เมื่อสามสัปดาห์ก่อน ราคาน้ำมันเริ่มปรับตัวขึ้น 22% จากการลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ แต่ราคาที่ลดลง 8% เมื่อสัปดาห์ที่แล้วแสดงให้เห็นว่าตลาดหมียังคงครองตลาดนี้อยู่ ซึ่งปัจจัยทางเทคนิคหลายประการก็ยังชี้ไปแบบนั้น
(https://i.ibb.co/hX9Nybp/2.jpg) (https://ibb.co/f8FW2fm)
ในแผนภูมิรายสัปดาห์ WTI ลดลงอย่างเป็นระบบจากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 สัปดาห์ ซึ่งแสดงให้เห็นชัดเจนว่าแนวโน้มขาลงในระยะกลางกำลังเกิดขึ้น
(https://i.ibb.co/Fb1hH5y/22.jpg) (https://ibb.co/QFVJDPT)
ในกราฟรายวัน การดีดตัวของน้ำมันอยู่ในรูปแบบ Fibonacci โดยสูญเสียความแข็งแกร่งใกล้กับการกลับตัว 61.8% หลังจากที่ลดลงตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงกันยายน และ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม น้ำมันถูกเทขายออกจากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน ซึ่งแสดงถึงการพังทลายของปัจจัยพื้นฐานในตลาด
(https://i.ibb.co/tJC60TG/222.jpg) (https://ibb.co/kScTLs7)
การลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ และข้อมูลตำแหน่งงานที่ค่อนข้างแข็งแกร่งในสหรัฐทำให้ราคาไม่เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียว เช่นเดียวกับในปี 2014-2015 อย่างไรก็ตาม มีหลักฐานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจส่งผลกระทบต่ออุปสงค์พลังงาน และรักษาแรงกดดันขาลงในระยะยาว
จากข้อมูลของ Baker Hughes ที่เผยแพร่เมื่อคืนวันศุกร์ อเมริกายังได้เพิ่มจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ใช้งานได้เป็น 610 แท่น ซึ่งเป็นระดับสูงสุดใหม่ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020
หากไม่มีความประหลาดใจจากความต้องการน้ำมันที่เพิ่มขึ้นและการลดการผลิตใหม่ WTI อาจกลับสู่พื้นที่ 75 ดอลลาร์ (ระดับต่ำสุดในเดือนกันยายน) ก่อนสิ้นเดือนตุลาคม สมมติว่าการสนับสนุนล้มเหลวโดยพิจารณาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกราคาอาจถอยกลับอย่างรวดเร็วไปที่ 65 ดอลลาร์ (ค่าเฉลี่ย 200 สัปดาห์) หรือแม้แต่ 50 ดอลลาร์ (ระดับรอบที่สำคัญทางจิตวิทยาและพื้นที่ Fibonacci 161.8% ของโมเมนตัมเริ่มต้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน)
แหล่งข่าว Bears kept the upper hand with Crude Oil โดย Alex Kuptsikevich - FxPro senior market analyst