กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้

หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 10
31
พูดคุยForexทั่วไป / ข่าว Forex ที่สำคัญมีอะไรบ้าง?
« กระทู้ล่าสุด โดย rannie2020 เมื่อ 24/มิ.ย./2025 07:29:57 »
สวัสดีค่ะ ในแต่ละวันปัจจุบันทุกคนใช้เวลาอยู่กับโทรศัพท์เกือบทั้งวัน ตั้งแต่ตื่นยันนอน ไม่ว่าจะเล่นโซเชี่ยล หรือการเทรดการลงทุนต่างๆ และวันนี้เรามาดู ข่าว Forex ที่สำคัญมีอะไรบ้าง คำว่า "ข่าว Forex" มักใช้เรียกรวมเหตุการณ์สำคัญที่มีผลต่อเศรษฐกิจโลกและค่าเงินของแต่ละประเทศโดยตรง ซึ่งข่าวเหล่านี้ล้วนมีบทบาทสำคัญในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Forex) เนื่องจากสามารถชี้ทิศทางของตลาดในระยะสั้นและระยะยาวได้อย่างชัดเจน ข่าว Forex จึงเป็นข้อมูลสำคัญที่นักเทรดไม่ว่าจะรายเล็กหรือรายใหญ่ใช้เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์เพื่อวางแผนซื้อขาย


เหตุใดข่าว Forex จึงสำคัญ?


เนื่องจาก Forex คือการซื้อขายที่เกี่ยวข้องกับอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินโดยตรง ข่าวที่เกี่ยวพันกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจหรือการเมืองจึงสามารถส่งผลกระทบอย่างชัดเจนต่อมูลค่าสกุลเงิน เทรดเดอร์จึงควรติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างสม่ำเสมอ เช่น การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ เหตุการณ์สำคัญทางการเมือง หรือปัจจัยต่างประเทศที่อาจเปลี่ยนแปลงทิศทางของตลาด ซึ่งข่าวที่มักได้รับความสนใจจากนักเทรด มีดังนี้

1. Non-Farm Payrolls (NFP)
ข้อมูลการจ้างงานรายเดือนของสหรัฐฯ ที่ไม่นับรวมภาคเกษตร เป็นตัวชี้วัดความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานและสัญญาณการขยายตัวของเศรษฐกิจ โดยมักส่งผลต่อมูลค่าของดอลลาร์สหรัฐโดยตรง

2. Consumer Price Index (CPI)
ดัชนีราคาผู้บริโภค วัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการที่ผู้บริโภคจับจ่าย หากตัวเลขสูง อาจสะท้อนถึงเงินเฟ้อ ในขณะที่ค่าที่ลดลงอาจบ่งชี้ภาวะเงินฝืด

3. Federal Open Market Committee Meeting (FOMC Meeting)
การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งใช้พิจารณาเรื่องอัตราดอกเบี้ยและนโยบายการเงินอื่น ๆ ที่สามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับตลาดการเงินทั่วโลก

4. Purchasing Managers’ Index (PMI)
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นในภาคการผลิตและบริการ โดยช่วยให้นักลงทุนประเมินทิศทางเศรษฐกิจได้อย่างแม่นยำ

5. Gross Domestic Product (GDP)
ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ เป็นดัชนีที่แสดงถึงขนาดและการเติบโตของเศรษฐกิจ หาก GDP ขยายตัว แสดงถึงเศรษฐกิจที่แข็งแรง ซึ่งมีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน

6. Producer Price Index (PPI)
ดัชนีราคาผู้ผลิต บ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าที่ผู้ผลิตขาย ซึ่งมีผลต่อการกำหนดราคาสินค้าในอนาคต และสะท้อนภาวะเงินเฟ้อในระดับต้นน้ำ

7. Unemployment Rate
อัตราการว่างงานเป็นตัวสะท้อนภาพรวมของเศรษฐกิจ หากอัตรานี้สูง อาจบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ในทางกลับกัน หากต่ำ แสดงถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน



Market liquidity.width 648" border="0
32
สวัสดีจ้า เชื่อว่าทุกคนต้องติดตามข่าวการเมืองในตอนนี้เพราะเป็นไวรัลมาก จากสถานการณ์ชายแดนกัมพูชา ไม่รู้ว่าการเมืองไทยจะไปในทิศทางไหน เราก็ต้องติดตามกันต่อไป และสำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจในการเทรด Forex การติดตามข่าวย่อมเป็นสิ่งที่ต้องไม่พลาด และวันนี้เรามาดู ปั้นพอร์ตโต 100% ใน 1 เดือนด้วยเทคนิคนี้... (FOREX เทรดสั้น) จะเป็นยังไงไปรับชมกันเลยจ้า

 ??? ??? ::) ::)

<a href="https://www.youtube.com/watch?v=nsWSwkTqkp8" target="_blank">https://www.youtube.com/watch?v=nsWSwkTqkp8</a>
33
สวัสดีค่ะ ช่วงนี้ติดตามข่าวชายแดนกัน แอบเป็นห่วงพี่น้องฝั่งชายแดน แต่ทำได้แค่ส่งกำลังใจไปให้ ขอให้ผ่านพ้นไปด้วยดีนะคะ และวันนี้เรามาทำความรู้จัก Day Trading เผยกลยุทธ์และความเสี่ยง แม้ว่า Day Trading จะได้รับความนิยมสูงในหมู่เทรดเดอร์ Forex ปัจจุบัน แต่ก็เป็นแนวทางที่มาพร้อมความเสี่ยงและความท้าทายไม่น้อย หากคุณกำลังอยากรู้ว่า Day Trading คืออะไร บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจ ตั้งแต่พื้นฐาน ข้อดี ข้อเสีย กลยุทธ์ที่ใช้ และความเสี่ยงที่ควรรู้ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าแนวทางนี้เหมาะกับคุณหรือไม่



Day Trading หมายถึงอะไร?

Day Trading คือการเข้าและออกออเดอร์ซื้อขายภายในวันเดียวกัน โดยจะไม่มีการถือสถานะข้ามคืน จุดมุ่งหมายคือการเก็งกำไรจากความผันผวนของราคาที่เกิดขึ้นในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งอาจเกิดขึ้นภายในไม่กี่นาทีหรือไม่กี่ชั่วโมงก็ได้



ใครเหมาะกับ Day Trading

วิธีเทรดแบบ Day Trading เหมาะกับผู้ที่มีเวลาเฝ้าหน้าจอและติดตามตลาดตลอดวัน มีทักษะการวิเคราะห์กราฟและข้อมูลทางเทคนิคที่แม่นยำ รวมถึงมีวินัยในการควบคุมอารมณ์และการบริหารความเสี่ยง

เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จในแนวทางนี้มักมีประสบการณ์สูงและพร้อมรับมือกับความผันผวน ขณะที่ผู้เริ่มต้นที่ยังไม่ชำนาญ อาจต้องระวังเป็นพิเศษ



กลยุทธ์ที่ใช้ในการ Day Trade
   •   การวิเคราะห์กราฟเทคนิค: ใช้เครื่องมือและอินดิเคเตอร์เพื่อหาจุดเข้าออกที่มีโอกาสทำกำไร
   •   ติดตามข่าวเศรษฐกิจ: ข่าวสำคัญอาจเปลี่ยนทิศทางตลาดได้ ต้องเตรียมพร้อมตอบสนองทันที
   •   บริหารความเสี่ยง: ตั้ง Stop Loss และ Take Profit อย่างมีระบบ
   •   เทรดตามแนวโน้ม: ใช้เทรนด์เป็นแนวทางหลักในการเปิดสถานะ
   •   เล่นกับความผันผวน: หาโอกาสในช่วงที่ตลาดเคลื่อนไหวแรง แต่ต้องจัดการความเสี่ยงให้ดี



ความเสี่ยงของการ Day Trade

Day Trading มีความเสี่ยงสูง เพราะราคาสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วโดยไม่มีสัญญาณเตือน หากไม่มีแผนบริหารความเสี่ยงที่ดีพอ อาจทำให้ขาดทุนรุนแรง

นอกจากนี้ การเทรดบ่อยครั้งในหนึ่งวัน อาจทำให้เกิดต้นทุนจากค่าคอมมิชชั่นหรือ Spread ที่สะสมจนส่งผลต่อผลกำไรโดยรวม



ข้อดีของ Day Trading
   •   โอกาสทำกำไรในระยะสั้น: เก็บกำไรได้ในแต่ละวันจากความผันผวน
   •   ไม่ต้องถือข้ามคืน: ลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นนอกเวลาตลาด
   •   เรียนรู้เร็ว: เห็นผลลัพธ์เร็ว พัฒนาทักษะได้รวดเร็ว
   •   ไม่มีค่า Swap: ไม่เสียค่าใช้จ่ายจากการถือสถานะ
   •   ควบคุมความเสี่ยงได้ดี: มีโอกาสตั้งจุดหยุดขาดทุนได้ชัดเจน



ข้อเสียของ Day Trading
   •   กดดันและเครียด: ต้องจับตากราฟตลอดเวลาและตัดสินใจเร็ว
   •   ต้นทุนสะสม: ค่าธรรมเนียมจากการเทรดบ่อยอาจกินกำไร
   •   ผันผวนสูง: การคาดการณ์ราคาทำได้ยากในบางจังหวะ
   •   เสียเวลา: ต้องทุ่มเทเวลากับการวิเคราะห์แบบเต็มวัน
   •   ความเสี่ยงจาก Leverage: ใช้ Margin มากเกินไปอาจนำไปสู่การขาดทุนมหาศาล



สรุป

Day Trading เป็นแนวทางที่มีทั้งโอกาสและความเสี่ยงสูง เทรดเดอร์ควรประเมินตัวเองก่อนว่าจะสามารถรับมือกับจังหวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงเร็ว การตัดสินใจฉับไว และการบริหารความเสี่ยงได้หรือไม่ หากตอบว่า “ได้” ก็สามารถเริ่มศึกษาและทดลองเทรดแบบ Day Trade ได้อย่างมีแผน


IMG 4783" border="0
34
สวัสดีจ้า ยุคนี้เชื่อว่าใครๆ ก็อยากรวยกันทั้งนั้น แต่ความฝันยิ่งใหญ่ก็สามารถทำได้ ถ้าหากบริหารการเงิน เรียนรู้ศึกษาการลงทุนเพื่ออนาคตจะได้สบาย มีเงินใช้ไม่ขาดมือ และสำหรับสายเทรด Forex หรือเพื่อนๆ ที่สนใจในการลงทุน วันนี้เรามาดูวิธีปั้นพอร์ต Forex ให้โตแบบก้าวกระโดด! (สำหรับคนทุนน้อย) ที่น่าสนใจมาก จะเป็นยังไงไปรับชมกันเลยจ้า


 :) :) :)

<a href="https://www.youtube.com/watch?v=dHUlWSGcMns" target="_blank">https://www.youtube.com/watch?v=dHUlWSGcMns</a>
35
พูดคุยForexทั่วไป / เราควรเทรด Forex เวลาไหนดี?
« กระทู้ล่าสุด โดย rannie2020 เมื่อ 17/มิ.ย./2025 09:31:02 »
สวัสดีจ้า ถ้าเพื่อนๆ ติดตามเศรษฐกิจในช่วงนี้จะต้องรัดเข็มขัดการใช้เงินอย่างแน่นอน และเพื่อนๆ ที่สนใจในการเทรด Forex วันนี้เรามาดู เราควรเทรด Forex เวลาไหนดี แม้ว่าตลาด Forex จะเปิดให้ทำการตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน แต่รู้หรือไม่ว่าในแต่ละช่วงเวลาของวัน ตลาดมีความเคลื่อนไหวแตกต่างกัน แล้วเราควรเลือกเทรดช่วงไหนดี?

ตลาด Forex เปิดทำการช่วงเวลาไหน?

ตลาด Forex เปิดให้เทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมง วันจันทร์ถึงศุกร์ รวม 5 วันต่อสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวของราคาจะไม่เท่ากันตลอดทั้งวัน เนื่องจากตลาดมี “ช่วงเวลาซื้อขายหลัก” หรือที่เรียกว่า trading sessions แบ่งออกเป็น 3 ช่วงหลัก ดังนี้



1. Asian Session

เวลา 05:00 – 16:00 น. (เวลาประเทศไทย)
ช่วงนี้ครอบคลุมเวลาทำการของตลาดฝั่งเอเชีย โดยเริ่มจากตลาดซิดนีย์และนิวซีแลนด์เปิดตอนตี 5 ตามด้วยตลาดโตเกียวที่เริ่มทำการเวลา 07:00 น. และปิดที่ 16:00 น.

โดยปกติแล้ว ในช่วง Asian session ตลาดจะค่อนข้างเงียบ มีสภาพคล่องต่ำ และค่าสเปรดมักจะกว้างกว่าช่วงอื่น ส่งผลให้ราคามักเคลื่อนไหวในกรอบจำกัด ไม่ค่อยมีเทรนด์ชัดเจน
คู่สกุลเงินที่นิยมในช่วงนี้ ได้แก่ AUD, NZD และ JPY



2. London Session

เวลา 15:00 – 23:00 น. (เวลาประเทศไทย)
เป็นช่วงเวลาที่ตลาดลอนดอนและตลาดหลักในยุโรปเปิดทำการ ถือเป็นหนึ่งในช่วงที่มีความเคลื่อนไหวมากที่สุด

London session มีจุดเด่นคือมีปริมาณการซื้อขายและสภาพคล่องสูง ทำให้ค่าสเปรดแคบลง ราคามีแนวโน้มผันผวนมาก การเคลื่อนไหวที่สำคัญของกราฟมักเกิดในช่วงนี้
คู่เงินยอดนิยมในช่วงนี้ ได้แก่ EUR, GBP



3. New York Session

เวลา 20:00 – 05:00 น. (เวลาประเทศไทย)
เป็นช่วงที่ตลาดอเมริกาเริ่มเปิด โดยเฉพาะในช่วงเวลาแรก (20:00 – 23:00 น.) ที่ทับกับ London session ส่งผลให้มีปริมาณการซื้อขายสูงมาก

การประกาศข่าวเศรษฐกิจสหรัฐฯ มักเกิดในช่วงต้นของ session นี้ ซึ่งสามารถส่งผลให้ตลาดเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม ปริมาณการซื้อขายจะค่อย ๆ ลดลงในช่วงกลางคืนไปจนถึงช่วงท้ายของ session
คู่เงินยอดนิยม ได้แก่ USD และคู่ Major เช่น EURUSD, GBPUSD, USDCHF เป็นต้น



แล้วควรเลือกเทรดช่วงเวลาไหนดีที่สุด?

คำตอบขึ้นอยู่กับ สไตล์การเทรด และ ช่วงเวลาที่สะดวกของแต่ละคน
   •   หากคุณชอบตลาดที่ไม่เคลื่อนไหวมาก เล่นแบบปลอดภัย เทรดช่วงเช้าใน Asian session อาจเหมาะกับคุณ
   •   แต่ถ้าคุณต้องการความผันผวนสูง สภาพคล่องดี และมีโอกาสทำกำไรเร็วขึ้น London session และ New York session โดยเฉพาะช่วงเวลาที่สองตลาดนี้เปิดทับกัน (20:00 – 23:00 น.) จะเหมาะมาก



การเลือกช่วงเวลาในการเทรดอย่างเหมาะสม จะช่วยให้คุณสามารถวางกลยุทธ์และบริหารความเสี่ยงได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญในการประสบความสำเร็จในตลาด Forex


IMG 4784" border="0
36
พูดคุยForexทั่วไป / สไตล์การเทรด Forex แบบไหนใช่คุณ?
« กระทู้ล่าสุด โดย rannie2020 เมื่อ 17/มิ.ย./2025 09:23:21 »
สวัสดีค่ะ แปปเดียวผ่านมากลางปีแล้ว เวลาเดินเร็วมากเลย ไม่ว่าคิดจะทำอะไรต้องรีบทำให้ถึงเป้าหมายแล้ว และวันนี้เรามาดู สไตล์การเทรด Forex แบบไหนใช่คุณ?ในกลุ่มของนักเทรด Forex ที่มีประสบการณ์ สามารถจัดประเภทของสไตล์การเทรดในตลาดหลัก ๆ ได้เป็น 4 กลุ่ม ได้แก่


   1.   Short-term Trader:
นักเทรดสายระยะสั้น เป็นผู้ที่เน้นการทำกำไรในช่วงเวลาสั้น ๆ โดยใช้กรอบเวลาตั้งแต่นาที ชั่วโมง จนถึงระดับวัน จุดเด่นคือ
 • เน้นการวิเคราะห์เชิงเทคนิคเป็นหลัก โดยใช้กราฟราคา อินดิเคเตอร์ต่าง ๆ เพื่อจับจังหวะการซื้อขาย
 • กลยุทธ์ที่ใช้บ่อย เช่น Scalping, Day Trading, Swing Trading


   2.   Long-term Trader:
นักเทรดสายยาว เน้นผลตอบแทนในระยะยาว ใช้ช่วงเวลาการถือครองตั้งแต่หลายสัปดาห์ หลายเดือน ไปจนถึงปี จุดเด่นคือ
 • พึ่งพาการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน เพื่อประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจโดยรวม ใช้เครื่องมืออย่างข่าวเศรษฐกิจ ดัชนีทางเศรษฐกิจ และการวิเคราะห์เชิงลึก
 • กลยุทธ์ที่ใช้บ่อย เช่น Position Trading, Trend Following


   3.   System Trader:
นักเทรดที่ใช้ระบบอัตโนมัติในการซื้อขาย ใช้โปรแกรมหรือระบบแทนการตัดสินใจด้วยตนเอง จุดเด่นคือ
 • ระบบจะวิเคราะห์ตลาดและส่งคำสั่งซื้อขายตามเงื่อนไขกลยุทธ์ที่ตั้งไว้ โดยใช้เครื่องมืออย่าง Expert Advisors (EA) หรือโปรแกรมเทรดอัตโนมัติ
 • ผู้ที่เลือกวิธีนี้ควรมีความรู้ในการเขียนโปรแกรม หรือสามารถใช้ซอฟต์แวร์ที่มีอยู่ได้อย่างคล่องแคล่ว


   4.   Hybrid Trader:
นักเทรดแบบผสมผสาน รวมเอากลยุทธ์ทั้งระยะสั้นและระยะยาวเข้าด้วยกัน จุดเด่นคือ
 • ใช้การวิเคราะห์ทั้งเชิงเทคนิคและปัจจัยพื้นฐาน ควรมีความเข้าใจทั้งสองด้านอย่างสมดุล
 • สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสภาพตลาดในแต่ละช่วงเวลา

ในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีสไตล์ใดที่ดีที่สุดหรือแย่ที่สุด เพราะขึ้นอยู่กับบุคลิกส่วนตัว เป้าหมายในการลงทุน และวิธีที่คุณรู้สึกสบายใจที่สุดเมื่อทำการเทรด สิ่งที่สำคัญที่สุด คือการเลือกแนวทางที่เหมาะสมกับตัวคุณเอง เพื่อให้การเทรดเกิดประสิทธิภาพสูงสุด และตอบโจทย์เป้าหมายทางการเงินของคุณได้อย่างแท้จริง


IMG 4782" border="0
37
สวัสดีจ้า ฝนตกก็บ่นรถติด น้ำระบายไม่ทัน ฝนแล้งก็ร้อนอบอ้าว และรถก็ติดเช่นเดิม ออกไปทำงานแต่ละครั้งเหมือนต้องฝ่าฟันอุปสรรมากมายสำหรับเพื่อนๆ ที่ใช้รถสาธารณะ ก็ต้องทำเวลากันในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน และวันนี้ถ้าเพื่อนๆ สนใจเทรด Forex เรามาดู จำจุดนี้ 2 ข้อ ในการเทรด Forex — เจอโอกาสรอดไปแล้ว 50% จะเป็นยังไงไปดูกันเลยจ้า


 ::) ::) ::)


<a href="https://www.youtube.com/watch?v=5tbvCj_c85o" target="_blank">https://www.youtube.com/watch?v=5tbvCj_c85o</a>
38
สวัสดีจ้า ช่วงนี้จะออกไปข้างนอกทีนึงต้องคำนวณค่าใช้จ่ายให้ดี เพราะรู้สึกว่าเงินใช้ไปอย่างรวดเร็วมาก ข้าวของแพงขึ้น อาหารแพงขึ้น ทำเอาต้องรีบทำรายรับรายจ่ายกันเลยจ้า และวันนี้เรามาดู “โบรกเกอร์” ตัวช่วยหลักที่นักลงทุนควรให้ความสำคัญ ตลาด Forex หรือ Foreign Exchange คือศูนย์กลางสำหรับการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยปริมาณมูลค่าการซื้อขายในแต่ละวันที่สูงมาก ส่งผลให้กลายเป็นเวทีที่นักลงทุนจากทั่วโลกเข้ามาแสวงหาโอกาสในการทำกำไรจากความผันผวนของคู่สกุลเงินหลักต่าง ๆ ซึ่งจากกระแสความนิยมที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จึงไม่น่าแปลกใจที่มีนักลงทุนมือใหม่เข้ามาในตลาดนี้อยู่ตลอดเวลา

“โบรกเกอร์” ผู้ช่วยสำคัญที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม

มาถึงหัวข้อนี้ แม้ยังไม่ใช่สูตรลับเฉพาะ แต่ขอบอกเลยว่าเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ผลลัพธ์การเทรด Forex ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ลองถามตัวเองว่า “คุณมีโบรกเกอร์ที่เหมาะสมแล้วหรือยัง” หากคำตอบของคุณคือ เลือกเจ้าไหนก็ได้ ขอแค่ได้เทรด แบบนี้อาจเป็นความคิดที่ผิด เพราะในตลาด Forex โบรกเกอร์คือผู้แทนการซื้อขายของคุณ และจะมีบทบาทร่วมวางแผนการลงทุนกับคุณตลอด ดังนั้น มาร่วมกันเริ่มต้นเลือกโบรกเกอร์ให้เหมาะสม เพื่อความสำเร็จที่ยั่งยืน

1. ตรวจสอบชื่อเสียงของโบรกเกอร์ และ Leverage ที่เสนอ

สิ่งสำคัญคือ คุณต้องเลือกโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือ มีชื่อเสียง และได้รับการยอมรับในระดับโลก หากไม่มั่นใจในคุณสมบัติเหล่านี้ ควรพิจารณาเปลี่ยนไปใช้บริการเจ้าอื่น ส่วนอัตรา Leverage ให้สังเกตจากระดับที่เสนอ เช่น 1:1000 ซึ่งโบรกเกอร์ที่ดีจะมีอัตราที่ยืดหยุ่นตามกลยุทธ์ของนักลงทุน

2. มีระบบทางการเงินที่ทันสมัย เร็ว และครบวงจร

ในการเทรด Forex เรามอบหมายให้โบรกเกอร์เป็นผู้เปิดคำสั่งซื้อ-ขายแทน ดังนั้น โบรกเกอร์ที่ดีควรมีระบบธุรกรรมทางการเงินที่ทันสมัย สามารถฝากถอนผ่านธนาคารไทยได้รวดเร็วและไม่ยุ่งยาก

เพียงเท่านี้ นักลงทุนมือใหม่ก็สามารถเริ่มต้นเทรด Forex ได้อย่างมั่นใจ เพราะการเริ่มต้นที่ดีคือพื้นฐานของแนวคิดที่แข็งแกร่ง เมื่อฝึกฝนและแสวงหาความรู้อย่างสม่ำเสมอ นักลงทุนจะสามารถสร้าง “สูตรลับ” การทำกำไรได้ด้วยตนเอง โดยยึดหลักจากรากฐานที่แข็งแรงอย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น


IMG 4760" border="0
39
สวัสดีจ้า ฝนตกกันทุกวันมั้ยคะ ที่นี่ตกทุกวันทั้งวันเลยค่ะ อากาศเย็นสบายไม่ต้องเปิดแอร์เลยจ้า เหมาะมากสำหรับการศึกษาหาความรู้อัพเดตข่าวสารเกี่ยวกัย Forex ใหม่ๆ เพราะยิ่งศึกษามากเราก็ยิ่งมีโอกาสทำกำไรในการเทรดได้มากขึ้นด้วยจ้า และวันนี้เรามีคลิปดีๆ มาฝากเพื่อนๆ สายเทรดกันกับ เทคนิคการวิเคราะห์กราฟ Forex ฉบับมือใหม่ (อัพเดท ปี 2025) จะเป็นยังไงไปดูกันเลยจ้า


 ??? ??? ???


<a href="https://www.youtube.com/watch?v=iUN76l0Fq4U" target="_blank">https://www.youtube.com/watch?v=iUN76l0Fq4U</a>
40
พูดคุยForexทั่วไป / 7 ข้อสังเกต ระบบเทรด Forex ที่ดี
« กระทู้ล่าสุด โดย rannie2020 เมื่อ 07/มิ.ย./2025 07:59:46 »
สวัสดีค่ะ ช่วงนี้ติดตามข่าวสารบ้านเมือง เห็นสถานการณ์ชายแดนไม่ดี เพื่อนๆ ที่อาศัยบริเวณชายแดน พวกเราขอเป็นกำลังใจให้นะคะ และวันนี้สำหรับเพื่อนๆ สายเทรด Forex เรามาดู 7 ข้อสังเกต ระบบเทรด Forex ที่ดี ตลาด Forex เป็นตลาดที่มีการเคลื่อนไหวของราคาตลอดเวลา การเป็นเทรดเดอร์ที่ดีจึงต้องพร้อมปรับกลยุทธ์การซื้อขายอย่างต่อเนื่อง และมีทัศนคติแบบ Agile ที่พร้อมเรียนรู้และปรับตัวอยู่เสมอ ระบบเทรดที่มีความยืดหยุ่นและสามารถปรับแต่งได้ตามสถานการณ์จึงถือว่าจำเป็นอย่างยิ่งในโลกของการเทรดสมัยใหม่


7 ข้อสังเกต ระบบเทรด Forex ที่ดี


1. ระบบต้องสามารถวัดผลได้อย่างชัดเจน
ระบบที่ดีต้องสามารถตรวจสอบผลลัพธ์ได้จริง เช่น มีอัตราความสำเร็จในการเทรดสูงโดยอ้างอิงจากอินดิเคเตอร์ที่สามารถให้สัญญาณชัดเจนและสอดคล้องกับเป้าหมายการลงทุนของผู้ใช้ การเลือกใช้อินดิเคเตอร์ที่เหมาะสมจึงเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ระบบมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น



2. ต้องมีการ Back-Test เพื่อประเมินผลล่วงหน้า
การทดสอบย้อนหลังเป็นขั้นตอนที่ช่วยลดความเสี่ยงจากระบบใหม่ที่ยังไม่ผ่านการพิสูจน์ เช่นเดียวกับการทดสอบรถยนต์ก่อนตัดสินใจซื้อ ระบบเทรดก็ควรผ่านการทดสอบอย่างน้อย 6 เดือน เพื่อหาจุดอ่อนที่ต้องปรับปรุง อย่างไรก็ตามแม้จะใช้วิธีจำลองข้อมูลจากกราฟราคาในอดีต แต่ก็ต้องระลึกไว้ว่าประสิทธิภาพในอดีตไม่สามารถการันตีอนาคตได้เสมอ



3. ระบบต้องทำกำไรได้ในทุกภาวะตลาด
ตลาด Forex ขึ้นชื่อเรื่องความผันผวน เทรดเดอร์ที่มีระบบที่สามารถปรับตัวกับทุกสถานการณ์ได้ย่อมได้เปรียบ อย่างน้อยระบบก็ควรมีความสามารถในการลดโอกาสขาดทุน โดยใช้เครื่องมือพื้นฐานอย่าง Stop Loss และ Take Profit อย่างถูกวิธี



4. ต้องผ่านการทดสอบในสถานการณ์จริง
นอกจาก Back-Test แล้ว การทดสอบโดยใช้เงินจริงก็สำคัญไม่น้อย เพราะจะได้เจอความผันผวนของตลาดจริง แนะนำให้ใช้ปริมาณ Lot ที่ไม่สูงเกินไป เช่น Micro, Mini หรือ Nano Lot และกำหนดระยะเวลาอย่างน้อย 2 เดือนเพื่อประเมินระบบให้รอบด้าน พร้อมปรับปรุงระบบตามจุดบกพร่องที่พบ



5. ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน
โดยเฉพาะเทรดเดอร์มือใหม่ ควรเริ่มจากระบบที่เรียบง่าย ไม่ต้องพึ่งพาอินดิเคเตอร์หลายตัว เพราะการรอสัญญาณหลายจุดอาจทำให้เสียจังหวะในการเทรด และพลาดโอกาสสำคัญไป



6. ทำกำไรในภาพรวมได้จริง
ไม่มีระบบใดเทรดแล้วชนะ 100% ทุกครั้ง สิ่งสำคัญคือการประเมินภาพรวมทั้งหมดว่าได้กำไรหรือขาดทุนในระยะยาว การดูผลในช่วงเวลาสั้น ๆ อาจทำให้เข้าใจผิด การใช้ Timeframe เช่น รายสัปดาห์หรือรายเดือน จะช่วยให้วิเคราะห์ได้แม่นยำมากขึ้น



7. ขยายเวลาการเทรดให้ทำงานได้ตลอด 24/5
ไม่จำเป็นต้องนั่งเทรดทั้งวันทั้งคืน เทรดเดอร์สามารถใช้เครื่องมืออย่าง EA (Expert Advisor) หรือระบบ Copy Trade เพื่อเพิ่มชั่วโมงการทำงานของระบบโดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตามแม้จะใช้ระบบช่วย เทรดเดอร์ก็ควรเข้ามาตรวจสอบผลการทำงานอยู่เสมอ เพื่อรักษาความปลอดภัยของพอร์ตลงทุน




สรุป
ระบบเทรดที่ดีไม่ใช่แค่ทำกำไรได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ต้องสามารถปรับตัวได้ในทุกสถานการณ์ และอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้ใช้งานอย่างมีวินัย อย่าลืมว่าสุดท้ายแล้ว ตัวคุณเองคือผู้รับผิดชอบผลลัพธ์ทั้งหมดของการเทรด

หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 10
SMF 2.0.15 | SMF © 2011, Simple Machines
SMFAds for Free Forums