วิธีเปิดบัญชีฟอเร็กซ์ exness 2025 ที่TradeSabai.com | เทรด forex เป็นอาชีพ | สอนเทรด Forex Onlineฟรี
พูดคุย Forex ทั่วไป => พูดคุยForexทั่วไป => ข้อความที่เริ่มโดย: นักศึกษา22 ที่ 12/มิ.ย./2017 07:10:21
-
ทางเว็บไซด์ขอนำเสนอเรื่องสุดฮอต เกี่ยวกับ forex Trending market กับ Sideway market คืออะไร ใช้อย่างไร
ตลาดที่เป็นเทรน (Trending market)
ตลาดที่เป็นเทรน คือ การที่ราคาวิ่งไปในทิศทางเดียวกัน และแน่นอนว่าอาจจะมีบางช่วงที่ราคาวิ่งสวนทางกับเทรน แต่ถ้าพิจารณาในกรอบราคาที่ใหญ่กว่า ก็จะเห็นว่าการวิ่งสวนทางเหล่านั้นเป็นการปรับตัวของราคา
(https://upic.me/i/k8/capture-20140205-160704.png)
ปรกติเราจะสังเกตเทรนขาขึ้นได้จาก "จุดสูงสุดและจุดต่ำสุดใหม่ที่ยกตัวสูงขึ้น (Higher High , Higher Low)" และเทรนขาลงก็จะเป็น "จุดสูงสุดและต่ำสุดใหม่ที่ปรับตัวต่ำลง (Lower High, Lower Lows) "
กลยุทธ์การซื้อขายสำหรับเวลาท่ตลาดเป็นเทรน เทรดเดอร์ส่วนใหญ่มักจะเลือกเทรดในสกุลเงินหลัก เพราะแนวโน้มของคู่เงินเหล่านี้จะมีสภาพคล่องสูง เพราะสภาพคล่องเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับกลยุทธ์การเทรดตามแนวโน้ม สภาพคล่องยิ่งมากก็ยิ่งทำให้มีการเคลื่อนที่ของราคามากขึ้นเท่านั้น
ราคาที่วิ่งในกรอบราคา (Sideway หรือ Ranging Market)
Ranging Market คือ สภาวะที่ราคาวิ่งระหว่างกรอบราคาสูงสุด และต่ำสุด ตรงระดับราคาสูงสุดจะทำหน้าที่เป็นแนวต้าน และราคาต่ำสุดจะเป็นแนวรับ และราคาวิ่งอยู่ในกรอบราคานี้เป็น Sideway ไม่สามารถทะลุออกไปนอกกรอบได้ ในกรณีแบบนี้ เราอาจใช้เส้น Horizontal Line มาวางไว้เพื่อดูแนวรับแนวต้านของกรอบราคาได้ง่ายขึ้น
(https://upic.me/i/iv/capture-20130711-155206.png)
Trending market กับ Sideway market คืออะไร
สิ่งสำคัญในการเทรดของเทรดเดอร์ทุกท่านไม่ว่าจะเป็นสไตล์ไหนก็ตาม คือต้องการจะรู้ให้ได้ว่าช่วงนี้ตลาดเป็นเทรน (Trending market) หรือไม่เป็นเทรน (Sideway market) เพื่อที่จะได้กำหนดกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมในแต่ละช่วงตลาด
เรามาดูวิธีการแบ่งแยกว่าตลาดช่วงไหนเป็นเทรน และช่วงไหนไม่เป็นเทรน จากกราฟที่ปรากฏ เพื่อให้เราเข้าใจความหมายของมัน
มันมี 3 วิธีการดูอย่างง่ายๆ แต่มีประสิทธิภาพคือ
ดูจาก Price action
นี่เป็นวิธีการของนักเทคนิครุ่นสมัยก่อนนั้นนิยมใช้กันแต่ไหนแต่ไร แต่ก็ยังใช้ได้จนถึงทุกวันนี้ก็คือการดู High กับ Low เพื่อแบ่งแนวโน้ม
– โดยถ้าราคาทำ Higher Highs (HH) และ Higher Lows (HL) แสดงถึง แนวโน้มขาขึ้น
– แต่ถ้าราคาทำ Lower Highs (LH) และ Lower Lows (LL) แสดงถึง แนวโน้มขาลง
ดูจากระดับราคา
ระดับแนวรับ แนวต้าน สามารถบ่งชี้ได้ว่าตลาดเป็นแนวโน้มหรือไม่ โดยใช้วิธีพื้นฐานในการวิเคราะห์ทางเทคนิคเลยคือ หาช่วงการแกว่งตัวของราคา ถ้าราคาแกว่งตัวในกรอบดังกล่าวก็แสดงถึงทิศทาง Sideway (แต่อย่าลืมว่าราคาไม่ได้ทดสอบแนวรับแนวต้านระดับที่เราตีไว้ 100% ให้เราพิจารณาเป็นบริเวณดีกว่า)
เส้นค่าเฉลี่ย
นี่เป็นอีกหนึ่งพื้นฐานของเครื่องมือทางเทคนิคที่ใช้ง่าย แต่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเราสามารถนำเส้นค่าเฉลี่ยมากรองราคาว่าเป็นแนวโน้มหรือไม่
โดยสามารถทำได้ 2 วิธี คือ
(https://upic.me/i/86/w2rq1.png)
(1) สังเกตจากเส้นค่าเฉลี่ยตัดกัน : โดยเราจะนำวิธีการนี้มากรองแนวโน้มว่าเป็นขาขึ้นหรือขาลง เช่น ถ้าเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันตัด 10 วันขึ้นเป็นแนวโน้มขาขึ้น แต่ถ้าเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันตัด 10 วันลงเป็นแนวโน้มขาลง เป็นต้น โดยในที่นี้เราใช้เส้นค่าเฉลี่ยที่ตัดกันเป็นเพียงสัญญาณกรองแนวโน้ม ไม่ได้เป็นสัญญาณ ซื้อขาย
(https://upic.me/i/e5/38eq2.png)
(2) สังเกตจากเส้นค่าเฉลี่ยที่ฉีกออกจากกัน : ในช่วงที่ตลาดเป็นเทรน เส้นค่าเฉลี่ยจะฉีกออกจากกันแสดงถึงแนวโน้มที่แข็งแกร่ง
(https://upic.me/i/2j/c9rq3.png)
เราสามารถนำทั้ง 3 วิธีการนี้มาประกอบการเทรด โดยใช้เส้นค่าเฉลี่ยในการดูแนวโน้มว่าเป็นขาขึ้นหรือขาลง และใช้ Price action หรือแนวรับแนวต้านเข้ามาประกอบในช่วงที่ตลาดเป็น Sideway ซึ่งการแยกประเภทตลาดนั้นจะช่วยให้การเทรดเรามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอย่างมากเลยทีเดียว และอยากฝากไว้ทิ้งท้ายหน่อยนะครับว่า ถ้าช่วงไหนที่เราไม่แน่ใจ ช่วงไหนที่ดูแบ่งทิศทางไม่ชัดเจน ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าไปเทรด รอในจังหวะที่ชัดเจน ค่อยเข้า แค่นั้นเองครับ
Bonus Tip: การเทรดโดยใช้กลยุทธ์แบบ Range-Bound (การกลับตัวในกรอบราคา) นี้ ไม่เหมาะที่จะใช้กับคู่เงินที่มีสกุลเงิน USD ร่วมอยู่ด้วย คู่เงินที่เป็นที่นิยมเทรดแบบนี้คือ EUR/CHF เพราะอัตราการเติบโตของสหภาพยุโรปและสวิสเซอรืแลนด์มีความใกล้เคียงกันมาก ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนของทั้งสองสกุลมีเสถียรภาพมาก จึงเหมาะกับการเทรดโดยใช้กลยุทธ์นี้เป็นอย่างมาก
ข้อสรุป ตลาดมีความหลากหลาย และไม่ว่าตลาดอยู่ในสภาวะไหน มีแนวโน้ม (Trending Market ) หรือว่าราคาวิ่งอยู่ในกรอบราคาแบบ Sideway (Ranging Market) ก็ตาม คุณก็ควรเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับตลาดในขณะนั้นๆมาใช้ให้เกิดประโยชน์ตามจังหวะของตลาด