แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Lolox101

หน้า: 1 ... 15 16 [17]
241
วันนี้ผมขอเสนอ "กฎ 10 ข้อเพื่อการเทรด Forex ให้ได้กำไร" เป็น 10 ข้อที่ดีมากสำหรับ Technical Analysis ครับ
คือ ถ้าเราสามารถทำตามนี้ได้นั้น ผมเชื่อว่าอย่างน้อยๆ เราแทบจะไม่ขาดทุน หรืออาจจะกำไรด้วยซ้ำไปครับ ขอแค่อย่าพยายาม "เดา" เอาเองว่ามันน่าจะขึ้น หรือมันน่าจะลงครับ ให้เราดูจากสัญญาน Indicators และก็อีกหลายๆ อย่างใน 10 ข้อนี้เป็นตัวชี้นำ หรือแนวทางครับ (เพราะหลายๆ ครั้งที่ ติดลบตัวแดง หรือขาดทุน ส่วนใหญ่ผมเชื่อว่าน่าจะมาจากการตัดสินใจในการ "เดา" เอาเองของเรามากกว่า โดยไม่รอสัญญานจาก Indicators และอีกหลายๆ อย่างประกอบครับ)
กฎ ทั้ง10 ข้อนี้ เป็นหลักการสำคัญสำหรับผู้ที่ใช้วิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิคสำหรับการลงทุน เพราะหากไม่มีหลักการดังกล่าวแล้ว เราก็จะไม่สามารถกำหนดการซื้อขายที่เป็นรูปแบบได้ ซึ่งในกฎเหล่านี้จะพูดถึงการวิเคราะห์แนวโน้ม , หาจุดกลับตัว, ติดตามค่าเฉลี่ย, มองหาสัญญาณเตือน และอื่นๆ หากท่านสามารถเข้าใจและ ปฎิบัติตามหลักการเหล่านี้ได้ผมเชื่อว่าท่าน ก็สามารถเอาตัวรอด ด้วยการลงทุนโดยใช้หลักการวิเคราะห์ทางเทคนิค ได้ครับ
มาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ
1. ตามแนวโน้ม ศึกษากราฟระยะ ยาว เริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์กราฟรายเดือน และรายสัปดาห์ ด้วยการดูย้อนหลังหลายปี โดยการทำแบบนี้ จะทำให้มีมุมมอง ระยะยาว ต่อตลาดได้ดีขึ้น ขณะที่ศึกษากราฟระยะยาวจบแล้ว ควรศึกษากราฟรายวัน และกราฟเทรดภายในวัน การดูกราฟระยะสั้นเพียงอย่างเดียว อาจทำให้เกิดความเข้าใจที่ผิดได้ แม้ว่าคุณจะทำการซื้อขาย ในระยะที่สั้นมากๆ ก็ตาม คุณจะซื้อขายได้กำไรมากขึ้น ถ้าคุณซื้อขายในทิศทางเดียวกับแนวโน้มระยะกลาง และระยะยาว...
2. พุ่งเป้าไปที่แนวโน้ม และไปกับมัน ตัดสิน แนวโน้ม และซื้อขายตามแนวโน้มตลาด แนวโน้มตลาดแบ่งเป็น 3 รูปแบบคือ ระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว เริ่มแรก ควรที่จะใช้กราฟก่อนที่จะเทรด คุณต้องแน่ใจก่อนว่า คุณทำตามทิศทางเดียวกับในแนวโน้มตลาด ซื้อเมื่อแนวโน้มขึ้น ขายเมื่อแนวโน้มลง ถ้าคุณเทรดในระยะกลาง ควรใช้กราฟวัน และรายสัปดาห์ ถ้าคุณเดย์เทรด ควรใช้กราฟวัน และกราฟการซื้อขายภายในวัน แต่ในแต่ละกรณี ควรใช้กราฟระยะยาว ตัดสินแนวโน้ม และใช้กราฟระยะสั้น ตัดสินช่วงจังหวะเวลาซื้อขาย...
3. หาจุดต่ำสุด และสูงสุดของมัน หา ระดับแนวต้าน (Resistance) และแนวรับ (Support) ตำแหน่งที่ดีสำหรับการซื้อคือ ซื้อใกล้กับแนวรับ โดยที่แนวรับนั้น ใกล้เคียงกับจุดต่ำสุดของเดิม ตำแหน่งที่ดีสำหรับการขายคือ ใกล้เคียงกับแนวต้าน (ตีความได้ว่า น่าจะไม่ใช่ที่แนวต้านพอดี) แนวต้านปรกติแล้ว คือจุดสูงสุดเดิม หลังจากผ่านแนวต้านไปได้จะทำให้เกิดแนวรับใหม่ตรงจุดที่ผ่านไป หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งได้ว่า ราคาตรงแนวต้านที่ผ่านไป จะเป็นราคาต่ำสุดใหม่ (แนวรับในอนาคต) ในอีกขณะ ที่เมื่อแนวรับถูกทำลาย ราคาตรงตรงนั้นจะกลายเป็น จุดสูงสุดใหม่ (แนวต้านในอนาคต)...
4. เราจะมองย้อนหลังกลับไปอย่างไร เราจะใช้การวัดเปอร์เซนต์ Retracement การที่ตลาดขึ้นหรือลง โดยปรกติจะเป็นสัดส่วนจาก แนวโน้มเดิม
ดู ที่รูปนะครับ จะเป็น USD/JPY ที่กราฟ M15 แนวโน้มเดิมคือขึ้น ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนแนวโน้ม กลับตัวเป็นลง เราสามารถคาดการณ์ แนวต้าน 23.6% 38.2% 50% 61.8% 100% ในกรณีนี้ Rebound ที่ระดับ 23.6%

(คำแนะนำทางทฤษฎี : คุณสามารถวัดการเปลี่ยนแปลงได้จากแนวโน้มที่เป็นอยู่ ในรูปแบบของ % ง่ายๆ 50% Retracement ในแนวโน้มหลัก ถือเป็นระดับปรกติ ระดับน้อยที่สุด คือ 1 ใน 3 ของแนวโน้มหลัก ระดับมากที่สุดคือ 2 ใน 3 ของแนวโน้มหลัก Retracement แบบ Fibonacci ระดับ 38.2% และ 61.8% ก็น่าสนใจ ในขณะที่เปลี่ยนเป็นแนวโน้มขึ้น จุดซื้อควรเป็นระดับที่ 33-38%)...
5. ลากเส้น วาด เส้นแนวโน้ม (Trendline) เส้นแนวโน้มเป็นหนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุด และมีประสิทธิภาพที่สุดในเครื่องมือแบบกราฟ สิ่งที่คุณต้องการคือ เส้นตรง 1 เส้น และจุดสองจุดบนกราฟ เส้นแนวโน้มขึ้นลากจาก จุดต่ำสุด 2 จุด เส้นแนวโน้มลง ลากจากจุดสูงสุด 2 จุด ราคามักจะถูกดึงกลับไปที่เส้นแนวโน้ม ก่อนที่จะไปตามแนวโน้มต่อไป โดยการขึ้นลงผ่านเส้นแนวโน้มนั้น ปรกติจะถือว่าเป็นการเปลี่นแนวโน้ม เส้นแนวโน้มที่ใช้ได้ มักจะถูกทดสอบอย่างน้อย 3 ครั้ง เส้นแนวโน้มระยะยาว จะมีประสิทธิภาพมาก และยิ่งจำนวนครั้งที่ถูกทดสอบมีมากเท่าไหร่ ความสำคัญก็จะยิ่งมีมากขึ้น...
6. ตามค่าเฉลี่ย ค่า เฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) จะให้สัญญาณเป้าหมาย ซื้อและขาย ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่จะบอกคุณว่า แนวโน้มยังอยู่ในแนวโน้มเดิม และช่วยในการทำให้แน่ใจถึงการเปลี่ยนแนวโน้ม แม้ว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่จะไม่สามารถบอกคุณถึงอนาคตล่วงหน้าได้ อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแนวโน้มตามค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ถือว่าเป็นสิ่งที่น่า สนใจ การผสมผสานของค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 2 ค่า เป็นวิธีการที่เป็นที่นิยมมาก สำหรับใช้หาสัญญาณซื้อ และสัญญาณขาย การผสมผสานสัญญาณซื้อ-ขาย ที่เป็นที่นิยมกันคือ 4 กับ 9 วัน , 9 กับ 18 วัน , 5 และ 20 วัน จะให้สัญญาณเมื่อ เส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น ตัดค่าเฉลี่ยระยะยาวกว่า ตัวอย่างเช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 4 วัน (ระยะสั้น) ตัดเส้นค่าเฉลี่ย 9 วัน (ระยะยาวกว่า) ขึ้น หมายถึงสัญญาณซื้อ เมื่อราคาตัดสูงขึ้น (สัญญาณซื้อ) หรือต่ำกว่า (สัญญาณขาย) ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 40 วัน ถือว่าเป็นสัญญาณซื้อขายที่ดี โดยที่เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่จะเป็นตัวชี้การเป็นไปตามแนวโน้ม ซึ่งวิธีการใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เหล่านี้จะดีที่สุดใน ตลาดที่มีแนวโน้มอย่างชัดเจน...
7. เรียนรู้การเปลี่ยนแนวโน้ม ตรวจ ดูเครื่องมือ Oscillators ต่างๆ เครื่องมือ Oscillators นั้น ช่วยในการหาตลาดที่เกิดภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) และตลาดที่เกิดภาวะขายมากเกินไป (Oversold) ขณะที่ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ให้ความแน่ใจในการเปลี่ยนแนวโน้มตลาด เครื่องมือ Oscillators จะเป็นตัวบอกว่าตลาดจะขึ้นหรือลงมากขึ้น หรือจะกลับตัวในไม่ช้า ที่เป็นที่นิยมมากคือ Relative Strength Index (RSI) และ Stochastics ทั้งสองค่านี้เป็นที่นิยมใช้ในสเกล 0 ถึง 100 ค่า RSI ที่มีค่ามากกว่า 70 ถือว่าเป็นภาวะที่ซื้อมากเกินไป (Overbought) ขณะที่ถ้าอ่านค่าได้ต่ำกว่า 30 ถือเป็นภาวะที่ขายมากเกินไป (Oversold) การซื้อหรือขายมากเกินไป สำหรับ Stochastic คือ 80 และ 20 คนส่วนใหญ่นิยมใช้ค่า 14 วัน หรือสัปดาห์ สำหรับ Stochastic และ 9 หรือ 14 วัน หรือสัปดาห์ สำหรับ RSI เมื่อตัว Oscillator เกิด Divergence บ่อยครั้ง จะแสดงถึงการเปลี่ยนแนวโน้ม เครื่องมือต่างๆ เหล่านี้ ใช้ได้ดีสุดในตลาดที่ไม่มีแนวโน้ม (Sideway) สัญญาณรายสัปดาห์จะใช้กรองสัญญาณรายวัน สัญญาณรายวันสามารถใช้ในการกรองสัญญาณภายในระหว่างวัน...
8. เรียนรู้ สัญญาณเตือน Moving Average Convergence Divergence (MACD) เป็นการรวมระบบการตัดกันของค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ด้วยการวัดระดับภาวะซื้อเกินไป (Overbought) และขายเกินไป (Oversold) สัญญาณซื้อจะเกิดขึ้นเมื่อ สัญญาณที่เร็วกว่าตัดสัญญาณที่ช้ากว่า และเส้นทั้งสองเส้นต่ำกว่า 0 สัญญาณขายคือ สัญญาณที่ช้ากว่าตัดสัญญาณที่เร็วกว่า และค่าทั้งสองค่า มากกว่า 0 สัญญาณรายสัปดาห์ถือว่ามีความสำคัญเหนือกว่า รายวัน MACD Histogram วาดความแตกต่างระหว่าง 2 เส้น และให้การเตือนก่อนถึงการเปลี่ยนแนวโน้ม มันถูกเรียกว่า Histogram เนื่องจากระดับความสูงของแท่ง แสดงถึงความแตกต่างระหว่าง 2 เส้นบนกราฟ...
9. มีแนวโน้ม หรือไม่มีแนวโน้ม ใช้ Average Directional Movement Index (ADX) ใช้เส้น ADX ช่วยให้ตัดสินใจได้ว่าตลาดในขณะนั้นมีแนวโน้ม หรือไม่มีแนวโน้ม มันวัดถึงระดับการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม และทิศทางของตลาด การเพิ่มขึ้นของเส้น ADX ชี้ให้เห็นถึงการมีแนวโน้มที่มากขึ้น การลดลงของ ADX ชี้ให้เห็นถึงการที่ตลาดไม่มีแนวโน้ม การเพิ่มของ ADX แสดงให้เห็นว่า ควรใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เป็นตัวชี้วัด การลดลงของ ADX แสดงให้เห็นว่า ควรใช้ค่า Oscillators ด้วยการลากทิศทางของเส้น ADX ผู้ซื้อขายสามารถตัดสินใจระหว่าง สไตล์ในการซื้อขาย และอะไรเป็นตัวชี้วัดที่เหมาะสมที่สุดสำหรับภาวะในตลาดในขณะนั้น...
10. เรียนรู้ถึงการสนับสนุนสัญญาณการซื้อขาย ปริมาณ การซื้อขาย (Volume) สิ่งที่สนับสนุนสัญญาณการซื้อขายนั้น ประกอบด้วยปริมาณการซื้อขายรวม และปริมาณการซื้อขายขณะเปิดทำการ เป็นสิ่งที่สนับสนุนสัญญาณการซื้อขายในตลาดล่วงหน้า ปริมาณการซื้อขายรวมมีความสำคัญมาก่อนราคา ปริมาณการซื้อขายที่หนาแน่นจะทำให้เชื่อได้ว่าชักจูงสู่แนวโน้ม ในขณะที่อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น ปริมาณการซื้อขายรวมควรมากขึ้น การเพิ่มขึ้นของปริมาณการซื้อขายขณะเปิด เป็นสิ่งที่สนับสนุนว่า เงินใหม่ได้เข้ามาสู่ หรือชักจูงเข้ามาสู่แนวโน้ม การที่ปริมาณซื้อขายขณะเปิดลดลงบ่อยครั้ง จะเป็นการเตือนว่าแนวโนมโน้มใกล้จบลง ราคาที่อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น ควรมีทั้งปริมาณการซื้อขายรวมที่มากขึ้น และปริมาณการซื้อขายขณะเปิดทำการ...

*** การศึกษาทางเทคนิค เป็นทักษะที่ทำให้ดีขึ้นได้ ด้วยประสบการณ์ และการศึกษา ดังนั้นควรศึกษา และเรียนรู้ตลอดเวลา ***
ที่มา ForexRichClub
หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ นักเทรดทุกท่านนะครับ ขอให้เทรดได้กำไรเยอะๆ นะครับ และอย่าลืม "ลงทุนอย่างมีสติ"

โค๊ด: [Select]
http://thaiforextrading.blogspot.com/2009/04/10-forex-john-murphys-ten-laws-of.html

242
เริ่มเล่น Forex เริ่มเทรดใหม่ๆ คำถามสุดฮิตที่มักจะถามกันก็คือ ควรเริ่มเล่น Forex คู่ไหนดี? แล้วควรเทรด Forex เวลาไหน?
เรามาคลายขอสงสัยกันที่ละคำถามนะครับ
ข้อแรก ควรเริ่มเล่น Forex คู่ไหนดี? เริ่มเล่น ผมแนะนำ EUR/USD เพราะ Spread ไม่มาก คู่นี้ Swing ไม่แรง และ อ่านกราฟ อ่าน Pattern ได้ง่ายกว่าคู่อื่นๆ และที่สำคัญ EUR/USD เป็นคู่ที่คนนิยมเล่นกันเยอะ ดังนั้นเราจะสามารถหาข้อมูล เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจได้ง่าย และ หลากหลายกว่าเล่นคู่อื่นๆ เมื่อเริ่มจะพอมี ประสบการณ์ หรือมีความชำนาญมากขึ้นแล้ว อาจจะค่อยๆ ขยับไปเล่นคู่ที่แรงกว่านี้ก็ได้ครับ เช่น GBP/JPY (วิ่งแรงถึงใจหลายๆ ท่าน)หรือ GBP/USD
ข้อสอง ควรเทรด Forex เวลาไหนดี? ถ้าเลือกเล่น EUR/USD ตามที่ผมบอกข้างบน ก็ควรเทรดที่ช่วงเวลา 14.00 - 22.00 จะดีที่สุดครับ และช่วงวิ่งแรงของคู่นี้ก็คือ 19.00 - 21.00 เพราะช่วงนี้จะเป็นช่วงคาบเกี่ยวกันของการเปิดทำการของตลาด EUR กับ ตลาด USD ช่วงคาบเกี่ยวกันนี้กราฟจะวิ่งเยอะ เหมาะกับการเทรด
เพิ่มเติมสำหรับช่วงเวลาทำการของตลาด
ตลาด Forex นั้นมีหลายแห่งในโลก มีเวลาการเปิดปิดที่คาบเกี่ยวกัน ทำให้เราสามารถลงทุนได้ตลอด 24 ชั่วโมง ยกเว้นวันเสาร์-อาทิตย์ โดยตลาดต่างๆ มีเวลาเปิดปิดดังนี้
ตามเวลาประเทศไทย ตลาดจะเปิดทำการตั้งแต่เวลาตี 4 ของเช้าวันจันทร์ และปิดตี 4 ของเช้าวันเสาร์ (รวม 120 ชั่วโมงต่อสัปดาห์)
ตลาด USD = US Dollar เปิดเวลา 19.00 น. ถึงตี 3
ตลาด GBP = British Pound เปิดเวลา 14.00 - 22.00 น.
ตลาด EUR = Euro เปิดเวลา 13.00 - 21.00 น.
ตลาด CHF = Swiss Franc เปิดเวลา 13.00 - 21.00 น.
ตลาด JPY = Japanese Yen เปิดเวลา 7.00 - 14.00 น.
ตลาด AUD = Australian Dollar เปิดเวลา 5.00 - 13.00 น.
ขอแนะนำเพิ่มเติมว่า ถ้าเพิ่งเริ่มเล่น forex ใหม่ๆ ควรจะเล่นคู่นั้นๆ ใ้ห้ชำนาญ และไม่ควรเล่นหลายคู่เกินไป เพราะจะอาจจะทำให้พะวักพะวงได้ครับ ชำนาญแล้วค่อยขยับไปศึกษาคู่อืนเพิ่มเติม

มาถึงตรงนี้ หลายๆ ท่านคงจะเลือกคู่ที่จะเล่นได้แล้วนะครับ


โค๊ด: [Select]
http://thaiforextrading.blogspot.com/2010/01/forex-forex-trade.html

243
นักเทรด forex หลายๆ ท่านคงเคยได้ยินคำกล่าวใน ตำราพิชัยสงครามของซุนวู ที่ว่า "รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง" มาบ้าง เราจะมาดูว่าเราจะเอามาประยุกต์ใช้กับการเทรด Forex อย่างไร
ก่อนอื่น เริ่มจากรู้เรา่ก่อน เพื่อจะประเมินว่าเราพร้อมที่จะเข้าสู้ในสงคราม(การเงิน) ในครั้งนี้หรือไม่ สิ่งที่ต้องรู้เราก็คือ
ตัวของนักเทรด Forex เอง ต้องรู้ว่า 1. อาวุธของตัวเอง (เครื่องมือสัญญาณทางเทคนิค) เราเลือกใช้อันใหน ใช้อย่างไร มีจุดอ่อนหรือไม่ และต้องเข้าใจก่อนว่าอาวุธในมือเรา มันจะแผงฤทธิ์ ได้ดีในตอนไหน
ยกตัวอย่างเช่น - เราเลือกใช้ : Moving Averages  เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ โดยใช้แบบ EMA เรียกว่า Exponential Moving Average ตั้งค่าที่ 50 (EMA50) และ 10 (EMA10) - เราก็ต้องรู้ว่า เส้นค่าเฉลี่ยสามารถบอกได้ถึง จุดซื้อเมื่อ EMA10 ตัด EMA50 ขึ้น จุดขายเมื่อ EMA10 ตัด EMA50 ลง สามารถบอกได้ถึงแนวรับ แนวต้าน เมื่อราคาวิ่งมาชนเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ - จุดอ่อนของ Moving Averages ช่วงเกิด Sideway จะเกิดการหลอก เราก็ไม่ควรเข้าเทรดในช่วงนี้



และสิ่งหนึ่งที่ควรจำใว้ให้ดีก็คือ "อย่าใช้ indicator นำทางนะครับ indicator มีหน้าที่ไว้ช่วยคอมเฟิร์มสัญญาณซื้อ หรือ ขาย ของเราเท่านั้น"
2. ระบบ กลยุทธ์ของเราคืออะไร สร้างระบบให้เหมาะกับตัวเอง แล้วต้องรู้ว่าจะใช้ระบบนั้นตอนใหน
ก่อนจะเริ่มวางระบบ อยู่ๆจะวางระบบเลยไม่ได้ พื้นฐานต้องมี  มีความเข้าใจแล้วพอสมควร มองและแยกให้ออกว่า  ระบบที่ดีนั่นต้องมีปัจจัยอะไรมาร่วมด้วย ที่จะทำให้ได้กำไร มากกว่าขาดทุน
ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น
ระบบเหรด Forex ทางเทคนิค 1. ระบบเทรด Forex ที่ใช้สองเส้น EMA ตัดกัน, EMA50 และ EMA10 2. ใช้กับคู่ EUR/USD 3. วางแผนที่จะเล่นที่ระดับ 15 m โดยวิเคราะห์แนวโน้ม 1h 4h 4. เล่นจบภายใน 1 ชั่วโมง ถึงระดับ 3 ชั่วโมง หรือ ราคาบวก 25 จุด 5. เริ่มเทรดตามระบบเมื่อเวลา 12.00-16.00 และ ช่วงเวลา 19.00-23.00 นอกเหนือจากช่วงนี้ไม่เทรด

แผนการเทรด Forex 1. มีการกำหนด จุดเข้า หรือ สัญญาณในการเข้าเทรด เช่น ดู 1h 4h แล้วพบว่ายังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น จึงกลับมาดูที่ระดับ 15 m พบว่า EMA10 ตัด EMA50 ขึ้น จึงเข้าซื้อ และปิดออเดอร์นี้เมื่อ EMA10 ตัด EMA50 ลงหรือราคาบวก 25 จุด เป็นต้น 2. มีการกำหนดจุด ขาดทุน ( Stop Loss) เช่น กำหนด Risk Reward Ratio (R:R) ไว้ไม่ต่ำกว่า 1:1 หมายถึงถ้าตั้ง Target ไว้ที่ 25 pip ค่า Stop Loss ก็ควรจะอยู่ที่ 25 pip เช่นกัน 3. มีการกำหนดเป้าหมายกำไร (Target) เช่น จบรอบของการตัดกันของ EMA10 กับ EMA50 หรือราคาบวก 25 จุด 4. มีการวางแผนทางการเงิน ( Money Management) เช่น เทรดไม่เกิน 5 - 10% ของทุน 5. มีการบริหารความเสี่ยง ( Risk Management) การจัดสรรค์การเทรดให้เหมาะสม ระบบ และ แผนการเทรดที่ดีจะช่วยให้คุณตัดอารมณ์ ออกจากการเทรด
**หมายเหตุ เป็นเพียงการยกตัวอย่างประกอบการโพสเท่านั้น ยังไม่ผ่านการทดสอบระบบ เพื่อใช้งานจริงนะครับ
3. ต้องรู้จักตัดอารมณ์ของตัวเองไม่ให้มาเกี่ยวข้องขณะเทรด Forex (การควบคุมอารมณ์ของตนเองให้ปฏิบัติตามแผน ตามระเบียบวินัยการลงทุนตามระบบ รู้กลยุทธ์ที่วางเอาไว้)
- อย่าปล่อยให้ราคาใหลโดยหวังว่ามันจะกลับมาที่เดิม ต้องยอมรับความผิดพลาดด้วยการ Stop Loss - อย่าเทรดตามคนอื่นโดยเด็ดขาด ควรเทรดตามระบบ ตามสัญญาณ หรือตามแผนที่ของตัวเองที่วางไว้ - ควบคุมความโลภ ( Greedy) อย่าเทรดเพียงเพราะตอนนั้นราคาที่เราเห็นอาจจะกำลังไหลสุดๆ จนเราเกิดอารมณ์โลภหรืออยากจนเสียสมดุล - รู้จักรอเมื่อตลาดไม่เป็นไปตามระบบ หรือแผนที่วางเอาไว้ ไม่แน่ใจไม่ต้องเทรด รอตลาดเป็นผู้เฉลยว่าราคาจะไปทางใด แล้วเราค่อยตามไป - อย่าพยายามเอาคืนเวลาพลาดพลั้งไปแล้ว มันจะเกิดผลกระทบต่อเป็นลูกโซ่กับการตัดสินใจครั้งต่อไป ควรออกจากตลาดสักระยะหนึ่ง ไปหากิจกรรมอย่างอื่นทำแล้วค่อยกลับมาเทรด และจดจำข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น นำมาเป็นบทเรียน

ต่อไปก็ต้อง รู้เขา่ เพื่ออ่านเกมคู่ต่อสู้ อ่านรูปแบบของตลาด
เราควรมองตลาดที่จะเข้าตี มอง Forex คู่ที่จะเข้าเทรดให้ออกว่าเป็นอย่างไร นิ่ง ผันผวน มีเทรน หรือเกิด side way หรือเป็นอย่างไร เพื่อเลือกยุทธวิธีในการเข้าทํา ตอนนี้มันใช่ตลาดที่เหมาะกับระบบของเรามั้ย



จากรูปมี Trend ขาขึ้นสามารถเทรดตามระบบ Trend Following ได้



จากรูป เจอแบบนี้ถอยออกมาก่อนดีกว่า รอตลาดเป็นผู้เฉลยว่าราคาจะไปทางใด แล้วเราค่อยตามไป

นอกจากนี้ เพื่อนๆ ควรมีการเก็บข้อมูลว่า Forex คู่ที่เราเทรด เฉลี่ยหนึ่งวันวิ่งประมาณกี่จุด ราคามักจะวิ่งในช่วงเวลาใหน
ใครถนัดจะเล่นแบบไหน ใช้สัญญาณอะไร อย่างไรก็แล้วแต่ สิ่งหนึ่งที่บอกว่าเราได้มาถูกทางแล้วคือ การที่เราได้ทำอะไรที่เราเห็นอยู่ทุกๆ วัน เป็นเรื่องง่ายๆ แต่ได้ผล ยิ่งทำยิ่งง่ายขึ้นแต่เข้าใจ ไม่ใช่ยิ่งทำยิ่งคิดยิ่งยุ่งยากซับซ้อนออกไป มากไป จนสับสน
มาถึงตรงนี้เพื่อนๆ นักเทรด forex ทุกคน ควรจะมีอาวุธที่เหมาะกับตัวเอง (เครื่องมือสัญญาณทางเทคนิค) มีระบบเทรด Forex เป็นของตัวเอง มีการเก็บข้อมูลที่เพียงพอสำหรับระบบของตน เพราะไม่มีใครจะสร้างสิ่งที่เหมาะกับเพื่อนๆ ได้นอกจากตัวของเพื่อนๆ เอง


โค๊ด: [Select]
http://thaiforextrading.blogspot.com/2010/11/forex-forex.html

244
การเล่น Forex ตามระบบ หรือ Forex Trading System นั้น เราควรต้องมีความเข้าใจเบื้องต้น และมีการเก็บข้อมูล มีการทดสอบทางสถิติจนได้ผลลัพท์ที่แท้จริงของมันออกมาก่อนที่จะนำระบบเทรด Forex นั้นๆ มาใช้ เมื่อมีระบบแล้ว การทำตามระบบเทรดจะช่วยกรอง และห้ามมิให้เราลงทุนเมื่อสภาวะของตลาดนั้นไม่มีความเหมาะสมต่อการเทรดของเรา ทำให้เราเข้าใจในการเทรด รู้ที่มา ที่ไปว่าทำไมต้องเข้า ออก ซึ่งเป็นวินัยการลงทุนที่แท้จริง

หลักการเบื้องต้นของทดสอบระบบเทรด forex ควรมีดังนี้ครับ
• ข้อมูลยิ่งมากยิ่งดี ก็คือ จดบันทึกทุกครั้งของการเทรดในช่วงทดสอบ เช่น ซื้อเพราะอะไร ขายเพราะอะไร ได้กำไร/ขาดทุนเท่าไหร่  ช่วงที่กำไร/ขาดทุนอยู่ในเวลาได้ อยู่ในเวลาทำการของตลาดโซนใหน เป็นต้น
• การทดสอบต้องครอบคลุมเทรนขาขึ้น ขาลง และ sideways
• จำนวนครั้งของการเทรดเพื่อทดสอบ(Sample Size) อย่างน้อยๆควรมีสัก 30-50 ครั้งขึ้นไป ยิ่งมากค่าความคลาดเคลื่อนมาตรฐาน (Standard Error) ก็จะน้อยลง ทำให้เราทราบว่าค่าที่วัดได้ใกล้เคียงกับค่าที่แท้จริงเพียงใด  มีขอบเขตความเชื่อมั่นมากน้อยเพียงใด


ตัวเลขทางสถิติที่เพื่อนๆ ควรจะมีหลังจากการทดสอบระบบ forex ของตัวเองคือ
1.สามารถบอกได้ว่าระบบนี้มี % การทำกำไรเท่าไหร่
2.สามารถบอกได้ว่าระบบนี้มี % การขาดทุนเท่าไหร่
3.ได้กำไรเฉลี่ยครั้งล่ะเท่าไหร่
4.ขาดทุนเฉลี่ยครั้งล่ะเท่าไหร่
5.กำไรติดๆ กันมากที่สุดกี่ครั้ง
6.ขาดทุนติดๆ กันมากที่สุดกี่ครั้ง

ผลทางสถิติที่ได้จะทำให้เพื่อนๆ วางแผนได้ว่าในการเทรดแต่ละครั้งเราสามารถที่จะเสี่ยงได้ไม่เกินกี่% ของเงินลงทุน

เพื่อนๆ นักเทรด Forex ที่ต้องการเทรดแบบมีระบบให้ได้กำไร ควรต้องเข้าใจเสียก่อนว่า Forex Trading System นั้น จะเกิดประสิทธิภาพ และแสดงผลลัพธ์ที่ถูกต้องของมันออกมาได้ ภายใต้ Sample Size จำนวนหนึ่งที่มากพอ และเราต้องตัด "ตัวแปร" ทางด้านจิตใจออกไปให้หมด เหลือไว้แต่ตัวแปร "ความถูกต้องของระบบ" ที่มีสถิติรองรับ หากคุณตัดตัวแปรตัวนี้ออกไปจากการเทรดไม่ได้ ระบบก็ไม่สามารถแสดง "ผลลัพธ์" ที่แท้จริงของมันออกมาได้

เราจะพบว่านักเทรด Forex ส่วนใหญ่มักจะทิ้งระบบเทรดนั้นๆไป เมื่อระบบนั้นทำให้เขาเทรดเสียติดๆกันจนขาดความมั่นใจที่จะใช้ นั่นทำให้เขาต้องไปเริ่มหาระบบเทรด Forex ใหม่ๆ ที่เขาคิดว่าจะทำให้มีกำไร และจะวนอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จึงไม่มีทางเลยที่คนเหล่านี้จะทำกำไรได้อย่างมั่นคงจากการเทรด เพราะเขาไม่เคยได้สัมผัสถึง "ผลลัพธ์ทางสถิติ" เขาใช้เพียง "ผลลัพธ์ทางความรู้สึก" ในการตัดสินระบบแต่ละอันที่ได้ใช้ บางคนไม่รู้เลยว่าระบบของตัวเองมี % การทำกำไรเท่าไหร่ เพราะเขาไม่เคยทดสอบมันเลย

ดังนั้นเพื่อนๆ ต้องยอมรับความเสี่ยง ต้องยอมรับการขาดทุนตามระบบให้ได้ เลิกตามหาระบบในอุดมคติ ที่ไม่มีวันเทรดเสีย เพราะมันไม่มีอยู่จริง

เรื่องสัญญานหลอกเป็นเรื่องธรรมชาติครับ เกิดเป็นประจำเหมือนกับชีวิตประจำวันของคนเราแหละครับ ประเด็นอาจจะไม่ใช่อยู่ที่ทำอย่างไรไม่ให้เกิด แต่น่าจะอยู่ที่การวางแผนรับมือกับสิ่งที่จะเกิดว่าจะทำอย่างไร ให้ทุกอย่างยังไปได้ดี

ลองเลือกระบบที่ชอบ ที่เข้ากับชีวิตประจำวันของเรา เข้ากับ time frame ที่เราใช้ เข้ากับจำนวนครั้งในการเทรดที่รู้สึกพอดี (เช่น บางท่านทำงานประจำไปด้วยเทรดไปด้วย ไม่สามารถที่จะดูหน้าจอได้บ่อย ก็อาจจะเทรดที่ช่วง time frame กว้างๆ) เลือกระบบที่เราเข้าใจมัน ไม่ซับซ้อนจนเกินเข้าใจ ระบบที่ใช้ง่าย ใช้ได้อย่างคล่องแคล่ว และชำนาญ

ตัวอย่างแนวคิดในการเทรดด้วยระบบ (เครดิต: mangmaoclub.com)

<a href="https://www.youtube.com/watch?v=2lD-gd9hk3I" target="_blank">https://www.youtube.com/watch?v=2lD-gd9hk3I</a>

ถ้าเราสามารถสร้างระบบเทรด Forex ง่ายๆ ที่ได้กำไรง่ายๆ แต่สม่ำเสมอ โดยมีผลทางสถิติรองรับ และเราตั้งใจเทรดในแนวทางของตัวเอง ยึดมั่นในหลักการเดิมไม่แปรเปลี่ยน รับรองว่าเพื่อนๆ จะสามารถทำกำไรในตลาด Forex อย่างยั่งยืนแน่นอนครับ

และอยากให้เพื่อนๆ จำไว้เสมอว่า "การเทรด Forex แบบใช้ระบบเทรด สิ่งสำคัญกว่าระบบ คือการทำตามระบบให้ได้"

โค๊ด: [Select]
http://thaiforextrading.blogspot.com/2011/01/forex-forex.html

245
การเทรด Forex "คนเก่งจริงไม่ใช่คนที่เทรดได้กำไรสูงสุด แต่เป็นคนที่อยู่รอดในตลาด forex ได้นานที่สุด"
เรามาต่อจากบทความที่แล้วกันนะครับ เมื่อเพื่อนๆ มีระบบเทรด Forex ที่มีข้อมูลครบถ้วนแล้ว รู้แล้วว่าระบบเทรด Forex ของตัวเองมี % ความแม่นยำเท่าไหร่ เพื่อนๆ ก็จะวางแผนได้ว่าควรจะลงเงินในการเทรดแต่ละครั้งเท่าไหร่ เพื่อให้เหมาะสมกับระบบและทุนที่มี
และเมื่อได้ตัวเลขการลงเงินมาแล้ว ก็ควรยึดถือตามนั้นอย่างเคร่งครัด ไม่เทรดเกินนั้น เพราะเรารู้แล้วว่าระบบของตัวเองเป็นอย่างไร มีความแม่นยำเท่าไร ได้ติดๆ กันก็มีโอกาศเสียติดๆ กันเช่นกัน
การเทรด Forex ให้มีกำไรแบบยั่งยืน มีองค์ประกอบอะไรบ้าง เรามาดูตามรูปข้างล่างนะครับ
 
1. Forex Trading System (ระบบเทรด) มีความสำคัญ 10% เพื่อนๆ ควรหาระบบเทรด ที่เหมาะสมกับตัวเองให้เจอ ควรเป็นระบบที่ทน Drawdown ได้ ที่สำคัญเมื่อมีระบบแล้วก็ต้องทำตามให้ได้
2. Money Management (การบริหารเงิน) มีความสำคัญ 30% เมื่อมีระบบเทรดแล้ว Money Management ก็จะปรากฎให้เห็นเอง ว่าเราจะจัดการกับเงินทุนยังไง ให้เหมาะสมกับข้อมูลระบบเทรดที่มี เช่น เรามีข้อมูลว่าระบบของเรามีโอกาศเสียติดๆ กัน เราก็ต้องลงเงินในจำนวน % น้อยๆ มี Stop loss อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อจะทำให้ไม่ทำให้พอร์ตเสียหายมาก
3. Psychology (จิตวิทยา) มีความสำคัญ 60% ในการเทรด Forex การควบคุมจิตใจ ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของการเทรดให้กำไรแบบยั่งยืนได้เลยที่เดียว ต่อให้เพื่อนๆ มีสองข้อแรกดีแค่ใหน ถ้าขาดการควบคุมจิตใจไปก็ไม่สามารถจะเทรดให้กำไรแบบยั่งยืนได้ ตัวที่เด่นๆ คือ ความโลภ กับความกลัว รองลงมาคือ ความมั่นใจเกินไป
ตัวอย่างเช่น เมื่อมีกำไรก็เกิดความโลภ เพิ่ม Positions มากขึ้น พอตลาดเปลี่ยนทิศก็ขาดทุนมาก พอขาดทุนก็เกิดความกลัว ลด Positions ลง พอตลาดถูกทิศก็กำไรน้อย (ไม่ทำตามกฎ Money Management ที่ได้วางไว้)
หรือ ราคาวิ่งเลยจุดเข้าไปไกลแล้ว แต่เกิดความโลภ เห็นราคาไหลจึงรีบเข้ากลางทาง พอตลาดเปลี่ยนทิศก็ขาดทุนมาก พอขาดทุนก็เกิดความกลัวพอระบบให้สัญญาณในครังต่อไปก็ไม่กล้าเปิดคำสั่งซื้อขาย พอตลาดถูกทิศก็ไม่มีกำไร (ไม่ทำตามระบบเทรด forex ที่ได้วางไว้)
หรือ เทรดได้ติดๆ กันหลายครั้งทำให้เกิดความมั่นใจเกินไป เพิ่ม Positions มากขึ้น โดยไม่ทำตามกฎ Money Management ที่ได้วางไว้ พอตลาดเปลี่ยนทิศก็คืนกำไรที่ได้มาไปจนหมดในครั้งเดียว
ดังนั้นเพื่อนๆ ที่ซื้อขายเอาไว้ตามระบบก็คอยออกตามระบบ ใครที่ตกรถก็นั่งดูไปก่อน อย่าเข้ามาในตลาดขณะที่ไม่ใช่เวลาซื้อขาย
เล่น forex แบบสบายๆ มีสัญญาณซื้อก็ซื้อ มีสัญญาณขายก็ขาย พยายามอย่าคิดมาก เล่นตามระบบที่วางไว้ แล้วทำกำไรตามระบบ ไปเรื่อยๆดีกว่า
ข้อสำคัญที่สุดคือมีวินัยในการ Stop loss เพราะถ้าหากคาดการผิด จะได้ไม่เสียหายมาก แต่ถ้าถูกทาง ก็ Let profit run
 เพื่อนๆ นักเทรด forex ควรจะมี องค์ประกอบ 3 อย่างให้ครบนะครับ ควร "อยู่รอดให้ได้ก่อนแล้วค่อยทำกำไร"
และเมื่อเทรด Forex จนได้กำไรแล้ว อย่าลืมทำบุญทำทานและแบ่งปันให้สังคมด้วยนะครับ จะช่วยลดเรื่องความโลภเป็นอย่างดี แล้วเพื่อนๆ จะรู้ว่าการให้นั้นใด้อะไรมากกว่าที่คิดมากมายครับ


โค๊ด: [Select]
http://thaiforextrading.blogspot.com/2011/01/forex-3-forex.html

246
การเทรด Forex ให้ได้กำไรอย่างยั่งยืนนั้น นอกจากการบริหารจัดการเงิน (Money management) แล้วทักษะสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่เพื่อนๆ นักเทรดควรจะมีคือการการวิเคราะห์กราฟ Forex และหาราคาเป้าหมายด้วยตัวเอง

ในจุดนี้เพื่อนๆ นักเทรด Forex ที่เป็นมืออาชีพอยู่แล้วคงหายห่วง เพราะเอาตัวรอดกันได้อยู่แล้ว แต่ผมเป็นห่วงเพื่อนๆ นักเทรดที่เป็นมือใหม่มากกว่า ควรจะฝึกการวิเคราะห์กราฟ Forex และหาราคาเป้าหมายด้วยตัวเองให้มาก อย่ามัวแต่ไปหาบทวิเคราะห์ หรือ signal จากคนอื่น อย่าไปมัวแต่ขอกินปลาจากคนอื่น เพราะสุดท้ายวันใดวันหนึ่ง ถ้าเขาเลิกให้ปลาแล้วเราจะแย่ เราจะต้องฝึกวิธีจับปลา(ตัวโตๆ) ด้วยตัวเองวิเคราะห์เอง เพราะคนที่จะอยู่กับเพื่อนๆ ไปตลอด และคนตัดสินใจลงเงินเปิดออเดอร์ก็คือตัวเพื่อนๆ เองนะครับ ทุกอย่างมักเกิดขึ้นซ้ำๆ แค่หา pattern ให้เจอ

ขั้นตอนการวิเคราะห์กราฟ Forex และหาราคาเป้าหมายด้วยตัวเองอย่างง่ายสำหรับมือใหม่ ลองเอาไปต่อยอดกันดูนะครับ

1.วิเคราะห์กราฟ Forex จากภาพใหญ่มาภาพเล็ก timeframe ใหญ่ไปหา timeframe เล็ก
ให้มองภาพใหญ่ก่อนเพื่อวางแผนหลัก แล้วค่อยมาปรับกลยุทธ์การเล่นในส่วนของภาพเล็กๆ ราย 15 นาที หรือ รายชั่วโมงก็ได้ตามถนัดและตามแนวทางการเทรดหลัก ที่เราได้วางเอาไว้
2.ดูแนวรับแนวต้านจุดสำคัญๆ ที่ราคาเคยพักตัว
การเคลื่อนไหวของราคามักเกิดขึ้นซ้ำๆ  เคยไปพักที่จุดใหนมันก็จะไปวนอยู่จุดนั้นแหละ หา pattern ให้เจอแล้วทำกำไรจากมันซะ

ตัวอย่างการวิเคราะห์กราฟ Forex และหาราคาเป้าหมายด้วยตัวเอง

 

 ตัวอย่างกรณีเล่น forex แบบ breakout

 

 วางเป้าหมายแล้วกำหนดแผนการเล่นให้สอดคล้องกัน

และที่สำคัญไม่ว่าจะเป็นนักเทรด  forex มือเก่าหรือใหม่ควรบันทึกการเทรด บันทึกการเปิดออเดอร์แต่ละครั้งไว้ด้วยนะครับ อาจจะเชพเป็นรูปไว้แล้วใส่ข้อความบ่งบอกอารมณ์ลงไปก็ได้ ว่าในแต่ล่ะครั้งที่เราเปิดออเดอร์เราอยู่ในอารมณ์ใหน พอมาดูที่หลังจะได้รู้ว่าอารมณ์ขณะนั้นและรูปแบบกราฟแบบนั้นมันส่งผลต่อการตัดสินใจของเราอย่างไร

ลองทำการบันทึกการเทรดแบบนี้ไปเรื่อยๆ สักพัก แล้วเพื่อนๆ จะรู้ด้วยตัวเองครับว่า มันส่งผลต่อสัณชาติญาณในการเทรดของเพื่อนๆ อย่างไร

ได้กำไรแล้วถ้ามีโอกาสก็อย่าลืมช่วยเหลือสังคมและคนรอบข้างบ้างนะครับ:-)
หมายเหตุ: เสริมจากตัวอย่างนะครับ "ข้อสังเกตเล็กๆ สำหรับเพื่อนที่ชอบเล่นเล่น
forex แบบแนวรับแนวต้าน และ แบบ breakout
คือหลายคนมักจะตั้งปิดเพื่อเอากำไรหรือตั้งเปิดออเดอร์ไว้ที่ราคาตรงแนวนั้นเลย บางคนใจร้อนรีบเข้าเลยไม่รอจบแท่งเทียน
อย่าลืมว่าไม่ใช่แค่เราเท่านั้นที่เห็นแนวรับแนวต้านนั้น
คนอื่นเขาก็เห็นเหมือนกัน
ขาใหญ่เขาก็เห็นเหมือนกัน(เห็นแล้วเขาจะทำยังไงน่าจะนึกออกนะครับ)
ลองใช้กลยุทธเข้าทีหลังออกก่อนดู รอแท่งเทียนปิดแล้วมันทะลุจริงเราก็ค่อยเข้า
แล้วปิดออเดอร์ด้วยกำไรที่เราพอใจก่อนถึงแนวรับแนวต้านนั้นๆ อย่าลืมตั้ง stoploss และต้องเป็นไปตาม Risk Reward Ratio (R:R) ที่วางไว้ด้วยนะครับ"

ทุกวิธีมีจุดอ่อนเสมอ ไม่มากก็น้อย อยู่ที่ว่าเราจะรู้ใหม เมื่อรู้แล้วจะจัดการกับมันอย่างไร

โค๊ด: [Select]
http://thaiforextrading.blogspot.com/2011/09/forex-forex.html

247


คำถามมาอันดับแรกคือ เราจะเล่นอย่างไร จะเริ่มต้นอย่างไร แล้วต้องลงทุนมากขนาดใหน แล้วผลกำไรเป็นอย่างไร ไม่มีพื้นฐานเลยจะเล่นได้ไหม หากคุณสงสัยไม่ลงมือทำคุณอีกนานกว่าคุณจะรู้ หรือไม่มีมีโอกาสได้รู้เลย

ข้อดีของการเล่น FOREX

    มีพอร์ทจำลอง DEMO ให้คุณทดลองเทรด มีเงินทุนให้นักลงทุนซ้อมเทรด 100,000 $ Leverage 1:2000 โดยแค่กรอกชื่อ-นามสกุล และ email เท่านั้นคุณก็สามารถ Downlond พอร์ท Demo มาซ้อมได้แล้ว เปิดพอร์ท Demo ใช้เงินปลอมคุณจะใช้เวลาทดลองเทรด กี่เดือน กี่ปี ก็ย่อมได้จนกว่าคุณจะเข้าใจ forex หมั่นฝกฝน หาความรู้ตามเว็บต่าง ๆ หาเทคนิคที่คุณชอบเทรดทีไรก็ได้ไว้เป็นอาวุธของคุณ หรือถามคนที่รู้ ที่มีประสบการณ์ในการเทรด forex

    เงินทุนในการเริ่มต้น 1 - 10 $ และคุณไม่เคยเทรดเงินจริง ห้ามลงทุนเกิน 10 $ ถึงแม้ว่าคุณจะเทรด DEMO ชำนาญแล้ว ที่บอกแบบนี้เพราะเป็นห่วง

    อารมณ์และความรู้สึกในการเทรดเงินจริงแตกต่างกับเงินปลอมโดยสิ้นเชิง คุณยังควบคุมอารณ์ไม่ได้ห้ามยังไม่สมควรลงทุนมากเพราะจะทำให้เงินในพอร์ทคุณเสียหายได้

    การโอนเงินเข้าพอร์ทง่ายและเร็ว โดยฝากเงิน ถอนเงิน ผ่าน E-currency , Internet Banking, 7-11 และอื่น ๆ อีกมากมาย หรือช่องทางอื่นก็ได้

    การโอนเงินกลับก็ง่ายและรวดเร็วเช่นกันบางโบรกเกอร์ใช้เวลาไม่ถึงนาทีเงินก็กลับมาเข้าบัญชีคุณแล้ว หากให้แนะนำก็มี EXNESS ที่โอนเงินได้ทันใจ คุณโอนกลับมาใช้ทุกวันก็ได้ ส่วนโบรกอื่นก็อาจภายใน 24 -48 ช.ม. แต่อย่างไงก็ได้เงินหากคุณต้องการถอน

ข้อเสีย ส่วนใหญ่เกิดจากตัวคุณเอง

    การควบคุมอารมณ์ในการเทรดไม่ได้ เช่นเห็นมันไม่ไปทิศทางที่เราต้องการเกิดความกลัว รีบตัดขาย สรุปมันมาที่เดิม และให้กำไรคุณด้วยเกิดความเสียดาย

    เห็นมันกำลังฝันผวน กลัวไม่ได้เงินรีบเข้าซื้อโดยลืมไปว่ามันผันผวนอยู่นะต้องดูทิศทางให้ดีก่อน ไม่งั้นก็โดนอีกรอบสอง

    มีวินัยต่อตนเอง ตั้งกฏของตัวเองจากประสบการณ์ที่เราเคยเทรด เรามีข้อบกพร่องตรงไหน เราเคยเสียอย่างไร เขียนไว้เป็นกฏของตนเอง แล้วปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

การจะเริ่มต้นเทรดนั้นก็คงมาจาก

    คุณหาพอร์ทจำลองของโบรกใหนก็ได้ มาทดสอบ ไปเรือย ๆ อย่าใจร้อน ผมให้คุณทดลองเทรดควรใช้เวลา 3 เดือน ถึง 1 ปีหรืออาจมากกว่านี้

    เมื่อคุณเริ่มชำนาญแล้วให้คุณเปิดพอร์ทจริง เป็นบัญชี MINI หรือบัญชีเซนต์การลงทุนไม่ควรเกิน 10 $ หากพอร์ทเกิดความเสียหาย ให้คุณเริ่มต้นใหม่ในบัญชีเดิม จนกว่าพอร์ทคุณจะคงที่ ผลงานการเทรดเริ่มทรงตัว ไม่ได้แต่ก็ไม่เสีย มันเป็นสัญญาณที่ดี คุณอาจใช้เวลาเป็นปีกว่าจะถึงขั้นนี้

    เมื่อคุณมั่นใจมากขึ้นคุณก็ลงทุนมากขึ้น แต่ก็ต้องระวังมากขึ้น

    อย่ากลัว อย่าใจร้อน "เย็นสุขุมและรอบครอบมันเป็นหัวใจของการเทรด"

    รู้จักตัดขาดทุนเมื่อคุณซื้อผิดทางอย่าเสียดายไม่ยอมปล่อยขายทิ้งมันทำให้คุณหมดได้สู้ตัดขาดทุนเหลือทุนไว้แก้คืนจะดีกว่าครับ

    คุณรักษาทุนในพอร์ทไว้ได้นานที่สุดนั่นแหละคนเก่ง ส่วนกำไรนะคิดทีหลังทุนในพอร์ทคุณเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด

    อย่าท้อห้ามถอยขอให้คุณสู้ต่อไปเลื่อย ๆ ก็ลงทุนให้น้อยลงหรือกลับไปเล่นบัญชีเซนต์ใหม่เพื่อเรียกความมั่นใจของคุณหากเกิดความเสียหายครับ

    ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถของคุณหรอกครับผมเชื่ออย่างนั้น

กลยุทธและการลงทุน

1.ยอมรับความจริงให้ได้หากเกิดการสูญเสียเงินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในการเริ่มต้นเทรดควรจะตระหนักว่าไม่มีใครไม่เคยมีการสูญเสียในตลาดสกุลเงินกฎพื้นฐานก็คือการรักษากำไรให้ได้ และขาดทุนน้อยที่สุด นักเทรดที่เก่งไม่ได้หมายความว่าคุณเทรดได้มากได้เงินจำนวนมาก แต่นักเทรดที่คือคุณสามารถรักษาเงินทุนของคุณได้ยาวนานที่สุดไม่ใช่เมื่อลงทุนไปแล้วท้อถอยไม่สู้ทำใจไม่ได้เมื่อเกิดการสูญเสียแล้วเลิกเทรดไปเลยเสียดายความรู้และประสบการณ์ที่คนอื่นไม่มีโอกาส

2.การเข้าซื้อนั้นต้องมีความคิดอย่างรอบคอบทุกครั้งอย่าใจเร็วก่อนที่คุณจะเริ่มต้น การซื้อขาย,คุณควรจะกำหนดปริมาณเงินของคุณเองที่จะสูญเสียเท่าไร (stoploss)และสิ่งที่คุณคาดหวังกำไร(take profit)เท่าไร และควรมีเป้าหมายอย่างชัดเจน

3.อย่ากลัวความไม่แน่นอนของตลาดเงินตรานักเทรดจำนวนมากกลัวความไม่แน่นอนและความเสี่ยงของตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ผู้ที่สามารถเอาชนะใจตัวเองได้ รางวัลคือเงินเพิ่มขึ้นในพอร์ทของคุณ

4.ความรับผิดชอบต่อการตัดสินใจของคุณเชื่อมั่นตัวคุณเองอย่าเชื่อคนอื่น เมื่อคุณกำหนดแผนของการลงทุนไว้แล้ว ควรปฏิบัติตามแผนนั้นอย่าเคร่งครัด เมื่อกำไรหรือขาดทุน คุณก็ควรทำใจให้เป็นกลางอย่าดีใจหรืออย่าเสียใจ ถ้าอารมณ์คุณผิดปกติเมื่อคุณจะตัดสินใจซื้อครั้ง ต่อไปและจะเกิดการผิดพลาดได้ควรหยุดเล่นไปก่อน

5.อย่าให้ความโลภใช้เวลามากกว่าเมื่อเริ่มซื้อประสบความสำเร็จมีกำไรคุณตามเป้าหมายแล้ว อย่าเด็ดขาดอย่าคิดว่ามันน่าจะไปอีกให้รีบขายเอากำไรทันที

6. อย่าคิดว่าขออีกหน่อย นั่นเป็นหายนะของคุณ เพราะคุณไม่ซื่อสัตย์ต่อตนเอง ไม่มีวินัยต่อตนเอง จริงแล้วผมเองก็เป็นประจำขออีกนิดนะ ในที่สุดติดลบจนได้ นั่งเสียดายทีหลัง“รู้อย่านี้ขายเอากำไรไปก่อนสะก็ดี555!เจ็บตัวอีกแล้ว”

7.หากวันนั้นเริ่มต้นไม่ดีให้ถอยออกมาทันทีหรือไม่ก็หยุดเล่นวันนั้นไปเลยไม่ควรคิดเอาคืนทันทีไม่เช่นนั้นอารมณ์ขาดการควบคุม พาลจะเสียต่อได้

8.อารมณ์สาเหตุของการสูญเสียมักจะตั้งอยู่ใน ประมาทมากเกินไปปิดอารมณ์ ในระหว่างการ ซื้อขายในการแผนของคุณและอย่าลืมที่จะกำหนดคำสั่งstoplossเพื่อหยุดการสูญเสียและต้องทำใจให้ได้อย่าปล่อยไปโดยไม่รู้ทิศทางว่าจะกลับมาที่เดิมเมื่อไหร่มันน่ากลัวตัดขาดทุนแล้วเริ่มต้นใหม่โอกาสเอาคืนนั้นมีทั้งวัน

9.แนวโน้มเพื่อนของคุณอย่าเชื่อเพื่อน เอาตัวคุณเป็นที่ตั้งได้ก็ตัวเราเสียก็ตัวเรา
10.เทรดหลายครั้งชนะติดต่อกันเกิดความมั่นใจมาขึ้น ก็เลยเพิ่ม เงิน มากขึ้นตามลำดับแต่พอตลาดเปลี่ยนทิศทางกลับกลายเป็นกำไรที่ได้มาหมดไปในพริบตาแถมยังขาดทุนเข้ามาแทน ที่ก็เลยลดเงินทุนน้อยลงเพราะขาดความมั่นใจและเกิดความกลัวเมื่อตลาดถูกทิศทางก็เลยได้คืนน้อยได้ไม่คุ้มเสียทำให้พอร์ทเสียหายเหตุเกิดจากไม่มีวินัยในตัวเองและไม่ควบคุมอารมณ์ตัวเราเอง


โค๊ด: [Select]
http://www.onlinemoneythai.com/

248
Forex ตอบโจทย์การหาเงินทางเนตได้หลายข้อนะ

+ ลงทุนต่ำมาก กำไรสูง $10 ปั้นเป็น $100 มีคนทำได้นับไม่ถ้วนเลย
+ ไม่ต้องทำเว็บจำนวนมาก (ผมเลิกปั่นเว็บตั้งแต่ว่ากันที่หลักแสนเว็บแล้วล่ะครับ ><")
+ ไม่ต้องจ้างฝรั่งเขียนArticle
+ ไม่ต้องหาBack Links
+ ไม่ต้องเช่า Host, Domain
+ อื่นๆ ซึ่งก็คือทั้งหมดที่เราทำอยู่นี่แหล่ะ

แต่ทุกอย่างมักต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนที่สมกัน

Forexทำให้เราหมดตัวได้ง่ายมาก
พอๆกับที่มันมีแรงส่งให้เราได้มาก

ถ้าเราจะเล่นกับไฟ ก็ต้องหาเครื่องป้องกัน
ผมหามาให้แล้ว กลั่นมาเป็นบทเพลงเลย ลองฟังกันครับ
เพลงนักเทรดอิสระ - Forex Song

เนื้อเพลง
*บนเส้นทางของความเสี่ยงสูง
ใจของเราต้องมาก่อนอื่น
เกมการเงินมันยั่วยวนสูง
เงินได้มามากมาย เสียกลับจะเยอะกว่า
--หุ้น, Futures, Option, Forex--
กฎข้อที่ 1 อย่ามัวหาระบบเทพ
ทุกระบบต้องมีสูญเสีย
ไม่อยากเสียก็อย่าเข้ามา
     เปิดOrder  Close Order  ต้องมีหลักการ
     จงมั่นใจระบบที่มี "สถิติรองรับ"

(ร้องซ้ำ*)

กฎข้อที่ 2  Money management
การลงเงินต้องให้เหมาะสม
เผื่อใจไว้เมื่อมันผิดทาง
     ตัดขาดทุนอย่าปล่อยยืดเยื้อ
     อย่าหลงเชื่อกราฟจะกลับมา "Cut loss  Cut loss  Cut loss"

(ร้องซ้ำ*)

กฎข้อที่ 3  มีวินัย คุมอารมณ์ให้อยู่
มีเหตุผลและหลักการดี
แต่เสียทีถ้าไม่ทำตาม
     อยากจะได้มาก  มากกว่าที่ได้มา  ลืมหลักการของการเข้าเทรด
     ปล่อยให้เสียมาก  มากกว่าที่ควรเป็น  เพราะทำใจขาดทุนไม่ได้

บนเส้นทางของความเสี่ยงสูง
ใจของเราต้องมาก่อนอื่น
เกมการเงินมันยั่วยวนสูง
เงินได้มามากมาย เสียกลับจะเยอะกว่า

กฎทั้ง 3 จะช่วยคุ้มภัย
ใครทำได้ไม่มีล้างพอร์ต
ขอนักเทรดท่องให้ขึ้นใจ
ฝันอะไรเอาไว้ จะได้เป็นจริง.. นักเทรดอิสระ


โค๊ด: [Select]
http://www.thaiseoboard.com/index.php?topic=208481.0

249
1. เรียนรู้พื้นฐาน
โฟเร็ก พื้นฐาน

เป็นเรื่องที่ต้องพูดถึงนักเทรดหน้าใหม่ มือใหม่ส่วนมากจะมองข้ามการเข้าใจพื้นฐานไป แล้วกระโดดเข้าไปสู่สงครามอย่างเต็มรูปแบบ แน่นอนมันส่งผลร้ายแรงกับพวกเขา

 

 
ถ้าคุณยังเป็นมือใหม่ คุณต้องเรียนรู้พื้นฐานการเทรด !
2. คุณจะไม่รวยเร็ว แต่ประสบการณ์จะทำให้คุณรวย

หากคุณเข้ามาเทรดเพราะอยากจะรวยเร็ว คุณคือนักเดินทางที่ไม่มีเข็มทิศ อย่ามัวแต่ไร้เดียงสาการเทรดเป็นเรื่องของประสบการณ์ ยิ่งคุณมีประสบการณ์มากเท่าไหร่คุณก็จะเทรดได้ดียิ่งขึ้น มักมีการถามบ่อยๆเช่น คุณทำกำไร 90 จุดได้ยังไง ผมทำได้แค่ 70 จุดทั้งๆที่เทรดเหมือนกัน? มันเป็นเพราะประสบการณ์ หากเราเทรดมา 5 ปีเป็นนักเทรดที่มีประสิทธิภาพเราย่อมจะเห็นสิ่งที่มือใหม่ไม่เห็นเพราะใช้ประสบการณ์ เส้นทางของการเป็นเทรดเดอร์เป็นเส้นทางที่ยาวดังนั้นเราต้องเตรียมตัวไว้ 1–3 ปีกว่าที่เราจะได้กำไรอย่างต่อเนื่อง
จำไว้เสมอว่า Forex ก็เป็นอาชีพหนึ่ง ไม่ใช่หนทางลัดไปสู่การรวยเร็ว
3. ผู้เชี่ยวชาญผู้หลอกลวง
ผู้เชี่ยวชาญลวง

การฟังความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญต่างๆนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่ปัญหาคือตลาดเงินเป็นที่ที่ มือใหม่ทุกคนชอบคิดว่าตัวเองนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญ และคนอื่นๆอีกมากมายที่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีอายุตั้งแต่ 30–60 ปีนั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงที่ชอบใส่สูทจะบอกว่าตัวเองเป็นนักเทรดมืออาชีพ

และขอให้คุณซื้อหนังสือของพวกเขา คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นเทรดเดอร์ที่ล้มเหลว ซึ่งจะทำเงินจากการสอนผู้อื่นเทรดว่าทำไมถึงขาดทุน
พวกที่อ้างตัวว่าเป็นมืออาชีพ มักจะเป็น ดังนี้ :

1. ชอบให้ข้อมูลเก่าๆซ้ำๆ แล้วก็ไม่เวิร์ค

2. พวกเขามักจะบอกว่าพวกเขาเป็นนักเทรดมืออาชีพที่รวยและพยายามขายหนังสือให้กับคุณ

3. พวกเขาจะบอกถึงสิ่งที่เขาทำได้ เช่น เขาทำเงิน 1 พันเหรียญให้กลายเป็น 1 ล้านเหรียญภายใน 1 สัปดาห์หรืออะไรประมาณนี้

4. พยายามพิสูจน์ว่าพวกเขาเป็นนักเทรดที่ได้กำไรโดยการโพสต์ภาพที่แต่งขึ้นโดย photoshop

5. ชอบใช้คณิตศาสตร์เพื่อให้ตัวเองดูว่าเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จ มากกว่าที่เขาเป็นอยู่จริง ตัวอย่างเช่น พูดถึงแต่ order ที่กำไรหลายครั้งแต่ไม่ค่อยจะยอมพูดถึง order ที่ขาดทุน
ดังนั้นผู้เชี่ยวชาญหรือมืออาชีพนั้นเป็นเรื่องตลก
ระวังอย่าไปหลงเชื่อสิ่งที่พวกเขาพูด
4. วิเคราะห์ด้วยตัวคุณเอง
แกะตามกัน

ต่อเนื่องจากข้อ 3 การที่เดินตามคนอื่นจะทำให้คุณเป็นแกะตาบอด เป้าหมายของคุณคือการเป็นนักเทรดที่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่ตามใครซักคนอย่างไม่ลืมหูลืมตาปล่อยให้เขาจูงจมูกไม่ว่าจะไปทางไหน ในฐานะนักเทรดคุณจำเป็นต้องมีวิธีการขั้นตอนในการวิเคราะห์ตลาด และสามารถทำการวิเคราะห์ด้วยตัวเอง ซึ่งจะทำให้คุณเข้าใกล้ความเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น
การวิเคราะห์ด้วยตัวเอง จะทำให้ :

1. ทำให้คุณเป็นคนมีความมั่นใจในตัวเอง

2. ได้เรียนรู้ในการเทรด

ถ้าคุณตามคนที่บอกว่าเขาเป็นมืออาชีพอย่างไม่ลืมหูลืมตาคุณก็ไม่ต่างอะไรกับตัวเลมมิ่ง คุณจะทำกำไรได้อย่างไรถ้าวันนึงมืออาชีพเหล่านั้นไม่ให้เคล็ดลับหรือเคล็ดลับของเขามันใช้ไม่ได้อีกต่อไป
คุณจะเข้าใจหรือไม่ว่าพวกเขามาบอกคุณทำไม?
ทำไมตอนนี้พวกเขาไม่มาบอกคุณอีกแล้ว?
5. ตำนานเดโม

หากคุณอยากจะเป็นนักมวยอาชีพคุณต้องออกไปซื้อเกมส์ต่อยมวยเอามาเล่นบนเครื่อง Play 3 แล้วก็มาฝึกมวย อ่านแล้วรู้สึกยังไงบ้าง? มันก็เหมือนกับการเทรดเดโมแล้วคุณหวังว่าจะกลายเป็นนักเทรดมืออาชีพได้
การเทรดเดโม 3 เดือน ไม่เหมาะด้วยเหตุผลสองประการ :

1. เดโมทำให้มือใหม่มั่นใจแบบผิดๆ และทำให้พวกเขาติดนิสัยการเทรดที่ไม่ดี

2. บัญชีเดโมเรามักจะเทรดได้ดีกว่าบัญชีเงินจริงเสมอเพราะมีออพชั่นที่ดีกว่า เช่น ส่ง order ได้ไวกว่าเร็วกว่าและปัจจัยอื่นๆอีกมากมาย
วิธีแก้ คือ

ใช้เดโมในการเรียนรู้พื้นฐานเกี่ยวกับวิธีการเทรด เมื่อคุณพร้อมที่จะเทรดคุณควรเทรดด้วยเงินจริงเท่านั้น ซึ่งทุกวันนี้คุณสามารถเปิดบัญชีด้วยเงินเพียง 10 เหรียญ แล้วทำไมจึงไม่เทรดเงินจริงกัน
ถ้าหากยังไม่มีความสามารถหาเงิน 10 เหรียญมาเทรดได้
ก็ไม่ต้องมาเทรดเลยดีกว่า....
6. พยายามแก้ปัญหาการขาดทุนติดกันให้ได้
หุ้นตกแดงเดือด

นี่เป็นข้อที่สำคัญที่สุดที่ควรใส่ใจในการเทรด ถ้าไม่มีกฏข้อนี้บอกได้เลยว่า คงไม่ได้เป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ ถ้าคุณเสียสามครั้งติดๆกัน ให้อยู่ห่างๆจากกราฟ หยุดไปซักพัก แล้วกลับมาพร้อมสมองที่ว่างเปล่า การเทรดเสียติดๆกันเป็นสิ่งอันตรายมาก และสามารถนำเราไปสู่การเสียครั้งใหญ่ได้
แค่นี้คงอธิบายได้ชัดพอ ไม่ต้องย้ำอะไรมาก
7. การตามคนอื่น

เคยได้ยินไหมว่า? นักเทรดส่วนใหญ่ของมือใหม่ 90% ล้มเหลวกันทั้งนั้น อย่างไรก็ตามมันก็จริงที่บอกว่านักเทรดมือใหม่ส่วนใหญ่ที่เข้ามาในตลาด ต่างก็ล้มเหลว

ความลับก็คือ การคิดต่างออกจากปากคนส่วนใหญ่และเทรดด้วยตัวเอง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าให้คุณอยู่ห่างๆจากบอร์ดต่างๆ แต่หมายถึงคุณควรทำาทุกอย่างด้วยตัวเอง หาความรู้ประสบการณ์ในการที่จะเป็นอิสระจากการตามความคิดของผู้อื่น
ลองคิดเรื่องพวกนี้ดู :

1. นักเทรดส่วนใหญ่ที่เป็นมือใหม่ ล้วนแต่ล้มเหลว

2. ถ้าเราตามคนส่วนใหญ่ เราก็จะเป็นส่วนหนึ่งของคนส่วนใหญ่

3. ถ้าเราเป็นส่วนหนึ่งของคนส่วนใหญ่ เราก็จะล้มเหลว
การที่จะเป็นอิสระต้องไม่เป็นผู้ตาม
8. ยึดมั่นในวิธีการของตัวเอง

วิธีการเทรดไม่ว่าวิธีใดก็ตามย่อมมีขึ้นมีลง ไม่มีระบบเทรดวิธีการใดหรือการเทรดแบบไหนที่จะได้กำไร 100% ตลอดไป วิธีการเช่น มีโอกาสกำไรเฉลี่ยเท่ากับ 80% บางช่วงของปีควรจะได้กำไร 60% หรือบางทีในช่วงอื่นๆของปีก็ได้กำไร 100% ซักหนึ่งหรือสองเดือน ควรรู้ว่าแต่ละปีจะต้องเจอช่วงที่แย่และต้องเสียมากกว่าที่เคยเสีย เราจะต้องไม่สูญสิ้นศรัทธาและยังเทรดมันต่อไป
แต่ปัญหาของมือใหม่คือ จะยอมแพ้หลังจากเพียงแค่สัปดาห์แรกเท่านั้น
อย่าทิ้งระบบของคุณเมื่อเวลาแย่ๆมาถึง
9. พยายามทำให้มันธรรมดาที่สุด นี่เป็นเรื่องง่ายและธรรมดา!

การเทรดไม่จำเป็นต้องยุ่งยากหรือซับซ้อน ตัวอย่างวิธีการเทรด ค่อนข้างธรรมดาและมีประสิทธิภาพใช้เวลา 2 - 5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในการเทรด โดยส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตตามปกติ วิธีการเทรดไม่ต้องซับซ้อนและยากต่อการทำความเข้าใจ
ทำให้มันง่าย ซึ่งจะทำให้คุณ:

1. ใช้ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

2. ไม่ต้องเฝ้ามาก

3. ทำให้เรียนรู้ได้เร็วยิ่งขึ้น
ถ้าคุณจำอะไรเกี่ยวกับบทความนี้ไม่ได้เลย คุณต้องจำข้อ 10
10. เทรดเพียงคู่เดียวเท่านั้น

กุญแจไปสู่ประตูแห่งการเปลี่ยนแปลงตัวเองจากมือใหม่ไปสู่มืออาชีพคือ การทำให้การเทรดของคุณเป็นเรื่องธรรมดาที่สุด วิธีหนึ่งที่ง่ายที่สุดคือ การทำให้การเทรดของคุณนั้นธรรมดาที่สุดโดยการเทรดแค่คู่เงินเดียว ข้อนี้ธรรมดามาก แต่ว่าไม่น่าเชื่อว่าไม่ค่อยมีใครทำมัน การเทรดแค่คู่เดียวจะช่วยเราได้เพราะจะทำให้คุณมีสมาธิและพยายามเรียนรู้เกี่ยวกับค่าเงินคู่นั้นๆ ดังนั้นมันจะทำาให้คุณเข้าใจว่ามันเคลื่อนไหวยังไง?

ถ้าคุณพยายามดื้อดึงเทรด 5 คู่ในเวลาเดียวกัน การเรียนรู้ในการเทรดย่อมจะยากกว่า
คุณจะต้องเรียนรู้ลักษณะพิเศษของค่าเงินแต่ละคู่ คุณจะต้อง:

1. มีปฏิกิริยากับข่าวที่แตกต่างตามค่าเงิน

2. อัตราการวิ่งของแต่ละคู่ที่บางคู่ช้าบางคู่เคลื่อนไหวเร็ว

3. เวลาที่คู่เงินเคลื่อนไหวแตกต่างกันในช่วงวันหนึ่ง

4. ต้องจัดการ order ที่เปิดอยู่แตกต่างกันไป

ในฐานะมือใหม่ การกระโดดเข้าเล่นหลายคู่แบบนี้จะทำให้มีความกดดันสูงและทำให้เรียนรู้ได้ช้า
ดังนั้น ควรเริ่มด้วยการเทรดคู่เดียว
เมื่อคุณได้กำไรคุณสามารถเทรดได้หลายคู่ เท่าที่คุณจะสามารถรับได้
11. เทรดเพียงแค่ Time Frame (TF) เดียว

การเทรด Time Frame เดียวก็เป็นการทำให้ระบบธรรมดา
การดู Time Frame เดียวมีประโยชน์ ดังนี้ :

1. ทำให้คุณมีสมาธิจดจ่อกับการเรียนรู้ในแต่ละ Time Frame ดังนั้น มันจะช่วยลดความสับสนที่มาพร้อมกับการเรียนรู้การใช้หลายๆ Time Frame

2. ทำให้คุณต้องดูกราฟน้อยและมีสมาธิในการวิเคราะห์กราฟ Time Frame เดียวมากขึ้น ดังนั้นจะทำให้คุณวิเคราะห์มีประสิทธิภาพและคุณภาพในการวิเคราะห์

3. ช่วยลดการวิเคราะห์มากเกินไปโดยการดูหลาย Time Frame ซึ่งทำให้เกิดข้อขัดแย้ง

4. มันทำให้ชีวิตง่ายขึ้น

จำไว้เสมอว่า ทั้งหมดนี้เพื่อทำให้ระบบเทรดของเราธรรมดามากถ้าคุณเทรด Time Frame เดียวและคู่เงินเดียว ในฐานะมือใหม่คุณไม่ควรจะไปยึดกับกราฟหลายกราฟ
ควรจะเทรดกราฟเดียว จนกว่าคุณจะได้กำไรอย่างต่อเนื่อง
12. กราฟสะอาด

มือใหม่ส่วนใหญ่จะใส่ Indicator เต็มไปหมดในกราฟของพวกเขา ตอนที่เข้าเทรด Indicator ช่วยคุณในการเทรด ฉะนั้นถ้าเราใส่เยอะหมายความว่าดีกว่า? ผิดหรือถูกกันแน่!

เมื่อเทรดเดอร์มีประสบการณ์มากขึ้นพวกเขาจะพบว่ายิ่งน้อยก็ยิ่งดี Indicator ที่มากจะทำให้คุณสับสนมากขึ้น
ยิ่งคุณมี Indicator มากเท่าไหร่ก็จะทำให้ :

1. ทำให้กราฟยุ่งเหยิงยากต่อการวิเคราะห์กราฟ

2. ทำให้คุณต้องคิดมากกว่าปกติและการตัดสินใจของคุณแย่ลง

3. เพิ่มความขัดแย้งของสัญญาณมากขึ้นระหว่าง Indicator
ฟังดูไม่เวิร์คเลยใช่ไหม? ...

Indicator ไม่ใช่ทั้งหมดของการเทรดจะเทรดด้วยกราฟเปล่าๆและอัตรากำไรต่อขาดทุนถึง 80% ไม่ได้บอกว่าคุณต้องเอา Indicator ออกให้หมด แต่ว่าหลายคนเทรดโดยไม่ใช้ Indicator พร้อมกับแนวรับแนวต้านและรูปแบบกราฟแท่งเทียนต่างๆ
อย่างน้อยไม่ควรมีเกินสองตัวในกราฟของคุณ

โค๊ด: [Select]
http://www.jubtadu.com/forex/12tip.html

250
การเทรด Forex “คนเก่งจริงไม่ใช่คนที่เทรดได้กำไรสูงสุด แต่เป็นคนที่อยู่รอดในตลาด forex ได้นานที่สุด”



รามาต่อจากบทความที่แล้วกันนะครับ เมื่อเพื่อนๆ มีระบบเทรด Forex ที่มีข้อมูลครบถ้วนแล้ว รู้แล้วว่าระบบเทรด Forex ของตัวเองมี % ความแม่นยำเท่าไหร่ เพื่อนๆ ก็จะวางแผนได้ว่าควรจะลงเงินในการเทรดแต่ละครั้งเท่าไหร่ เพื่อให้เหมาะสมกับระบบและทุนที่มี

และเมื่อได้ตัวเลขการลงเงินมาแล้ว ก็ควรยึดถือตามนั้นอย่างเคร่งครัด ไม่เทรดเกินนั้น เพราะเรารู้แล้วว่าระบบของตัวเองเป็นอย่างไร มีความแม่นยำเท่าไร ได้ติดๆ กันก็มีโอกาศเสียติดๆ กันเช่นกัน

การเทรด Forex ให้มีกำไรแบบยั่งยืน มีองค์ประกอบอะไรบ้าง เรามาดูตามรูปข้างล่างนะครับ




1. Forex Trading System (ระบบเทรด) มีความสำคัญ 10%
เพื่อนๆ ควรหาระบบเทรด ที่เหมาะสมกับตัวเองให้เจอ ควรเป็นระบบที่ทน Drawdown ได้ ที่สำคัญเมื่อมีระบบแล้วก็ต้องทำตามให้ได้

2. Money Management (การบริหารเงิน) มีความสำคัญ 30%
เมื่อมีระบบเทรดแล้ว Money Management ก็จะปรากฎให้เห็นเอง ว่าเราจะจัดการกับเงินทุนยังไง ให้เหมาะสมกับข้อมูลระบบเทรดที่มี เช่น เรามีข้อมูลว่าระบบของเรามีโอกาศเสียติดๆ กัน เราก็ต้องลงเงินในจำนวน % น้อยๆ มี Stop loss อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อจะทำให้ไม่ทำให้พอร์ตเสียหายมาก

3. Psychology (จิตวิทยา) มีความสำคัญ 60%
ในการเทรด Forex การควบคุมจิตใจ ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของการเทรดให้กำไรแบบยั่งยืนได้เลยที่เดียว ต่อให้เพื่อนๆ มีสองข้อแรกดีแค่ใหน ถ้าขาดการควบคุมจิตใจไปก็ไม่สามารถจะเทรดให้กำไรแบบยั่งยืนได้ ตัวที่เด่นๆ คือ ความโลภ กับความกลัว รองลงมาคือ ความมั่นใจเกินไป

ตัวอย่างเช่น เมื่อมีกำไรก็เกิดความโลภ เพิ่ม Positions มากขึ้น พอตลาดเปลี่ยนทิศก็ขาดทุนมาก พอขาดทุนก็เกิดความกลัว ลด Positions ลง พอตลาดถูกทิศก็กำไรน้อย (ไม่ทำตามกฎ Money Management ที่ได้วางไว้)

หรือ ราคาวิ่งเลยจุดเข้าไปไกลแล้ว แต่เกิดความโลภ เห็นราคาไหลจึงรีบเข้ากลางทาง พอตลาดเปลี่ยนทิศก็ขาดทุนมาก พอขาดทุนก็เกิดความกลัวพอระบบให้สัญญาณในครังต่อไปก็ไม่กล้าเปิดคำสั่งซื้อขาย พอตลาดถูกทิศก็ไม่มีกำไร (ไม่ทำตามระบบเทรด forex ที่ได้วางไว้)

หรือ เทรดได้ติดๆ กันหลายครั้งทำให้เกิดความมั่นใจเกินไป เพิ่ม Positions มากขึ้น โดยไม่ทำตามกฎ Money Management ที่ได้วางไว้ พอตลาดเปลี่ยนทิศก็คืนกำไรที่ได้มาไปจนหมดในครั้งเดียว

ดังนั้นเพื่อนๆ ที่ซื้อขายเอาไว้ตามระบบก็คอยออกตามระบบ ใครที่ตกรถก็นั่งดูไปก่อน อย่าเข้ามาในตลาดขณะที่ไม่ใช่เวลาซื้อขาย

เล่น forex แบบสบายๆ มีสัญญาณซื้อก็ซื้อ มีสัญญาณขายก็ขาย พยายามอย่าคิดมาก เล่นตามระบบที่วางไว้ แล้วทำกำไรตามระบบ ไปเรื่อยๆดีกว่า

ข้อสำคัญที่สุดคือมีวินัยในการ Stop loss เพราะถ้าหากคาดการผิด จะได้ไม่เสียหายมาก แต่ถ้าถูกทาง ก็ Let profit run




เพื่อนๆ นักเทรด forex ควรจะมี องค์ประกอบ 3 อย่างให้ครบนะครับ ควร “อยู่รอดให้ได้ก่อนแล้วค่อยทำกำไร”

และเมื่อเทรด Forex จนได้กำไรแล้ว อย่าลืมทำบุญทำทานและแบ่งปันให้สังคมด้วยนะครับ จะช่วยลดเรื่องความโลภเป็นอย่างดี แล้วเพื่อนๆ จะรู้ว่าการให้นั้นใด้อะไรมากกว่าที่คิดมากมายครับ

โค๊ด: [Select]
ที่มา https://greenforexsignal.wordpress.com/2013/09/14/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%94-forex-2/

หน้า: 1 ... 15 16 [17]
SMF 2.0.15 | SMF © 2011, Simple Machines
SMFAds for Free Forums