• Bookmark
• Tweet
• Share
• PM

สวัสดีจ้า ช่วงนี้แม้ว่าจะใกล้สิ้นปีแล้ว แต่ฟ้าฝนก็ยังมีตลอด บางทีก็ระบายน้ำกันไม่ทันกันเลย สำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องมีเดินทางต้องเตรียมตัวให้พร้อมเช็คสภาพอากาศกันด้วยนะคะ เพื่อหลีกเลี่ยงเส้รทางที่อาจจะน้ำท่วมดีกว่าค่ะ ลแะวันนี้มาดู ความแตกต่างในการเทรด Forex และ Futures คำถามที่นักลงทุนมือใหม่ที่ยังไม่รู้จักทั้ง Futures และก็ Forex ดีมากนัก บางทีอาจจะสงสัยว่าทั้งสองตลาดมีความต่างกันยังไง ไปดูกันจ้า


1.สภาพคล่อง
สภาพคล่องใน ตลาด Forex มีปริมาณการซื้อขาย 2 ล้านล้านเหรียญต่อวันซึ่งเป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลก ถ้าหากพวกเราเปรียบกันกับตลาดอื่นแล้วทำให้ปริมาณหรือขนาดของตลาดหุ้นอื่นๆดูเล็กลงไปทันที ในขณะที่ ตลาดฟิวเจอร์ เทรดอยู่ราว 3 หมื่นล้านเหรียญต่อวัน และก็ตลาดฟิวเจอร์ ไม่สามารถแข่งกับตลาด Forex ได้ เพราะเหตุว่ามีปริมาณการเทรดที่จำกัด ซึ่งหมายความว่าตลาด Forex ออเดอร์สามารถส่งคำสั่งใดใดก็ตามได้ตลอดเวลาโดยปราศจากการคาดเคลื่อนของราคานอกจากในช่วงเวลาที่ตลาดมีความผันผวนสูงหรืออยู่ในภาวะที่ไม่ปกติเท่านั้น


2.ความเสี่ยง
นักเทรดจะมี Position Limit ที่เป็นวัตถุประสงค์เพื่อจัดการกับความเสี่ยง ซึ่งตัวเลขเหล่านี้จะเกี่ยวกับจำนวนเงินในบัญชีของนักเทรด ความเสี่ยงก็จะน้อยลงมากในตลาด Forex เพราะว่าโปรแกรมที่นักเทรดใช้อยู่นั้นจะเรียกว่า มาร์จิ้น เพิ่มอัตโนมัติ (Margin call) ถ้านักเทรดไม่มีมาร์จิ้นเหลืออัก ออเดอร์ที่เปิดอยู่จะถูกปิดโดยอัตโนมัติตามขนาดของ Position ที่เปิดอยู่

ในขณะที่ตลาดฟิวเจอร์ Position ของคุณจะต้องใส่เงินเพิ่มเข้าไปตลอด ถ้าหากขาดทุนหรือมีมูลค่าต่ำกว่ามาร์จิ้นที่โบรกเกอร์กำหนด คุณต้องใส่เงินจำนวนที่เท่ากับจำนวนที่ขาดทุนเข้าไปในบัญชี นับเป็นข้อเสียอย่างนึงเลย ซึ่งโบรกเกอร์ส่วนมากในตลาด Forex จะกำจัดความเสี่ยงของเทรดเดอร์ไว้ให้โดยไม่สามารถเทรดได้เกินความเสี่ยงของตัวเองที่เปิดไว้ โดยถ้าหากผิดทาง และจำนวนเงินในพอร์ตเหลือไม่พอ Order จะถูกสั่งปิดทั้งหมด ต่างจาก Futures ที่จะไม่ปิด แต่จะเป็นการเรียกให้เติมเงินเข้าพอร์ตเพิ่ม


3.การมีราคาที่แน่นอน
สำหรับในการเทรด Forex คำสั่งซื้อขายของคุณจะได้ส่งคำสั่งอย่างรวดเร็วและได้ราคาที่คิดไว้ ภายใต้ภาวะตลาดปกติ แต่ว่าในขณะเดียวกันราคาของฟิวเจอร์ หรือ Equity นั้นคุณอาจจะไม่สามารถได้ราคาที่คุณอยากซื้อหรือออกคำสั่งได้แล้วออเดอร์ทันทีทันใด แม้ว่าคุณจะใช้อินเตอร์เน็ตความเร็วสูงหรือโบรกเกอร์ของคุณสามารถส่งคำสั่งได้เร็วแค่ไหน ราคาที่คุณตั้งไว้นั้นก็ยังอยู่ไกลจากราคาปัจจุบันเมื่อคุณส่งราคานั้นออกไป มันเป็นราคาสุดท้ายที่มีการเทรดแต่ไม่ใช่ราคาที่ตัวสัญญาระบุราคาไว้ เพราะว่าตลาดฟิวเจอร์เป็นการซื้อขายราคาในอนาคต


4.ค่าธรรมเนียม
สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเทรดค่าเงิน คือ คุณไม่ต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่น เพราะคุณทำการซื้อขายโดยตรงกับส่วนกลางของทางโปรแกรม และคุณไม่ได้จ่ายค่าธรรมเนียมให้คนกลาง ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหรือขาย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนิดหน่อย คือค่าสเปรดในการเทรดฟิวเจอร์หรือการเทรดหุ้นหรือ Equity ก็มีเหมือนกัน ซึ่งโบรกเกอร์จะได้ผลค่าตอบแทนจากค่าสเปรดแทนที่จะเป็นค่าคอมมิชชั่น

[ladyMP]

• Bookmark
• Tweet
• Share
• PM

สวัสดีจ้า ช่วงนี้แม้ว่าจะใกล้สิ้นปีแล้ว แต่ฟ้าฝนก็ยังมีตลอด บางทีก็ระบายน้ำกันไม่ทันกันเลย สำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องมีเดินทางต้องเตรียมตัวให้พร้อมเช็คสภาพอากาศกันด้วยนะคะ เพื่อหลีกเลี่ยงเส้รทางที่อาจจะน้ำท่วมดีกว่าค่ะ ลแะวันนี้มาดู ความแตกต่างในการเทรด Forex และ Futures คำถามที่นักลงทุนมือใหม่ที่ยังไม่รู้จักทั้ง Futures และก็ Forex ดีมากนัก บางทีอาจจะสงสัยว่าทั้งสองตลาดมีความต่างกันยังไง ไปดูกันจ้า


1.สภาพคล่อง
สภาพคล่องใน ตลาด Forex มีปริมาณการซื้อขาย 2 ล้านล้านเหรียญต่อวันซึ่งเป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลก ถ้าหากพวกเราเปรียบกันกับตลาดอื่นแล้วทำให้ปริมาณหรือขนาดของตลาดหุ้นอื่นๆดูเล็กลงไปทันที ในขณะที่ ตลาดฟิวเจอร์ เทรดอยู่ราว 3 หมื่นล้านเหรียญต่อวัน และก็ตลาดฟิวเจอร์ ไม่สามารถแข่งกับตลาด Forex ได้ เพราะเหตุว่ามีปริมาณการเทรดที่จำกัด ซึ่งหมายความว่าตลาด Forex ออเดอร์สามารถส่งคำสั่งใดใดก็ตามได้ตลอดเวลาโดยปราศจากการคาดเคลื่อนของราคานอกจากในช่วงเวลาที่ตลาดมีความผันผวนสูงหรืออยู่ในภาวะที่ไม่ปกติเท่านั้น


2.ความเสี่ยง
นักเทรดจะมี Position Limit ที่เป็นวัตถุประสงค์เพื่อจัดการกับความเสี่ยง ซึ่งตัวเลขเหล่านี้จะเกี่ยวกับจำนวนเงินในบัญชีของนักเทรด ความเสี่ยงก็จะน้อยลงมากในตลาด Forex เพราะว่าโปรแกรมที่นักเทรดใช้อยู่นั้นจะเรียกว่า มาร์จิ้น เพิ่มอัตโนมัติ (Margin call) ถ้านักเทรดไม่มีมาร์จิ้นเหลืออัก ออเดอร์ที่เปิดอยู่จะถูกปิดโดยอัตโนมัติตามขนาดของ Position ที่เปิดอยู่

ในขณะที่ตลาดฟิวเจอร์ Position ของคุณจะต้องใส่เงินเพิ่มเข้าไปตลอด ถ้าหากขาดทุนหรือมีมูลค่าต่ำกว่ามาร์จิ้นที่โบรกเกอร์กำหนด คุณต้องใส่เงินจำนวนที่เท่ากับจำนวนที่ขาดทุนเข้าไปในบัญชี นับเป็นข้อเสียอย่างนึงเลย ซึ่งโบรกเกอร์ส่วนมากในตลาด Forex จะกำจัดความเสี่ยงของเทรดเดอร์ไว้ให้โดยไม่สามารถเทรดได้เกินความเสี่ยงของตัวเองที่เปิดไว้ โดยถ้าหากผิดทาง และจำนวนเงินในพอร์ตเหลือไม่พอ Order จะถูกสั่งปิดทั้งหมด ต่างจาก Futures ที่จะไม่ปิด แต่จะเป็นการเรียกให้เติมเงินเข้าพอร์ตเพิ่ม


3.การมีราคาที่แน่นอน
สำหรับในการเทรด Forex คำสั่งซื้อขายของคุณจะได้ส่งคำสั่งอย่างรวดเร็วและได้ราคาที่คิดไว้ ภายใต้ภาวะตลาดปกติ แต่ว่าในขณะเดียวกันราคาของฟิวเจอร์ หรือ Equity นั้นคุณอาจจะไม่สามารถได้ราคาที่คุณอยากซื้อหรือออกคำสั่งได้แล้วออเดอร์ทันทีทันใด แม้ว่าคุณจะใช้อินเตอร์เน็ตความเร็วสูงหรือโบรกเกอร์ของคุณสามารถส่งคำสั่งได้เร็วแค่ไหน ราคาที่คุณตั้งไว้นั้นก็ยังอยู่ไกลจากราคาปัจจุบันเมื่อคุณส่งราคานั้นออกไป มันเป็นราคาสุดท้ายที่มีการเทรดแต่ไม่ใช่ราคาที่ตัวสัญญาระบุราคาไว้ เพราะว่าตลาดฟิวเจอร์เป็นการซื้อขายราคาในอนาคต


4.ค่าธรรมเนียม
สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเทรดค่าเงิน คือ คุณไม่ต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่น เพราะคุณทำการซื้อขายโดยตรงกับส่วนกลางของทางโปรแกรม และคุณไม่ได้จ่ายค่าธรรมเนียมให้คนกลาง ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหรือขาย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนิดหน่อย คือค่าสเปรดในการเทรดฟิวเจอร์หรือการเทรดหุ้นหรือ Equity ก็มีเหมือนกัน ซึ่งโบรกเกอร์จะได้ผลค่าตอบแทนจากค่าสเปรดแทนที่จะเป็นค่าคอมมิชชั่น