลังซื้อน้อยลง ส่วนการผ่อนคลายคือการลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อเงินเฟ้อต่ำเกินไป เพื่อให้เศรษฐกิจกลับเข้าสู่ระดับเป้าหมายที่ต้องการ



NFP (Non-farm Payroll)

NFP คือข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตร ซึ่งสะท้อนจำนวนงานที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงในระบบเศรษฐกิจแต่ละเดือน ถือเป็นตัวเลขที่ตลาดให้ความสนใจอย่างมาก หากตัวเลข NFP สูงขึ้น แสดงว่ามีคนได้งานมากขึ้น รายได้เพิ่มขึ้น การใช้จ่ายขยายตัว ซึ่งชี้ถึงความแข็งแรงของเศรษฐกิจ

แต่หากตัวเลขเริ่มลดลงเรื่อย ๆ นั่นหมายความว่าตำแหน่งงานถูกตัดออก รายได้ประชาชนลดลง ส่งผลให้การหมุนเวียนเงินในระบบลดลงตาม และอาจตามมาด้วยความเสี่ยงของปัญหาเศรษฐกิจในอนาคต

โดยทั่วไป NFP จะประกาศในวันศุกร์ช่วงต้นเดือน และเป็นข่าวที่ทำให้ตลาดผันผวนอย่างมาก



บทสรุป

ข่าวทั้ง 5 ประเภทที่กล่าวมานี้มีผลกระทบโดยตรงต่อตลาด Forex และยังเชื่อมโยงกับการเคลื่อนไหวของตลาดทั่วโลก เทรดเดอร์ควรติดตามตัวเลขเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ เพราะเป็นข้อมูลที่ช่วยบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งหรือจุดอ่อนของเศรษฐกิจ และเป็นพื้นฐานสำคัญในการวิเคราะห์ภาวะตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ