แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Tamol

หน้า: 1 ... 15 16 [17]
241
1. การวางแผนการเทรดและเทรดตามแผนของคุณ(Plan your trade And Trade your plan)
ในการเทรด ไม่ควรตัดสินตามอารมณ์ ความรู้สึกของคุณ ว่าราคาน่าจะขึ้น ราคาน่าจะลง แล้วเปิดคำสั่งเทรด คุณจำเป็นจะต้องมีการวางแผนในการเทรดเพื่อนำไปสู่ึความประสบความสำเร็จ
แผนการเทรดที่ดี ควรประกอบด้วย
-  การกำหนด จุดเข้า หรือ สัญญาณในการเข้าเทรด
-  การกำหนดจุด ขาดทุน ( Stop Loss)
-  การกำหนดเป้าหมายกำไร ( Target)
-  การวางแผนทางการเงิน ( Money Management)
-  การบริหารความเสี่ยง ( Risk Management) การจัดสรรค์การเรดให้เหมาะสม
แผนการเทรดที่ดีจะช่วยให้คุณตัดอารมณ์ ออกจากการเทรด ช่วยให้คุณไม่ต้องมานั่งเครียด เวลาที่ติดลบ หรือ ไกล้จะ Call Margin ( เงินใกล้จะหมด)  ไม่ต้องถูกบังคับปิด เช่น มาจิ้นของคุณหมด ตัวอย่างแผนการเทรดหรือระบบเทรด คุณสามารถ หาได้จากเ็ว็บนี้ หรือ จาก google ลองหาแผนการเทรดที่เหมาะกับตัวของคุณ ลองทดสอบระบบ และเทรดตามระบบด้วยเงินปลอม อาจจะปรับปรุงให้เหมาะสมกับตัวของคุณ แล้วนำมาประยุกต์ใช้กับการเทรดของคุณ ซึ่งไม่มีระบบไหนที่ได้ผลการเทรดของคุณออกมา 100% ระบบเทรดที่ดี ควรมีประสิทธิ์ภาพมากกว่า 60 % ไม่ว่าคุณจะได้ระบบเทพ หรือ สุดยอดเทพ ยังไง คุณก็ต้องติดลบก่อน ไม่มีใครไม่เคย ติดลบ
2. แนวโน้มของกราฟ คือเพื่อนของคุณ ( The Trend is Your Friend ) 
อย่าคิดสวนเทรน  ให้หาสัญญาณ  Buy/ Long เมื่อ ตลาดอยู่ในสภาวะขาขึ้น ( Bullish Market ตลาดแดนบวก) และหาจังหวะ Sell/Short เมื่อตลาดอยู่ในสภาวะขาลง ( ฺำBearish Market ตลาดแดนลบ)
3. การรักษาเงินลงทุน ( Focus on capital preservation)
สิงสำคัญอีกอย่างสำหรับการเทรด ต้องรักษาเงินในบัญชีของคุณให้ดีที่สุด การเปิดคำสั่งเทรดแค่ละคำสั่ง ไม่ควรจะเกิน 10 % ของเงินในบัญชีเทรดของคุณ เช่น เงินทุน 1000 $ คุณควจจะเทรดไม่เกิน 100$ ถ้าไม่มีการรักษาเงินทุนไว้ เงินทุนจะลดลงอย่างรวดเร็ว เมื่อเทรดมาก ได้มาก ก็เสียมาก เช่นกัน เมื่อเงินหมด คุณอาจจะท้อ หรือเลิกไปเลย เพราะฉะนั้น ควรจะเล่นน้อยๆ เรื่อย ๆ แล้ว จะประสบผลสำเร็จในตลาดฟอเร็ก ฟอเ็ร็กไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่าย
4.ต้องรู้ว่าเมื่อไรควรจะตัดขาดทุน (Know when to cut loss)
ถ้าราคาวิ่งตรงข้ามกับที่คุณได้เทรดไว้ หรือคาดการณ์ไว้ สิิ่งแรกที่คุณต้องทำคือ ตัดเนื้อร้ายออกไป อย่าให้มันรุกราม แล้วหาโอกาสหรือจังหวะดีๆ เพื่อเข้าใหม่ การถือติดลบไว้ เป็นการเสียโอกาสในการหาจังหวะเข้าใหม่ในสัญญาณดีๆ และต้องมานั่งเครียด เพราะกลัวว่า มาจิ้น จะหมด คังคำที่พูดกันว่าเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย และ   ลบน้อยตัดยาก ลบมากตัดง่าย ถ้าเลวร้ายจริงๆ คุณอาจจะโดนคำสั่งปิด Margin Call ดังนั้นเมื่อทำการเทรดทุกครั้ง ควรหาจุด Stop Loss จุดที่คุณควรปิดทิ้ง เมื่อราคาวิ่งตรงข้าม จากทีคาดการณ์ไว้ โดนอาจจะกำหนดไว้เลย เช่น Exit stop Loss -20 จุด  -30 จุด หรือตั้งไว้ตามแนวรับแนวต้าน Support- Resistance
5. ปิดทำกำไรเมื่อได้โอกาส หรือด้วยความพอใจของเรา(take Profit when the trade is good)
ก่อนทำการเทรด ตั้งเป้าหมายไว้ ว่าต้องการกำไรเท่าไร เมื่อได้โอกาส ก็ควรปิดทำกำไร เป้าหมาย ( Target) อาจจะกำหนดตายตัว หรือ ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของเรา เช่น ทำกำไร 20 จุด หรือ 30 จุด หรือกำหนด ตามแนวรับแนวต้าน ( Support and Resistance) หรือกำหนด โดย Fibonaccy  ก็ได้
6. ตัดอารมณ์ออกไป(Be Emotionless)
สอง อารมณ์ ที่มีผลมากให้การเทรด คือ ความโลภ ( Greedy) และความกลัว(fear)  อย่าทำให่้สองสิ่งนี้ครอบงำจิตใจของคุณ เพราะมันจะทำให้คุณไม่สามารถเทรดได้ หมั่นฝึกฝนเทรดให้เป็นระบบ เทรดตามแผน หรือระบบเทรดที่คุณได้เตรียมไว้ จัดการ กับ การกำหนดจุดเข้า ( Entry Position) จุดออก ( Exit Position)  ระบบการเงินของคุณ(Money Management) เพียงแค่นี้ คุณก็จะประสบความสำเร็จกับฟอเร็กได้
7. อย่าเทรดตามคนอื่น  ( Do not trade base on tips from other people)
ควรเทรดตามระบบ ตามสัญญาณ หรือตามแผนที่วางไว้ อย่าเทรดตามคนอื่นโดยเด็ดขาด วิเคราะห์ให้ดีทุกครั้งก่อนการเทรด
8. จดบันทึกการเทรด (Keep A trade journal)
เมื่อคุณเปิดคำสั่ง ซื้อ (Buy/Long) ให้จด เหตุผลว่าเข้าเพราะอะไร และจดความรู็้สึกตอนนั้นไว้ เมื่อเปิดคำสั่ง ขาย ( sell/Short) ก็ทำเช่นเดียวกัน แล้วนำมาวิเคราะห์ บันทึก ข้อผิดพลาด ในการเทรด ขำข้อผิดพลาดของคุณที่เกิดขึ้น นำมาเป็นบทเรียน แล้วอย่าทำตามนั้นอีก
9.เมื่อไม่แน่ใจไม่ต้องเทรด( When in doubt, stay out)
เมื่อคุณไม่มั่นใจหรือกำลังสับสน กับสภาวะของตลาดไม่แน่ใจว่าราคาจะวิ่งไปทางไหน ให้อยู่เฉยๆ ไม่ต้องเทรด ออกไปเดินเล่นหาอย่างอื่นทำ แล้วก็รอตลาดในช่วงต่อไป คุณค่อยมาหาจังหวะการเทรดใหม่
10. อย่าเทรดมากเกินไป ( DO Not Over Trade)
ไม่ควรเปิดเทรดมากเกินไป  ในการเทรดแต่ละครั้งควรมีออเดอร์ที่เปิดทิ้งไว้ ไม่เกิน 3 ออเดอร์ ถ้ามีมากเกินไป คุณอาจจะควบคุมไม่ได้ หรือาจจะใช้อารมณ์ในการตัดสินใจเมื่อตลาดเกิดการเปลี่ยนแปลง  ดังนั้นอย่าเปิดเทรดจนมากเกินไป

โค๊ด: [Select]
http://forextrader.igetweb.com/articles/41942157/%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3-Forex-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%94-Forex-%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2.html

242
พูดคุยForexทั่วไป / หลักการเทรด forex
« เมื่อ: 28/ก.ค./2015 02:36:43 »
การเทรด Forex “คนเก่งจริงไม่ใช่คนที่เทรดได้กำไรสูงสุด แต่เป็นคนที่อยู่รอดในตลาด forex ได้นานที่สุด”

เรามาต่อจากบทความที่แล้วกันนะครับ เมื่อเพื่อนๆ มีระบบเทรด Forex ที่มีข้อมูลครบถ้วนแล้ว รู้แล้วว่าระบบเทรด Forex ของตัวเองมี % ความแม่นยำเท่าไหร่ เพื่อนๆ ก็จะวางแผนได้ว่าควรจะลงเงินในการเทรดแต่ละครั้งเท่าไหร่ เพื่อให้เหมาะสมกับระบบและทุนที่มี

และเมื่อได้ตัวเลขการลงเงินมาแล้ว ก็ควรยึดถือตามนั้นอย่างเคร่งครัด ไม่เทรดเกินนั้น เพราะเรารู้แล้วว่าระบบของตัวเองเป็นอย่างไร มีความแม่นยำเท่าไร ได้ติดๆ กันก็มีโอกาศเสียติดๆ กันเช่นกัน

การเทรด Forex ให้มีกำไรแบบยั่งยืน มีองค์ประกอบอะไรบ้าง เรามาดูตามรูปข้างล่างนะครับ


1. Forex Trading System (ระบบเทรด) มีความสำคัญ 10%
เพื่อนๆ ควรหาระบบเทรด ที่เหมาะสมกับตัวเองให้เจอ ควรเป็นระบบที่ทน Drawdown ได้ ที่สำคัญเมื่อมีระบบแล้วก็ต้องทำตามให้ได้

2. Money Management (การบริหารเงิน) มีความสำคัญ 30%
เมื่อมีระบบเทรดแล้ว Money Management ก็จะปรากฎให้เห็นเอง ว่าเราจะจัดการกับเงินทุนยังไง ให้เหมาะสมกับข้อมูลระบบเทรดที่มี เช่น เรามีข้อมูลว่าระบบของเรามีโอกาศเสียติดๆ กัน เราก็ต้องลงเงินในจำนวน % น้อยๆ มี Stop loss อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อจะทำให้ไม่ทำให้พอร์ตเสียหายมาก

3. Psychology (จิตวิทยา) มีความสำคัญ 60%
ในการเทรด Forex การควบคุมจิตใจ ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของการเทรดให้กำไรแบบยั่งยืนได้เลยที่เดียว ต่อให้เพื่อนๆ มีสองข้อแรกดีแค่ใหน ถ้าขาดการควบคุมจิตใจไปก็ไม่สามารถจะเทรดให้กำไรแบบยั่งยืนได้ ตัวที่เด่นๆ คือ ความโลภ กับความกลัว รองลงมาคือ ความมั่นใจเกินไป

ตัวอย่างเช่น เมื่อมีกำไรก็เกิดความโลภ เพิ่ม Positions มากขึ้น พอตลาดเปลี่ยนทิศก็ขาดทุนมาก พอขาดทุนก็เกิดความกลัว ลด Positions ลง พอตลาดถูกทิศก็กำไรน้อย (ไม่ทำตามกฎ Money Management ที่ได้วางไว้)

หรือ ราคาวิ่งเลยจุดเข้าไปไกลแล้ว แต่เกิดความโลภ เห็นราคาไหลจึงรีบเข้ากลางทาง พอตลาดเปลี่ยนทิศก็ขาดทุนมาก พอขาดทุนก็เกิดความกลัวพอระบบให้สัญญาณในครังต่อไปก็ไม่กล้าเปิดคำสั่งซื้อขาย พอตลาดถูกทิศก็ไม่มีกำไร (ไม่ทำตามระบบเทรด forex ที่ได้วางไว้)

หรือ เทรดได้ติดๆ กันหลายครั้งทำให้เกิดความมั่นใจเกินไป เพิ่ม Positions มากขึ้น โดยไม่ทำตามกฎ Money Management ที่ได้วางไว้ พอตลาดเปลี่ยนทิศก็คืนกำไรที่ได้มาไปจนหมดในครั้งเดียว

ดังนั้นเพื่อนๆ ที่ซื้อขายเอาไว้ตามระบบก็คอยออกตามระบบ ใครที่ตกรถก็นั่งดูไปก่อน อย่าเข้ามาในตลาดขณะที่ไม่ใช่เวลาซื้อขาย

เล่น forex แบบสบายๆ มีสัญญาณซื้อก็ซื้อ มีสัญญาณขายก็ขาย พยายามอย่าคิดมาก เล่นตามระบบที่วางไว้ แล้วทำกำไรตามระบบ ไปเรื่อยๆดีกว่า

ข้อสำคัญที่สุดคือมีวินัยในการ Stop loss เพราะถ้าหากคาดการผิด จะได้ไม่เสียหายมาก แต่ถ้าถูกทาง ก็ Let profit run

เพื่อนๆ นักเทรด forex ควรจะมี องค์ประกอบ 3 อย่างให้ครบนะครับ ควร “อยู่รอดให้ได้ก่อนแล้วค่อยทำกำไร”

และเมื่อเทรด Forex จนได้กำไรแล้ว อย่าลืมทำบุญทำทานและแบ่งปันให้สังคมด้วยนะครับ จะช่วยลดเรื่องความโลภเป็นอย่างดี แล้วเพื่อนๆ จะรู้ว่าการให้นั้นใด้อะไรมากกว่าที่คิดมากมายครับ

โค๊ด: [Select]
https://greenforexsignal.wordpress.com/2013/09/14/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%94-forex-2/

243
ข้อแนะนำในการเริ่มต้นเล่นหุ้น Forex 

คำถามมาอันดับแรกคือ เราจะเล่นอย่างไร จะเริ่มต้นอย่างไร แล้วต้องลงทุนมากขนาดใหน แล้วผลกำไรเป็นอย่างไร
ไม่มีพื้นฐานเลยจะเล่นได้ไหม หากคุณสงสัยไม่ลงมือทำคุณอีกนานกว่าคุณจะรู้ หรือไม่มีมีโอกาสได้รู้เลย


ข้อดีของการเล่น FOREX

Exness มีพอร์ทจำลอง DEMO ให้คุณทดลองเทรด มีเงินทุนให้นักลงทุนซ้อมเทรด 100,000 $ Leverage 1:2000
โดยแค่กรอกชื่อ-นามสกุล และ email เท่านั้นคุณก็สามารถ Downlond พอร์ท Demo มาซ้อมได้แล้ว
ใช้เงินปลอมคุณจะใช้เวลาทดลองเทรด กี่เดือน กี่ปีก็ย่อมได้จนกว่าคุณจะเข้าใจ forex หมั่นฝกฝน หาความรู้ตามเว็บต่าง ๆ
หาเทคนิคที่คุณชอบเทรดทีไรก็ได้ไว้เป็นอาวุธของคุณ หรือถามคนที่รู้ ที่มีประสบการณ์ในการเทรด forex
เงินทุนในการเริ่มต้น 1 - 10 $ และคุณไม่เคยเทรดเงินจริง ห้ามลงทุนเกิน 10 $ ถึงแม้ว่าคุณจะเทรด DEMO ชำนาญแล้ว
ที่บอกแบบนี้เพราะเป็นห่วงอารมณ์และความรู้สึกในการเทรดเงินจริงแตกต่างกับเงินปลอมโดยสิ้นเชิง คุณยังควบคุมอารณ์ไม่ได้
ก็ยังไม่สมควรลงทุนมากเพราะจะทำให้เงินในพอร์ทคุณเสียหายได้

การโอนเงินเข้าพอร์ทง่ายและเร็ว โดยฝากเงิน ถอนเงิน ผ่าน E-currency , Internet Banking, 7-11 และอื่น ๆ อีกมากมาย
หรือช่องทางอื่นก็ได้ การโอนเงินกลับก็ง่ายและรวดเร็วเช่นกันบางโบรกเกอร์ใช้เวลาไม่ถึงนาทีเงินก็กลับมาเข้าบัญชีคุณแล้ว
หากให้แนะนำก็มี EXNESS ที่โอนเงินได้ทันใจ คุณโอนกลับมาใช้ทุกวันก็ได้ ส่วนโบรกอื่นก็อาจภายใน 24 -48 ช.ม.
แต่อย่างไงก็ได้เงินหากคุณต้องการถอน

ข้อเสีย ส่วนใหญ่เกิดจากตัวคุณเอง

การควบคุมอารมณ์ในการเทรดไม่ได้ เช่นเห็นมันไม่ไปทิศทางที่เราต้องการเกิดความกลัว รีบตัดขาย สรุปมันมาที่เดิม และให้กำไรคุณด้วยเกิดความเสียดาย
เห็นมันกำลังฝันผวน กลัวไม่ได้เงินรีบเข้าซื้อโดยลืมไปว่ามันผันผวนอยู่นะต้องดูทิศทางให้ดีก่อน ไม่งั้นก็โดนอีกรอบสอง
มีวินัยต่อตนเอง ตั้งกฏของตัวเองจากประสบการณ์ที่เราเคยเทรด เรามีข้อบกพร่องตรงไหน เราเคยเสียอย่างไร เขียนไว้เป็นกฏของตนเอง แล้วปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

การจะเริ่มต้นเทรดนั้นก็คงมาจาก

คุณหาพอร์ทจำลองของโบรกใหนก็ได้ มาทดสอบ ไปเลื่อย ๆ อย่าใจร้อน ผมให้คุณทดลองเทรดควรใช้เวลา 3 เดือน ถึง 1 ปีหรืออาจมากกว่านี้
เมื่อคุณเริ่มชำนาญแล้วให้คุณเปิดพอร์ทจริง เป็นบัญชี MINI หรือบัญชีเซนต์การลงทุนไม่ควรเกิน 10 $ หากพอร์ทเกิดความเสียหาย
ให้คุณเริ่มต้นใหม่ในบัญชีเดิม จนกว่าพอร์ทคุณจะคงที่ ผลงานการเทรดเริ่มทรงตัว ไม่ได้แต่ก็ไม่เสีย มันเป็นสัญญาณที่ดี คุณอาจใช้เวลาเป็นปีกว่าจะถึงขั้นนี้
เมื่อคุณมั่นใจมากขึ้นคุณก็ลงทุนมากขึ้น แต่ก็ต้องระวังมากขึ้น อย่ากลัว อย่าใจร้อน "เย็นสุขุมและรอบครอบมันเป็นหัวใจของการเทรด"
รู้จักตัดขาดทุนเมื่อคุณซื้อผิดทางอย่าเสียดายไม่ยอมปล่อยขายทิ้งมันทำให้คุณหมดได้สู้ตัดขาดทุนเหลือทุนไว้แก้คืนจะดีกว่าครับ
คุณรักษาทุนในพอร์ทไว้ได้นานที่สุดนั่นแหละคนเก่ง ส่วนกำไรนะคิดทีหลังทุนในพอร์ทคุณเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด
อย่าท้อห้ามถอยขอให้คุณสู้ต่อไปเลื่อย ๆ ก็ลงทุนให้น้อยลงหรือกลับไปเล่นบัญชีเซนต์ใหม่เพื่อเรียกความมั่นใจของคุณหากเกิดความเสียหายครับ
ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถของคุณหรอกครับผมเชื่ออย่างนั้น


กลยุทธและการลงทุน

1.ยอมรับความจริงให้ได้หากเกิดการสูญเสียเงินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในการเริ่มต้นเทรดควรจะตระหนักว่าไม่มีใครไม่เคยมีการสูญเสียในตลาดสกุลเงิน
กฎพื้นฐานก็คือการรักษากำไรให้ได้ และขาดทุนน้อยที่สุด นักเทรดที่เก่งไม่ได้หมายความว่าคุณเทรดได้มากได้เงินจำนวนมาก
แต่นักเทรดที่คือคุณสามารถรักษาเงินทุนของคุณได้ยาวนานที่สุดไม่ใช่เมื่อลงทุนไปแล้วท้อถอยไม่สู้ทำใจไม่ได้เมื่อเกิดการสูญเสียแล้ว
เลิกเทรดไปเลยเสียดายความรู้และประสบการณ์ที่คนอื่นไม่มีโอกาส

2.การเข้าซื้อนั้นต้องมีความคิดอย่างรอบคอบทุกครั้งอย่าใจเร็วก่อนที่คุณจะเริ่มต้น การซื้อขาย,คุณควรจะกำหนดปริมาณเงิน
ของคุณเองที่จะสูญเสียเท่าไร (stoploss)และสิ่งที่คุณคาดหวังกำไร(take profit)เท่าไร และควรมีเป้าหมายอย่างชัดเจน

3.อย่ากลัวความไม่แน่นอนของตลาดเงินตรานักเทรดจำนวนมากกลัวความไม่แน่นอนและความเสี่ยงของตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
ผู้ที่สามารถเอาชนะใจตัวเองได้ รางวัลคือเงินเพิ่มขึ้นในพอร์ทของคุณ

4.ความรับผิดชอบต่อการตัดสินใจของคุณเชื่อมั่นตัวคุณเองอย่าเชื่อคนอื่น เมื่อคุณกำหนดแผนของการลงทุนไว้แล้ว ควรปฏิบัติตามแผนนั้นอย่าเคร่งครัด
เมื่อกำไรหรือขาดทุน คุณก็ควรทำใจให้เป็นกลางอย่าดีใจหรืออย่าเสียใจ ถ้าอารมณ์คุณผิดปกติเมื่อคุณจะตัดสินใจซื้อครั้ง ต่อไปและจะเกิดการผิดพลาดได้
ควรหยุดเล่นไปก่อน

5.อย่าให้ความโลภใช้เวลามากกว่าเมื่อเริ่มซื้อประสบความสำเร็จมีกำไรคุณตามเป้าหมายแล้ว อย่าเด็ดขาดอย่าคิดว่ามันน่าจะไปอีก
ให้รีบขายเอากำไรทันทีอย่าคิดว่าขออีกหน่อย นั่นเป็นหายนะของคุณ เพราะคุณไม่ซื่อสัตย์ต่อตนเอง ไม่มีวินัยต่อตนเอง
จริงแล้วผมเองก็เป็นประจำขออีกนิดนะ ในที่สุดติดลบจนได้ นั่งเสียดายทีหลัง“รู้อย่านี้ขายเอากำไรไปก่อนสะก็ดี555!เจ็บตัวอีกแล้ว”

7.หากวันนั้นเริ่มต้นไม่ดีให้ถอยออกมาทันทีหรือไม่ก็หยุดเล่นวันนั้นไปเลยไม่ควรคิดเอาคืนทันทีไม่เช่นนั้นอารมณ์ขาดการควบคุม พาลจะเสียต่อได้

8.อารมณ์สาเหตุของการสูญเสียมักจะตั้งอยู่ใน ประมาทมากเกินไปปิดอารมณ์ ในระหว่างการ ซื้อขายในการแผนของคุณและอย่าลืม
ที่จะกำหนดคำสั่ง stoploss เพื่อหยุดการสูญเสียและต้องทำใจให้ได้อย่าปล่อยไปโดยไม่รู้ทิศทางว่าจะกลับมาที่เดิมเมื่อไหร่
มันน่ากลัวตัดขาดทุนแล้วเริ่มต้นใหม่โอกาสเอาคืนนั้นมีทั้งวัน

9.แนวโน้มเพื่อนของคุณอย่าเชื่อเพื่อน เอาตัวคุณเป็นที่ตั้งได้ก็ตัวเราเสียก็ตัวเรา

10.เทรดหลายครั้งชนะติดต่อกันเกิดความมั่นใจมาขึ้น ก็เลยเพิ่ม เงิน มากขึ้นตามลำดับแต่พอตลาดเปลี่ยนทิศทางกลับกลายเป็นกำไรที่ได้มา
หมดไปในพริบตาแถมยังขาดทุนเข้ามาแทน ที่ก็เลยลดเงินทุนน้อยลงเพราะขาดความมั่นใจและเกิดความกลัวเมื่อตลาดถูกทิศทางก็เลยได้คืนน้อย
ได้ไม่คุ้มเสียทำให้พอร์ทเสียหายเหตุเกิดจากไม่มีวินัยในตัวเองและไม่ควบคุมอารมณ์ตัวเราเอง
 

Forex เป็นการเก็งกำไรค่าเงินคล้ายการเล่นหุ้นแต่ตลาดเงินจะคล่องตัวกว่าตลาดหุ้นมากเป็นการซื้อขายของคู่สกุลเงินทั่วโลก

1. Margin คือวงเงินของเรา Available Margin เป็นวงเงินคงเหลือที่ใช้ซื้อขายได้Used margin = วงเงินที่ใช้ไป

2. Pip(price interest point) point(จุด)ต่ำสุดของราคาที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้คือจุดทศนิยมหลักสุดท้ายของราคา

3. Target(take profit/TP) คือเป้าหมายกำไรที่ต้องการตรงข้ามกับ Stoploss

4. Stoploss (SL) คือ การกำหนดจุดขาดทุนที่เรายอมรับได้

5. Buy(long)order เราจะได้กำไรก็ต่อเมื่อราคาปรับสูงขึ้นเมื่อราคาถึงจุด(Target)ตั้งเอาไว้

6. Sell(Short)Order เราจะได้กำเราก็ต่อเมื่อราคาปรับลดลงเมื่อราคาถึงจุด (Target) ตั้งเอาไว้

โค๊ด: [Select]
http://www.onlinemoneythai.com/board/index.php?topic=11.0

244
ในตลาด Forex จะต่างจากหุ้น ตรงที่ เราจะดูกันเป็น “คู่” ครับ ยกตัวอย่างเช่น EUR/USD คือการเปรียบเทียบระหว่างเงินยูโร กับเงินดอลล่าห์ ค่าเงินด้านซ้ายเราเรียกว่า base currency โดยเรามักจะเห็นราคา ซื้อ-ขาย อย่างนี้ครับ

EUR/USD bid= 1.3500 offer= 1.3502

โบรกเกอร์จะทำเงินจากเราจากส่วนต่างของ bid-offer ดังนั้น ทุกครั้งที่เราเปิดการเทรด เราจะติดลบก่อนเสมอ ซึ่งจะมากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับส่วนต่าง bid-offer นี้ (แต่ละคู่ของค่าเงินจะไม่เท่ากัน เช่นที่ Maketiva คู่ EUR/USD จะต่างกัน 2 หรืออย่าง GBP/JPY ต่างกัน 7 (ที่ FxOpen แบบ micro จะมากกว่า Marketiva อยู่ +1 แต่ standard จะเท่ากัน))

เช่น ณ เวลาที่เราเข้า Buy คู่ EUR/USD อยู่ที่ 1.3502 (ที่ราคา offer) ถ้าเราปิด (close) ทันที เราจะ sell คืนไปที่ 1.3500 (ที่ราคา bid) เท่ากับเราขาดทุน 0.0002 หรือ 2 จุด (หรือ pip)

ถ้าเราสั่ง ซื้อ (เรียกว่า Buy หรือ Long) ในตอนที่เราเปิด order (เปิด order BUY) เราจะได้ราคาที่ offer และเมื่อเราสั่งปิด order นี้ เราจะได้ราคาที่ bid - การ buy คือการที่เราซื้อมาถือไว้ เพื่อรออัตราแลกเปลี่ยนที่สูงขึ้น และเราจะปิด order นี้ โดยการ sell คืน (การสั่ง close order จะเป็นการ sell อัตโนมัติครับ - ไม่ใช่ให้เราเปิด order sell อีกอัน) ไปในราคาที่สูงกว่า (ถ้า sell คืนในราคาต่ำกว่า เราก็ขาดทุน) เรียกว่า ซื้อถูก ขายแพง

ข้อดีอีกข้อของตลาด Forex คือ เราสามารถเทรดขาลงได้ด้วย

เมื่อเราสั่ง ขาย (เรียกว่า Sell หรือ Short) ในตอนที่เราเปิด order (เปิด order SELL) เราจะได้ราคาที่ bid และเมื่อเราสั่งปิด order นี้ เราจะได้ราคาที่ offer - การ Sell คือการที่เราสั่งโบรกให้ขายออกไปก่อน เพื่อรออัตราแลกเปลี่ยนตกลงมา และเราจะปิด order นี้ โดยการ Buy คืน (การสั่ง close order จะเป็นการ buy อัตโนมัติครับ - ไม่ใช่ให้เราเปิด order buy อีกอัน) ไปในราคาที่ต่ำกว่า (ถ้า Buy คืนในราคาสูงกว่า เราก็ขาดทุน) เรียกว่า ขายแพง แล้วซื้อถูก

แต่จะเห็นว่า เราดู จุด หรือ pip กันที่ ทศนิยมตำแหน่งที่ 4 (หรือตำแหน่งที่ 2 ในบางคู่) เราลองมาดู EUR/USD กัน

สมมุติว่า เราพิจารณาแล้ว เราเห็นว่า EUR น่าจะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับ USD (คือ EUR จะแลก USD ได้มากขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป) เราจึงทำการเข้า buy โดยที่เราได้ราคา ที่ 1.3502 (จำได้มั๊ยครับว่าเราจะได้ราคา offer นั่นแปลว่าเมื่อเทียบกับ bid เราจะ -2 นี่คืนส่วนของค่าคอมมิทชั่นของโบรกเกอร์ครับ)

เมื่อเวลาผ่านไป ราคาวิ่งขึ้นไป ที่ 1.3552 หรือขึ้นมา 50 จุด แล้วเราเห็นว่าอาจจะไปต่อไม่ไหว จึงปิดทำกำไรที่ จุดนี้ เราจะได้กำไรมา 50 จุด หรือ 50 pips หรือ 0.0050 หน่วยใน base currency ซึ่งในที่นี้คือ 0.0050 usd

น้อยมากใช่ไหมครับ 0.0050 USD = ครึ่งเซ็นต์ หรือประมาณ 17 สตางค์ เท่านั้น นั่นแปลว่าหากเราอยากทำกำไรเยอะๆ เช่น pip ละ $1 (50 pip ก็คือ $50) เราต้องสั่งเทรดถึง $10,000 โอ้ว... ผมเองก็ไม่มีหรอกครับ $10,000

แล้วเราจะทำอย่างไรล่ะ

เดี๋ยวเรามาดูกันต่อในหัวข้อ Leverage นะครับ ว่าทำไมการมี Leverage ช่วยให้เราทำเงินเยอะ จากการลงทุนที่น้อยกว่าได้อย่างไร

โค๊ด: [Select]
http://www.onlinemoneythai.com/board/index.php?topic=97.0

245
กฎ 10 ข้อในการอยู่รอดและการลงทุนด้วย การวิเคราะห์ทางเทคนิค

กฎ ทั้ง10 ข้อนี้ เป็นหลักการสำคัญสำหรับผู้ที่ใช้วิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิคสำหรับการลงทุน เพราะหากไม่มีหลักการดังกล่าวแล้ว เราก็จะไม่สามารถกำหนดการซื้อขายที่เป็นรูปแบบได้ ซึ่งในกฎเหล่านี้จะพูดถึงการวิเคราะห์แนวโน้ม , หาจุดกลับตัว, ติดตามค่าเฉลี่ย, มองหาสัญญาณเตือน และอื่นๆ หากท่านสามารถเข้าใจและ ปฎิบัติตามหลักการเหล่านี้ได้ผมเชื่อว่าท่าน ก็สามารถเอาตัวรอด ด้วยการลงทุนโดยใช้หลักการวิเคราะห์ทางเทคนิค ได้ครับ

1. ดูแนวโน้ม
เรียน รู้ชาร์ตในระยะยาว โดยเริ่มการวิเคราะห์ชาร์ตในระดับเดือนและสัปดาห์ ของช่วงเวลาหลายๆปี การดูชาร์ตในระดับของช่วงเวลาที่กว้างขึ้นจะทำให้สามารถมองเป็นแนวโน้มของ ตลาดในระยะยาวได้ชัดเจนขึ้น เมื่อทราบถึงแนวโน้มระยะยาวแล้ว จึงจะดูชาร์ตในระดับวันและนาที การดูแนวโน้มในช่วงสั้นเพียงอย่างเดียวจะทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ถึงแม้ว่าคุณจะลงทุนในระยะสั้น คุณจะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าหากคุณลงทุนในทิศทางเดียวกับแนวโน้มในระยะกลางและ ยาว

2. วิเคราะห์และไปตามแนวโน้ม
แนว โน้มของตลาดมีหลายช่วงเวลา ระยะยาว ระยะกลาง และระยะสั้น สิ่งแรกคือ คุณต้องรู้ว่าคุณจะลงทุนในระยะเวลาเท่าใด และวิเคราะห์ชาร์ตของช่วงเวลาที่เหมาะสม โดยที่คุณต้องแน่ใจว่าคุณลงทุนไปในทิศทางเดียวกับแนวโน้มในระยะเวลานั้นๆ ซื้อเมื่อแนวโน้มอยู่ในขาขึ้น และขายเมื่อแนวโน้มอยู่ในขาลง หากคุณลงทุนในระยะกลาง ให้ใช้ชาร์ตในระดับวันและสัปดาห์ ถ้าคุณลงทุนระยะสั้น ให้ใช้ชาร์ตระดับวันและรายนาที อย่างไรก็ตาม ในแต่ละกรณี ให้ดูแนวโน้มของช่วงเวลาที่ยาวขึ้น และใช้ชาร์ตของช่วงเวลาที่สั้นลงในการหาจุดที่จะเข้าซื้อ-ขาย

3. หาจุดสูงสุดและต่ำสุด
วิเคราะห์ แนวรับและแนวต้าน จุดที่ดีที่สุดในการเข้าซื้อก็คือจุดใกล้แนวรับซึ่งมักจะเป็นจุดต่ำสุดของ รอบการซื้อขายที่แล้ว จุดที่ดีที่สุดสำหรับการขายก็คือจุดที่ใกล้แนวต้าน ซึ่งมักจะเป็นจุดสูงสุดของรอบการซื้อขายที่แล้ว หากมีการเคลื่อนผ่านแนวต้าน แนวต้านนั้นจะกลายเป็นแนวรับสำหรับการปรับตัวลดลง อีกนัยหนึ่ง จุดสูงสุดเดิมกลายเป็นจุดสูงสุดใหม่ และเช่นเดียวกัน ในกรณีที่ราคาทะลุผ่านแนวรับ มักจะมีแรงขายออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้จุดต่ำสุดเดิมกลายเป็นจุดต่ำสุดใหม่

4. รู้ว่าจะไปไกลแค่ไหนจึงจะกลับตัว
เทียบ อัตราส่วนการขึ้น-ลง เป็นเปอร์เซนต์ โดยทั่วไปตลาดจะมีการกลับตัวทั้งขึ้นและลงตามสัดส่วนเปอร์เซนต์ของแนวโน้ม ของช่วงก่อน คุณสามารถวัดอัตราส่วนของการปรับตัวขึ้นหรือลงของแนวโน้มปัจจุบันได้โดยใช้ อัตราส่วนชุดหนึ่งที่มีการกำหนดค่าไว้แล้ว เช่น การกลับตัวขึ้นหรือลง 50%ของแนวโน้มก่อน เป็นอัตราพื้นฐานที่ใช้กันบ่อย อัตราส่วนต่ำสุดของการวัดการดีดกลับ คือ 1/3 ของแนวโน้มก่อน และอัตราส่วนสูงสุดคือ 2/3 อัตราส่วนที่สำคัญและควรให้ความสนในก็คือ อัตราส่วน Fibonacci 36% และ 62% ดังนั้น เมื่อตลาดมีการพักในช่วงแนวโน้มขาขึ้น จะมีจุดซื้อคืนจุดแรกเมื่อตลาดปรับตัวลง 33-38% ของจุดสูงสุด

5. ใช้เส้นแนวโน้ม
เส้น แนวโน้มเป็นหนึ่งในเครื่องมือการวิเคราะห์ที่ง่ายและมีประสิทธิภาพที่สุด สิ่งที่ต้องคำนึงถึงมีเพียงขอบเขตที่เส้นแนวโน้มแสดงและจุด 2 ตำแหน่งบนชาร์ต เส้นแนวโน้มขาขึ้นวาดโดยใช้จุดต่ำสุด 2 จุด ที่อยู่ใกล้กัน และเส้นแนวโน้มขาขึ้นวาดโดยใช้จุดสูงสุด 2 จุดใกล้กัน ราคาของหุ้นมักจะเคลื่อนเข้าใกล้เส้นแนวโน้มก่อนที่จะเคลื่อนกลับเข้าสู่แนว โน้มของมัน หากราคาทะลุผ่านเส้นแนวโน้ม จะแสดงถึงสัญญาณของการเปลี่ยนแนวโน้ม เส้นแนวโน้มจะมีผลเมื่อราคาเคลื่อนแตะที่เส้น 3 ครั้งเป็นอย่างน้อย เส้นแนวโน้มที่ลากได้ยิ่งยาว หมายถึง จำนวนครั้งมากขึ้นของการทดสอบเส้นแนวโน้ม และยิ่งทำให้เส้นแนวโน้มมีความสำคัญมากขึ้น

6. ติดตามค่าเฉลี่ย
หมาย ถึงการเคลื่อนไหวของเส้นค่าเฉลี่ย ซึ่งจะบอกถึงราคาเป้าหมายที่จะซื้อและขาย เส้นค่าเฉลี่ยเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าราคาอยู่ในแนวโน้มเช่นใดและช่วยยืนยัน สัญญาณการเปลี่ยนแนวโน้ม อย่างไรก็ตาม เส้นค่าเฉลี่ยไม่ใช่เครื่องมือที่จะบอกล่วงหน้าว่าแนวโน้มกำลังจะเปลี่ยน รูปแบบของการใช้เส้นค่าเฉลี่ยที่เป็นที่นิยมคือการใช้เส้นค่าเฉลี่ย 2 เส้นเพื่อหาจุดซื้อ-ขาย ค่าที่นิยมใช้สำหรับค่าเฉลี่ยที่ใช้คู่กันคือ 5 วันและ10 วัน, 10 วันและ25วัน, 25 วันและ 50 วัน สัญญาณซื้อ-ขายเกิดขึ้นเมื่อเส้นที่มีค่าเฉลี่ยสั้นกว่าตัดกับเส้นที่ ยาวกว่า หรือ เมื่อราคาเคลื่อนผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน เนื่องจากเส้นค่าเฉลี่ยต่างๆเป็นดัชนีที่เคลื่อนไปตามแนวโน้ม การใช้เส้นค่าเฉลี่ยจึงเหมาะสำหรับตลาดที่ในช่วงที่มีแนวโน้มที่ชัดเจน

7. รู้ถึงจุดที่ตลาดกลับตัว
Oscillators (เครื่องมือที่มีตัวเลข ตั้งแต่ 0 ถึง 100) เป็นดัชนีที่ช่วยชี้บอกจุดที่มีการซื้อหรือขายมากเกินไป ในขณะที่เส้นค่าเฉลี่ยจะช่วยยืนยันว่าตลาดการเปลี่ยนแนวโน้ม Oscillators จะช่วยเตือนล่วงหน้าว่าตลาดเคลื่อนไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งมากเกินไป และทำให้เกิดการกลับตัว Oscillators ที่เป็นที่นิยม ได้แก่ Relative Strength Index (RSI) และ Stochastics ทั้งสองตัวนี้จัดเป็นเครื่องมือที่เรียกว่า Oscillators เพราะให้ค่าที่อยู่ในช่วง 0 ถึง 100 เมื่อ RSI มีค่าเกิน 70 จะแสดงถึงการซื้อที่มีมากเกินไป (Overbought) และ ต่ำกว่า 30 แสดงถึงการขายมากเกินไป (Oversold) ค่า Overbought และ Oversold สำหรับ Stochastics คือ 80 และ 20 นักลงทุนส่วนใหญ่ใช้ค่า 14 วันหรือสัปดาห์สำหรับการคำนวณ Stochastics และ 9 หรือ 14 วันหรือสัปดาห์สำหรับ RSI สัญญาณกลับตัวที่เกิดใน Oscillators จะเป็นสัญญาณเตือนว่าตลาดกำลังจะกลับตัว เครื่องมือเหล่านี้ใช้ได้ดีเมื่อตลาดอยู่ในช่วงที่เหมาะกับการเล่นเก็งกำไร และไม่แสดงแนวโน้มที่ชัดเจน สัญญาณในระดับสัปดาห์สามารถนำมาใช้ช่วยในการขจัดสัญญาณหลอกและยืนยันสัญญาณ ในระดับวัน และใช้สัญญาณระดับวันสำหรับยืนยันสัญญาณในรายนาที

8. มองเห็นสัญญาณเตือน
Moving Average Convergence Divergence (MACD) เป็นดัชนีวัด (พัฒนาโดย Gerald Appel) ที่รวมเอาระบบการตัดผ่านของเส้นค่าเฉลี่ยและการชี้จุด Overbought/Oversold ของ Oscillators ไว้ด้วยกัน สัญญาณซื้อจะเกิดเมื่อเส้นที่เร็วกว่าตัดขึ้นเหนือเส้นที่ช้ากว่า โดยที่ทั้ง 2 เส้นอยู่ต่ำกว่าศูนย์ สัญญาณขายเกิดเมื่อเส้นที่เร็วกว่าตัดลงต่ำกว่าเส้นที่ช้ากว่าที่เหนือ ศูนย์ สัญญาณในระดับสัปดาห์จะมีน้ำหนักและความสำคัญมากกว่าสัญญาณในระดับวัน MACD histogram ซึ่งมีลักษณะเป็นแท่ง แสดงถึงส่วนต่างระหว่าง MACD ทั้งสองเส้น สามารถส่งสัญญาณเตือนว่าจะมีการเปลี่ยนแนวโน้มได้เร็วกว่าอีกด้วย

9. เป็นแนวโน้มหรือไม่เป็นแนวโน้ม
Average Directional Index (ADX) เป็นดัชนีที่จะบอกว่าตลาดอยู่ในช่วงที่มีแนวโน้มหรือไม่ และเป็นตัวช่วยวัดว่าแนวโน้มนั้นอยู่ในระดับใด เส้น ADX ที่ชี้ขี้นแสดงถึงแนวโน้มที่มีความชัดเจนมาก ควรใช้เส้นค่าเฉลี่ยในการวิเคราะห์ หากเส้น ADX ปรับตัวต่ำลง แสดงถึงตลาดที่ไม่มีแนวโน้มและเหมาะสำหรับเก็งกำไรระยะสั้น ควรใช้ Oscillators ในการวิเคราะห์ การใช้ ADX ช่วยนักลงทุนในการวางแผนกลยุทธ์การลงทุนและในการเลือกเครื่องมือที่เหมาะสม กับสภาวะตลาด

10. รู้จักการดูสัญญาณเพื่อยืนยันแนวโน้ม
สัญญาณ ที่ให้การยืนยันรวมถึงปริมาณการซื้อขายและจำนวนการซื้อขายที่มีการลงทุนจาก ผู้ที่เข้ามาซื้อขายใหม่ (open interest) ทั้ง 2 ตัวนี้เป็นเครื่องมือสำคัญในการยืนยันแนวโน้มสำหรับตลาดล่วงหน้า ปริมาณการซื้อขายมักจะส่งสัญญาณกลับตัวก่อนที่ราคาจะกลับตัว สิ่งสำคัญคือจะต้องมั่นใจว่ามีปริมาณการซื้อขายอย่างหนาแน่นในทิศทางเดียว กับแนวโน้มปัจจุบัน ในแนวโน้มขาขึ้น ควรมีปริมาณการซื้อขายที่มากขึ้นเพื่อยืนยันว่าแนวโน้มนั้นยังแข็งแรงอยู่ ส่วน open interest ที่เพิ่มขึ้นนั้นจะช่วยยืนยันว่ามีเงินไหลเข้ามาต่อเนื่องและช่วยหนุนให้แนว โน้มปัจจุบันคงอยู่ หาก open interest ลดลง ย่อมเป็นสัญญาณเตือนว่าแนวโน้มนั้นใกล้สิ้นสุดลง ดังนั้นราคาที่มีแนวโน้มสูงขึ้นควรจะมีปริมาณซื้อขายและ open interest หนุนอยู่ด้วย

โค๊ด: [Select]
http://www.onlinemoneythai.com/board/index.php?topic=92.0

246
ที่ผ่านมาสังเกตว่า ในการเทรด forex นั้น มักจะมีปัญหา ที่ทำให้ขาดทุนหลักๆ อยู่ 2 เรื่อง คือ

การที่ยังไม่สามารถวิเคราะห์กราฟ ที่พอจะมองทิศทางได้ว่า น่าจะไปทางไหน มีระยะแนวรับ แนวต้าน อยู่ตรงไหนบ้าง
การมีวินัยในการเทรด บริหาร order ให้เหมาะสม และการตั้ง target/stop loss ที่เหมาะสม

ซึ่งข้อแรกนั้นต้องอาศัยประสบการณ์ การศึกษา และฝึกในการวิเคราะห์กราฟ ด้วยตนเองอย่างสม่ำเสมอ

ข้อ 2 เรื่องนี้ผมว่าเป็นเรื่องสำคัญนะครับ ซึ่ง 2-3 เรื่อง ที่มักจะมีปัญหาคือ

เทรด lot ใหญ่เกินไป
ไม่กำหนดจุด target/stop loss และในการเทรดนั้น หากติดลบ มักจะยอมทนถือไปเรื่อยๆ จนล้างพอร์ตในที่สุด แต่หากเริ่มบวก กลับเก็บกำไรในจำนวน pip ที่น้อยมากๆ เช่น 1 - 5 pip เท่านั้น (แต่ติดลบทีถึง -50 -100 หรือมากกว่านั้น)


กระทู้นี้ จึงตั้งขึ้นมาเพื่ออยากให้เพื่อนๆ สมาชิก ลองฝึกการบริหาร order ในการเทรดดูครับ โดย

เทรดเพียงครั้งละ 1 order เท่านั้น และเทรดที่ lot ดังนี้ คือ หากทุน $10 เทรดที่ 0.1 lot micro = pips ละ 1 cent หากทุน $1,000 เทรดที่ 0.1 lot std = pip ละ $1 หรือลองปรับตามความเเหมาะสมครับ
ทุกครั้งที่เทรด ให้กำหนด tp/sl เสมอ โดยระยะที่ใกล้เคียงกัน เช่น e/u อาจจะตั้งที่ 35/35 หากเป็น g/u อาจจะตั้งที่ 50/50 เป็นต้น
จดสถิติในการเทรด ซัก 10 - 50 order ดูครับ ว่า % เป็นเช่นไร

ในการเทรด forex นั้น หากไม่ขึ้น ก็ลง ซึ่งมองว่า โอกาสก็คือ 50:50 ดังนั้นหากเราเทรดชนะ 50% โดยการกำหนด tp/sl แบบนี้ อย่างน้อย ก็เสมอตัวแน่ๆ แต่หากเราทำ winning trade ได้ถึง 60% - 80% แน่นอนว่า พอร์ตจะค่อยๆ เติบโตขึ้นไปอย่างเรื่อยๆ แน่นอน

แต่หากทำได้น้อยกว่า 50% อันนี้ ต้องไปฝึกการวิเคราะห์กราฟใหม่นะครับ

และหากแม่นยำมากขึ้น ก็อาจจะปรับให้ tp มากกว่า sl ซักเล็กน้อย เช่น ปรับเป็น 40/35 หรือ 50/35 เป็นต้น

มาสร้างวินัย และพอร์ตให้เติบโตไปเรื่อยๆ กันครับ

โค๊ด: [Select]
http://www.onlinemoneythai.com/board/index.php?topic=99.0

247
หลักแนวทางในการเทรด Forex ให้อยู่รอด


Plan your trade and trade your plan - วางแผนการเทรด และเทรดตามแผนของคุณ:

ในการเทรด ไม่ควรตัดสินตามอารมณ์ ความรู้สึกของคุณ ว่า ราคาน่าจะขึ้น ราคาน่าจะลง แล้วเปิดคำสั่งเทรด คุณจำเป็นต้องมีแผนในการเทรดเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ แผนการเทรดที่ดี ควรประกอบด้วย
 1.การกำหนดจุดเข้า หรือสัญญาณในการเข้าเทรด,
 2.การกำหนดจุดตัดขาดทุน (Stop-Loss),
 3.การกำหนดเป้าหมายกำไร (Target), 4.การวางแผนการเงิน (Money Management) จัดสรรเงินเทรด ให้เหมาะสม แผนการเทรดที่ดี จะช่วยให้คุณตัดอารมณ์ ออกจากการเทรด ช่วยให้คุณไม่ต้องมานั่งเครียด เวลาติดลบเยอะๆ ไม่ต้องถูกบังคับปิด เมื่อ Margin ของคุณหมด ตัวอย่างแผนการเทรด หรือระบบเทรด สามารถหาดูได้จาก เว็บ www.forexfactory.com ลองหาแผน หรือระบบเทรด ที่เหมาะสมกับคุณ ลองทดสอบระบบ เทรดตามระบบ ด้วยเงินปลอม อาจปรับปรุงให้เหมาะสม แล้วนำมาใช้ใน การเทรดของคุณ ไม่มีระบบไหนที่สมบูรณ์ 100% ไม่มีใครไม่เคยติดลบ ในตลาดนี้ครับ

 

The trend is your friend - เทรนคือเพื่อนของคุณ:

อย่าคิดสวนเทรน หาจังหวะหรือสัญญาณ เพื่อ Buy/Long เมื่อตลาดอยู่ในภาวะ Bullish (เทรนขึ้น-กระทิงขวิดขึ้น) และ หาจังหวะ หรือสัญญาณ เพื่อเข้า Sell/Short เมื่อตลาดอยู่ในภาวะ Bearish (เทรนลง-หมีตะปบลง)

 

Focus on capital preservation - การรักษาเงินลงทุน :

สิ่งที่สำคัญอีกอย่าง เมื่อทำการเทรด ต้องรักษาเงินในบัญชีของคุณให้ดีู่ การเปิดคำสั่งเทรด แต่ละคำสั่ง ไม่ควรเกิน 10% ของเงินลงทุนที่มีอยู่ ตัวอย่างเช่น ถ้ามีเงินอยู่ในบัญชี $100 ในการเทรดแต่ละครั้ง ไม่เกิน $10 ถ้าไม่มีการรักษาเงินลงทุน เงินทุนอาจลดลงอย่างรวดเร็ว จนหมดและคุณอาจท้อ จนต้องเลิกไปเลย


Know when to cut loss - รู้ว่าเมื่อไหร่ต้องตัดขาดทุน:

ถ้าราคาวิ่งตรงข้ามกับที่เทรดไว้ ควรปิดทิ้งแล้ว รอสัญญาณ หรือโอกาสในการเข้าใหม่ อย่าถือไว้โดย หวังว่าราคาจะวิ่งกลับมา ให้เราปิดทำกำไร การถือติดลบไว้ ทำให้คุณเสียโอกาส ในสัญญาณดีๆ และจะต้องมานั่งเครียด กลัว margin จะหมด ดังคำ "เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย" ถ้าเลวร้ายจริงๆ อาจถึง โดนสั่งปิดไปเลย ดังนั้น ก่อนทำการเทรด จึงควรหาจุด Stop-Loss จุดที่คุณต้องปิดทิ้ง เมื่อราคาวิ่งตรงข้าม จากที่คาดหมายไว้ โดยอาจกำหนดไว้ เลย เช่น -20 จุด หรือ -30 จุด หรืออาจดูจาก แนวรับ-แนวต้าน นำมาตั้งเป็นจุด Stop-Loss


Take profit when the trade is good - ปิดทำกำไรเมื่อได้โอกาส:

ก่อนทำการเทรด ตั้งเป้าหมายไว้ ว่าต้องการกำไรเท่าไหร่ เมื่อได้โอกาส ก็ควรปิดเพื่อทำกำไร เป้าหมาย หรือ Target อาจกำหนดตายตัว ขึ้นอยู่กับความพอใจของเรา เช่น กำไร 20 จุด, กำไร 30 จุด, 50 จุด หรือกำหนดจาก แนวรับ-แนวต้าน หรืออาจใช้เครื่องมือช่วย เช่น Fibonacci หรือ Pivot Point เป็นตัวกำหนด


Be emotionless - ตัดอารมณ์ออกไป:

2 อารมณ์ ที่มีผลมากในการเทรด คือ ความโลภ และความกลัว อย่าให้ความโลภ และความกลัว เข้ามามีผลต่อการเทรดของคุณ หมั่นฝึกฝน เทรดให้เป็นระบบ เทรดตามแผน หรือระบบเทรด ที่วางไว้ ตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop-Loss), เป้าหมาย (Target) , บริหารเงินให้ดี คุณก็จะมีโอกาส ประสบความสำเร็จ ใน Forex ได้ครับ

 

Do not trade based on tips from other people - อย่าเทรดตามคนอื่น:

เทรดตามระบบ ตามสัญญาณ หรือ ตามแผนที่วางไว้ อย่าเทรดตามคนอื่นโดยเด็ดขาด วิเคราะห์ให้ดีทุกครั้ง ก่อนการเข้าเทรด

 

Keep a trading journal - จดบันทึกการเทรด:

เมื่อคุณเปิดคำสั่ง ซื้อ (Buy/Long) ให้จด เหตุผลว่าเข้าเพราะอะไร และจดความรู้สึกตอนนั้นไว้ และเมื่อเปิดคำสั่ง ขาย (Sell/Short) ก็ทำเช่นเดียวกัน แล้วนำมาวิเคราะห์ บันทึก ข้อดี/ข้อผิดพลาด ในการเทรด นำข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น มาเป็นบทเรียน อย่าทำตามนั้นอีก

 

When in doubt, stay out - เมื่อไม่แน่ใจ ไม่ต้องเทรด:

เมื่อคุณมั่นใจ หรือกำลังสับสน กับสภาวะของตลาด ไม่แน่ใจว่าราคา จะวิ่งไปทางไหน ใหัอยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำอะไร บางครั้งการไม่ทำอะไร ก็อาจดีที่สุด


Do not overtrade - อย่าเทรดมากจนเกินไป:

คุณไม่ควรเปิดเทรด มากจนเกินไป ปกติในเวลาหนึ่ง ควรมี Position ที่เทรดค้างไว้ ไม่เกิน 3-5 Position ถ้ามีมากเกินไป คุณอาจควบคุมไม่ได้ หรืออาจใช้ อารมณ์ในการ ตัดสินใจ เมื่อตลาดเกิดการเเปลี่ยนแปลง ดังนั้นอย่าเปิดเทรด มากจนเกินไป
โค๊ด: [Select]
http://www.onlinemoneythai.com/board/index.php?topic=90.0

248
17 TIPS ลับ เทรด FOREX ให้เซียน

1.พยายามพัฒนากลยุทธในการเทรดและต้องแน่ใจว่ามันทำงานได้ดีกับข้อมูลในอดีต จากนั้นต้องแน่ใจว่ามันทำงานได้ดีในเดโมแอคเค้าท์ และสุดท้ายต้องแน่ใจว่ามันทำงานได้ดีในแอคเค้าท์จริงด้วยปริมาณล็อตน้อยๆ จากนั้นถ้ามันทำงานได้ดีคุณสามารถนำมันมาใช้งานจริงกับปริมาณการเทรดที่ใหญ่ขึ้น การเทรดที่ไม่มีกลยุทธจะทำให้ไม่สามารถมีกำไรในระยะยาวได้
2.เมื่อคุณเทรด คุณจะต้องพิจารณาแนวโน้มของเทรนในปัจจุบันเสมอ ซึ่งมันขึ้นกับทามเฟรมที่คุณใช้ เช่น ระยะวันหรือระยะเดือน เป็นต้น ถ้าตลาดอยู่ในสภาวะที่มีแนวโน้ม คุณจะต้องเปิดเทรดตามแนวโน้มนั้น ห้ามเปิดเทรดสวนแนวโน้มนั้น และถ้ามันไม่มีแนวโน้ม คุณสามารถเทรดได้ทั้งสองทิศทางด้วยการขีดเทรนไลน์ในลักษณะ Channel

3.ก่อนที่คุณจะเทรดในทามเฟรมนั้นๆ คุณจะต้องตรวจสอบทามเฟรมที่มีขนาดใหญ่กว่าเสมอ เช่น ถ้าคุณเทรดระหว่างวัน คุณจะต้องตรวจสอบทามเฟรมระยะเดย์ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้เทรดสวนทามเฟรมระยะเดือน

4.ใช้ทามเฟรมขนาดเล็กเพื่อหาจุดเข้าจุดออกที่ดีที่สุด ถ้าคุณเทรดทามเฟรม 1 ชั่วโมง ใช้ทามเฟรม 15 นาที เพื่อหาจุดเข้าจุดออกที่ดีที่สุด ถ้าคุณเทรดทามเฟรมระยะวัน คุณควรใช้ทามเฟรม 1 ชั่โมงในการหาจุดเข้าและจุดออกที่ดีที่สุด

5.เรียนรู้วิธีการบริหารความเสี่ยง เพราะถ้าคุณไม่บริหารความเสี่ยงและเทรดมากจนเกินไป เมื่อทุนคุณหมด คุณก็จำเป็นที่จะต้องออกจากธุรกิจนี้อย่างทันที นี่คือเหตุผลว่าทำไมคุณไม่ควรเสี่ยงเกิน 5% ของพอร์ต และสำหรับทริปนี้ ผมแนะนำว่าคุณไม่ควรที่จะเทรดเกิน 2-3% ของพอร์ต

6.เรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์ของคุณ เมื่อคุณเปิดและปิดโพซิชันของคุณบนพื้นฐานของอารมณ์ไม่ใช่บนพื้นฐานของระบบที่ได้บอกคุณ เมื่อนั้นคุณจะเริ่มเสียเงิน เช่นเดียวกันถ้าคุณชนะติดๆกันคุณก็จะเริ่มคิดว่าคุณเองคือผู้วิเศษ และละทิ้งระบบของคุณซึ่งจะนำไปสู่การสูญเสียเงินครั้งใหญ่ ดั้งนั้นคุณจะต้องทำใจให้สงบ ไม่ว่าคุณจะเทรดได้หรือเสีย หลังจากการเทรดที่พ่ายแพ้ ไม่นานคุณก็จะได้พบกับการเทรดที่ได้รับชัยชนะ ซึ่งจะชดเชยการสูญสียที่มีมาก่อนหน้านั้น

7.กลยุทธในการเทรดควรจะเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์และบุคลิกภาพของคุณ ถ้าคุณมีเวลาไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน คุณควรเลือกเทรดในทามเฟรมขนาดใหญ่ เช่น ระยะวันหรือระยะเดือน ถ้าคุณไม่สามารถรอคอยการเคลื่อนไหวขนาดใหญ่ได้คุณควรเทรดในทามเฟรมขนาดเล็ก เช่น 5-15 นาที ถ้าคุณต้องการเวลาหลายชั่วโมงในการตัดสินใจ คุณควรเลือกทามเฟรมขนาดใหญ่ และเทรดในแนวโน้มระยะยาว

8.ถ้าคุณกำลังสงสัยหรือไม่แน่ใจในตลาด คุณควรงดจากการเทรด การที่คุณหยุดเทรดจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการเสียเงินได้ และเตรียมความพร้อมที่จะทำกำไรก้อนใหญ่เมื่อมีเทรนปรากฏขึ้น

9.ใช้จุดตัดขาดทุนหรือการเฮดจ์เสมอ เมื่อคุณอยู่ตรงข้ามกับแนวโน้มคุณควรตัดขาดทุนหรือเฮดจ์เพื่อรักษาเงินทุนของคุณไว้อย่าเสี่ยงเงินของคุณทั้งหมดเพียงเพื่อการเทรดเพียงแค่ครั้งเดียว

10.ก่อนที่จะยอมรับสัญญาณการเทรด คุณต้องตรวจสอบก่อนว่า กำไร/ขาดทุน ต้องได้อย่างน้อย 2:1 และอย่าเข้าเทรดถ้า กำไร/ขาดทุน น้อยกว่า 2 จากสถิติพบว่า โดยทั่วไปแล้วเทรดเดอร์จะมีความสามารถในการคาดเดาตลาดได้ถูกต้องประมาณ 60% โดยเฉลี่ยเท่านั้น นี่คือเหตุผลว่าทำไม กำไร/ขาดทุน ควรต้องได้อย่างน้อย 2:1 นี่คือแนวทางที่จะทำให้คุณได้กำไรในระยะยาว

11.อย่าถัวเฉลี่ยเมื่อคุณเทรดผิดทาง ถ้าคุณถัวเฉลี่ยในขณะที่คุณเทรดผิดทาง นั่นหมายถึงว่าคุณกำลังเทรดด้วยอารมณ์ ถ้าตลาดไม่กลับมายังทิศทางที่คุณคิดคุณจะเสียเงินจำนวนมาก บางคนก็ใช้วิธีการเลื่อนจุดสต๊อบลอสออกไปเมื่อเขาเทรดผิดทาง นั่นเป็นแนวทางที่จะทำให้คุณเสียเงิน ในทริปนี้เราขอแนะนำว่าให้คุณเพิ่มโพซิชันเมื่อคุณเทรดถูกทาง นั่นหมายถึงการถัวเฉลี่ยในทิศทางการเทรดที่ถูกต้องนั่นเอง

12.ตัดขาดทุนและปล่อยให้กำไรวิ่งไป ปิดโพซิชันที่ขาดทุนโดยไม่ลังเล และปล่อยให้กำไรสะสมมากขึ้น อย่ากลัวว่าตลาดจะรีเทิร์นกลับมาและคุณจะเสียแค่ -20 จุด เมื่อมันวิ่งไปให้ยกจุดตัดขาดทุนมาไว้ที่ศูนย์และคุณปล่อยให้กำไรวิ่งไป อาจเป็นไปได้ว่าคุณบวก +80 จุด ซึ่งมาจะกลบการขาดทุนของคุณในตอนแรก

13.คุณควรรู้เวลาของค่าเงินที่คุณจะเทรดว่าเวลาไหนที่แอคทีฟที่สุด อย่างเช่น GBPUSD และ EURUSD จะแอคทีฟเวลาที่ตลาดลอนดอนและตลาดนิวยอร์กเปิดซ้อนทับกัน (ระหว่าง 8:00 am และ 11:00 am EST) ส่วน AUDJPY จะแอคทีฟเมื่อตลาดซิดนีย์และตลาดโตเกียวเปิดซ้อนทับกัน (ระหว่าง 7:00 pm และ 12:00 am EST) มันง่ายและปลอดภัยที่จะรู้ว่าควรจะเทรดช่วงเวลาไหน ยังดีกว่าต้องมานั่งเฝ้าเวลาอื่นที่กราฟแกว่งเพียงแค่ 20 จุด

14.คุณควรรู้วันที่เหมาะสมกับการเทรดในรอบสัปดาห์ อย่าเทรดเมื่อตลาดมีโวลุ่มต่ำ นี่คือเหตุผลว่าทำไมคุณไม่ควรเทรดวันจัทร์และวันศุกร์ วันจันทร์เทรดจะมีแนวโน้มแกว่งตัวในกรอบแคบๆ ส่วนวันศุกร์ก็จะมีแนวโน้มที่ผันผวนมาก เพราะว่าวันศุกร์มีเทรดเดอร์จำนวนมากปิดโพซิชันในระยะวีคของพวกเขา

15.หลีกเลี่ยงการใช้เลเวอร์เลท สำหรับเทรดเดอร์หน้าใหม่ เลเวอร์เลทที่มากกว่า 100:1 คือ หายนะ เลเวอร์เลทที่ 100:1หมายความว่า ทุกๆ 1 เหรียญในแอคเค้าท์ของคุณ คุณสามารถเทรดได้ถึง 100 เหรียญ แต่ถ้าคุณเปิดโพซิชันและมันเคลื่อนที่ตรงข้ามกับคุณ คุณจะเสียเงินอย่างรวดเร็วมากกว่าการเรดที่ปราศจากเลเวอร์เลท

16.พยายามประเมินทักษะการเทรดของคุณทุกๆสิ้นเดือนหรือสิ้นปี อย่าตัดสิ้นความสำเร็จหรือล้มเหลวพียงแค่การเทรดเพียงแค่ครั้งเดียว กลยุทธในการเทรดอาจจะผิดพลาดถึง 10 ครั้งติดๆกัน ด้วยการสูญเสียครั้งครั้งละน้อยๆ เช่น -15 จุด แต่เมื่อการเทรดเข้าทางของคุณ คุณอาจทำได้ถึง +300 จุด ต่อเดือนและอาจทำได้ถึง +2000จุด ต่อปี แต่ถ้าคุณตัดสินการเทรดทั้งหมดจากเพียงแค่การเทรดในตอนเริ่มต้นเท่านั้น คุณก็อาจจะยอมแพ้ไปก่อน ก่อนที่จะได้พบกับชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ในภายหลัง

17.ไม่มีใครเกิดมาพร้อมที่จะเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จโดยทันที เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จล้วนแล้วแต่ต้องผ่านการเรียนรู้ทั้งนั้น คุณอาจจะต้องล้างพอร์ตหลายครั้ง และอาจจะต้องฝากเงินเข้าไปในพอร์ตอีกหลายครั้ง จนกว่าคุณจะพบแนวทางของคุณเองที่สามารถทำกำไรได้ นี่คือเหตุผลว่าทำไมการเริ่มต้นของเทรดเดอร์หน้าใหม่จึงควรที่จะเทรด้วยแอคเค้าท์ขนาดเล็ก ซึ่งไม่มากกว่า 1,000 เหรียญ และเมื่อคุณทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอในแอคเค้าท์เล็ก คุณก็สามารถที่จะฝากเงินเพิ่มได้เพื่อเทรดด้วยขนาดล็อตที่ใหญ่ขึ้น

โค๊ด: [Select]
https://greenforexsignal.wordpress.com/2013/09/19/17-tips-%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%94-forex/

249
ข้อแนะนำในการเริ่มต้นเล่นหุ้น Forex

คำถามมาอันดับแรกคือ เราจะเล่นอย่างไร จะเริ่มต้นอย่างไร แล้วต้องลงทุนมากขนาดใหน แล้วผลกำไรเป็นอย่างไร ไม่มีพื้นฐานเลยจะเล่นได้ไหม หากคุณสงสัยไม่ลงมือทำคุณอีกนานกว่าคุณจะรู้ หรือไม่มีมีโอกาสได้รู้เลย


ข้อดีของการเล่น FOREX
มีพอร์ทจำลอง DEMO ให้คุณทดลองเทรด มีเงินทุนให้นักลงทุนซ้อมเทรด 100,000 $ Leverage 1:2000 โดยแค่กรอกชื่อ-นามสกุล และ email เท่านั้นคุณก็สามารถ Downlond พอร์ท Demo มาซ้อมได้แล้ว เปิดพอร์ท Demo ใช้เงินปลอมคุณจะใช้เวลาทดลองเทรด กี่เดือน กี่ปี ก็ย่อมได้จนกว่าคุณจะเข้าใจ forex หมั่นฝกฝน หาความรู้ตามเว็บต่าง ๆ หาเทคนิคที่คุณชอบเทรดทีไรก็ได้ไว้เป็นอาวุธของคุณ หรือถามคนที่รู้ ที่มีประสบการณ์ในการเทรด forex
เงินทุนในการเริ่มต้น 1 - 10 $ และคุณไม่เคยเทรดเงินจริง ห้ามลงทุนเกิน 10 $ ถึงแม้ว่าคุณจะเทรด DEMO ชำนาญแล้ว ที่บอกแบบนี้เพราะเป็นห่วง
อารมณ์และความรู้สึกในการเทรดเงินจริงแตกต่างกับเงินปลอมโดยสิ้นเชิง คุณยังควบคุมอารณ์ไม่ได้ห้ามยังไม่สมควรลงทุนมากเพราะจะทำให้เงินในพอร์ทคุณเสียหายได้
การโอนเงินเข้าพอร์ทง่ายและเร็ว โดยฝากเงิน ถอนเงิน ผ่าน E-currency , Internet Banking, 7-11 และอื่น ๆ อีกมากมาย หรือช่องทางอื่นก็ได้
การโอนเงินกลับก็ง่ายและรวดเร็วเช่นกันบางโบรกเกอร์ใช้เวลาไม่ถึงนาทีเงินก็กลับมาเข้าบัญชีคุณแล้ว หากให้แนะนำก็มี EXNESS ที่โอนเงินได้ทันใจ คุณโอนกลับมาใช้ทุกวันก็ได้ ส่วนโบรกอื่นก็อาจภายใน 24 -48 ช.ม. แต่อย่างไงก็ได้เงินหากคุณต้องการถอน
ข้อเสีย ส่วนใหญ่เกิดจากตัวคุณเอง
การควบคุมอารมณ์ในการเทรดไม่ได้ เช่นเห็นมันไม่ไปทิศทางที่เราต้องการเกิดความกลัว รีบตัดขาย สรุปมันมาที่เดิม และให้กำไรคุณด้วยเกิดความเสียดาย
เห็นมันกำลังฝันผวน กลัวไม่ได้เงินรีบเข้าซื้อโดยลืมไปว่ามันผันผวนอยู่นะต้องดูทิศทางให้ดีก่อน ไม่งั้นก็โดนอีกรอบสอง
มีวินัยต่อตนเอง ตั้งกฏของตัวเองจากประสบการณ์ที่เราเคยเทรด เรามีข้อบกพร่องตรงไหน เราเคยเสียอย่างไร เขียนไว้เป็นกฏของตนเอง แล้วปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
การจะเริ่มต้นเทรดนั้นก็คงมาจาก
คุณหาพอร์ทจำลองของโบรกใหนก็ได้ มาทดสอบ ไปเรือย ๆ อย่าใจร้อน ผมให้คุณทดลองเทรดควรใช้เวลา 3 เดือน ถึง 1 ปีหรืออาจมากกว่านี้
เมื่อคุณเริ่มชำนาญแล้วให้คุณเปิดพอร์ทจริง เป็นบัญชี MINI หรือบัญชีเซนต์การลงทุนไม่ควรเกิน 10 $ หากพอร์ทเกิดความเสียหาย ให้คุณเริ่มต้นใหม่ในบัญชีเดิม จนกว่าพอร์ทคุณจะคงที่ ผลงานการเทรดเริ่มทรงตัว ไม่ได้แต่ก็ไม่เสีย มันเป็นสัญญาณที่ดี คุณอาจใช้เวลาเป็นปีกว่าจะถึงขั้นนี้
เมื่อคุณมั่นใจมากขึ้นคุณก็ลงทุนมากขึ้น แต่ก็ต้องระวังมากขึ้น
อย่ากลัว อย่าใจร้อน "เย็นสุขุมและรอบครอบมันเป็นหัวใจของการเทรด"
รู้จักตัดขาดทุนเมื่อคุณซื้อผิดทางอย่าเสียดายไม่ยอมปล่อยขายทิ้งมันทำให้คุณหมดได้สู้ตัดขาดทุนเหลือทุนไว้แก้คืนจะดีกว่าครับ
คุณรักษาทุนในพอร์ทไว้ได้นานที่สุดนั่นแหละคนเก่ง ส่วนกำไรนะคิดทีหลังทุนในพอร์ทคุณเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด
อย่าท้อห้ามถอยขอให้คุณสู้ต่อไปเลื่อย ๆ ก็ลงทุนให้น้อยลงหรือกลับไปเล่นบัญชีเซนต์ใหม่เพื่อเรียกความมั่นใจของคุณหากเกิดความเสียหายครับ
ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถของคุณหรอกครับผมเชื่ออย่างนั้น
กลยุทธและการลงทุน


1.ยอมรับความจริงให้ได้หากเกิดการสูญเสียเงินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในการเริ่มต้นเทรดควรจะตระหนักว่าไม่มีใครไม่เคยมีการสูญเสียในตลาดสกุลเงินกฎพื้นฐานก็คือการรักษากำไรให้ได้ และขาดทุนน้อยที่สุด นักเทรดที่เก่งไม่ได้หมายความว่าคุณเทรดได้มากได้เงินจำนวนมาก แต่นักเทรดที่คือคุณสามารถรักษาเงินทุนของคุณได้ยาวนานที่สุดไม่ใช่เมื่อลงทุนไปแล้วท้อถอยไม่สู้ทำใจไม่ได้เมื่อเกิดการสูญเสียแล้วเลิกเทรดไปเลยเสียดายความรู้และประสบการณ์ที่คนอื่นไม่มีโอกาส

2.การเข้าซื้อนั้นต้องมีความคิดอย่างรอบคอบทุกครั้งอย่าใจเร็วก่อนที่คุณจะเริ่มต้น การซื้อขาย,คุณควรจะกำหนดปริมาณเงินของคุณเองที่จะสูญเสียเท่าไร (stoploss)และสิ่งที่คุณคาดหวังกำไร(take profit)เท่าไร และควรมีเป้าหมายอย่างชัดเจน

3.อย่ากลัวความไม่แน่นอนของตลาดเงินตรานักเทรดจำนวนมากกลัวความไม่แน่นอนและความเสี่ยงของตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ผู้ที่สามารถเอาชนะใจตัวเองได้ รางวัลคือเงินเพิ่มขึ้นในพอร์ทของคุณ

4.ความรับผิดชอบต่อการตัดสินใจของคุณเชื่อมั่นตัวคุณเองอย่าเชื่อคนอื่น เมื่อคุณกำหนดแผนของการลงทุนไว้แล้ว ควรปฏิบัติตามแผนนั้นอย่าเคร่งครัด เมื่อกำไรหรือขาดทุน คุณก็ควรทำใจให้เป็นกลางอย่าดีใจหรืออย่าเสียใจ ถ้าอารมณ์คุณผิดปกติเมื่อคุณจะตัดสินใจซื้อครั้ง ต่อไปและจะเกิดการผิดพลาดได้ควรหยุดเล่นไปก่อน

5.อย่าให้ความโลภใช้เวลามากกว่าเมื่อเริ่มซื้อประสบความสำเร็จมีกำไรคุณตามเป้าหมายแล้ว อย่าเด็ดขาดอย่าคิดว่ามันน่าจะไปอีกให้รีบขายเอากำไรทันที

6. อย่าคิดว่าขออีกหน่อย นั่นเป็นหายนะของคุณ เพราะคุณไม่ซื่อสัตย์ต่อตนเอง ไม่มีวินัยต่อตนเอง จริงแล้วผมเองก็เป็นประจำขออีกนิดนะ ในที่สุดติดลบจนได้ นั่งเสียดายทีหลัง“รู้อย่านี้ขายเอากำไรไปก่อนสะก็ดี555!เจ็บตัวอีกแล้ว”

7.หากวันนั้นเริ่มต้นไม่ดีให้ถอยออกมาทันทีหรือไม่ก็หยุดเล่นวันนั้นไปเลยไม่ควรคิดเอาคืนทันทีไม่เช่นนั้นอารมณ์ขาดการควบคุม พาลจะเสียต่อได้

8.อารมณ์สาเหตุของการสูญเสียมักจะตั้งอยู่ใน ประมาทมากเกินไปปิดอารมณ์ ในระหว่างการ ซื้อขายในการแผนของคุณและอย่าลืมที่จะกำหนดคำสั่งstoplossเพื่อหยุดการสูญเสียและต้องทำใจให้ได้อย่าปล่อยไปโดยไม่รู้ทิศทางว่าจะกลับมาที่เดิมเมื่อไหร่มันน่ากลัวตัดขาดทุนแล้วเริ่มต้นใหม่โอกาสเอาคืนนั้นมีทั้งวัน

9.แนวโน้มเพื่อนของคุณอย่าเชื่อเพื่อน เอาตัวคุณเป็นที่ตั้งได้ก็ตัวเราเสียก็ตัวเรา

10.เทรดหลายครั้งชนะติดต่อกันเกิดความมั่นใจมาขึ้น ก็เลยเพิ่ม เงิน มากขึ้นตามลำดับแต่พอตลาดเปลี่ยนทิศทางกลับกลายเป็นกำไรที่ได้มาหมดไปในพริบตาแถมยังขาดทุนเข้ามาแทน ที่ก็เลยลดเงินทุนน้อยลงเพราะขาดความมั่นใจและเกิดความกลัวเมื่อตลาดถูกทิศทางก็เลยได้คืนน้อยได้ไม่คุ้มเสียทำให้พอร์ทเสียหายเหตุเกิดจากไม่มีวินัยในตัวเองและไม่ควบคุมอารมณ์ตัวเราเอง

โค๊ด: [Select]
http://www.onlinemoneythai.com/

250
ประวัติของ FOREX

ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่เราเห็นในทุกวันนี้เริ่มต้นขึ้นในปี 1973 เนื่องจากระบบ Bretton Woods ของอัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่ถูกยกเลิก เพราะผลพวงของการสลับไปยังอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว ทำให้ผู้เล่นจำนวนมากหลั่งไหลเข้าสู่ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ นักค้าเงินเหล่านี้ทำการซื้อขายในลักษณะเก็งกำไรค่อนข้างมาก และเป็นสาเหตุให้ความผันผวนของค่าเงินเพิ่มสูงขึ้น

FOREX คืออะไร

แรกสุด FOREX คือเครื่องมือทางการเงินขนาดใหญ่ที่เอื้อให้เทรดเดอร์ทำกำไรได้แม้ค่าเงินใน ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศมีความผันผวนเพียงเล็กน้อย ขอบข่ายของ FOREX นั้นมีขนาดใหญ่ โดยมีปริมาณการซื้อขายในแต่ละวันเกิน 5,000 ล้านดอลลาร์ ไม่มีตลาดโภคภัณฑ์ ตลาดซื้อขายล่วงหน้าหรือตลาดหุ้นใดที่สามารถเทียบเท่ากับ FOREX
ประการที่สอง FOREX คือระบบโลกอันทรงพลังที่สุดที่ไม่ได้มีศูนย์เพียงแห่งเดียว การดำเนินการซื้อขายมีขึ้นแบบไม่มีวันหยุดตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ โดยมีการซื้อขายสกุลเงินต่างๆ ในแต่ละวัน เช่น ปอนด์อังกฤษ (GBP), ยูโร (EUR), ดอลลาร์สหรัฐ (USD), เยน (JPY), ฟรังค์ (CHF), ดอลลาร์แคนาดา (CAD), ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) และอื่นๆ อีกมากมาย ธนาคาร ผู้ดูแลสภาพคล่องของตลาด รวมถึงนายหน้า นายหน้าอิสระ (เช่น EXNESS) นักลงทุนและเทรดเดอร์ต่างๆ จะซื้อและขายสกุลเงินบน FOREX

วัตถุประสงค์ของการซื้อขายบน FOREX

จะเหมือนกับตลาดอื่นๆ คือ ซื้อสินค้าในราคาถูกและขายให้ได้ราคาเดิมหรือราคาที่สูงกว่า เมื่ออยู่บนตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ สินค้าคืออัตราแลกเปลี่ยนของประเทศต่างๆ และแต่ละสกุลเงินจะมีราคา ธนาคารต่างๆ จะทำธุรกรรม FX สำหรับการชำระราคาระหว่างคู่สัญญาจากประเทศต่างๆ เพื่อการชำระเงินระหว่างรัฐ การดำเนินการเก็งกำไร ฯลฯ การเสนอราคาจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และแสดงปฏิกิริยาต่อการซื้อขายจำนวนมาก เครื่องบ่งชี้ทางเศรษฐกิจและเครื่องบ่งชี้อื่นๆ อัตราดอกเบี้ย การดำเนินการของธนาคาร เวลาในแต่ละวัน และสิ่งเลือกใช้และความคาดหวังของเทรดเดอร์
เป้าหมายของเทรดเดอร์คือ กำหนดทิศทางของค่าเงิน ซื้อสกุลเงินที่กำลังแข็งค่าขึ้นและขายสกุลเงินที่มีราคาลดลงเพื่อทำกำไร ด้วยการแปลงค่าเงิน

เมื่อก่อน คนธรรมดาไม่สามารถซื้อขายใน FOREX ได้เนื่องจากหากต้องการดำเนินการในตลาดนี้ บุคคลนั้นจำเป็นต้องมีเงินจำนวนมากอยู่ในมือ (ประมาณ 1 ล้านดอลลาร์) อย่างไรก็ดี ด้วยพัฒนาการของอินเทอร์เน็ตและนายหน้า ทำให้ในปัจจุบันเกือบทุกคนสวมบทบาทเป็นเทรดเดอร์ได้
FOREX เปิดให้เทรดเดอร์ทุกคนในโลกเข้าซื้อขาย FOREX ไม่ว่าเทรดเดอร์นั้นจะมีระดับความเป็นมืออาชีพและมีปริมาณเงินฝากมากน้อยเพียงใด
ธุรกรรมของลูกค้าจะดำเนินการผ่านรูปแบบการซื้อขาย Meta Trader 4 ที่ใช้งานได้ง่ายๆ เมื่อใช้ Meta Trader 4 เทรดเดอร์ทุกรายสามารถรับการเสนอราคาได้ในโหมดเวลาจริงจากผู้มีส่วนร่วมใน ตลาด เช่น ธนาคารและตลาดหุ้นที่ใหญ่ที่สุด เทอร์มินัลจะแสดงกราฟิกการเปลี่ยนแปลงราคาในปัจจุบันสำหรับเงินทุกสกุล เทรดเดอร์เพียงแค่เข้าสู่พื้นที่ส่วนบุคคลเพื่อซื้อหรือขายสกุลเงินที่เลือก ผ่านบัญชีการซื้อขายของตัวเอง

โค๊ด: [Select]
http://www.onlinemoneythai.com/howtoforex.php

หน้า: 1 ... 15 16 [17]
SMF 2.0.15 | SMF © 2011, Simple Machines
SMFAds for Free Forums