forex RSI คืออะไร ใช้อย่างไร

อ่าน 1496 ครั้ง

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

forex RSI คืออะไร ใช้อย่างไร
« เมื่อ: 10/มิ.ย./2017 03:18:04 »
RSI คืออะไร

     คำว่า RSI มาจากคำเต็มที่ว่า Relative Strange index หรือเป็นค่าที่บอกให้เห็นปริมาณการซื้อหรือขาย โดยมีการคำนวณมาจากความเร็วของการเคลื่อนที่ของราคา ตัวเลขที่นำมาใช้ในการวัดค่า RSI คือเลข 0-100 โดยค่านี้จะถูกนำมาประกอบกับการตัดสินใจในการเทรดหุ้น หรือการเทรด forex นั่นเอง
 
การใช้ RSI กับการเทรด forex

     แต่ในประสบการณ์ของผู้เขียนแล้ว ค่า RSI นั้นกับการเทรด forex มักมีค่าที่แตกต่างในการตัดสินใจออกไปจากข้างต้นสักหน่อย ซึ่งผู้เขียนขอเอามาให้ทุกท่านได้พิจารณาประกอบเป็นความรู้ดังนี้คือ

1.หาก RSI มากกว่า 90 เป็นสัญญาณว่า ราคาจะขึ้นแรงมากๆ ให้ระวังการกลับตัว เราจะเปิดสัญญา Sell ต่อเมื่อกราฟหัวทิ่มลงมาแล้วเท่านั้น

2.หาก RSI มีค่าน้อยกว่า 17 เป็นสัญญาณว่า ราคาลงแรงมากๆ ให้ระวังการกลับตัวขึ้นเช่นเดียวกัน และเราอาจเลือกเปิด Buy เมื่อกราฟงอหัวกลับมาแล้ว

     สำคัญมากๆคือคุณห้ามทำการซื้อหรือขายในขณะที่กราฟยังมีลักษณะเป็นแบบหัวปักอยู่นะครับ เพราะว่าอันตรายและเสี่ยงมากๆที่คุณจะรับมือ
     สรุปแล้วการเลือกใช้ค่า RSI ถือเป็นสิ่งสำคัญเพราะว่าสามารถบอกให้เราเห็นคร่าวๆว่า เมื่อใดที่เกิดแรงกระเพื่อมหรือแรงซื้อขายมากเกินไป อันอาจทำให้เรามีการกลับตัวหรือมีการเปลี่ยนแปลง เพียงแต่ว่าคุณไม่สามารถที่จะพิจารณาค่าของ RSI ได้เพียงอย่างเดียว จะต้องดูกับค่าอื่นๆประกอบกันไปด้วยครับ จึงจะสามารถตัดสินใจในการเข้าทำได้ถูกต้อง

แล้ววิธีใช้งาน RSI ที่ถูกต้อง ต้องทำยังไง ?

     ต้องให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์กราฟราคาหุ้นมากกว่า Indicators และใช้ Indicators เพื่อช่วยส่งสัญญาณเตือนหรือเป็นข้อมูลเสริมเพื่อประกอบการตัดสินใจเท่านั้น  ดังนั้นห้ามให้ความสำคัญกับ Indicators มากกว่ากราฟราคาหุ้น และห้ามตัดสินใจลงมือซื้อขายหุ้นจากข้อมูล Indicators แต่เพียงอย่างเดียว

ตัดสินใจลงมือซื้อขายจากกราฟราคาหุ้นเท่านั้น

     เมื่อ RSI เกิดสัญญาณเตือน ไม่ว่าจะเป็น Ovebought Oversold หรือ Divergence ก็ตาม เราจะใช้สัญญาณเหล่านี้เป็นสัญญาณที่บอกว่าหุ้นตัวนี้เริ่มมีความน่าสนใจ หรือเป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าว่าราคาหุ้นในอนาคตอาจมีการเปลี่ยนแปลงทิศทาง เพื่อให้เราติดตามกราฟราคาอย่างใกล้ชิดเพื่อหาจังหวะที่ลงมือซื้อหรือขายที่ดีต่อไป หรือเป็นสัญาณ แต่การหาจังหวะลงมือซื้อขายหุ้นที่ดีนั้น จะต้องกลับไปวิเคราะห์จากกราฟราคาหุ้นเสมอ เนื่องจากกราฟราคาหุ้นเป็นข้อมูลที่ใช้แสดงพฤติกรรมของคนที่เข้ามาซื้อขายในตลาดได้ดีที่สุด 


รูปแสดงขั้นตอนการใช้งาน RSI ที่ถูกต้อง โดยใช้สัญญาณจาก RSI เป็นสัญญาณเตือน แต่ตัดสินใจลงมือซื้อขายหุ้นจากการวิเคราะห์กราฟราคาหุ้นเท่านั้น



รูปตัวอย่างแสดงให้เห็นกรณีที่ RSI ส่งสัญญาณ Overbought แต่หลังจากติดตามกราฟราคาหุ้นอย่างใกล้ชิดแล้วไม่มีสัญญาณให้ขายจึงถือหุ้นต่อ ทำให้ไม่ได้ลงมือขายหุ้นจากสัญญาณ Overbought ของ RSI



รูปตัวอย่างถัดมาแสดงให้เห็นกรณีที่ RSI ส่งสัญญาณ Overbought หลังจากติดตามกราฟราคาหุ้นอย่างใกล้ชิดแล้วเกิดสัญญาณให้ขายจากการทำจุดต่ำสุดใหม่ จึงค่อยตัดสินใจขายลงมือหุ้น



รูปตัวอย่างแสดงให้เห็นกรณีที่ RSI ส่งสัญญาณ Bearish Divergence แต่หลังจากติดตามกราฟราคาหุ้นอย่างใกล้ชิดแล้วไม่มีสัญญาณให้ขายจึงถือหุ้นต่อ ทำให้ไม่ได้ลงมือขายหุ้นจากสัญญาณ Divergence ของ RSI



รูปตัวอย่างถัดมาแสดงให้เห็นกรณีที่ RSI ส่งสัญญาณ Bearish Divergence หลังจากติดตามกราฟราคาหุ้นอย่างใกล้ชิดแล้วเกิดสัญญาณให้ขายจากการทำจุดต่ำสุดใหม่ จึงค่อยตัดสินใจขายลงมือหุ้น

ใช้ RSI เป็นสัญญาณเตือน !!

      เมื่อเกิดสัญญาณจาก RSI ก็เหมือนกับเราเจอป้ายเตือนภัยนั่นเองครับ เมื่อเราเจอป้ายเตือนภัย สิ่งที่ควรทำก็คือ ให้เพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น อย่างเช่น เวลาที่เราเจอป้ายเตือนว่าระวังของตกจากด้านบน ไม่ได้หมายความว่าจะต้องมีของตกลงมาจากข้างบนตลอดเวลา แต่ให้เราคอยระวังเพราะบริเวณนั้นมีของตกลงมาบ่อยครั้ง ถ้าจำเป็นต้องเดินเข้าไปใกล้ ๆ บริเวณนั้นก็ให้เพิ่มความระมัดระวัง หรือหาเครื่องป้องกัน 

      #RSI ก็เช่นกัน เวลาที่เกิดสัญญาณจาก RSI ไม่ว่าจะเป็น Overbought Oversold หรือ Divergence ก็ให้เราใช้สัญญาณนั้นเป็นสัญญาณเตือน ให้เพิ่มความระมัดระวัง และติดตามกราฟการเคลื่อนที่ของราคาหุ้นอย่างใกล้ชิดยิ่งขี้น เนื่องจากอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงทิศทางในอนาคต เช่น

     สัญญาณ Overbought หมายความว่า ราคาหุ้นได้เพิ่มสูงขึ้นมาก ให้ระวังว่าราคาหุ้นอาจจะมีการพักตัวชั่วคราว หรืออาจจะปรับตัวลดลงในอนาคต แต่ไม่ได้หมายความว่าราคาหุ้นจะต้องปรับตัวลดลงจริง ๆ ในอนาคต

     สัญญาณ Oversold หมายความว่า ราคาหุ้นได้ลดลงมากแล้ว ให้ระวังว่าราคาหุ้นอาจจะมีการเด้งขึ้นชั่วคราว หรืออาจจะปรับตัวสูงขึ้นขึ้นในอนาคต แต่ไม่ได้หมายความว่าราคาหุ้นจะต้องปรับตัวขึ้นจริง ๆ ในอนาคต

     สัญญาณ Bullrish Divergence หมายความว่า Momentum ของราคาหุ้นในทิศทางขาลง เริ่มอ่อนแรง ให้ระวังว่าราคาหุ้นอาจจะมีการเด้งขึ้นชั่วคราว หรืออาจจะปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต แต่ไม่ได้หมายความว่าราคาหุ้นจะต้องปรับตัวขึ้นจริง ๆ ในอนาคต

     สัญญาณ Bearish Divergence หมายความว่า Momentum ของราคาหุ้นในทิศทางขาขึ้น เริ่มอ่อนแรง ให้ระวังว่าราคาหุ้นอาจจะมีการพักตัวชั่วคราว หรืออาจจะปรับตัวลดลงในอนาคต แต่ไม่ได้หมายความว่าราคาหุ้นจะต้องปรับตัวลดลงจริง ๆ ในอนาคต

ข้อสังเกตเพิ่มเติมของ RSI

     มีข้อสังเกตเพิ่มเติม 2 ข้อของกราฟ RSI ที่เกี่ยวข้องกับทิศทางแนวโน้มของกราฟราคาหุ้นที่แด๊ดดี้อยากแนะนำ คือ

1) สัญญาณ Overbought และ Oversold จะใช้งานได้ดีเมื่อกราฟราคาหุ้นมีทิศทางของแนวโน้มเป็นแบบ Sideways และจะใช้งานได้ไม่ดีถ้ากราฟราคาหุ้นมีทิศทางของแนวโน้มที่แข็งแกร่ง และชัดเจน เพราะในกรณีที่กราฟราคาหุ้นมีแนวโน้มอย่างชัดเจนและแข็งแกร่ง RSI จะส่งสัญญาณ Overbought หรือ Oversold อย่างต่อเนื่องและยาวนาน โดยที่กราฟราคาหุ้นจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงทิศทางของแนวโน้มเลย จึงเป็นที่มาของข้อแนะนำให้ตัดสินใจลงมือซื้อขายหุ้นจากกราฟราคาหุ้นไม่ใช่สัญญาณจาก RSI


รูปตัวอย่างแสดงให้เห็นว่าถ้ากราฟราคาหุ้นมีทิศางแนวโน้มขาขึ้นชัดเจนแข็งแกร่ง RSI สามารถอยู่ในเขต Overbought ได้อย่างต่อเนื่องและยาวนาน


2) ถ้ากราฟราคาหุ้นมีทิศทางแนวโน้มเป็นขาขึ้นแบบชัดเจน RSI มักจะ มีค่าอยู่ระหว่าง 40-80 เนื่องจากในช่วงที่ทิศทางของราคาหุ้นเป็นขาขึ้นชัดเจนนั้น พฤติกรรมของคนในตลาดส่วนใหญ่ ควรจะไม่อยากขายหุ้นมากนัก ถึงแม้จะมีบางช่วงที่ราคาหุ้นมีการพักฐานแต่ก็พักฐานได้ไม่นาน ดังนั้น RSI จึงมักจะยังปรับตัวลดลงไม่มาก (RSI มักจะไม่ต่ำกว่า 40 เพราะ หุ้นทิศทางขาขึ้น Momentum ควรให้มุมมองเชิงบวก)
     ถ้ากราฟราคาหุ้นมีทิศทางแนวโน้มเป็นขาลงแบบชัดเจน RSI มักจะ มีค่าอยู่ระหว่าง 20-60 เนื่องจากในช่วงที่ทิศทางของราคาหุ้นเป็นขาลงชัดเจนนั้น พฤติกรรมของคนในตลาดส่วนใหญ่ ควรจะไม่อยากซื้อหุ้นมากนัก ถึงแม้จะมีบางช่วงที่ราคาหุ้นมีการปรับตัวสูงขึ้นแต่ก็เด้งขึ้นได้ไม่นาน ดังนั้น RSI จึงมักจะยังปรับตัวขึ้นไม่มาก (RSI มักจะไม่สูงกว่า 60 เพราะ หุ้นทิศทางขาลง Momentum ควรให้มุมมองเชิงลบ)


ในหลาย ๆ ครั้ง ถ้าผมเชื่อว่าหุ้นน่าจะอยู่ในช่วงแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลงอย่างชัดเจน ผมมักจะใช้ระดับ RSI 40-50 ในการหาจังหวะซื้อหุ้น ตอนที่หุ้นมีการปรับฐานในช่วงแนวโน้มขาขึ้น และจะใช้ระดับ RSI ที่ 50-60 ในการหาจังหวะขายหุ้นตอนที่หุ้นมีการเด้งขึ้นชั่วคราวในช่วงแนวโน้มขาลง



รูปตัวอย่างแสดงให้เห็นว่าช่วงที่หุ้นมีทิศทางแนวโน้มขาขึ้นชัดเจน ราคามักจะปรับฐานเสร็จที่ RSI 40-50 และในช่วงที่หุ้นมีทิศทางแนวโน้มขาลงชัดเจน ราคาหุ้นมักจะเด้งไปถึงระดับ RSI 50-60 แล้วลงต่อ

   
สุดท้ายย้ำอีกสักรอบว่า การลงมือซื้อขายหุ้น ต้องตัดสินใจจากกราฟราคาหุ้นเท่านั้น ใช้ RSI หรือ Indicators เป็นตัวช่วยสนับสนุนการตัดสินใจซื้อขายเท่านั้น
  • นักศึกษา77

  • *
  • สถานะ: ออฟไลน์
  • พลังน้ำใจ: 0 | กระทู้ 19
  • เพศ: ไม่ระบุ
วิธีเปิดบัญชี forex exness อย่างละเอียด 2023 ทีละขั้นตอน | วิธีสมัคร Forex Update 2566



 

SMF 2.0.15 | SMF © 2011, Simple Machines
SMFAds for Free Forums