• Bookmark
• Tweet
• Share
• PM

ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวิจัย บมจ.หลักทรัพย์ภัทร อธิบายว่า จากการศึกษาพฤติกรรมของนักลงทุนพบว่าในช่วงตลาดกระทิง (Bull Market) นักลงทุนประมาณ 60% จะลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทน นักลงทุนประมาณ 30% จะกระจายความเสี่ยง และนักลงทุนประมาณ 10% จะหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ในขณะที่ช่วงตลาดหมี (Bear Market) มีนักลงทุนที่ลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนเพียง 15% อีกประมาณ 15% กระจายความเสี่ยง และประมาณ 70% หลีกเลี่ยงความเสี่ยง

จากข้อมูลดังกล่าวจะพบว่านักลงทุนส่วนใหญ่จะออกจากตลาดไปในช่วงตลาดตกต่ำซึ่งอาจจะส่งผลต่อความมั่งคั่งของพอร์ตการลงทุนของตัวนักลงทุนค่อนข้างมากและในขณะเดียวกันก็ทำให้เสียโอกาสในการลงทุน เมื่อตลาดหุ้นกลับทิศทางเป็นขาขึ้นอีกครั้งเช่นเดียวกัน



ปกติแนวคิดในการจัดสรรเงินลงทุน (Asset Allocation) ในระยะยาวมุ่งหวังที่จะช่วยเพิ่มผลตอบแทนและลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนในระยะยาว หรือถึงแม้จะไม่ช่วยเพิ่มผลตอบแทนแต่ก็จะช่วยให้ผลตอบแทนต่อหนึ่งหน่วยความเสี่ยงปรับตัวดีขึ้น ตลอดจนยังช่วยให้นักลงทุนเข้าไปลงทุนผิดจังหวะเช่นการเข้าไปลงทุนในช่วงตลาดสูงสุด (Peak) หรือออกจากตลาดในช่วงตลาดตกต่ำ (Tough) ด้วยการผสมผสานการลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภท เช่นหุ้นเพื่อโอกาสในการสร้างผลตอบแทนในระยะยาว ตราสารหนี้ที่ให้ความมั่นคง กองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนในระยะยาวที่ดี เพื่อให้ผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอในระยะยาวนั่นเอง

บทความนี้ชี้ให้เห็นว่า เทรดเดอร์ส่วนใหญ่มักจะไปให้ความสนใจกับวิธีการเทรดมากกว่าที่จะสนใจเรื่องของเงินในพอร์ตของตัวเองจึงเป็นเหตุให้ตัวผู้เทรดเองไม่สามารถควบคุมความเสี่ยงได้ เพราะไม่มีใครสามารถควบคุมตลาดได้อยู่แล้ว การที่เราไปให้ความสนใจกับวิธีเทรดนั่นเป็นเพราะเราคิดว่าสิ่งที่เราได้เรียนรู้หรือถูกสอนมาจะทำให้เราสามารถควบคุมตลาดได้ แต่ความจริงแล้วเทรดเดอร์ทำได้เพียงควบคุมเงินในพอร์ตของตัวเองเท่านั้น ที่สำคัญผู้เทรดจะต้องรู้จักประมาณตนเองเสียก่อน ยิ่งพอร์ตเราเล็กแค่ไหนก็ต้องทำใจไว้เลยว่ากำไรที่จะได้มันต้องน้อยลงไปตามขนาดของพอร์ตอยู่แล้ว แต่ทุกพอร์ตสามารถใช้วิธีการจำกัดความเสี่ยงแบบเดียวกันได้ เพราะฉะนั้นการที่จะอยู่รอดในตลาดได้หรือไม่ได้นั่นขึ้นอยู่กับว่า ผู้เทรดแต่ละคนประมาณตนไว้แค่ไหน พอร์ตมีขนาดเท่าไหร่ จำกัดความเสี่ยงของตัวเองได้ดีแค่ไหน และสำคัญที่สุดคือ สามารถปฏิบัติการเทรดของตัวเองได้มากน้อยเพียงใด

โค๊ด: [Select]

http://www.thaiforexschool.com/viewfulldetial.php?id=393&&name=%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%95%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%87

[Tamol]

• Bookmark
• Tweet
• Share
• PM

ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวิจัย บมจ.หลักทรัพย์ภัทร อธิบายว่า จากการศึกษาพฤติกรรมของนักลงทุนพบว่าในช่วงตลาดกระทิง (Bull Market) นักลงทุนประมาณ 60% จะลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทน นักลงทุนประมาณ 30% จะกระจายความเสี่ยง และนักลงทุนประมาณ 10% จะหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ในขณะที่ช่วงตลาดหมี (Bear Market) มีนักลงทุนที่ลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนเพียง 15% อีกประมาณ 15% กระจายความเสี่ยง และประมาณ 70% หลีกเลี่ยงความเสี่ยง

จากข้อมูลดังกล่าวจะพบว่านักลงทุนส่วนใหญ่จะออกจากตลาดไปในช่วงตลาดตกต่ำซึ่งอาจจะส่งผลต่อความมั่งคั่งของพอร์ตการลงทุนของตัวนักลงทุนค่อนข้างมากและในขณะเดียวกันก็ทำให้เสียโอกาสในการลงทุน เมื่อตลาดหุ้นกลับทิศทางเป็นขาขึ้นอีกครั้งเช่นเดียวกัน



ปกติแนวคิดในการจัดสรรเงินลงทุน (Asset Allocation) ในระยะยาวมุ่งหวังที่จะช่วยเพิ่มผลตอบแทนและลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนในระยะยาว หรือถึงแม้จะไม่ช่วยเพิ่มผลตอบแทนแต่ก็จะช่วยให้ผลตอบแทนต่อหนึ่งหน่วยความเสี่ยงปรับตัวดีขึ้น ตลอดจนยังช่วยให้นักลงทุนเข้าไปลงทุนผิดจังหวะเช่นการเข้าไปลงทุนในช่วงตลาดสูงสุด (Peak) หรือออกจากตลาดในช่วงตลาดตกต่ำ (Tough) ด้วยการผสมผสานการลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภท เช่นหุ้นเพื่อโอกาสในการสร้างผลตอบแทนในระยะยาว ตราสารหนี้ที่ให้ความมั่นคง กองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนในระยะยาวที่ดี เพื่อให้ผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอในระยะยาวนั่นเอง

บทความนี้ชี้ให้เห็นว่า เทรดเดอร์ส่วนใหญ่มักจะไปให้ความสนใจกับวิธีการเทรดมากกว่าที่จะสนใจเรื่องของเงินในพอร์ตของตัวเองจึงเป็นเหตุให้ตัวผู้เทรดเองไม่สามารถควบคุมความเสี่ยงได้ เพราะไม่มีใครสามารถควบคุมตลาดได้อยู่แล้ว การที่เราไปให้ความสนใจกับวิธีเทรดนั่นเป็นเพราะเราคิดว่าสิ่งที่เราได้เรียนรู้หรือถูกสอนมาจะทำให้เราสามารถควบคุมตลาดได้ แต่ความจริงแล้วเทรดเดอร์ทำได้เพียงควบคุมเงินในพอร์ตของตัวเองเท่านั้น ที่สำคัญผู้เทรดจะต้องรู้จักประมาณตนเองเสียก่อน ยิ่งพอร์ตเราเล็กแค่ไหนก็ต้องทำใจไว้เลยว่ากำไรที่จะได้มันต้องน้อยลงไปตามขนาดของพอร์ตอยู่แล้ว แต่ทุกพอร์ตสามารถใช้วิธีการจำกัดความเสี่ยงแบบเดียวกันได้ เพราะฉะนั้นการที่จะอยู่รอดในตลาดได้หรือไม่ได้นั่นขึ้นอยู่กับว่า ผู้เทรดแต่ละคนประมาณตนไว้แค่ไหน พอร์ตมีขนาดเท่าไหร่ จำกัดความเสี่ยงของตัวเองได้ดีแค่ไหน และสำคัญที่สุดคือ สามารถปฏิบัติการเทรดของตัวเองได้มากน้อยเพียงใด

โค๊ด: [Select]

http://www.thaiforexschool.com/viewfulldetial.php?id=393&&name=%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%95%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%87