Messages

สวัสดีค่ะ แม้การเมืองไทยสามารถตั้งรัฐบาลได้แล้ว แต่ชาวเทรดเดอร์อย่างเราก็ต้องติดตามข่าวสารกันต่อไป ส่วนใครที่เพิ่งเข้าวงการ ยิ่งต้องศึกษา เพื่อให้สามารถทำกำไรได้ในอนาคต เป็นรายได้เสริม หรือถ้าครจะเทรดจริงจังก็สามารถเทรดเป็นยึดเป็นอาชีพหลักได้เลย ถ้าหากชำนาญและมีวินัยพร้อมแล้ว และวันนี้มาดูเทคนิคที่ง่ายที่สุดในการเริ่มต้นเทรด จาก 0 สู่ $200/วัน จะเป็นยังไงไปดูกันเลยจ้า

 

สวัสดีจ้า ยิ่งการเมืองเข้มข้น ภาวะเศรษฐกิจก็เข้มข้นตาม ถ้าเพื่อนๆ คนไหนที่ตามข่าวคงจะทราบกันดี ส่วนเพื่อนๆ ที่เป็นสายเทรด หรือมือใหม่ที่เพิ่งเข้าวงการ ยิ่งต้องติดตามข่าวสาร เพราะการเทรด Forex นั้น ข่าวสารเป็นอีกสิ่งที่สำคัญลำดับต้นๆ เลย เพราะราคายิ่งผันผวนถ้ามีข่าวสารใหม่ๆ นั้นเองจ้า และวันนี้มาดูเทคนิคง่ายๆ สำหรับคนที่ยังมองจุดเทรด Forex ไม่เก่ง ไปดูกันเลยจ้า


 

สวัสดีจ้า ช่วงนี้ฝนตกเย็นสบายเกือบทุกพื้นที่ บอกเลยว่าช่วยประหยัดค่าแอร์ได้ดีเลย ใครที่พักผ่อนอยู่บ้านก็ได้ฟิลอย่างกับเที่ยวธรรมชาติไปเลยจ้า และวันนี้มาดูรวมกลยุทธ์สำหรับเทรดเดอร์ Part-time Forex การเป็นเทรดเดอร์สามารถเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ดีเยี่ยมที่สุดอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้ ทำให้นักเทรดบางคนลาออกจากงานประจำ เพื่อมาเทรด forex full-time หรือ เต็มเวลาแบบเต็มตัว แต่ว่าก็มีนักเทรดจำนวนมากด้วยเหมือนกันที่ไม่สามารถที่จะทำอาชีพหรือเทรดforex full-time ได้ พวกเขาก็เลยมองหาช่วงเวลา part-time หรือเวลาว่าง เพื่อเปิดและก็ปิด position เทรดต่างๆในช่วงเช้า พักเที่ยง หรือ ก่อนนอน

แต่ว่าการเทรดโดยอาศัยช่วงเวลาว่างนั้นอาจจะทำให้ท่านพลาดโอกาสดีๆสำหรับเพื่อการซื้อหรือขายทำกำไร โดยไม่รู้ตัว ด้วยเหตุนั้นพวกเราจะมาช่วยแนะนำกลยุทธ์การเทรด part-time ให้กับทุกคนเวลาน้อยเพื่อช่วยทำให้สามารถหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดจากการเทรด และก็คว้าจังหวะการเทรดดีๆเอาไว้ให้อยู่มือ ดังนี้



กลยุทธ์เทรดระยะสั้น (Short Term Strategy)

ถึงแม้ว่ากลยุทธ์เทรดระยะสั้น (Short Term Strategy) จะมีความเสี่ยงอยู่ไม่น้อย แต่ว่าต้องยอมรับเลยว่าผลกำไรที่ได้มานั้นคุ้มจริงๆซึ่งเป็นการอาศัยการเทรดแบบสั้นๆในเวลาเพียงแค่ไม่กี่นาที ในขั้นตอนแรก เป็นการจับจังหวะแนวโน้มระยะสั้น (Short term trend) ที่เหมาะสมให้ได้และก็ที่สำคัญคืออย่าลืมหาวิธีบริหารความเสี่ยงเพื่อป้องกันการเทรดที่ขาดทุนด้วย

หลักการเบื้องต้น

1.เฝ้าติดตาม Moving Average
ซึ่งจะต้องจับตาดูราคาหุ้น หรือ ราคาสินทรัพย์ต่างๆในแต่ละช่วงเวลาให้ดี โดยอาศัยกรอบเวลา หรือ Timeframe ทั่วไป ตั้งแต่ 15 วัน ไปจนถึง 200 วัน จะทำให้พวกเราเห็นภาพรวมของตลาดว่าจังหวะไหนที่มีเทรนด์ขาขึ้น และก็จังหวะไหนที่เป็นช่วงขาลง

2.เทรดตามวัฏจักร (Cycle trading)
หรือการเทรดตามรอบ นับเป็นไอเดียกลยุทธ์เทรดระยะสั้นที่ดีเลยทีเดียวค่ะ มันจะะช่วยระบุจังหวะที่เหมาะสมสำหรับในการเข้าสู่ตลาดหรือการออกออเดอร์ต่างๆอย่างมีประสิทธิภาพ

3.อาศัยเทรนด์
“การเข้าใจเทรนด์ของตลาด” จะช่วยทำกำไรได้ ถึงแม้ตลาดจะเปลี่ยนไปในทิศทางตรงกันข้ามหลักการนี้จะใช้แนวโน้ม หรือ เทรนด์ที่ทั้งบวกและลบ ประกอบการตัดสินใจว่าควรจะซื้อหรือขายสินทรัพย์ที่มี

ข้อดี

1.หลักการที่ดีที่สุดในการเทรดหน้าชอร์ต (Short selling)
2.เหมาะสำหรับการเทรดในตลาดขาลง
3.เทรดได้ยืดหยุ่น ในแง่ของ timeframe

ข้อเสีย

1.เป็นวิธีที่มีความเสี่ยงสูง
2.จะต้องอาศัยการวิเคราะห์ตลาดเชิงลึก
3.บางครั้งอาจจะยังไม่เหมาะสำหรับนักเทรดมือใหม่



กลยุทธ์เทรดระยะกลาง (Medium Term Strategy)

กลยุทธ์นี้เหมาะกับเทรดเดอร์ที่ต้องการถือ position หนึ่งๆเป็นเวลาตั้งแต่หลายวัน ไปจนกระทั่ง หลายสัปดาห์ แตกต่างกันไปตามความเคลื่อนไหวของเทรนด์ ทำให้วิธีการนี้จำเป็นที่จะต้องอาศัยการวิเคราะห์ที่มากยิ่งขึ้น เมื่อเทียบกับกลยุทธ์เทรดระยะสั้นนั่นเอง เพราะยังต้องให้ความสำคัญกับทิศทางของเทรนด์ในอดีตเพื่อนำข้อมูลทั้งหมดมาเทียบกันแล้วหาจังหวะออกออเดอร์ที่ดีที่สุด

หลักการเบื้องต้น

1.อาศัยกราฟราคาในอดีต
ที่ช่วยทำให้เห็นภาพการเคลื่อนไหวของราคาก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา เพื่อสร้างแผนการเทรดที่จะทำให้คุณเทรดได้ประสบผลสำเร็จในระยะยาว

2.วิเคราะห์ข้อมูล
เพื่อพิจารณาความน่าจะเป็นไปได้ต่างๆที่อาจมีผลต่อราคาสินทรัพย์ในอนาคต แนวทางสำคัญ คือ การคาดการณ์และตั้งเป้าหมายเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต เพื่อจับจังหวะความเป็นไปได้

3.รวบรวมข้อมูล
โดยรวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่เข้าด้วยกัน เพื่อมาพิจารณาเพื่อมาเปรียบเทียบแล้วหาจังหวะออกออเดอร์ที่ดีที่สุด

ข้อดี

1.เสี่ยงน้อยกว่า เมื่อเทียบกับกลยุทธ์ระยะสั้น
2.เหมาะสำหรับนักเทรดมือใหม่
3.สามารถคาดการณ์อนาคตได้ง่าย

ข้อเสีย

1.ต้องใช้ทักษะการวิเคราะห์เชิงลึกที่หลากหลาย
2.ต้องพิจารณาข้อมูลและปัจจัยต่างๆจำนวนมาก
3.อาศัยการวิเคราะห์กราฟเทคนิค หรือ ปัจจัยทางด้านเทคนิค ที่ค่อนข้างจะซับซ้อน



กลยุทธ์เทรดระยะยาว (Long Term Strategy)

ตามชื่อกลยุทธ์นี้อาศัยการถือ position เป็นระยะเวลานานๆตั้งแต่หลายเดือน ไปจนถึง หลายปี ในขณะที่สินทรัพย์นั้นเกิดความเปลี่ยนแปลงน้อยมาก หรือราคาแทบไม่ขยับไปไหนเลย

หลักการเบื้องต้น

1.เลเวอเรจแบบต่ำ
แม้กลยุทธ์ระยะยาวจะต้องอาศัยการถือ position นานๆแต่เทรดเดอร์จำเป็นต้องใช้เลเวอเรจที่น้อยมากๆ

2.ควบคุม Stop Loss
สมมุติว่าการเทรดคู่เงิน คู่เงินเหล่านั้นบางครั้งก็อาจจะขยับไปเป็น 100 pip ในทุกๆชั่วโมง คุณจึงควรแน่ใจว่า position ที่ถือไว้นั้นจะไม่โดน stop loss ไปเสียก่อน

3.ค่าสวอป (Swap)
ต้องพิจารณาค่าสวอป ถ้าหากคุณตัดสินใจที่จะเทรดระยะยาว โดยคุณจะต้องประเมินค่าใช้จ่ายจากสวอปลบที่อาจเกิดขึ้นได้

4.เทรดด้วยเงินทุนมหาศาล
ถ้าหากอยากเทรดให้ได้กำไรมากๆก็จำเป็นต้องทุ่มเงินลงทุนเทรดมากเช่นเดียวกัน แต่ว่าก็อย่าลืมที่จะคำนวณอัตราผลตอบแทนเป็นตัวช่วยอีกทาง

ข้อดี

1.ผลกำไรที่มากขึ้น
2.เทรนด์มีความแข็งแกร่ง

ข้อเสีย

1.บางทีอาจต้องเผชิญกับการปิด position ก่อนเวลาอันควร
2.ความเป็นไปไดที่จะเปลี่ยนการเทรดที่แพ้ให้กลับมาชนะยาก
3.ต้องมีความรู้ความเข้าใจเรื่องการเทรดและการบริหารเงินทุน
4.อาจจะมีต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก

สวัสดีค่ะ เป็นที่พูดถึงกันทั่วเลยในเรื่องของการจัดตั้งรัฐบาลในตอนนี้ เชื่อว่าเพื่อนๆ ก็ลุ้นกันอยู่ใช่มั้ย แต่ถ้าใครที่เพิ่งเข้ามาเทรด Forex ต้องบอกว่า วันนี้ห้ามพลาด เพราะว่าเรามาแนะนำสเปรดสำหรับมือใหม่หัดเทรด Forex ซึ่ง สเปรด (Spread) คือ ส่วนต่างระหว่างราคาซื้อ (Ask) และก็ราคาขาย (Buy) หรือที่เรียกกันว่าราคา ‘Bid’ และก็ราคา ‘Sell’ นั่นเองค่ะ โดยราคาทั้ง 2 แบบมีข้อแตกต่างกันคือ:

ราคา Bid คือ ราคาซื้อที่ผู้ซื้อต้องการซื้อและผู้ขายสามารถขายได้ทันที
ราคา Ask คือ ราคาขายที่ผู้ขายต้องการขายและผู้ซื้อสามารถซื้อได้ทันที
ข้อควรรู้: ราคา Ask จะสูงกว่าราคา Bid (ค่าเงินอ้างอิงจะอยู่ด้านขวา และค่าเงินหลักจะอยู่ด้านซ้าย)


วิธีอ่านค่าสเปรดแบบง่ายๆ

หากจะให้เข้าใจค่าสเปรดง่ายขึ้น ขอบอกว่าสเปรดก็คือส่วนต่างราคาที่มีหน่วยเป็น Pip นั่นเอง โดยค่า Pip ก็คือหน่วยการเปลี่ยนแปลงของราคาคู่เงินซึ่งส่วนใหญ่จะมีค่าเท่ากับ 0.0001 (บางครั้งอาจมีค่าที่ต่างจากนี้ ขึ้นกับเงื่อนไขและข้อกำหนดของโบรกเกอร์แต่ละเจ้า) โดยคู่เงินหลักทั้งหมดจะมีค่า pip ดังที่กล่าวมา ยกเว้นเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ที่มีค่า Pip เท่ากับ 0.01

ทั้งนี้ ถ้าหากท่านสังเกตเห็นสินทรัพย์ที่มีสเปรดกว้างๆนั่นหมายความว่าส่วนต่างระหว่างราคา Bid แล้วก็ราคา Ask นั้นค่อนข้างมาก ซึ่งตีความได้ว่าสินทรัพย์นั้นมีความผันผวนสูงและมีสภาพคล่องต่ำ แต่ถ้าหากสินทรัพย์นั้นมีสเปรดแคบก็หมายความว่าสินทรัพย์นั้นมีความผันผวนต่ำและมีสภาพคล่องสูง ซึ่งก็มีค่าสเปรดไม่มากนั่นเอง


ประเภทของสเปรด

สเปรดแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ สเปรดคงที่ (Fixed spread) และสเปรดแปรผัน (Variable spread) โดยตราสารแต่ละรายการก็จะมีค่าสเปรดในรูปแบบที่แตกต่างกันไป ตัวอย่างเช่น ดัชนี (Indices) จะมีค่าสเปรดแบบ Fixed spread ในขณะคู่เงิน มักจะมาพร้อมกับสเปรดแบบ Variable spread โดยเมื่อราคาเปลี่ยน ค่าสเปรดก็จะเปลี่ยนเช่นกัน


ข้อดีและข้อเสียของสเปรดคงที่ (Fixed spread):

คำนวณค่าดำเนินการธุรกรรมได้ง่าย
เหมาะสำหรับนักเทรดมือใหม่และมืออาชีพ
ไม่จำเป็นต้องใช้เงินทุนมาก
ไม่ผันแปรตามความผันผวนของตลาด
อาจเกิด Slippage ได้ (ราคาไหลไปแมทช์ที่ราคาอื่นต่างจากที่ตั้งไว้)
Industry-best trading conditions
Deposit bonus
up to 200%
Spreads
from 0 pips
Awarded Copy
Trading platform
Join instantly


ข้อดีและข้อเสียของสเปรดแปรผัน (Variable Spreads):

ไม่มีความเสี่ยงในการ Reqoute
ทำให้เห็นสภาพคล่องของตลาด
ขนาดสเปรดบางทีอาจกว้างกว่าที่คาด
สามารถคาดการณ์ค่าสเปรดได้ยาก
เหมาะสำหรับนักเทรดมืออาชีพเท่านั้น
ที่สำคัญ เทรดเดอร์จะต้องเข้าใจหลักการสำคัญของสเปรดทั้ง 2 แบบก่อนเริ่มเทรดหรือเปิดบัญชีจริง และอย่าลืมเรียนรู้วิธีใช้เครื่องมือตัวช่วยคำนวณค่าสเปรดก่อนเริ่มเทรดด้วยล่ะ

สวัสดีจ้า หลายคนเริ่มเบื่อกับวงจรชีวิต อยากกลับไปอยู่บ้านเป็นนายตัวเองแต่ยังไม่มีทุน เพราะรายได้ไม่แน่นอนเท่างานประจำ แต่ถ้าหากใครที่กำลังคิดลาออกจากงานมาเทรดก็ต้องไม่พลาดวันนี้มาดู เพราะเหตุใดไม่ควร ลาออกมาเทรด Forex แบบเต็มตัว หลายๆคนอาจจะสนใจ ที่ต้องการจะลาออกจากงานประจำเพื่อมา เทรด Forex อย่างเต็มตัว แต่ว่าในบทความนี้พวกเราจะมาทำความเข้าใจว่าเพราะเหตุใดพวกเราไม่ควรที่จะลาออกจากงานประจำ เพื่อมาเทรด Forex อย่างเต็มตัว

 

1. งานประจำไม่ได้แย่นะ ไม่ต้องเลือก
งานประจำก็ไม่ได้แย่นะพวกเราไม่จำเป็นจะต้องเลือก ว่าจะต้องเลือกซ้าย หรือเลือกขวา เราสามารถทำควบคู่กันไปก็ได้

2. ช่วงเวลาน่าเทรด ก็ไม่ใช่ 24 ชั่วโมง
ช่วงเวลาที่น่าเทรดก็ไม่ใช่ 24 ชั่วโมงพวกเราสามารถที่จะใช้เวลาว่างหลังเลิกงานสำหรับการเทรดได้

3. ทำงานประจำไปด้วย อาจช่วยคลาดเครียด
ทำงานประจำไปด้วย อาจช่วยให้เรามีเรื่องคิดเรื่องอื่นๆดีกว่ามาหมกมุ่นคิดวกวนแต่เรื่องสวยตลอดเวลา

4. ห้ามออกเพราะเหตุว่าเบื่อ เพราะว่าการเทรด Forex บางทีอาจจะเบื่อกว่า
ห้ามลาออกจากงานประจำ เพราะมีความรู้สึกว่าเบื่อ เพราะบางครั้งการเทรด Forex ก็จะมีผลให้พวกเรารู้สึกเบื่อมากกว่า เพราะพวกเราไม่ได้ออกไปไหนเลยอยู่แต่บ้าน บางครั้งบางคราวพวกเราอาจจะไม่ได้กำไรด้วยซ้ำ หรืออาจจะขาดทุนด้วย ซึ่งนั่นอาจจะเป็นที่มาของความรู้สึกเบื่อก็เป็นได้

5. ทุนไม่มี
ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยบางครั้งก็อาจจะรู้สึกว่า การลาออกจากงานประจำ จะช่วยทำให้พวกเราสามารถที่จะปั่นพอร์ตให้โตได้ แต่ว่าถ้าเกิดว่าพวกเราไม่มีเงินที่หนาพอไว้สำรองชีพ ห้ามคิดว่าเราจะลาออกเพื่อมาปั้นพอร์ตเด็ดขาด ด้วยเหตุว่าถ้าเกิดว่ามันไม่สำเร็จตามเป้าหมาย เราจะเป็นฝ่ายที่แย่

6. มีหนี้บัตรเครดิต
ไม่ว่าจะหนี้บัตรเครดิตหรือหนี้สินอื่นๆถ้าหากมีหนี้อยู่ ไม่ควรที่จะลาออกจากงานประจำเพื่อมาช่วย เนื่องจากมันจะทำให้เราสูญเสียความเป็นตัวเองในการช่วยได้ เนื่องจากว่าไม่ใช่ทุกเดือนพวกเราจะได้กำไรเสมอ แต่หนี้สินจะดำเนินไปตลอดทุกเดือน ถ้าเรามีค่าใช้จ่ายคงที่ทุกเดือนอย่างคงที่จากหนี้สิน เราห้ามลาออกจากงานประจำที่มีรายได้มั่นคงอยู่แล้วเด็ดขาด เพราะมันเสี่ยงเกินไป

สวัสดีจ้า สถานการณ์การเมืองบ้านเราก็ยังเข้มข้น เป็นที่ติดตามของประชชนกันมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนักลงทุน เพราะการเมืองเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษกิจนั่นเองจ้า ส่วนเพื่อนๆ คนไหนที่เทรด Forex หรือกำลังสนใจเข้าวงการ Forex วันนี้เรามาเอาใจสายเทรด Forex ด้วยการดูแท่งเทียน 4 ประเภทนี้ ช่วยให้การเทรด Forex ดีขึ้น 2023 จะเป็นยังไงไปดูกันเลยจ้า


 

สวัสดีจ้า แม้ในปัจจุบันว่าราคาข้าวของจะขึ้นราคาแทบจะทุกอย่าง แต่การหารายได้ก็จำเป็นที่จะต้องเพิ่มตาม หลายๆ คนก็หันมาเทรด Forex กันเพ ื่อหาเงินเป็นรายได้เสริม และวันนี้เรามาดูเทรด FOREX เวลาไหนทำกำไรได้ดีที่สุด เป็นที่เข้าใจดีว่าตลาด FOREX นั้น เปิดทำการซื้อ-ขาย ได้ตลอด 24 ช.ม. ในวันจันทร์-วันศุกร์ และก็หยุดวันเสาร์-อาทิตย์ โดยหนึ่งในเป้าหมายของนักเทรดคือการหาจุดเข้าออกตลาดที่เหมาะสมสำหรับดีล การหาเวลาที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่เป็นตัวกำหนดว่าจะทำกำไรได้หรือขาดทุน เนื่องจากตลาด FOREX เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แล้วก็กลไกตลาดคือสิ่งสำคัญที่จะต้องทำความเข้าใจ โดยพิจารณาได้จากหัวข้อดังนี้

1.ทำเข้าใจ และศึกษาหลักการของแต่ละช่วงเวลาก่อน
ก่อนที่จะเริ่มเทรด Forex ให้ได้กำไรมากที่สุด เทรดเดอร์ควรที่จะเข้าใจแต่ละช่วงเวลา ว่าช่วงเวลาไหนเหมาะที่จะลงทุนเพื่อได้กำไรมากที่สุด ซึ่งสามารถเอาแนวคิดนี้มาเพื่อให้เกิดเป็นผลกำไรได้อย่างประทับใจและคุ้มค่ามากที่สุด

2.ติดตามช่วงเวลาการเทรด แล้วก็แบ่งโซนเทรดตามความสามารถ
การติดตามช่วงเวลาการเทรด 3 ช่วงของกิจกรรมที่ได้รับความนิยมสูง ได้แก่ ช่วงเวลาของยุโรป เอเชีย รวมทั้งอเมริกาเหนือ อาจเรียกว่าช่วงเวลาลอนดอน โตเกียว และก็นิวยอร์ก ตามศูนย์กลางทางการเงินของแต่ละภูมิภาค ช่วงเวลาการเทรดใน 3 ภูมิภาคเหล่านี้จะมีกิจกรรมการซื้อขายในตลาดสูงขึ้น เพราะว่าธนาคารแล้วก็องค์กรส่วนใหญ่เปิดทำการทุกวัน ลองมาดูกันที่การเทรดของแต่ละช่วงเวลา

- ช่วงเวลาเอเชีย
ในเวลาเอเชียจะเริ่มที่เวลา 23:00 น. GMT จนถึง 8:00 น. GMT โดยมีประเทศญี่ปุ่น จีน ประเทศออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ดังนั้น กรอบเวลาของช่วงเวลาตลาดดังกล่าวจะขยายเกินชั่วโมงทำการของโตเกียว ช่วงเวลาเอเชียอาจกำหนดแนวโน้มสำหรับช่วงเวลาอื่นที่จะตามมา ดังนั้น จำเป็นต้องจับตาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างชั่วโมงเหล่านั้น เพราะว่าเกี่ยวข้องกับตลาดเอเชีย คู่สกุลเงินที่มี JPY อาจมีความผันผวนเพิ่มขึ้น

- ช่วงเวลายุโรป
หนึ่งในปัจจัยหลักเกี่ยวกับช่วงเวลานี้คือซ้อนทับกับช่วงเวลาเอเชียในตอนเช้าและช่วงเวลาอเมริกาในตอนเย็น เริ่มที่เวลา 7:00 น. GMT จนถึง 16:00 น. GMT โซนเวลานี้เกี่ยวข้องกับตลาดการเงินใหญ่หลายแห่ง เช่น ลอนดอน แฟรงค์เฟิร์ต ปารีส และมอสโก คู่สกุลเงินยอดนิยมภายในช่วงเวลานี้ เช่น GBP และ EUR ซึ่งมักจะมีความผันผวนเพิ่มขึ้น

- ช่วงเวลาอเมริกา
แต่ช่วงเวลาการเทรดนิวยอร์กไม่ได้มีเพียงแค่อเมริกา แต่ว่ายังรวมถึงบราซิล ประเทศเม็กซิโก แคนาดา เริ่มที่เวลา 12:00 น. GMT (เที่ยง) จนถึง 20:00 น. GMT การซ้อนทับของตลาดอเมริกาและก็ยุโรปทำให้ราคาคู่สกุลเงินมีความผันผวนมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น EUR/USD เนื่องจากกิจกรรมการเทรดที่สูงขึ้น

3.ติดตามข่าวสารforexสำคัญอยู่ตลอดเวลา
การติดตามข่าวและใช้ปฏิทินเศรษฐกิจ เพื่อค้นหาโอกาสติดตามช่วงเวลาการเทรดบางทีอาจยังไม่เพียงพอ เพราะว่าสิ่งสำคัญคือเข้าใจที่มาและก็เหตุผลที่สินทรัพย์มีความผันผวนเพิ่มขึ้นหรือลดลง โดยข่าวที่เราติดตามในตลาด FOREX จะเป็นจำพวก “ข่าวสาร Forex” ,”ปฏิทินข่าว Forex” หรือ “ปฏิทินเศรษฐกิจ”

เพราะสิ่งที่เราติดตามในข่าวอาจเป็นปัจจัยเศรษฐกิจระดับภูมิภาคแล้วก็ประเทศ อาทิเช่น อัตราดอกเบี้ยนโยบาย นโยบายภาษี อัตราเงินเฟ้อ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของอเมริกา และก็อื่นๆสภาพอากาศที่สำคัญ การประท้วง หรือข้อความ twitter ใหม่จากประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดสามารถมีผลต่อตลาดได้เป็นอย่างมาก ซึ่งการมองภาพรวมรวมทั้งการเชื่อมต่อระหว่างเหตุการณ์สามารถช่วยให้นักเทรดวางแผนดีลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เพราะฉะนั้น จึงไม่มีคำตอบที่ถูกต้องสำหรับคำถามที่ว่า “เทรดตอนไหนเหมาะสมที่สุด” เนื่องจากว่าขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆมากมาย คำตอบของคำถามนี้อาจแตกต่างกัน โดยขึ้นอยู่กับวิธีการเทรด กรอบในตอนที่เทรด และตลาดที่เทรด การติดตามตลาดและการติดตามข่าวเป็นลักษณะนิสัยที่มีประโยชน์มากสำหรับทั้งนักเทรดมือใหม่ รวมไปถึงนักเทรดที่มีประสบการณ์

สวัสดีจ้า เพื่อนๆ คนไหนที่อยากออกจากเซฟโซนเซฟใจ เพื่อหาสิ่งใหม่ๆให้กับตัวเอง หรือใครที่มีทุนเงินเย็น อยากลองหารายได้เสริมจาก Forex วันนี้มาดู กลยุทธ์สำหรับในการซื้อขายระหว่างวัน

ระยะเวลาที่แนะนำ M30

กลยุทธ์นี้ขึ้นอยู่กับการใช้งานสองตัวชี้วัดคือ Williams Percent Range และ Zig Zag โดยการดำเนินการเทรดมักทำกันภายในวันเดียว


ตราสารการซื้อขายหลักคือ EUR/USD หรือ GBP/USD เพื่อที่จะได้รับสัญญาณเราจะต้องมีการตั้งค่าสำหรับตัวชี้วัดต่อไปนี้

Zig Zag: Depth (60), Deviation (5), Backstep (3)
Williams Percent Range: Period (80)


Take Profit และ Stop Loss

ระดับของ Take Profit: 40 จุด
ระดับของ Stop Loss: 18 จุด


จังหวะ Short

– ตำแหน่ง Short ควรจะเปิดออเดอร์เมื่อตัวชี้วัด Williams Percent Range เข้ามาใกล้ระดับศูนย์
– ในช่วงเวลาที่ Zig Zag ถึงค่าราคาที่สูงกว่าก่อนหน้า ซึ่งหมายถึงอาจจะมีการกลับตัวและเป็นสัญญาณ Short




จังหวะ Long

– ตำแหน่ง Long ควรจะเปิดเมื่อตัวชี้วัด Williams Percent Range เข้ามาใกล้ระดับ (-100)
– ในขณะที่ Zig Zag ถึงค่าราคาที่ต่ำกว่าก่อนหน้า ซึ่งหมายถึงอาจจะมีการกลับตัวและเป็นสัญญาณ Long