แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - นักศึกษา22

หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 14
31
หัวข้อนี้ไม่ค่อยอยากพูดถึงเท่าไหร่ แต่ แต่ ก็มีความจำเป็นที่ต้องกล่าวถึง เอาล่ะ เรามาดูกันถึง เทคนิคการล้างพอร์ต forex แบบขั้นเทพ! ว่าจะเป็นอย่างไร

เทคนิคการเทรด forex ล้างพอร์ตให้สำเร็จ แม้ว่าเงินในพอร์ตจะเยอะแค่ไหนก็ตาม

วิธีการเทรด forex ล้างพอร์ตแบบขั้นเทพ
--ให้เลือก Broker ที่ใจดี ที่ให้ Leverage เราสูงๆ เพราะเราจะวางเดิมพันแต่ละไม้ ได้สูงกว่าจำนวนเงินที่เรามีอยู่จริง ซึ่งโบรกเกอร์ใจดีมีเยอะแยะ และหาไม่ยาก มันช่างดีจริงๆ!!!
--เทรด Lot ให้หนักๆ เกินกว่าทุนที่คุณมีอยู่เข้าไว้ จะได้หรือจะเสีย จะได้วัดกันไปเลยเร็วๆ ยิ่งได้เสียเร็วมากเท่าไหร่ เรายิ่งบรรลุเป้าหมายได้เร็วขึ้นเท่านั้น
--“Trend is our enemy” คือ Method การเทรดหลักของเรา โดยให้เราพยายามซื้อสวนทางกับเทรนให้มากๆเข้าไว้ เช่น ถ้าเทรนมันลง คุณจะต้อง ช้อนซื้อขึ้นถัวๆเข้าไปเยอะๆ เพราะศัตรูของเราคือ “เทรน” อะไรที่คนเค้านิยม เราไม่เทรด! เราต้องพยายามเทรดแบบขวางโลกเข้าไว้ นี่หละใช่เลย!!!
--มีกำไรต้องรีบตัดไวๆ เพราะถ้าขืนทนถือกำไรนานๆ กำไรมันจะงอกเงย เงินเราก็จะไม่หมดพอร์ตซักที เคล็ดลับง่ายๆคือ ให้บอกกับตัวเองทุกครั้งที่มีกำไรว่า “เนยจะไม่ทน”
--ขาดทุนต้องทนถือให้ได้นานๆ โดยคุณสามารถบอกกับตัวเองทุกครั้งได้ว่า “สีทนได้” หรือ “สู้ต่อไปทาเคชิ” หรือ “ต้องมีซักวันที่เป็นของเรา”
--ศึกษาการเทรด Forex ให้น้อยๆเข้าไว้ โดยให้คิดว่าตัวเองนั้นเก่งอยู่แล้ว เลยไม่จำเป็นต้องไปหาความรู้อยู่บ่อยๆ เพราะความรู้นั้น เป็นสิ่งที่อันตราย เพราะมันจะทำให้คุณมีกำไรได้
--แนวคิดแบบนักลงทุนแท้ๆ คือสิ่งที่อันตรายอีกสำหรับเรา เพราะพวกนั้น เค้าจะเน้นไปในเรื่องการบริหารความเสี่ยงเป็นหลัก ซึ่งนั่นก็จะทำให้เรามีกำไรในระยะยาวอีกเช่นเดียวกัน
--แนวคิดแบบนักพนัน คือสุดยอดแนวทางในการบรรลุเป้าหมายการล้างพอร์ต เพราะถ้าเราคิดแบบนักพนัน นักพนันจะไม่สนใจบริหารความเสี่ยงมากมายนัก แต่จะเน้นไปที่พยายามสร้างกำไรให้สูงสุด และรวดเร็วเป็นหลัก โดยเราต้องพยายามเน้นทำกำไรให้หวือหวาและฉาบฉวยเข้าไว้ พยายามตั้งเป้าหมายกำไรต่อวัน ต่ออาทิตย์ให้สูงๆเข้าไว้ เรื่องความเสี่ยงนั้นช่างหัวมัน นี่แหละสุดยอดเลย!!! (แนะนํา)

หรือคุณอาจจะบอกตัวเองเสมอว่า “ขาดทุนแค่นี้น้อยไป เงินในพอร์ตยังเหลืออีกมากมาย เราต้องอดทนถือออเดอร์ที่ขาดทุนให้นานขึ้น หากคุณสามารถทำข้อนี้ได้อย่างมีวินัย และสม่ำเสมอ
ใช่แล้วครับ คุณกำลังเดินมาถึงจุดสุดยอดของ “การเทรด forex ล้างพอร์ตขั้นเทพ” แล้ว

แนะนำการเตรียมตัวก่อนล้างพรอตแบบไม่เหลือซาก

1. มาม่า (กรณีเงินช๊อตสุดๆ อย่างน้อยจะได้ปะทังชีวิตได้)
2. หางานประจำสำรองไว้ล่วงหน้า (เงินทุนที่สะสมหมดไป ต้องกลับไปทำงานประจำ เพื่อหาเงินมาล้างพอร์ตใหม่ในรอบหน้า)
3. บอกพ่อแม่ หรือแฟนไว้ล่วงหน้า ว่าให้เตรียมใจไว้ถ้าเราดูเครียดๆ ไม่พูดไม่จากับใคร หรือหายตัวไปไม่กลับมา ก็ให้ช่วยกันออกไปตามหาด้วย

32
นักเทรด ค่าเงิน Forex ชาวอเมริกัน Rudy Leder

สิ่งที่ผมอยากจะบอกคือ การเทรดฟอร์เร็กซ์ไม่ใช่เรื่องง่าย หลายๆครั้งที่เราเสียเงิน เราจะรู้สึกว่าเราโดนโกง

หรือมีใครบางคนกาลังหลอกลวงเพื่อเอาเงินจากกระเป๋าเราอยู่ แต่ความจริงแล้วที่เราเสียเงินนั้นมันเป็นเพราะตัวเราเอง จำไว้ว่าเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จหลาย ๆ

คนไม่ได้ฉลาดกว่าเรา พวกเขาไม่ใช่อัจฉริยะมาจากนอกโลก แต่ความจริง ก็คือ ยิ่งคุณทุ่มเทมากเท่าไหร่ คุณยิ่งเข้าใกล้การเป็นเทรดเดอร์ที่ดีมากขึ้นเท่านั้น เพราะฉะนั้นอย่ารีบ เพราะว่างานนี้ ต้องการการอุทิศตนและการทุ่มเทอย่างหนัก!!!!

Rudy Leder เทรดเดอร์ค่าเงินชาวอเมริกัน เรื่องราวความเป็นมาของเขาไม่ได้มีอะไรแปลกพิศดาร จุดเริ่มต้นของเขาไม่ได้ต่างไปจากเทรดเดอร์หลายๆคนที่เข้าสู่วงการเทรด เริ่มแรกเขาเพียงต้องการหางานอิสระให้กับตัวเอง เพราะรู้สึกเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานประจำที่ต้องทำมากกว่า 60 ชั่วโมงต่ออาทิตย์เพื่อทำให้คนอื่น (นายจ้าง) รวย ซึ่งถ้าเขาอยากได้เงินเพิ่มเขาก็ต้องทำโอที แต่นั่นก็ไม่ทำให้ตำแหน่งของเขาปรับขึ้น งานของเขา มันเป็นงานที่คนอื่นๆเรียกมันว่า ”งานที่ไร้อนาคต” ตอนนั้นเขายังเด็กและไม่ได้มีเงินเก็บเลย แต่เขามีบางอย่างที่หลายคนไม่มี เขามีความกล้าที่จะออกไปจากสถานการณ์แบบนั้น พร้อมด้วยแรงผลักดันอันแรงกล้าจากภายใน และเนื่องจากเขามีความหลงใหลในตลาดเงินเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดังนั้น เขาจึงรู้ทันทีว่าอะไรคือสิ่งที่เขาต้องการจะเป็น

ในช่วงแรก เขาเสียเวลาส่วนใหญ่ไปกับความพยายามคิดหาหนทางที่จะเอาชนะตลาดให้ได้ แล้วในที่สุดเขาก็ได้รู้ว่า สิ่งที่เขาพยายามอยู่นั้นมันไม่ต่างอะไรกับการไม่ได้ทำอะไรเลย!!!
หลังจากนั้น เขาตั้งหน้าตั้งตาอ่านทุกสิ่่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับการเทรดค่าเงิน ทั้งจากหนังสือ อินเตอร์เน็ต มันมีสิ่งที่ต้องอ่านมากมายจริงๆ ทั้งหมดที่เขาทำ เขานั่งศึกษาและเรียนรู้มันอยู่ที่บ้านของเขา ไม่ต้องมีเจ้านาย ไม่ต้องมีต้นทุน มันเป็นอะไรที่ใครๆ ก็ทำได้ “ผมตื่นเต้นมากจริงๆ ในตอนนั้น ผมจึงลองเปิดบัญชี Demo และโหลดโปรแกรม MT4 มาเทรด โดยผมดูวิธีเทรดจาก YouTube เป็นส่วนใหญ่” หลังจากนั้นเป็นต้นมา เขาก็เทรดค่าเงินเป็นอาชีพมาตลอดเป็นเวลากว่า 3 ปีแล้ว ในช่วงแรก เขาไปลงเรียนกับอาจารย์สอนเทรดหลายๆคน พอเรียนจบกับคนนี้ก็ไปเรียนต่อกับคนนั้น ไปเรื่อยๆ จนในที่สุดเขาก็เริ่มคิดได้ว่า จริงๆแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คุณจะต้องช่วยเหลือตัวเอง เรียนรู้ด้วยตัวเอง เพราะทุกคนมีมุมมอง วิธีคิดหรือปรัชญาในการมองตลาดที่แตกต่างกัน ดังนั้น คุณจำเป็นต้องค้นหาวิธีเทรดด้วยตัวของคุณเอง คนที่ช่วยสอนเทรดส่วนใหญ่จะให้คุณได้มากในเรื่องของ basic เกี่ยวกับตลาดค่าเงิน และทำให้คุณเข้าใจภาพรวมของตลาดรวมถึงปัจจัยที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จในการเป็นเทรดเดอร์ แต่สุดท้ายแล้ว คุณจะเทรดอย่างไร คุณต้องหามันเอง!!!!!!
“แต่อย่างไรก็ตาม ผมยังเชื่อว่าอาจารย์สอนเทรดเก่งๆ ก็มีอยู่บ้าง แม้จากประสบการณ์โดยตรงของผมที่เป็นทั้งผู้เข้าเรียนและผู้สอน ผมรู้สึกว่าคนที่เข้าเรียนได้รับประโยชน์จากการอบรมเพื่อจะเป็นเทรดเดอร์อิสระไม่มากนัก สถาบันอบรมเหล่านี้ จะแสดงผลกำไรให้คุณเห็นว่าเขาสามารถสร้างผลตอบแทนเป็นรายวัน รายสัปดาห์ที่เหลือเชื่อ จนคุณอดใจไม่ไหวต้องจ่ายเงินค่าเรียนเทรดให้พวกเขาจำนวนมาก ในความเห็นของผมโดยสัตย์จริง ผมมองว่าถ้าผู้สอนเหล่านี้รู้จริงเกี่ยวกับการเทรดค่าเงิน และสามารถบอกผู้เรียนได้ถึงอุปสรรคต่างๆ ในการเทรดได้อย่างครบถ้วน ก็น่าจะมีคนที่ประสบความสำเร็จในการเทรดมากกว่านี้”
คุณคิดว่าในการสอนของผู้สอนเทรดส่วนใหญ่ ขาดอะไรไปบ้าง
“อืม ผมเชื่อว่าผู้สอนเทรดเหล่านั้น รู้สึกว่าเขาควรจะต้องสอนทุกอย่างให้แก่นักเรียนของเขามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้นักเรียนเหล่านั้นได้ข้อมูลคุ้มค่ากับค่าเล่าเรียน แต่สุดท้ายผู้สอนมักจะให้บทเรียนที่มากเกินไปจนนักเรียนของเขาไม่สามารถรู้อะไรได้อย่างถ่องแท้เลยสักอย่าง” เวลาที่เรียนอะไรก็ตามเกี่ยวกับวิธีหรือหลักการที่จะทำให้ประสบความสำเร็จในการเทรดนั้น คุณไม่ได้ต้องการน้ำน้ำหรอก สิ่งที่คุณต้องการคือเนื้อแท้หรือแก่นจริงๆ ที่จะได้ใช้ในการเทรดเท่านั้น เพราะสุดท้ายแล้ว อะไรก็ตามที่อาจารย์พยายามจะยัดเยียดให้ คุณไม่เคยได้ใช้มันหรอก คุณต้องจำไว้ว่า “น้อยดีกว่ามาก” แต่คุณต้องรู้ไอ้ที่น้อยๆ นั้นอย่างลึกซึ่ง นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จในการเทรด
ถ้าคุณยังนึกภาพไม่ออกเกี่ยวกับสิ่งที่ผมพยายามจะสื่อ ขอให้คุณจินตนาการว่า ด้วยเงิน $19.99 ระหว่างการกินไก่ KFC 20 ชิ้น กับ การกิน 3 ชิ้น ในข้อแม้ว่าคุณต้องกินให้หมดเท่านั้น อันไหนมันดีกว่ากันสำหรับคุณ???

33
ตำนานนักเทรด Forex Martin Schwartz กับกลยุทธ์การเทรด



สิ่งที่ทำให้ Martin Schwartz ประสบความสำเร็จในการเป็นเทรดเดอร์ หลังจากล้มเหลวมานานกว่า 10 ปี นั้น ผู้เขียนเชื่อว่าเกิดจากปัจจัยที่สำคัญสองอย่าง อย่างแรก คือเขาค้นพบวิธีการที่เหมาะกับเขา ตลอดช่วงเวลาที่เขาขาดทุน เขาใช้การวิเคราะห์ด้วยปัจจัยพื้นฐานในการตัดสินใจเข้าเทรด จนเมื่อเขาได้รู้จักกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคจึงทำให้เขาเริ่มทำกำไรได้ แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ว่าการวิเคราะห์ทางเทคนิคจะดีกว่าการวิเคราะห์ทางพื้นฐาน สิ่งสำคัญมันคือ การวิเคราะห์ทางเทคนิคมีความเหมาะสมกับตัวตนของเขาต่างหาก!!!! ดังนั้น สิ่งสำคัญอันดับแรกที่คุณต้องมีก็คือคุณต้องหาวิธีที่เหมาะสมกับตัวคุณให้เจอก่อน

สำหรับปัจจัยอย่างที่สอง ซึ่งเป็นเบื้องหลังความสำเร็จของ Schwartz ก็คือ การเปลี่ยนทัศนคติของตัวเอง เขาเริ่มประสบความสำเร็จในการเก็งกำไรหลังจากที่เขาต้องการทำเงินมากกว่าต้องการที่จะเป็นฝ่ายถูก คนส่วนใหญ่ยินดีจะเสียเงินเพื่อจะเป็นฝ่ายถูก (คือเลือกที่จะไม่ cut loss) การเทรดของ Schwartz จึงออกมาในรูปแบบของการเน้นควบคุมความเสี่ยงเป็นสำคัญ เขาจะลด volume ในการเทรดหลังจากการขาดทุนอย่างมาก รวมถึงลด volume เทรดเช่นกันหลังจากได้กำไรมหาศาล เพราะเขามีประสบการณ์ขาดทุนอย่างมากหลังจากการได้กำไรก้อนโต เขาบอกว่าหลังจากการได้เงินหรือเสียเงินจำนวนมากๆ จะทำให้การควบคุมเกมส์การเทรดและการควบคุมอารมณ์ของเราสูญเสียไปบางส่วน การลด volume เทรดลงจะช่วยให้เรากลับมาอยู่ในเกมส์ของเรามากขึ้น

คำแนะนำสำหรับมือใหม่
“ผมอยากจะให้มือใหม่ที่กำลังจะก้าวเข้ามาในอาชีพนี้ทุกคน คิดและเชื่อว่าคุณทำได้ คุณสามารถประสบความสำเร็จในการเป็นเทรดเดอร์ได้มากกว่าที่คุณฝันไว้ เพราะนั่นมันเป็นสิ่งที่เกิดกับผม ผมมีอิสรภาพทั้งด้านการเงินและการใช้ชีวิต ผมอยากไปไหนก็ได้ที่ผมต้องการ ลูกๆ ของผมคิดว่าที่ทำงานของพ่อของพวกเค้า คือ บ้านของเรา”

“สิ่งที่จะทำให้คุณเป็นเทรดเดอร์ที่ดีขึ้น คือ คุณต้องเรียนรู้ที่จะขาดทุน สิ่งสำคัญในการทำกำไรก็คืออย่าปล่อยให้การขาดทุนมันบานปลาย นอกจากนี้ อย่าพยายามเพิ่ม volume การเทรด จนกว่าคุณจะสามารถดับเบิลพอร์ตของคุณได้ คนส่วนใหญ่มักทำผิดพลาดโดยการพยายามเพิ่ม volume ในการเทรดทันทีที่เขาเพิ่งเริ่มจะที่จะมีกำไร และนั่นเป็นหนทางแห่งหายนะที่ทำให้เค้าเหล่านั้นต้องเดินออกไปจากตลาดแห่งนี้อย่างรวดเร็ว”

จุดเริ่มต้นของ Martin Schwartz
หลังจากเรียนจบจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย Schwartz เริ่มต้นการทำงานที่ US Marine Corp. หลังจากนั้นเขาตัดสินใจลาออกไปเป็นนักวิเคราะห์ให้กับโบรกเกอร์แห่งหนึ่ง ในช่วงที่เขาทำงานอยู่ เขาเริ่มเรียนรู้การลงทุนในตลาดหุ้น แต่เขาก็ประสบความล้มเหลวตลอดในช่วงเวลา 10 ปีแรก จนเกือบจะต้องล้มละลายในช่วงปี 1970

หลังจากนั้น เขาได้ค้นพบหนทางของตัวเอง คือหนทางในการเก็งกำไรโดยใช้เทคนิคคอล เขาค้นพบวิธีที่เหมาะสมกับตัวเอง จนในที่สุด เขาจึงตัดสินใจลาออกจากงานในขณะที่มีเงินเก็บทั้งหมด $110,000 เขาใช้เงิน $92,500 จ่ายเป็นค่าที่นั่งใน floor ที่ตลาด American Stock Exchange ทำให้เขาเหลือเงินเพียง $20,000 เขาจึงต้องหยิบยืมเงินจากคนอื่นอีก $50,000 ทำให้เขามีเงินในการเริ่มต้นเทรดทั้งสิ้น $70,000

“ผมเริ่มต้นด้วยการขาดทุนในสองวันแรก ในการเทรด Option แต่หลังจากนั้นผมก็ทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง หลังจาก 4 เดือนแรก ผมได้กำไร $100,000 ครบปีผมทำเงินได้ถึง $600,000 และ $1,200,000 ในปีถัดมา”

“หลังจากนั้นผมตัดสินใจหันไปเก็งกำไรในตลาด future แทน ด้วยเหตุผลว่าตลาด option เริ่มเล็กไปสำหรับผมและผลประโยชน์ด้านภาษีในช่วงเวลานั้น การเทรด future ทำเงินให้ผมจาก $40,000 เป็น $20 ล้านในช่วงที่ผ่านมา โดยไม่เคยมีช่วงเวลา drawdown มากกว่า 3% นั่นเป็นสิ่งที่ผมภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก”

Martin Schwartz สุดยอดเซียนหุ้นระดับตำนาน ด้วยผลงานการเทรดของเขาที่ไม่ธรรมดา ในปีแรกของการเป็นเทรดเดอร์ เขาสามารถทำเงินได้ถึง $600,000 และเบิ้ลเป็นสองเท่าในปีถัดมา Schwartz เปิดเผยว่าเขาเคยทำเงินได้ถึง $70,000 ในการเทรดเพียงหนึ่งวัน!!!!!!! นอกจากนี้ เขายังได้ตำแหน่งแชมป์การเทรดในรายการ U.S. Investing Championship เมื่อปี 1984 ซึ่งถือเป็นรางวัลอันทรงเกียรติสำหรับเหล่าบรรดานักเล่นหุ้นชาวอเมริกันเลยทีเดียว !!

ผลงานการเทรดของเขายังคงเป็นตำนานให้เทรดเดอร์รุ่นใหม่ๆ กล่าวถึงอยู่เสมอ ก็ลองคิดดูสิจะมีซักกี่คนบนโลกใบนี้ที่ทำกำไรเฉลี่ยต่อปีจากการเล่นหุ้นได้ถึงเกือบ 100% ต่อปี ย้ำนะว่าต่อปี และเป็นช่วงเวลายาวนานถึงกว่า 10 ปีอีกด้วย สิ่งนี้เองทำให้เขาได้รับการกล่าวขานให้เป็น ตำนานของตำนาน! ของบรรดาเหล่านักเล่นหุ้นระยะสั้นสำหรับชาวอเมริกัน!!!!!

Martin Schwartz ได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับการเล่นหุ้นออกมาหลายต่อหลายเล่ม ซึ่งหนังสือที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลย ก็คือหนังสือขายดีอย่าง Market Wizards หนังสือที่ได้รวบรวมบทสัมภาษณ์ของบรรดาเหล่าเทรดเดอร์จากทุกตลาด มาเปิดเผยเทคนิค วิธีการ และแนวคิดในการเล่นหุ้นให้ประสบความสำเร็จในแบบฉบับของแต่ละคน ซึ่งไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนสไตล์ใด ไม่ว่าคุณชอบหุ้น ฟิวเจอร์ ค่าเงิน หรือ Commodities ก็แล้วแต่ หนังสือเล่มนี้เหมาะกับคุณแน่นอน ส่วนอีกเล่มที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คือหนังสือที่สร้างชื่อให้เขามากที่สุดที่ชื่อว่า Pit Bull : Lessons from Wall Street’s Champion Day Trader ซึ่งเป็นการบอกเล่าเรื่องราวบนเส้นทางชีวิตการเป็นเทรดเดอร์อิสระของเขา ทั้งด้านความสำเร็จและความล้มเหลวให้เหล่ามือใหม่ได้เรียนรู้ก่อนลงสนามจริง


หลักการเทรดของ Schwartz คือเขาจะพยายามทำกำไรให้เป็นบวกในทุกๆเดือน เขาเผยว่าเขาเคยพยายามที่จะทำกำไรให้ได้ทุกๆวัน และเขาก็พบว่ามันบ้ามากที่จะคิดแบบนั้น เพราะมันแทบเป็นไปไม่ได้เลย แต่ในทุกเดือนเขาสามารถทำกำไรได้ประมาณ 90% ของจำนวนวันที่เทรดทั้งหมด ซึ่งนั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา

นอกจากนี้เขาได้พูดถึงสาเหตุที่คนส่วนใหญ่ในตลาดขาดทุน ว่าเป็นเพราะคนส่วนใหญ่ชอบที่จะเสียเงินมากกว่ายอมรับว่าตัวเองผิด พวกเขาต้องการจะปกป้อง ego ของตัวเอง แต่สำหรับ Schwartz เขาบอกว่าเขาสามารถทำกำไรจากตลาดได้ ตั้งแต่ที่เขาสามารถพูดกับไอ้เจ้า ego ของเขาว่า การทำเงินสำคัญมากกว่ามัน และเขาไม่มีวันยอมเสียเงินซักแดงเดียวเพื่อที่จะปกป้อง ego เด็ดขาด !!!!

34
เทคนิคการเทรดสั้น สไตล์ Haji Warithu เทรดเดอร์ค่าเงินชาวบรูไน

ข้อแนะนำสำหรับมือใหม่

คุณต้องหวังที่จะเก็บแค่วันละ 10 PIP ก็พอ ทำไมต้องเก็บ PIP น้อยๆ ก็เพราะว่าแท้จริงแล้วการที่คุณหวังที่จะเก็บ PIP น้อยๆ อย่าง 10 PIP นั้นมันเป็นอะไรที่ง่ายและมีความเป็นไปได้ในการเทรดของคุณ แต่คุณอาจจะรู้สึกว่า 10 PIP สำหรับคุณมันน้อยเกินไป คุณหวังว่าจะได้วันละ 50 PIP คำถามก็คือ ถ้าวันนี้คุณยังขาดทุนอยู่ ไอ้ 50 PIP ที่คุณหวังมันคงไม่มีความหมายอะไรหรอก คุณควรต้องเริ่มคิดใหม่แล้วล่ะว่าการได้ 10 PIP ต่อวันมันดีกว่าการขาดทุนเพราะหวังจะได้ 50 PIP จริงไหม ก็ในเมื่อการได้ 50 PIP มันยากกว่าการได้ 10 PIP แล้วทำไมในช่วงเริ่มต้น คุณถึงไม่เลือกทำในสิ่งที่ง่ายล่ะ??

อีกอย่างหนึ่ง ก็คือ คุณต้องวางแผนการเทรด เพราะนั่นเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้คุณไม่เทรดโดยใช้อารมณ์และความโลภ เชื่อเหอะว่ามันจำเป็นหากคุณอยากจะดำรงชีพด้วยการเป็น freedom trader


Warithu เทรดเดอร์ค่าเงินอิสระชาวบรูไน เขาตัดสินใจออกจากงานประจำเพื่อเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพ ด้วยเหตุผลที่ไม่ต่างจากเทรดเดอร์อิสระหลายๆคน ที่ต้องการมีเวลาให้กับครอบครัว และต้องการใช้ชีวิตของตัวเองได้อย่างที่ใจต้องการมากขึ้น

ก่อนที่ Haji จะมาเป็นเทรดเดอร์อิสระ เขาทำงานในบริษัทขนส่งก๊าซ LNG (liquified natural gas) แห่งหนึ่งในประเทศบรูไน งานของเขาจะต้องเดินทางอยู่ในทะเลตลอดเป็นเดือนๆ เขาไม่ค่อยมีเวลาให้กับครอบครัวเท่าไหร่นัก จนในกระทั่งวันหนึ่ง ระหว่างที่เขาเดินทางอยู่กลางทะเลจากบรูไนไปยังประเทศญี่ปุ่นเพื่อขนส่งก็าซ LNG เหมือนดังเคย เขาเริ่มมีอาการผิดปกติบางอย่าง สุดท้ายเขาพบว่าเขาเป็นมะเร็ง !!!!! และสิ่งนี้ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาไปอย่างสิ้นเชิง

Haji ตัดสินใจลาออกจากงาน และใช้เวลาอยู่ที่บ้านเพื่อเทรด forex แทน โดยเขาได้เรียนรู้การเทรด forex มาจาก Rob Booker เทรดเดอร์อิสระ ผู้เขียนหนังสือ The adventure of the currency trader โดยสำหรับเขาแล้ว Rob booker เป็นแรงบันดาลใจให้เขาก้าวเข้ามาสู่อาชีพเทรดเดอร์อิสระเป็นอย่างมาก

ตอนนี้ Haji มีรายได้จากการเทรด forex เพียงอย่างเดียว การเทรดได้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและทุกๆอย่างในชีวิตของเขา เขารักงานนี้ มันเป็นอะไรที่สุดยอดมากเมื่อคุณได้ทำงานที่ตัวเองรักและมันให้ผลตอบแทนที่ดีกับคุณไปพร้อมๆกัน

เทคนิคการเทรดของ Haji

เขาเปิดเผยว่าเขาจะเน้นการเทรดสั้นๆ เข้าในจังหวะที่มั่นใจ และมีการวาง Stop loss ทุกครั้ง โดยในช่วงเริ่มต้นการเทรด เขาพยายามฝึกเทรดในจำนวน lot น้อยๆ แล้วค่อยๆเพิ่ม lot ขึ้นไปเรื่อยๆ ในจุดนี้ เทรดเดอร์มือใหม่ต้องระวัง จำไว้ว่า ในช่วงที่เพิ่งเริ่มทำกำไรได้ คุณต้องรักษาวินัยและระบบเทรดของตัวเองเอาไว้ให้มีความสม่ำเสมอ อย่าพยายาม overtrade ในช่วงเริ่มต้น คุณต้องค่อยๆก้าว จำไว้ว่าความสำเร็จนั้นมีขั้นตอน คุณเข้ามาในตลาดแห่งนี้เพื่อจะทำกำไรจากมัน ไม่ได้จะมาเป็น super star ในวงการ เพราะฉะนั้น คุณไม่ต้องเร่งจังหวะของตัวเองเกินไป เพราะการเร่งจังหวะ และการเพิ่ม lot ในขณะที่จิตใจคุณยังไม่พร้อมกับเงินที่ใหญ่ขึ้น นั่นจะทำให้คุณหมดตัวในตลาดแห่งนี้แม้คุณจะเทรดถูกทางก็ตาม

Time Frame ที่ใช้

เนื่องจากสไตล์การเทรดของเขาเป็นแนว Scalper เน้นเก็บ PIP สั้นๆ ดังนั้น เขาจึงเลือกที่จะใช้ TF 15 นาทีในการเข้า order แต่เขาก็เผยว่าคุณจำเป็นต้องตรวจสอบสัญญาณที่ตรงกันใน TF ที่ใหญ่กว่าอย่าง 1 ชั่วโมง หรือ 1 วัน ด้วยในการเข้าเทรด เพื่อลดโอกาสความผิดพลาด การเทรดตามแนวโน้มเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยป้องกันคุณจากความเสียหายที่รุนแรงได้

อย่างไรก็ตาม เขาเปิดเผยว่าทุกวันนี้ สไตล์การเทรดของเขาเปลี่ยนแปลงไปจากในช่วงแรกเล็กน้อย โดยเขาจะให้ความสำคัญกับ TF ที่ใหญ่กว่าเดิม และตั้ง target มากขึ้นพอสมควร โดยการเข้า order เขาชอบที่จะตั้ง pending order ไว้ที่แนวรับแนวต้านที่เขาวิเคราะห์ไว้ และก็ตั้ง Stop loss เผื่อไว้ รวมถึงวางแผนไว้ล่วงหน้าทั้งหมดว่าจะออกที่ตรงไหน

สำหรับระบบการเทรดของเขานั้น Haji เผยว่ามันเป็นอะไรที่เรียบง่าย ไม่มีอะไรซับซ้อน โดยเขาจะใช้ indicator ไม่กี่ตัว ก็คือ Bollinger Band, CCI และ supply demand โดยการเข้า order ที่ปลอดภัยก็คือ คุณจะเข้าซื้อที่แนวรับแนวต้านเท่านั้น เขาให้เหตุผลที่ออกแบบระบบให้เรียบง่ายนั้นเพราะเขาเชื่อว่าจริงๆทุกระบบสามารถทำกำไรได้ ดังนั้นคุณจะเลือกใช้ที่มันยากๆทำไม เพราะแท้จริงๆแล้ว คุณจะได้กำไรหรือไม่ ตัวระบบเทรดนั้นมีผลค่อนข้างน้อย สิ่งที่สำคัญคือระบบความคิดที่ถูกต้อง วินัย และ money management ต่างหากที่จะตัดสินว่าคุณจะอยู่ในอาชีพนี้ได้นานแค่ไหน

 

35
วันนี้มาดูกันถึงเทคนิคการเทรดของ Nial Fuller สไตล์ Price action

สำหรับวิธีการเทรดโดยใช้ price action นั้น Nail เผยว่าเขาใช้หลักการฟอร์มตัวของแท่งเทียนเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการกลับตัวแบบ Pin bar ,การฟอร์มตัวของ inside bar และ fakey ในการพิจารณาแนวโน้มของราคารวมถึงการหาจังหวะเขาเทรด


คุณต้องทำให้การเทรดของคุณเป็นเรื่องที่เรียบง่าย และที่สำคัญคือคุณต้องวางแผนการเทรดก่อนการเข้าเทรดทุกครั้ง เพื่อเป็นการควบคุมอารมณ์ของคุณ ไม่ให้ความโลภมาครอบงำคุณในช่วงเวลาที่ลงสนามจริง เพราะสิ่งที่จะตัดสินว่าคุณจะทำกำไรจากตลาดแห่งนี้ได้อย่างสม่ำเสมอหรือไม่ไม่ใช่ระบบเทรด ไม่ใช่วิธีการเข้า order แต่มันคือความสามารถในการควบคุมอารมณ์และจิตใจที่เข้มแข็งเท่านั้น

Nial Fuller คือเทรดเดอร์อิสระที่เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะเทรดเดอร์ค่าเงินสไตล์ price action ที่พยายามเผยแพร่แนวคิดและวิธีการในการทำกำไรของเขาผ่านเว็บไซต์ส่วนตัว ด้วยแนวคิดที่เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน บวกกับความสามารถในการถ่ายทอดที่ทำให้มือใหม่ทั้งหลายสามารถเรียนรู้ได้ ทำให้เขาเป็นอาจารย์สอนเทรดค่าเงินที่มีผู้ติดตามมากที่สุดคนนึง ในแต่ละปีจะมีผู้ติดตามอ่าน website ของเขามากกว่า 500,000 คน

เทคนิคการเทรดค่าเงินของ Nial นั้นจะใช้สไตล์ price action เท่านั้น เขาจะไม่สนใจอินดิเคเตอร์ โดยหลักการของเขาคือเขาจะพิจารณาว่าราคาได้ “กระทำต่อ” แนวรับแนวต้านอย่างไร รวมถึงการดูรูปแบบการฟอร์มตัวของแท่งเทียน เพื่อหาจังหวะเข้า order เขาอธิบายว่า กราฟที่ดูสับสนวุ่นวายด้วย indy เต็มหน้าจอ นอกจากจะทำให้คุณเครียดเพราะเข้าใจมันยากแล้ว คุณยังต้องปวดหัวกับการตีความมันด้วย สุดท้ายคุณคงต้องสับสนในตัวเองแน่ๆ เขาบอกว่าทำไมคุณไม่ทำให้มันง่ายกว่านั้นล่ะ ในเมื่อกราฟเปล่าๆ ก็สามารถช่วยให้คุณหาแนวโน้มและทิศทาง รวมถึงหาจังหวะเข้าเทรดได้เหมือนกัน

คุณ set เป้าหมายในการเทรดอย่างไรต่อสัปดาห์หรือต่อเดือน?

Nial Fuller : ผมไม่เชื่อว่าเราจะสามารถวางแผนได้จริงๆหรอกว่าเราสามารถทำเงินได้เท่าไรในแต่ละสัปดาห์หรือในแต่ละเดือน ผมว่าสิ่งที่สำคัญมากกว่าคือเราต้อง focus ในแต่ละการเทรด ผมแค่พยายามทำให้ดีที่สุดเท่าที่ผมทำได้ เทรดเดอร์หลายคนอาจจะสามารถตั้งเป้ากำไรจากการเทรดของเขาในแต่ละสัปดาห์ แต่นั่นไม่ใช่ผม ผมแค่พยายามวางแผนและวางเป้าในแต่ละไม้ โดยเป้าของผมคือการเทรดที่มี risk/reward ratio = 2: 1 เป็นอย่างน้อยในแต่ละการเทรด

หลักการพื้นฐานของกลยุทธ์ในการเทรดของคุณคืออะไร ?

Nial Fuller : ผมใช้ Price action ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่เรียบง่าย ไม่มี indicators โดยทั่วไปผมจะเทรดตามเทรนร่วมกับการใช้ระดับของราคาที่มีนัยในการมองทิศทาง โดยใช้รูปแบบการกลับตัวของ Price action ในการ confirm สัญญาณการเข้า order

สิ่งที่ผมทำอยู่มันเป็นอะไรที่เรียบง่าย และระหว่างเทรดผมจะไม่เปลี่ยนแผนกลางคัน เพราะผมจะเชื่อมั่นในเหตุผลที่ผมเข้าเทรด โดยมันจะต้องมีเหตุผลหรือปัจจัยที่จะยืนยันสัญญาณการเข้าเทรด ซึ่งผมใช้ระดับราคาและแนวโน้มหลักในการยืนยันสัญญาณ price action โดยถ้ามันขัดแย้งกันผมก็จะไม่เทรด

อะไรที่คุณคิดว่าทำให้คุณกลายเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ?

Nial Fuller : ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผมได้พยายามตระหนักถึงเรื่องนี้เหมือนกัน ซึ่งผมได้พบว่าสิ่่งที่ทำให้ผมประสบความสำเร็จในการเทรดนั้น มี 3 ปัจจัยด้วยกัน อย่างแรกก็คือ ผมมีกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับตัวผม นั่นก็คือ การใช้ price action มันเป็นกลยุทธ์ที่ไม่ซับซ้อนและผมสามารถเข้าใจมันด้วยเหตุผลง่ายๆ แต่ถึงแม้วิธีการเทรดจะสำคัญแต่มันก็ไม่ใช่ทั้งหมด อีกปัจจัยคือการที่ผมเริ่มเขียน blog เริ่มเขียนบทวิเคราะห์เกี่ยวกับแนวโน้มตลาด เผยแพร่การเดินทางในการเป็นเทรดเดอร์ของผมเป็นประจำ สิ่งนี้มันทำให้ผมมีวินัยและอยู่กับตลาดตลอดเวลา ส่วนปัจจัยสุดท้ายก็คือการที่ผมไม่เสพติดการเทรด ผมพยายามไม่ให้การเทรดมามีผลต่อวิถีชีวิตของผมมากเกินไป ผมจะไม่เฝ้าดูกราฟตลอดเวลา ผมจะเข้า order แล้วปล่อยให้มันวิ่งไปตามแผนการที่ผมวางไว้ จำไว้ว่าการเฝ้าดูกราฟมากเกินไปจะทำให้อารมณ์มามีผลต่อการเทรดในที่สุด

คุณเป็นเทรดเดอร์สไตล์ไหน Day trader หรือ Swing trader?

Nial Fuller : ในทางทฤษฎีผมเป็นทั้งสองแบบครับ มันขึ้นกับสภาวะตลาดและรูปแบบการฟอร์มตัวของแท่งเทียนที่ผมเห็นโอกาสในการเข้าเทรด ผมจะเทรดใน Time frame 4 ชั่วโมง และ 1 วัน นั่นทำให้ผมมีโอกาสในการเข้า order ทั้งขาขึ้นและขาลง อืม….ผมว่าคงเป็นเพราะสไตล์การเทรดที่มีความยืดหยุ่นของผมที่ทำให้ผมไม่สามารถบอกได้ว่าตัวเองเป็นเทรดเดอร์สไตล์ไหน แต่ถ้าให้ตอบจริงๆ ก็นั่นแหละครับ ผมเป็นได้ทั้งสองอย่าง

คุณใช้กราฟ Time frame ไหนในการเทรด?

Nial Fuller : อย่างที่ผมบอกไปแล้ว ผมจะเทรดบนกราฟ 1 วัน, 4 ชั่วโมง และบางครั้งก็ 1 ชั่วโมงด้วย ผมสนับสนุนให้เทรดโดยการใช้ price action ใน time frame ที่ใหญ่หน่อย ในความเห็นผม ผมว่านี่เป็นสาเหตุที่ทำไมคนส่วนใหญ่จึงล้มเหลวในการเทรดค่าเงิน พวกเขายึดติด และมัวแต่เพ่งหน้าจอในกราฟย่อยๆ ทำให้พวกเขามองไม่เห็นภาพรวมของตลาด ผมจะเทรดด้วยแนวคิดและแผนการที่มีความชัดเจนใน time frame เหล่านี้ โดย TF 1 วัน จะสามารถบอกเทรนของราคา ระดับราคาที่มีนัยต่อการกลับตัว แนวรับแนวต้าน ผมว่านี่คือสิ่งที่มือใหม่ควรจะเรียนรู้

คุณเทรดบ่อยแค่ไหน ?

Nial Fuller : ผมต้องขอบอกว่าเฉลี่ยแล้วผมจะเทรดประมาณ 3-4 ครั้งต่อหนึ่งอาทิตย์ ผมรู้ว่ามันฟังดูน้อยแต่เพราะผมต้องการรักษาวินัยในการเทรด ผมจึงหลีกเลี่ยงการเทรดที่มีสัญญาณ confirm ไม่ครบตามกฎของผม จริงๆแล้วมันก็มีโอกาสที่จะเข้าเทรดได้มากกว่านี้ แต่ด้วยประสบการณ์ในการเทรดของผมเกือบ 10 ปี ทำให้ผมพยายามกรองและเลือกเทรดเฉพาะในโอกาสที่มีความน่าจะเป็นมากที่สุด ในอดีต ผมเคยเทรดมากครั้งเกินไปและนั่นทำให้ผมสูยเสียเงินไปจำนวนมากโดยไม่จำเป็น ดังนั้นวันนี้ผมจึงพยายามเลี่ยงที่จะเสียต้นทุนค่าเรียนรู้เหล่านั้น

36
วันนี้มาขอเอาใจสาวๆ กันบ้างนะครับ กับ ผู้หญิงกับอาชีพนักเทรดเดอร์อิสระ
ในบทนี้จะกล่างถึง นักเทรดเดอร์แม่บ้านญี่ปุ่นกับการเป็นเทรดเดอร์ค่าเงิน(forex)

จากสถิติในปัจจุบัน กลับพบว่าประชากรเทรดเดอร์เพศหญิงได้เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจเป็นเพราะจำนวนผู้หญิงที่มีมากกว่าผู้ชาย หรือด้วยเหตุผลอื่นใดก็แล้วแต่ ก็ต้องยอมรับว่าผู้หญิงได้เปิดใจยอมรับอาชีพที่หลายๆคนมองว่ายืนอยู่บนเสี่ยงมากขึ้นแล้วในปัจจุบัน

ท่ามกลางโลกทุนนิยมที่เติบโตขึ้น ตลาดการเงินก็เติบโตขึ้นอย่างกว้างขวางไม่แพ้กัน มีคนจำนวนมากทั่วโลกหันมาสนใจอาชีพเทรดเดอร์อิสระกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งโดยทั่วไปเมื่อพูดถึงเทรดเดอร์คนจะมักนึกถึงเทรดเดอร์ผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เพราะด้วยลักษณะนิสัยที่กล้าได้กล้าเสีย และยอมรับความเสี่ยงได้มากกว่า ทำให้เทรดเดอร์ที่เราเห็นส่วนใหญ่มักเป็นผู้ชายมากกว่าร้อยละ 70

โดยจากการสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์พบว่า ในประเทศญี่ปุ่น ประเทศที่ยังคงมีค่านิยมเกี่ยวกับการที่ผู้หญิงยังจะต้องอยู่บ้านเพื่อเลี้ยงลูกและทำงานบ้าน โดยให้ผู้ชายเป็นฝ่ายออกไปทำงานหาเงินเพื่อเลี้ยงครอบครัวเพียงฝ่ายเดียวนั้น ปัจจุบัน กลุ่มแม่บ้านเหล่านี้ ได้พยายามหาทางให้พวกเธอสามารถทำงานหาเงินได้เช่นเดียวกับสามี โดยยังคงทำหน้าที่แม่บ้านได้อย่างไม่ตกบกพร่อง และหนึ่งในงานที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก คือ การเป็นเทรดเดอร์ค่าเงินอิสระที่เทรดอยู่กับบ้าน หรือที่เรียกว่า Home trader

โดยจากการตรวจสอบพบว่าในญี่ปุ่น มีแม่บ้านที่มาเป็น Day Trader ในตลาด forex นั้นมีมากกว่า 100,000 คน ส่วนใหญ่เน้นการลงทุนเก็งกำไรระยะสั้นในจำนวนเงินที่ไม่มากนัก โดยใช้ข้อดีในเรื่องความสามารถในการ leverage ของตลาด forex และสามารถซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้เธอเหล่านี้สามาารถแบ่งเวลาจากการที่ต้องดูแลจัดการงานในบ้านมาใช้ในการเทรดได้ พวกเธอได้สร้างสังคมของเธอในโลกออนไลน์มากมายเพื่อแชร์ประสบการณ์ เผยแพร่โอกาสให้กับแม่บ้านคนอื่นๆ และเพื่อเป็นการแสดงให้สังคมเห็นถึงคุณค่าของผู้หญิงว่าพวกเธอก็สามารถทำงานหาเงินได้ดีไม่แพ้ผู้ชายเช่นกัน และจากการที่เริ่มมีเทรดเดอร์ในกลุ่มพวกเธอประสบความสำเร็จมากขึ้นทำให้ปัจจุบันกลายเป็นอาชีพใหม่ในสังคมญี่ปุ่นที่มีแนวโน้มเติบโตและเริ่มได้รับการยอมรับมากขึ้น


ส่วนเทรดเดอร์อีกคนคือ Yukiko Ikebe เธอเป็นคุณแม่ลูกสาม ในวัยเกือบ 60 เธอเป็นเทรดเดอร์เงินล้านที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยเธอเล่าให้ฟังว่า เธอเคยทำกำไรจากการเทรด AUD/JPY ถึง 500,000 เยนในเวลาเพียง 2 วัน

เธอมีเทคนิคการเก็งกำไรที่เน้นในด้านปัจจัยพื้นฐาน แต่ก็ไม่ละเลยด้านเทคนิค เธอมีแนวคิดในการเก็งกำไรที่เป็นระบบ เธอมองภาพรวมของเศรษฐกิจของค่าเงินที่เธอสนใจ โดยบางครั้งเธอจะเดินทางไปยังประเทศของเจ้าของค่าเงินที่เธอเฝ้าติดตามเพื่อจะได้เห็นภาพที่แท้จริงและเป็นการท่องเที่ยวไปในตัว แม้ปัจจุบันเธอจะมีอายุค่อนข้างมาก แต่เธอไม่เคยมองว่ามันเป็นอุปสรรคในการเก็งกำไรของเธอเลย เธอกลับมองว่า การที่เธอมีประสบการณ์มามาก กลับทำให้เธอสามารถมองอะไรๆได้ชัดเจนกว่า

อย่างไรก็ดี แม้เธอจะมีชื่อเสียงในสังคมเทรดเดอร์แม่บ้านในฉายา Kimono trader แต่เธอไม่ก็ยังไม่ต้องการเปิดเผยหน้าตาต่อสาธารณชนมากเกินไปเพราะเธอกลัวจะกระทบต่อวิถีชีวิตของเธอ



Etsuko Someya เป็นตัวอย่างของแม่บ้านเต็มเวลาชาวญี่ปุ่นที่ผันตัวเองมาเป็น forex trader

เธอคนนี้เป็นเทรดเดอร์ที่ไม่ธรรมดา เธอโด่งดังและมีชื่อเสียงในญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก ในวงการ Home trader รู้จักเธอดีในฉายา Mrs. Watanabe โดยเธอแต่งงานมาแล้ว 8 ปี และเธอต้องเลี้ยงลูกวัย 4 ขวบของเธอที่บ้าน ดังนั้นเธอจึงใช้เวลาว่างจากช่วงที่เสร็จจากงานบ้านและดูแลลูก เทรด USD/JPY โดยเธอมีรายได้เฉลี่ยประมาณเดือนละ $12,000 ซึ่งช่วยเพิ่มรายได้ให้ครอบครัวได้มาก แม้เธอจะเป็นแม่บ้านที่ต้องวุ่นกับการดูแลลูก แต่เธอก็เป็นแม่บ้านที่ขยัน อ่าน ขยันหาความรู้ในการเก็งกำไร ศึกษาเทคนิคการเทรด โดยเธอจริงจังกับการเทรดค่าเงินเป็นอย่างมาก เพราะเธอรู้สึกว่ามันเป็นหนทางเดียวที่ทำให้เธอสามารถสร้างรายได้ ในเวลาว่างที่แสนจะจำกัดของเธอได้

“ฉันจะเทรดใน Time frame สั้นๆเท่านั้น เพราะฉันจะต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการจัดการงานบ้านและต้องเล่นกับลูกเป็นส่วนใหญ่”

จากเรื่องราวข้างต้นจะเห็นว่า ขอแค่เรามีความตั้งใจ ไม่ว่าชีวิตจะมีข้อจำกัดแบบไหน เราก็สามารถเรียนรู้ในการเป็นเทรดเดอร์อิสระได้ ขอแค่หัวใจของเราหัดที่จะเปิดรับสิ่งใหม่ๆ อย่าใช้ข้อจำกัดใดๆ มาเป็นข้อแก้ตัวว่าเราทำไม่ได้ เพราะมันไม่เคยมีอยู่จริง !!!!!

37
วันนี้เรามาทำความรู้จักกับ นาย Marcello Arrambide นักเทรดเดอร์รุ่นใหม่ กันดูนะครับ

คำแนะนำสำหรับมือใหม่

เมื่อคุณเริ่มที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับการเทรด ปัญหาหลักสองอย่างที่คุณต้องเจอทุกๆวัน ก็คือ ความมั่นใจเกินเหตุและก็ความกลัว ดังนั้น ถ้าคุณอยากจะเป็น day trader แง่มุมหรือสิ่งที่คุณต้องเรียนรู้มากที่สุด มันไม่ใช่ indicator หรือระบบเทรด จริงๆแล้ว มันคือสิ่งที่อยู่ในหัวของคุณต่างหาก การเก็งกำไรรายวันหรือ day trading มันเป็นอะไรที่เกี่ยวกับสภาวะทางจิตใจ มากกว่าการพยายามวิเคราะห์หรือตีความ indicator

และจากประสบการณ์การเป็นเทรดเดอร์อิสระของผมมากว่า 10 ปี ผมอยากเป็นคนแรกที่ต้องบอกคุณว่า แท้จริงแล้ว indicator ส่วนใหญ่ที่คุณใช้กันมันไม่สามารถทำนายตลาดได้ จะว่าไปแล้วทุกตัวมันคือ indicator ตัวเดียวกันด้วยซ้ำไป มันแค่แปลงร่างไปมา เปลี่ยนชื่อบ้าง เปลี่ยนสีบ้าง แล้วแต่จะประชาสัมพันธ์ในรูปแบบไหน

อีกสิ่งที่คุณต้องจำไว้ให้แม่นคือ คุณไม่สามารถเรียนรู้ที่จะเป็น day trader ในช่วงเวลาสั้นๆ นั่นหมายถึงในระยะแรกคุณคงหนีไม่พ้นกับการขาดทุน นอกเสียจากว่าพระเจ้าจะส่งคุณมาให้เป็นสุดยอดเทรดเดอร์ เพราะฉะนั้น จงอดทนและเรียนรู้อย่างหนัก เพราะถ้าคนอย่างผมทำได้ คุณก็ทำได้เช่นกัน !!!

Marcello Arrambide เทรดเดอร์รุ่นเยาว์ที่หลายๆ คนต้องอิจฉา แม้เขาจะไม่ได้เป็นเทรดเดอร์ที่โด่งดั่งมากเท่าเทรดเดอร์คนอื่น และรายได้จากการเทรดของเขาก็ไม่ถือว่ามากมายนักเมื่อเทียบกับเทรดเดอร์ที่มีชื่อเสียง แต่สิ่งที่น่าสนใจและทำให้เขามีผู้ติดตามผลงานการเทรดมากมายผ่าน blog ส่วนตัวของเขา ก็เป็นเพราะเขาได้ฉีกกฎการใช้ชีวิตแบบเดิมๆ เขาสามารถผสมผสานการทำงานทำเงินผ่านการเทรด ร่วมไปกับการทำสิ่งที่ตัวเองรัก นั่นคือ การเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลก ตลอดชีวิตการเป็นเทรดเดอร์มากว่า 10 ปี เขาได้ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศต่างๆ กว่า 10 ประเทศ และเดินทางท่องเที่ยวไปทุกทวีป อีกเกือบ 50 ประเทศ


ระบบเทรดของ Marcello Arrambide

สิ่งที่อยู่ในระบบความคิดและจิตใจของ Marcello ส่งผลต่อรูปแบบการเทรดของเขา โดยเขาจะให้ความสำคัญกับ sentiment, dynamic หรือแรงขับเคลื่อนของตลาดมากกว่าการใช้ Indicator เขากล่าวว่าคุณจำเป็นที่จะต้องเข้าใจสภาวะตลาด แรงขับเคลื่อน และต้องรู้ด้วยว่ามันจะส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของราคาอย่างไร


จุดเริ่มต้นของ Marcello Arrambide

เขาก็ไม่ต่างไปจากคนอื่นๆ ที่ต้องการอิสรภาพทางการเงิน เข้าเริ่มทำงานหาเงินตั้งแต่อายุ 13 ปี เขาทำงานทุกอย่างที่เขาสามารถทำได้ ทั้งร้านเบเกอรี่ ขาย CD กระเป๋า เท่าที่เขาจะคิดได้ แล้วในที่สุดเขาก็ค้นพบว่า งานที่เขาทำอยู่มากมายนั้น ไม่สามารถที่จะทำให้เขาเป็นอิสระได้อย่างแท้จริง เขาเริ่มค้นหาหนทางต่อไป…แล้ววันหนึ่งเขาก็ได้ยินเพื่อนของเขาพูดกันถึงการทำเงินในตลาดหุ้น และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเขาในตลาดแห่งนี้ เขาเริ่่มศึกษามันอย่างจริงจัง และก็เริ่มเข้าสู่ตลาดโดยใช้เงินเก็บและเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาอีกนิดหน่อย และแน่นอนก็เหมือนใครหลายๆคน ที่ก้าวแรกในตลาดแห่งนี้ไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบ เขาหมดเงินจำนวนนี้ไปอย่างรวดเร็ว แต่เขาไม่เคยท้อเพราะเค้ารู้ดีกว่าเป้าหมายของเขาคืออะไร เขาจึงพยายามอย่างหนัก เขาทำการทดสอบระบบย้อนหลัง (back test) นับครั้งไม่ถ้วน พยายามพูดคุยกับเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จมากมาย เรียนรู้แนวคิดของคนเหล่านั้น จนในที่สุด เขาก็สามารถเดินทางไปสู่สิ่งที่เค้าต้องการได้ “Freedom”

“ผมใช้เวลาเทรดในตลาดหุ้นวันละ 1-2 ชั่วโมง โดยใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการท่องเที่ยวในที่ต่างๆทั่วโลก ต้องขอบคุณเทคโนโลยีที่เชื่อมต่อให้ผมสามารถทำงานที่ไหนก็ได้ ตราบเท่าที่มีอินเตอร์เน็ต ซึ่งมันก็หาได้ไม่ยากเลยจริงๆ ”

38
Joe Chalhoub เทรดเดอร์ Forex กับเทคนิคการเทรดให้ได้กำไร

คำแนะนำสำหรับมือใหม่จาก Joe Chalhoub

ในการเทรดฟอร์เร็กซ์ มีเทรดเดอร์เพียงแค่ 5% เท่านั้นที่ประสบความสาเร็จ แล้วสิ่่งที่แตกต่างของกลุ่มคน 5% นี้คืออะไร??? สิ่งสาคัญอย่างหนึ่งก็คือ พวกเขาทุ่มเทอย่างหนัก!!! การเทรดฟอร์เร็กซ์ไม่ได้เป็นงานง่าย และ ใครก็ตามที่บอกคุณว่าสามารถทำให้คุณรวยได้ภายในคืนเดียว อย่าเชื่อเขาเด็ดขาด!!!!

นอกจากนี้คุณต้องจำไว้ว่า “อย่ารีบเทรด” ตลาดฟอร์เร็กซ์ไม่ได้หนีไปไหน มันจะอยู่ตลอดไป และอย่างน้อยคุณควรให้เวลาตัวเองศึกษา 6 – 12 เดือนในการวิเคราะห์ อ่าน ฝึกฝน และสร้างกลยุทธ์การเทรดของคุณเองก่อนที่จะเริ่มเทรดเงินจริงๆ มันจะต้องใช้การอุทิศเวลาอย่างมหาศาล แต่ว่าในท้ายที่สุดมันจะทาให้คุณไปถึงเป้าหมาย สำหรับเรื่องกลยุทธ์และวิธีการเทรดผมจะไม่เปิดเผยกลยุทธ์ของผมทั้งหมด แต่ผมจะแนะนำอะไรบางอย่างให้คุณ ซึ่งผมเชื่อว่ามันน่าจะช่วยให้การเทรดของคุณดีขึ้น

1 การวิเคราะห์: ผมใช้ปัจจัยพื้นฐานและการวิเคราะห์ทางเทคนิคในการเทรด

พื้นฐานจะบอกเทรนหรือแนวโน้มของตลาด และการวิเคราะห์ทางเทคนิคจะใช้หลังจากที่เราสามารถระบุเทรนได้แล้ว การวิเคราะห์พื้นฐานและการวิเคราะห์ทางเทคนิคนั้นต้องใช้ด้วยกัน และ ถ้าใช้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วมันอาจจะนำไปสู่ความเสียหายได้

2 เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค

ในตลาดฟอร์เร็กซ์มีเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคมากมาย ซึ่งหลาย ๆคนใช้ ส่วนตัวผมใช้ ADX และ Bollinger Bands ในการวิเคราะห์เทรนและการแกว่งตัว และก็ใช้ RSI ในการวิเคราะห์จุด over bought หรือ oversold ใช้เส้น Moving Average ในการบอกสัญญาณ และ สำคัญที่สุดคือ FIBONACCI ผมแนะนำให้เทรดเดอร์ประยุกต์ใช้เทคนิคเหล่านี้ในการยืนยันสัญญาณการเทรด โดยเทรดไปในทางเดียวกับพื้นฐานที่เราวิเคราะห์ไว้

3 การบริหารกำไรและขาดทุนในแต่ละการเทรด : คุณต้องมี stop loss และจำไว้ว่าเมื่อได้กำไรแล้วอย่ากลับมาขาดทุน

มันเป็นหัวใจหลักของการเทรดที่ดี ผมจะปิดทุกออร์เดอร์ ถ้าวันนั้นผมติดลบ 60 จุด หรืออีกแง่หนึ่ง ผมจะ ตั้ง trailing stop สำหรับออร์เดอร์ที่มีกำไรแล้ว 25 PIP ซึ่งหมายความว่ากำไรของผมจะไม่ต่ำกว่า 25 จุด และผมสามารถไปทำอะไรที่ไหนก็ได้ ผมว่ามันบ้าสิ้นดี ถ้าผมได้กำไรแล้ว ผมกลับคืนเงินให้กับตลาดไปตอนสิ้นวัน มันเหมือนคุณทำงานประจำได้เงินวันละ 1000 บาท พอเลิกงานคุณเดินเอาเงิน 1000 ไปคืนให้เจ้านาย คุณว่ามันบ้าไหมล่ะ ….

4 อย่าพึ่งเทรดตอนนี้ : สิ่งสาคัญที่สุดในการเทรด บางครั้งคือการไม่เทรด

ผมจะตัดสินใจอย่างนี้นะครับ ถ้าผมดูกราฟแล้วไม่เห็นว่ามีการเคลื่อนไหว หรือว่าไม่มีข่าวออกในวันนี้เลย ในกรณีนี้มันจะดีกว่ามาก ถ้าเราจะรอให้ตลาดมันมีความผันผวน ผมอยากจะแนะนานักเทรดทั้งหลายว่า ไม่ควรจะเทรดในช่วงวันแรกของเดือน ผมจะเริ่มเทรดตอนวันศุกร์แรกของเดือนเมื่อข่าว “NonFarm payroll” ออกมาแล้วเท่านั้น

5 วินัย : คุณต้องมีกฏในการเทรด และต้องเทรดเมื่อมันตรงตามเงื่อนไขของคุณ

และถ้ามันไม่เข้าเงื่อนไข ก็อย่าเทรด ผมว่ามันเป็นเรื่องยากในการที่จะห้ามใจ เพราะหลายคนที่ก้าวเข้าตรงนี้ มักจะเสพติดมัน แต่เชื่อเหอะมันจำเป็นถ้าคุณอยากจะอยู่ในตลาดนี้ให้ได้



Joe Chalhoub เป็นวิศวกรคอมพิวเตอร์ในบริษัทแห่งหนึ่ง ก่อนจะหันมาเป็น forex trader เขาเริ่มเทรดค่าเงินเมื่อหลายปีก่อน โดยในช่วงสามเดือนแรก การเทรดของเขาล้มเหลวโดยสิ้นเชิง เขาเล่าให้ฟังว่า “ผมยังจำได้ตอนที่ผมเสียเงินทั้งหมดของผมไป ตอนนั้นผมคิดว่าผมอยากจะเลิกเทรด แต่ว่าผมก็เลิกไม่ได้ ผมรู้สึกว่า ถ้าผมเลิกตอนนั้น มันอาจจะหมายถึงผมได้พลาดโอกาสที่ดีที่สุดในชีวิตไปก็ได้ ตอนนั้นผมเลยเพียงแค่หยุดเทรดชั่วคราวไปก่อน…

หลังจากนั้นเขาได้เริ่มที่จะสังเกต ศึกษาวิเคราะห์ และฝึกฝนอย่างหนัก “ผมเริ่มที่จะสังเกตุเฝ้าดูตลาดว่าอะไรทำให้มันเคลื่อนไหวบ้าง” เขาเริ่มศึกษาการวิเคราะห์ทางปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิคว่าแต่ละตัวมันสามารถทำนายตลาดได้อย่างไร และเขาจะใช้ให้เกิดประโยชน์กับตัวเองได้อย่างไร เขาอ่านหนังสือเกี่ยวกับกลยุทธ์ต่างๆ รวมถึงเทคนิคที่นักเทรดที่มีประสบความสำเร็จใช้กันเป็นอย่างไรอย่างหนัก…..

“ผมเปิดบัญชีเดโมขึ้นมาและเทรดค่าเงินจำลองในเทคนิคต่างๆ โดยติดตามดูผลงานของมันอย่างใกล้ชิด หลังจากที่ศึกษามา 1 ปี หลังจากลองผิดลองถูกอยู่นานนับปี กับความล้มเหลวในการเทรดที่นับครั้งไม่ถ้วน ผมก็ได้เข้าใจถึงวิถีแห่งกลยุทธ์ของผมเองและเริ่มที่จะทำกำไรได้ในแต่ละเดือน”

39
วันนี้มาดูเทคนิคการเทรด Forex ให้ได้กำไร แบบซื้อขายระยะสั้นกันนะครับ


สมมุติ ว่า เราพิจารณาแล้ว เราเห็นว่า EUR น่าจะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับ USD (คือ EUR จะแลก USD ได้มากขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป) เราจึงทำการเข้า buy โดยที่เราได้ราคา ที่ 1.3502 (จำได้มั๊ยครับว่าเราจะได้ราคา offer นั่นแปลว่าเมื่อเทียบกับ bid เราจะ -2 นี่คืนส่วนของค่าคอมมิทชั่นของโบรกเกอร์ครับ) เมื่อเวลาผ่านไป ราคาวิ่งขึ้นไป ที่ 1.3552 หรือขึ้นมา 50 จุด แล้วเราเห็นว่าอาจจะไปต่อไม่ไหว จึงปิดทำกำไรที่ จุดนี้ เราจะได้กำไรมา 50 จุด หรือ 50 pips หรือ 0.0050 หน่วยใน base currency ซึ่งในที่นี้คือ 0.0050 USD น้อยมากใช่ไหมครับ 0.0050 USD = ครึ่งเซ็นต์ หรือประมาณ 17 สตางค์ เท่านั้น นั่นแปลว่าหากเราอยากทำกำไรเยอะๆ เช่น pip ละ $1 (50 pip ก็คือ $50) เราต้องสั่งเทรดถึง $10,000 เลยทีเดียว เป็นเงินที่ไม่น้อยเลย แล้วเราจะทำอย่างไรล่ะ เดี๋ยวเรามาดูกันต่อในหัวข้อ Leverage นะครับ ว่าทำไมการมี Leverage ช่วยให้เราทำเงินเยอะ จากการลงทุนที่น้อยกว่าได้อย่างไร

เรามาต่อกันที่หัวข้อที่หลายท่านยังสงสัยอยู่(โดยเฉพาะมือใหม่ซิงๆ) ว่า เขาซื้อ-ขาย และทำกำไรจากตลาด Forex กันอย่างไร เรามาเริ่มกันเลยนะครับ หลาย ท่านอาจจะเคยเล่นหุ้นมาบ้าง หลักการทำกำไรหลักๆ ก็จะคล้ายกันที่ว่า ซื้อถูก-ขายแพง(พูดง่ายแต่ทำจริงๆ ไม่ง่ายเลย) ในการซื้อ-ขายหุ้นจะซื้อ-ขายเป็นตัวๆ ไป แต่ในตลาด Forex จะต่างจากหุ้น ตรงที่ เราจะดูกันเป็น "คู่" ซื้อเงินสกุลหนึ่ง ในขณะเดียวกัน ก็ขายเงินอีกสกุลหนึ่งออกไป หรือเป็นการจับคู่แลกเปลี่ยน ซื้อขายค่าสกุลเงิน กำไรก็จะได้มาจากส่วนต่างจากการขายในแต่ละครั้งครับ ยก ตัวอย่างเช่น EUR/USD คือการเปรียบเทียบระหว่างเงินยูโรของสหภาพยุโรป กับเงินดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินด้านซ้ายเราเรียกว่า base currency โดยเรามักจะเห็นราคา ซื้อ-ขาย แบบข้างล่างครับ

EUR/USD bid= 1.3500 offer= 1.3502
ถ้า เราสั่ง ซื้อ (เรียกว่า Buy หรือ Long) ในตอนที่เราเปิด order (เปิด order BUY) เราจะได้ราคาที่ offer และเมื่อเราสั่งปิด order นี้ เราจะได้ราคาที่ bid ตัวอย่างเช่น ณ เวลาที่เราเข้า Buy คู่ EUR/USD ราคา offer อยู่ที่ 1.3502 ถ้าเราปิด (close) ทันที เราจะ sell คืนไปที่ราคา bid 1.3500 เท่ากับเราขาดทุนทันที 0.0002 หรือ 2 จุด หรือ pip (ทุกครั้งที่เราเปิดการเทรด เราจะติดลบก่อนเสมอ ในความเป็นจริงคงไม่มีใครซื้อแล้วขายเลยแบบนี้) เราจะทำกำไรด้วยการ buy ที่ราคา offer ซึ่งก็คือซื้อมาถือไว้ เพื่อรออัตราแลกเปลี่ยนที่สูงขึ้น ก็คือรอให้ค่า bid สูงกว่าค่า offer ที่เราเปิด buy ไว้ และเราจะปิด order นี้ โดยการ sell คืน (การสั่ง close order จะเป็นการ sell อัตโนมัติ - ไม่ใช่ให้เราเปิด order sell อีกอัน) ไปในราคาที่สูงกว่า (ถ้า sell คืนในราคาต่ำกว่า เราก็ขาดทุน) เรียกว่า ซื้อถูก ขายแพง ข้อดีอีกข้อของตลาด Forex คือ เราสามารถเทรดขาลงได้ด้วย

เมื่อ เราสั่ง ขาย (เรียกว่า Sell หรือ Short) ในตอนที่เราเปิด order (เปิด order SELL) เราจะได้ราคาที่ bid และเมื่อเราสั่งปิด order นี้ เราจะได้ราคาที่ offer - การ Sell คือการที่เราสั่งโบรกให้ขายออกไปก่อน เพื่อรออัตราแลกเปลี่ยนตกลงมา และเราจะปิด order นี้ โดยการ Buy คืน (การสั่ง close order จะเป็นการ buy อัตโนมัติครับ - ไม่ใช่ให้เราเปิด order buy อีกอัน) ไปในราคาที่ต่ำกว่า (ถ้า Buy คืนในราคาสูงกว่า เราก็ขาดทุน) เรียกว่า ขายแพง แล้วซื้อถูก แต่จะเห็นว่า เราดู จุด หรือ pip กันที่ ทศนิยมตำแหน่งที่ 4 (หรือตำแหน่งที่ 2 ในบางคู่) เราลองมาดู EUR/USD กัน

40
มือใหม่เข้ามาดูเลยครับ กับคำถามสุดฮิตของมือใหม่หัด trade เราควรเล่น Forex เริ่มเทรด Forex คู่ใหนดี?


เพิ่มเติมสำหรับช่วงเวลาทำการของตลาด
ตลาด Forex นั้นมีหลายแห่งในโลก มีเวลาการเปิดปิดที่คาบเกี่ยวกัน ทำให้เราสามารถลงทุนได้ตลอด 24 ชั่วโมง ยกเว้นวันเสาร์-อาทิตย์ โดยตลาดต่างๆ มีเวลาเปิดปิดดังนี้

ตามเวลาประเทศไทย ตลาดจะเปิดทำการตั้งแต่เวลาตี 4 ของเช้าวันจันทร์ และปิดตี 4 ของเช้าวันเสาร์ (รวม 120 ชั่วโมงต่อสัปดาห์)

ตลาด USD = US Dollar เปิดเวลา 19.00 น. ถึงตี 3

ตลาด GBP = British Pound เปิดเวลา 14.00 - 22.00 น.

ตลาด EUR = Euro เปิดเวลา 13.00 - 21.00 น.

ตลาด CHF = Swiss Franc เปิดเวลา 13.00 - 21.00 น.

ตลาด JPY = Japanese Yen เปิดเวลา 7.00 - 14.00 น.

ตลาด AUD = Australian Dollar เปิดเวลา 5.00 - 13.00 น.

ขอ แนะนำเพิ่มเติมว่า ถ้าเพิ่งเริ่มเล่น forex ใหม่ๆ ควรจะเล่นคู่นั้นๆ ใ้ห้ชำนาญ และไม่ควรเล่นหลายคู่เกินไป เพราะจะอาจจะทำให้พะวักพะวงได้ครับ ชำนาญแล้วค่อยขยับไปศึกษาคู่อืนเพิ่มเติม

มาถึงตรงนี้ หลายๆ ท่านคงจะเลือกคู่ที่จะเล่นได้แล้วนะครับ

เริ่มเล่น Forex เริ่มเทรดใหม่ๆ คำถามสุดฮิตที่มักจะถามกันก็คือ ควรเริ่มเล่น Forex คู่ไหนดี? แล้วควรเทรด Forex เวลาไหน?

เรามาคลายขอสงสัยกันที่ละคำถามนะครับ

ข้อแรก ควรเริ่มเล่น Forex คู่ไหนดี?
เริ่ม เล่น ผมแนะนำ EUR/USD เพราะ Spread ไม่มาก คู่นี้ Swing ไม่แรง และ อ่านกราฟ อ่าน Pattern ได้ง่ายกว่าคู่อื่นๆ และที่สำคัญ EUR/USD เป็นคู่ที่คนนิยมเล่นกันเยอะ ดังนั้นเราจะสามารถหาข้อมูล เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจได้ง่าย และ หลากหลายกว่าเล่นคู่อื่นๆ เมื่อเริ่มจะพอมี ประสบการณ์ หรือมีความชำนาญมากขึ้นแล้ว อาจจะค่อยๆ ขยับไปเล่นคู่ที่แรงกว่านี้ก็ได้ครับ เช่น GBP/JPY (วิ่งแรงถึงใจหลายๆ ท่าน)หรือ GBP/USD

ข้อสอง ควรเทรด Forex เวลาไหนดี?
ถ้า เลือกเล่น EUR/USD ตามที่ผมบอกข้างบน ก็ควรเทรดที่ช่วงเวลา 14.00 - 22.00 จะดีที่สุดครับ และช่วงวิ่งแรงของคู่นี้ก็คือ 19.00 - 21.00 เพราะช่วงนี้จะเป็นช่วงคาบเกี่ยวกันของการเปิดทำการของตลาด EUR กับ ตลาด USD ช่วงคาบเกี่ยวกันนี้กราฟจะวิ่งเยอะ เหมาะกับการเทรด

41
เคล็บลับสำหรับมือใหม่ Forex ที่มีทุนน้อยแล้วจะลงทุนใน Forex อย่างไร? Leverage คืออะไร?

Leverage 1:100 แปลว่า เราใช้ทุนของเราเองเพียง 1 เพื่อสั่งซื้อ-ขาย 100 เช่น เราจะสั่งซื้อ EUR มาถือไว้ โดยจะซื้อที่ราคา 1.3502 จำนวน 100 USD (คือได้มา 74.0631 EUR) เราไม่ต้องใช้ 100 USD ครับ เราจะใช้เพียง 1 USD เพื่อแลก 74.0631 EUR มาถือไว้ ซึ่งเมื่อเราขายคืนไปที่ 1.3552 หรือกำไรมา 0.0050 แทนที่เราจะกำไรแค่ นั้น จะกลายเป็นว่าเราจะทำกำไรได้ 0.50 usd แปลว่าเราสามารถทำกำไรได้ 50% จากเงินที่เราลง (เราลงเพียง $1 เพื่อทำกำไร $0.50)

แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ ว่าเราจะมีเงินพอรึเปล่า เวลามี Leverage แบบนี้ เพราะเวลาเทรดเราจะสั่งเทรดอย่างมาก ไม่เกิน 40% ของทุน (แต่แนะนำที่ 10% ครับ จะได้มีเหลือไว้แก้ตัว) เช่นถ้าเรามีทุน $100 เราก็สั่งเทรดเพียง $10 หรือ 10% (แต่เวลาสั่ง $10 คือ 1,000 unit นะครับ ที่ Leverage 1:100) 10% ที่ใช้ เราจะเรียกว่า used margin เวลาราคาวิ่งขึ้นหรือลง มันจะมาบวก หรือ ลบ ที่ 90% ที่เหลือ หรือที่เรียกว่า available margin หากเราติดลบไปเรื่อยๆ จน available หมด ระบบจะทำการตัดขาดทุน โดยการปิด order นี้ โดยอัตโนมัติ นั่นคือ โบรกเกอร์จะไม่ยอมขาดทุนแทนเราหรอกครับ

คิดคร่าวๆ คือ เราจะทำกำไร (ขาดทุน) ได้ ประมาณ 1% ต่อ pip จากเงินทุนของเรา (คู่อื่นอาจจะไม่ถึง 1% บางคู่ก็มากกว่า เช่น EUR/GBP ตกประมาณ 2% ครับ)

นั่นหมายความว่า ด้วยทุนเพียง $100 (3,400 บาท) คุณจะสามารถทำกำไรได้ถึงจุดละ $1 (สั่งเทรด 10,000 unit) หากทำได้ 10 จุดต่อวัน ก็วันละ $10 หรือ 340 บาท (โดยประมาณ) หรือวันละ 10%

และด้วยทุนเพียง $1,000 (34,000 บาท) เราจะสามารถทำกำไรได้ถึงจุดละ $10 (สั่งเทรด 100,000 unit) หากทำได้ 10 จุดต่อวัน ก็วันละ $100 หรือ 3,400 บาท

หรืออาจจะเริ่มเพียง $1 (34 บาท) โดยจะได้จุดละประมาณ 1 เซ็นต์

ค่อยๆ สะสมไปก็ได้ครับ เพราะมีแล้วคนที่ปั้น $5 จากทุนฟรีที่ Marketiva (โบรกเกอร์) มีให้ ไปเป็น $1,000 ใน 3 เดือน

ลอง คิดดูเล่นๆู ล่ะกันครับ ถ้าเพียงคุณสามารถทำกำไรได้ 10% ของทุนต่อวัน เพิ่มไปเรื่อยๆ 6 เดือน (120 วันเทรด) จะเป็นเงินเท่าไหร่ จากทุนเพียง $5

เป็น $463,545.34 หรือ 15,765,541.60 บาท ครับ โอ้ววววว พระเจ้าช่วย (ทำได้แค่ 5% ของไอเดียนี้ก็หรูแล้วครับ)

ปกติ EUR/USD จะไม่แรงมาก ทำวันละ 20-30 จุดได้ หากเป็นบางคู่ เช่น GBP/JYP (ทุกวันนี้ผมเล่น GBP/JYP เป็นหลัก เพราะแรง เร้าใจ) ผมเคยทำได้มากสุด +250 จุด เพียงช่วงเวลาที่ผมหลับ (เที่ยงคืน) จนมาถึงเวลาที่ผมตื่น (7 โมงครึ่ง) หรือ 250% ของเงินทุนที่ผมเทรด

ที่ FxOpen (โบรกเกอร์) ให้เราสามารถ up Leverage ได้สูงสุดถึง 1:500 นั่นแปลว่า เราใช้ทุนตัวเองเพียง $200 ในการเทรด 100,000 unit (หรือ 1 lot จะได้จุดละ $10) เองครับ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น Leverage ก็เป็นดาบ 2 คม ที่ทั้งทำให้ รวย-จน ได้ในพริบตา

Leverage และการที่มันวิ่งขึ้นลงทั้งวัน นี่แหล่ะครับ ที่ทำให้ Forex สนุก และเร้าใจ


Leverage คืออะไร?

จำได้มั๊ยครับว่าจากบทความที่แล้ว จากที่เราสั่งซื้อด้วยเงินเพียง $1 ของเราเอง กำไรมันน้อยนิดมาก ขนาด +50 จุดยังทำเงินได้ 17 สตางค์เอง หากเราอยากทำกำไรเยอะๆ เช่น pip ละ $1 (50 pip ก็คือ $50) เราต้องสั่งเทรดถึง $10,000 เลยทีเดียว มีทุนไม่พอแน่ ทำไงดี ตรงนี้แหล่ะครับที่ Leverage เข้ามามีผล Leverage มีผลกับการ เทรด Forex อย่างไร เรามาดูกัน

42
ข่าวสารที่มีผลกระทบต่อตลาดเงิน Forex 


ข่าวสารที่มีผลค่อนข้างสำคัญที่มีผลต่อตลาดเงิน FOREX และควรติดตามเป็นพิเศษ ก็คือ การประกาศค่า GDP (Gross Domestic Product) หรือผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ค่า GDP ใช้เป็นตัวบ่งชี้มาตรฐานการครองชีพของประชากรในประเทศนั้น การประกาศค่า GDP ของประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจหรือประเทศที่เป็นเจ้าของสกุลเงินนั้นๆ จะมีผลสำคัญ เพราะค่า GDP จะส่งผลมากต่อเรื่องเศรษฐกิจ หากค่า GDP ต่ำนั่นก็หมายถึงการเจริญเติบโตเศรษฐกิจจะต่ำไปด้วย แต่หากค่า GDP สูงจะหมายถึงจะเกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะมีผลทำให้ค่าเงินแข็งตัวตามไปด้วย และแน่นอนเมื่อค่าเงินสกุลใดแข็งขึ้นจะมีผลต่อตลาดแลกเปลี่ยนเงิน FOREX

       ข่าวสารที่มีผลต่อตลาดเงิน FOREX ที่ต้องให้ความสนใจก็คือ ค่า PCE (Personal Consumption Expenditure) ค่าตัวนี้จะบ่งบอกถึงการอุปโภคและบริโภคของภาคครัวเรือน ว่ามีอัตราในการจับจ่ายใช้สอยมากน้อยแค่ไหน ถ้าหากค่าตัวนี้สูง ก็แสดงว่าการจับจ่ายภาคครัวเรือนคล่องตัว เศรษฐกิจมีแนวโน้มดี ซึ่งทำให้คาดการณ์ได้ว่าค่าเงินจะแข็งขึ้น อีกตัวหนึ่งที่มีผลต่อการอ่อนของค่าเงินก็คือ ตัวเลข CPI (Consumer Price Index) หรือดัชนีผู้บริโภค หากตัวเลขสูง แสดงถึงอัตราเงินเฟ้อสูง ซึ่งจะส่งผลทำให้ค่าเงินอ่อนลง
          ยังมีข่าวสารสำคัญอีกหลายข่าวที่มีผลทำให้ค่าเงินแข็งขึ้นหรืออ่อนลง ผู้ลงทุนในตลาดเงิน FOREX ควรติดตามข่าวสารเศรษฐกิจโลกเป็นประจำ และสามารถหาความรู้เพิ่มเติมได้จากกลุ่มคนเล่น FOREX ที่รวมตัวกันอยู่ในเว็บไซต์ต่างๆ  ก็จะช่วยให้เราทันต่อสถานการณ์ที่มีผลต่อค่าเงินได้ทันท่วงที  “รู้ก่อนดีกว่ารู้ทีหลัง” ดังนั้นอย่าได้เบื่อหน่ายต่อการติดตามข่าวสารทุกๆ วัน ส่วนจะซื้อหรือขายเพื่อทำกำไรในเวลานั้น ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณเอง   

เมื่อคุณตัดสินใจลงเล่นในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ  FOREX (Foreign Exchange Market ) นอกจากความรู้ความสามารถในการวิเคราะห์สถานการณ์การขึ้นลงของสกุลเงินต่างๆ แล้ว สิ่งหนึ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้มากที่สุดก็คือข่าวสารที่มีผลต่อตลาดเงิน FOREX ข่าวบางข่าวทำให้ค่าเงินขึ้นหรือลงได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งนั่นหมายถึงอาจทำให้คุณทำกำไรได้อย่างงามหรือขาดทุนได้อย่างรวดเร็ว การติดตามข่าวสารสำคัญจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เราจะมาดูกันว่าข่าวสารแบบไหนมีผลต่อการขึ้นลงของตลาดเงิน FOREX

          ข่าวสารทั่วไปที่มีผลพอประมาณเป็นระยะเวลาสั้นๆ กับตลาด FOREX ก็คือข่าวทั่วไป เช่น ข่าวภัยธรรมชาติหรือข่าวก่อการร้ายที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด ข่าวเศรษฐกิจโลกทั่วไป เช่น ข่าวการปรับตัวขึ้นหรือลงของราคาน้ำมัน ข่าวราคาทองคำ โดยทั่วไปแล้วราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นเมื่อค่าเงิน USD อ่อนค่าลง และราคาทองคำจะราคาลดลง เมื่อค่าเงิน USD แข็งค่าขึ้น

43
ปัจจัย 3 ประการที่จะทำให้ได้กำไรจากการเทรด Forex

สำหรับคนที่คุ้นเคยและมีความชำนาญในตลาด Forex แล้ว อาจจะควบคุมความเสี่ยงได้ แต่สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในวงการก็จะรู้สึกว่า Forex ไม่ใช่อะไรที่เล่นง่ายและมีความเสี่ยงน้อยเลย หากคาดการพลาดเพียงเล็กน้อยก็ขาดทุนได้ง่ายมาก ดังนั้นครั้งนี้เราจึงขอนำเสนอองค์ประกอบ 3 ประการที่คุณจะต้องยึดถือเอาไว้ในหากคุณต้องการเทรด Forex ให้ได้กำไร 3 ประการที่ว่ามีอะไรบ้าง มาดูกันเลย

1.ควบคุมจิตใจให้หนักแน่น
     การเข้าสู่วงการนักค้านักลงทุน ไม่ว่าจะตลาดไหนก็ตาม มืออาชีพทุกคนให้ความสำคัญกับประการนี้มาก และให้น้ำหนักความสำคัญมากถึง 60 % ทีเดียว การควบคุมจิตใจให้หนักแน่นนั้นก็คือ เราต้องไม่โลภ ต้องไม่กลัว และไม่เชื่อคนง่าย คุณเทรดได้ก็อย่ามั่นใจเกินไปว่า ต่อไปแนวโน้มจะพุ่งขึ้นทำให้คุณได้อีก ตลาดอาจมีการเปลี่ยนแปลงก็ได้ และก็อย่ากลัวที่จะซื้อหรือขาย แม้ว่าคุณจะวิเคราะห์ระบบแล้ว แต่คุณจะต้องพยายามมองกว้างๆอีกครั้งเพื่อให้เห็นแนวโน้มที่ชัดเจนที่สุด อย่าเชื่อใคร เพราะนั่นอาจทำให้คุณลืมที่จะวิเคราะห์ข้อมูลไป

2.ศึกษาระบบเทรด Forex ให้ละเอียด
     คุณจะต้องมีความเข้าใจว่า Forex คือ อะไร เล่นอย่างไร และเล่นไปเพื่ออะไร ซึ่งตรงนี้ฟังดูเหมือนง่าย แต่คุณจะต้องรู้ตัวเองว่าคุณรู้จัก Forex ดีแค่ไหน จากนั้นคุณก็ต้องรู้จักหาข้อมูลให้มากๆ เรียนรู้ข้อมูลทุกอย่าง ทั้งปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายใน ทุกอย่างที่จะมีผลต่อแนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงของตลาด จากนั้นนำข้อมูลที่เก็บไว้ลองทดสอบดูในการเทรด (Sample Size) จากนั้นก็เก็บสถิติไว้ซึ่งนั้นจะช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงระบบเทรดที่ดีของคุณได้

3.บริหารจัดการอย่างมีวินัย
     เมื่อคุณเข้าถึงระบบเทรด Forex แล้ว คุณก็ต้องรู้จักบริหารระบบอย่างมีวินัย บริหารการเงินอย่างเคร่งครัด คุณจะต้องเรียนรู้ที่จะจัดการกับเงินทุนอย่างไร บางคนเห็นว่าได้กำไรแล้ว มั่นใจมาก ระดมเงินทุนทั้งหมดเพื่อเทรดครั้งต่อไปโดยไม่เผื่อทางสำรองให้มีทางออก โอกาสที่จะพังทั้งระบบจึงมีสูง ฉะนั้น เราจะต้องมีวินัยในการจัดการกับระบบที่เราสร้างขึ้นมา ขีดกรอบตัวเองไว้อย่าดำเนินการเทรดนอกกรอบ การเทรดใช่ว่าเราจะได้กำไรตลอด ตอนเทรดได้กำไรแล้วต้องจัดการกับเงินทุนอย่างไร คุณต้องดำเนินการรูปแบบหนึ่ง หากเสียติดๆกันคุณจะจัดการกับเงินทุนอย่างไรนี่ก็เป็นการบริหารจัดการในอีกสถานการณ์หนึ่ง จะดีหรือไม่อยู่ที่คุณบริหารจัดการทั้งสิ้น

องค์ประกอบ 3 ประการนี้เป็นสิ่งที่คุณควรปฏิบัติตาม หากคุณต้องการได้กำไรจาก Forex ทุกสิ่งเกิดจากคุณเอง ศึกษาหาความรู้และฝึกฝนให้ชำนาญ หาประสบการณ์ตรงบ่อยๆ เมื่อทุกอย่างตกผลึกคุณก็จะกลายเป็นกูรูคนหนึ่งที่สามารถทำไรจาก Forex ได้ตลอดไม่มีผิดพลาด     

44
มือใหม่ต้องอ่าน พื้นฐานการเทรด Forex เพื่อการก้าวสู่มืออาชีพ     

     สำหรับผู้ที่เพิ่งจะก้าวเข้าสู่ตลาด Forex ก็คงจะได้สัมผัสบรรยากาศแบบเบาๆ มากันบ้างแล้ว สำหรับคนที่คิดว่าไม่ใช่ก็คงจะถอยหลังกลับไปหาจุดที่ใช่ ส่วนคนที่เริ่มติดใจก็คงจะเดินหน้าต่อกับ Forex แต่การเดินหน้า คุณไม่ควรที่จะเดินอย่างไร้ทิศทาง หากคุณยังขาดพี่เลี้ยงที่จะนำทางคุณ เราขออาสาเป็นพี่เลี้ยงแนะนำคุณเอง ด้วยบทเรียนแรก พื้นฐานการเทรด Forex

     พื้นฐานการเทรด Forex มีหลักการสำคัญอยู่ที่การวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ เราจะมาดูกันว่าแต่ละแบบเป็นอย่างไร
     1.วิเคราะห์เชิงเทคนิค
     การวิเคราะห์ข้อมูลแบบที่ 2 นี้เป็นการวิเคราะห์ปัจจัยภายในหรือการวิเคราะห์กราฟ ซึ่งคุณจะต้องมีความรู้ในการดูกราฟให้เป็น คุณถึงจะรู้ความเคลื่อนไหวของราคา มีมือใหม่ที่กำลังหัดเทรด Forex หลายหลายที่มาตกม้าตายเอาตรงนี้ อาจเป็นด้วยความชะล่าใจ ไม่ศึกษาความเคลื่อนไหวของราคาให้ละเอียดจึงต้องขาดทุนและ ถอยออกไปในที่สุด ฉะนั้น การศึกษาและทำความเข้าใจเรื่องการดูกราฟจึงเป็นเรื่องสำคัญที่คุณละเลยไม่ได้ เมื่อคุณดูกราฟเป็นคุณก็อาศัยข้อมูลบนตารางนั้นเป็นตัวกำหนดทิศทางการเทรดในแต่ละครั้งของคุณ ตารางกราฟนั้นจะช่วยชี้แนวโน้มให้คุณได้วิเคราะห์ หากคุณค้นพบแนวโน้มนั้น คุณมีโอกาสที่จะเทรด Forex แล้วประสบความสำเร็จได้กำไรสูงทีเดียว

     2.วิเคราะห์มูลฐาน
     การวิเคราะห์ข้อมูลแบบนี้ จะเป็นวิธีการวิเคราะห์ตลาดโดยอาศัยปัจจัยภายนอก นั่นคือแนวโน้มภาวะทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ สามารถกำหนดปริมาณความต้องการ อุปสงค์ อุปทาน และสามารถกำหนดทิศทางของตลาดได้ นั่นคือ คุณต้องคอยติดตามข่าวสารทั้งในและนอกประเทศ ดูว่าเศรษฐกิจโลกเป็นอย่างไร ตื่นตัวหรือซบเซา และภาวะเศรษฐกิจในประเทศเราเป็นอย่างไร ประเทศใดที่ภาวะทางการเมืองนิ่ง สภาพเศรษฐกิจก็จะดี และพอเศรษฐกิจดีระบบเงินตราของเขาก็จะต้องดีตามไปด้วยเช่นกัน อย่างเช่น สมมุติว่าการเมืองของญี่ปุ่นมีภาวะที่ปกติ เศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นก็จะค่อนข้างไหลลื่น เศรษฐกิจดีประชาชนมีงานทำ มีเงินใช้ สภาพสังคมก็จะสมบูรณ์ ซึ่งแน่นอนว่าย่อมส่งผลต่อค่าเงินของประเทศ เงินเยนของญี่ปุ่นก็จะแข็งค่าขึ้น อัตราดอกเบี้ยก็จะสูงขึ้นด้วย สรุปง่ายๆว่าการวิเคราะห์มูลฐานก็คือ การดูปัจจัยสภาพแวดล้อมโดยรวมทั้งหมดก่อนการเทรด Forex

นี่คือพื้นฐานการเทรด Forex เพื่อการก้าวสู่มืออาชีพ ขอให้คุณรู้ไว้ว่าสิ่งสำคัญอยู่ที่พื้นฐาน การวิเคราะห์ทั้ง 2 แบบนั้นเป็นพื้นฐานสำคัญที่คุณจะต้องเรียนรู้และใช้ควบคู่กัน การวิเคราะห์ทั้ง 2 แบบ ไม่มีแบบไหนที่ดีกว่ากัน หากคุณต้องการก้าวไปสู่นักค้า Forex มืออาชีพ คุณจะต้องฝึกพื้นฐานการวิเคราะห์ด้านบนบ่อยๆและฝึกให้ชำนาญ เพียงเท่านี้ คุณก็จะมีโอกาสทำกำไรจากตลาดค้าเงินแห่งนี้แล้ว   

45
วันนี้จะมาขอแนะนำ เรื่องน่ารู้ก่อนจะถึงขั้นตอนการเทรด Forex จะเป็นอย่างไร เข้ามาชมกันเลยครับ

                       1. อย่าเชื่อคนอื่นมากเกินไป ทั้งในตลาดหุ้น และตลาด Forex จะมีผู้วางตนเป็นขาใหญ่และกูรูประจำเว็บอยู่เสมอ บางคนก็เชียร์แหลก บางคนก็รู้ไม่จริง บางคนก็ขายหนังสือตัวเอง ทั้งหมดนี้คุณอาจอ่านข้อมูลจากคนอื่นได้ แต่อย่าเชื่อใครทั้งหมด ให้เชื่อตัวเองไว้ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน ในทุกตลาดการลงทุน คนเก่งมีจริง คนไม่เก่งก็มีมาก อยู่ปนๆ กันไป การเชื่อว่าทำตามคนอื่นว่าจะทำให้เราร่ำรวยเหมือนเขา เป็นวิธีที่ผิด และมีคนเจ๊งมามากต่อมาก

                        2. หาวิธิวิเคราะห์ให้ได้ด้วยตัวเอง หากคิดจะเป็นนักลงทุน Forex ที่ดี ทำกำไรได้จริงๆ คุณควรทุ่มเทการศึกษาการลงทุนให้ทะลุปรุโปร่ง จนเรียกว่าเข้าใจทุกขั้นตอน และที่สำคัญคุณจะต้องวิเคราะห์ได้ด้วยตัวเอง แม้ช่วงแรกๆ จะวิเคราะห์ผิด วิเคราะห์ถูกบ้าง อาจขาดทุนบ้าง แต่ทั้งหมดคือประสบการณ์สำคัญของมือใหม่ เชื่อเถิดว่ามือใหม่ทุกคนล้วนเริ่มต้นจากความล้มเหลว มีหลายคนเพียงแค่เดือนเดียวก็เลิกการลงทุน แต่ถ้าหากนำบทเรียนการขาดทุนมาพิจารณา คุณอาจค้นพบข้อผิดพลาดตัวเองและนำมาใช้ปรับปรุงจนประสบความสำเร็จในครั้งต่อไปได้แน่ๆ

                        3.หาความรู้พื้นฐานเรื่อง Forex ให้มากที่สุด  คนอื่นเล่าก็ไม่เท่าเราเข้าใจเอง การไปทำตามที่คนอื่นบอกๆ มา ก็ไม่เท่าเรามีความรู้ความเข้าใจและสามารถตัดสินใจซื้อขายได้ด้วยตัวเอง ข้อดีคือรวยก็รวยด้วยตัวเอง เจ๊งก็เจ๊งด้วยตัวเอง เพราะถ้าเราเชื่อคนอื่นแล้วเกิดผิดพลาด เราจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจว่ารู้อย่างนี้เชื่อตัวเองดีกว่า

                        4. Forex ทำให้รวยได้และทำให้จนได้ เรื่องจริงก็คือไม่มีใครได้กำไรตลอด และไม่มีใครขาดทุนตลอด ข้อนี้ควรจำไว้ให้ขึ้นใจ เมื่อเวลาได้กำไรเราจะเริ่มใจกล้ามากขึ้นเรื่อยๆ เมื่ออยากได้กำไรมากขึ้น เราก็กล้าลงทุนมากขึ้น กล้าเสี่ยงมากขึ้น หลายครั้งอาจมาถูกทางสร้างกำไรมหาศาล แต่ก็อาจมีบางครั้งผิดพลาดหมดตัวได้เช่นกัน ไม่มีการลงทุนใดที่ไม่มีความเสี่ยง Forex ก็เช่นกัน แต่ข้อดีของการกำไรและขาดทุนด้วยตัวเองก็คือคุณจะมีประสบการณ์มากขึ้น เพียงเวลาผ่านไป 1-5 ปี เชื่อว่าคุณจะมีความชำนาญมากขึ้นมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้นแน่นอน

เห็นคนอื่นร่ำรวยรวดเร็วในตลาดค้าเงิน Forex แล้ว ทำให้เราอยากรีบกระโจนเข้าไปเล่นในตลาด Forex แบบเขาบ้าง คำเตือนก็คือตลาด Forex ไม่ได้ทำให้ร่ำรวยกันทุกคน มีทั้งขาดทุนแทบหมดตัวและมีทั้งร่ำรวยอย่างคิดไม่ถึง คุณเองมีสิทธิที่จะทั้งขาดทุนและกำไร ดังนั้นเพื่อความไม่ประมาท เราควรรู้เรื่องนี้ก่อนที่จะเทรด Forex

หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 14
SMF 2.0.15 | SMF © 2011, Simple Machines
SMFAds for Free Forums