นักลงทุนมือใหม่เล่นหุ้นอย่างไรให้เซฟ

อ่าน 1514 ครั้ง

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ในสมัยที่ค่าใช้จ่ายแพงและดอกเบี้ยเงินฝากต่ำเช่นนี้  ไม่น่าแปลกที่คนรุ่นใหม่ต้องแสวงหาแนวทางและช่องทางการลงทุนแบบใหม่ๆที่ได้ผลตอบแทนซึ่งสูงกว่า ยิ่งในเวลาที่เงินเฟ้อมากกว่าดอกเบี้ย หรือมากกว่า % การขึ้นเงินเดือน ก็ต้องยิ่งหาช่องทางในการเก็บออมที่สามารถเพิ่มมูลค่าให้เงินเก็บของเรา การลงทุนในหุ้นก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ผลตอบแทนดี แต่ความสี่ยงสูง แต่หากลงทุนอย่างมีข้อมูลและระมัดระวัง ก็อาจทำกำไรก้อนงามก็เป็นได้ ในสัปดาห์นี้ MoneyGuru.co.th จึงจะมาแนะนำการลงทุนเล่นหุ้นเบื้องต้นสำหรับมือใหม่
 
          Bid Offer และ Volume คืออะไร
          สามคำนี้จะเป็นศัพท์ที่พบบ่อยหากเข้าสู่วงการหุ้นแล้ว โดยเฉพาะหากเปิดพอร์ทผ่านทางอินเทอร์เน็ตก็คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะพบศัพท์สามคำนี้ สมมุติว่าเราได้โอนเงินเข้าพอร์ทเรียบร้อยแล้วและต้องการซื้อหุ้น A เป็นจำนวน 5000 หุ้น ก็จะต้องไปตรวจสอบ Bid / Offer ของหุ้นตัวดังกล่าว ซึ่ง Bid คือราคาที่เราเสนอซื้อ ส่วน Offer คือราคาที่ผู้ซึ่งถือหุ้นอยู่ในตลาดประสงค์จะขาย ซึ่งราคา Offer มักสูงกว่าราคา Bid และหากต้องการหุ้นโดยด่วนก็มักต้องซื้อในราคาที่คนขาย Offer มา ส่วน Volume นั้นหมายความถึงปริมาณการซื้อ-ขายหุ้น ซึ่งหุ้นตัวใดที่มี Volume สูง จะหมายความว่ามีการซื้อขายกันมาก ราคา Bid และ Offer ก็มักจะใกล้เคียงกัน ในขณะที่หุ้นซึ่งมี Volume น้อยๆ หรือซื้อขายกันน้อย ราคา Bid และ Offer ก็จะต่างกันมาก
 
          ก่อนจะลงทุนในหุ้นสักตัว ควรเตรียมตัวอย่างไร?
          อย่างที่เราอาจจะได้ยินกันเสมอว่า “การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาก่อนตัดสินใจลงทุน” การเตรียมตัวเบื้องต้นมีดังนี้
          1.ควรเริ่มจากการติดตามข่าวสารในตลาดที่สนใจจะลงทุนเป็นพิเศษ และข่าวที่สามารถส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของนักลงทุน เช่น  ข่าวการเมือง ข่าวเศรษฐกิจ เป็นต้น
 
          2. สิ่งสำคัญที่ต้องมีอันดับต่อมาคือ  เงินทุน หากรักที่จะลงทุนก็ควรกันงบประมาณและจัดระเบียบเอาไว้ ว่าจะออมในกองทุนเท่านี้ ออมในบัญชีเท่านี้ กันไว้เป็นค่าใช้จ่ายกรณีฉุกเฉินเท่านี้ และส่วนที่เหลือจะนำไปลงทุนในหุ้น
 
          3.หลังจากมีเงินทุนเพียงพอแล้วก็ต้องจัดระเบียบในการลงทุนโดยการกำหนดจุด Stop Loss ซึ่งก็คือจุดที่กำหนดว่าจะขายหุ้นในมือเมื่อไหร่ เช่นว่าหากกำหนดจุด Stop Loss ไว้ที่ 10 เมื่อขาดทุนเกินร้อยละ 10 ก็ต้องปล่อยหุ้นทิ้งทันทีเพื่อไม่ให้เสียหายมากขึ้น เนื่องด้วยว่าเราไม่รู้ว่าหุ้นจะตกลงไปอีกหรือไม่และการนำเงินไปลงทุนในหุ้นตัวอื่นอาจจะคุ้มค่ามากกว่า ซึ่งสามารถใช้เกณฑ์นี้เมื่อหุ้นทำกำไรได้เช่นกัน ว่าเมื่อกำไรถึงร้อยละ 10 ก็ต้องขายก่อนที่หุ้นจะตก
 
          คำถามที่เลี่ยงไม่ได้ในการจะลงทุนในหุ้นคงเป็น ‘ควรลงทุนในหุ้นตัวไหนดี?’
          การลงทุนโดยไม่มีข้อมูลไม่ต่างจากการพนันและเอาเงินไปเสี่ยง การลงทุนอย่างชาญฉลาดและจำกัดความเสี่ยงให้มากที่สุดคือการศึกษาข้อมูล ในกรณีการเล่นหุ้น ข้อมูลที่ควรศึกษาคือข้อมูลบริษัทเจ้าของหุ้นตัวนั้นๆที่สนใจ ซึ่งเรื่องหลักๆที่ต้องตรวจสอบดู คือ
 
          1. บริษัทดังกล่าวมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีไหม ภาคส่วนซึ่งบริษัทนั้นๆกำลังดำเนินกิจการอยู่มีแนวโน้มเติบโตหรือหดตัวหรือไม่
          2. บริษัทนั้นเป็นผู้นำตลาดหรือมีจุดยืนในตลาดที่มั่นคงหรือไม่
          3.ประวัติคณะผู้บริหารเป็นอย่างไร เคยผ่านประสบการณ์ใดมาบ้าง มีไฟในการนำพาธุรกิจไปข้างหน้าหรือไม่
          4.บริษัทมีเงินทุนแค่ไหน Liquidity สูงแค่ไหน สามารถนำไปต่อยอดกิจการอีกได้หรือไม่
          5.ผลประกอบการรายปีที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ปันผลเป็นอย่างไร ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มักหาได้จากตามหน้าเว็บไซต์ของบริษัทนั้น
 
          ทั้งนี้ บางทีนักลงทุนก็อาจตัดสินใจลงทุนแบบเจาะเป็นภาคส่วนไปเลย เช่นว่าเห็นว่าปีหน้าจะมีแนวโน้มว่าจะส่งออกพลังงานธรรมชาติได้เยอะ ก็อาจลองศึกษาดูบริษัทต่างๆในตลาดผู้ผลิตพลังงาน หรือหากเห็นว่าธนาคารมีผลประกอบการที่ดีในไตรมาสนี้ก็อาจลองศึกษาหุ้นธนาคารและนำมาเปรียบเทียบกันหลายๆตัว ลองดูเทรนด์ขึ้น-ลงในอดีต และลองดูเอกสารผลประกอบการเพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจ อย่างไรเสีย การลงทุนก็ต้องมีข้อมูล หากคิดจะลองลงทุนในหุ้นก็ควรเริ่มศึกษาข้อมูลตลาดที่สนใจและติดตามข่าวสถานการณ์บ้านเมืองตั้งแต่วันนี้

โค๊ด: [Select]
http://www.komchadluek.net/detail/20140922/192590.html
  • Tamol

  • ****
  • สถานะ: ออฟไลน์
  • พลังน้ำใจ: 1 | กระทู้ 250
  • เพศ: ไม่ระบุ
วิธีเปิดบัญชี forex exness อย่างละเอียด 2023 ทีละขั้นตอน | วิธีสมัคร Forex Update 2566



 

SMF 2.0.15 | SMF © 2011, Simple Machines
SMFAds for Free Forums