สวัสดีจ้า ตอนนี้การเมืองในประเทศไทยก็ดุเดือดเอาเรื่อง ทำเอานักลงทุนต้องติดตามอย่างใกล้ชิด แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ต้องติดตามกันต่อไป และวันนี้เรามาดู หุ้น กับ Forex เหมือนกันรึเปล่า คำตอบคือ ‘ไม่เหมือนกัน’ Forex หรือ Foreign Exchange คือตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ เป็นการซื้อขายสกุลเงินเพื่อ ‘เก็งกำไร’ จากการขึ้นลงของค่าเงิน
หุ้น คือตราสารที่ออกให้แก่ผู้ถือ ผู้ที่ซื้อตราสารจะมีฐานะเป็น “เจ้าของกิจการ” ซึ่งมีส่วนได้เสียหรือมีสิทธิในทรัพย์สินและรายได้ของกิจการ รวมทั้งมีโอกาสได้รับเงินปันผล ทั้งนี้ขึ้นกับผลกำไรรวมทั้งข้อตกลงของกิจการนั้นๆ
การลงทุนไม่ว่าจะเป็นการเทรดในตลาดประเภทใดก็ตาม นักลงทุนควรจะศึกษาถึงความแตกต่างของตลาดนั้นๆให้ละเอียดว่าเหมาะสมกับเทรดดิ้งสไตล์ไหน เพราะการเทรดในแต่ละประเภทมีวิธีการเทรดและสภาพคล่องที่แตกต่างกัน
จุดแตกต่างระหว่างการเทรดหุ้นและ Forex มีดังนี้
– ปริมาณการซื้อขาย และสภาพคล่อง
Forex เป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่และมีปริมาณการซื้อขายต่อวันค่อนข้างสูง มากกว่าปริมาณการซื้อขายหุ้น จากปริมาณการซื้อขาย ทำให้ Forex มีสภาพคล่องสูงกว่า ต้นทุนการซื้อขายต่ำกว่า
– เวลาการซื้อขาย
Forex เป็นตลาดประเภท OTC (Over the Counter) เป็นการซื้อขายและทำธุรกรรมได้จากทั่วทุกมุมโลก โดยตลาด Forex เทรดได้ 24 ชั่วโมงต่อวัน/5 วันต่อสัปดาห์ ในระหว่างที่ตลาดหุ้นจะเปิดแค่ 4-8 ชั่วโมงต่อวันแล้วแต่ประเทศนั้นๆ
– ปริมาณของสินทรัพย์
ฟอเร็กซ์มีการซื้อขายคู่สกุลเงินมากกว่า 330 สกุลเงิน นักเทรด Forex มักจะเทรดสกุลเงินหลักเช่น EUR / USD และ GBP / USD เนื่องจากสิ่งเหล่านี้ถือว่ามีความเสถียรโดยทั่วไปในตลาด forex โอกาสทางการตลาดของหุ้นจะมีน้อยกว่า Forex คุณสามารถซื้อขายหุ้นทั่วโลกในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่นอุตสาหกรรมเทคโนโลยี เภสัชกรรม และยานยนต์
– โอกาสในการขยายกำไร
เทรด Forex ก็คือการเทรดด้วยเลเวอเรจและมาร์จิ้น นักลงทุนมีโอกาสขยายขอบเขตการทำกำไรได้ด้วยเงินทุนน้อย ส่วนการเทรดหุ้นที่ต้องใช้เงินทุนเต็มจำนวนและไม่สามารถขยายกำไรได้ แต่การใช้เลเวอเรจก็มีข้อเสียเช่นกันเพราะการทำกำไรได้ก็สามารถขาดทุนได้เมื่อกราฟไปที่ทิศทางตรงกันข้าม
– กลยุทธ์การซื้อขาย
การเทรด Forex สามารถเทรดได้ทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง ซึ่งจะเพิ่มโอกาสสำหรับในการทำกำไรได้ แต่การเทรดหุ้นจะสามารถทำกำไรได้ในกรณีที่ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นเท่านั้น
จุดเหมือนของหุ้นและ Forex
ทั้งตลาด Forex และตลาดหุ้นได้รับผลกระทบจากปัจจัยอุปสงค์ (demand) และอุปทาน (supply) ความผันผวนของการซื้อขาย Forex และการซื้อขายหุ้น
ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเลือกเทรดแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของคุณและสไตล์การเทรดที่คุณชื่นชอบ หากคุณหวังว่าจะเก็งกำไรเป็นก้อนใหญ่ในระยะสั้นและรับความเสี่ยงสูงได้ คุณอาจจะเหมาะกับการเทรด Forex มากกว่า ถ้ามีเงินทุนจำนวนมากและอยากจะถือครองสินทรัพย์ยาวๆคุณอาจจะเหมาะกับการเทรดหุ้นมากกว่า