• Bookmark
• Tweet
• Share
• PM

สวัสดีค่ะ จากเหตุการแผ่นดินไหวทำให้หลายคนไม่ประมาทในการใช้ชีวิตมากขึ้น เพราะภัยอันตรายอยู่ใกล้ตัวเรามาก อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น และวันนี้เรามาดู จุดแตกต่างระหว่างการเทรดหุ้นและ Forex การลงทุนไม่ว่าจะเป็นการเทรดในตลาดประเภทใดก็ตาม นักลงทุนควรจะศึกษาถึงความแตกต่างของตลาดนั้นๆให้ละเอียดว่าเหมาะกับเทรดดิ้งสไตล์ไหน เพราะการเทรดในแต่ละประเภทมีวิธีการเทรดและสภาพคล่องที่แตกต่างกัน

Forex (Foreign Exchange)
คือ ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศที่เปิดให้นักลงทุนทำการซื้อขายสกุลเงินต่าง ๆ เพื่อเก็งกำไรจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนในแต่ละช่วงเวลา

หุ้น (Stock)
คือตราสารที่ออกโดยบริษัทต่าง ๆ เพื่อระดมทุน ผู้ถือหุ้นจะมีสถานะเป็น “เจ้าของกิจการร่วม” และมีสิทธิ์ในทรัพย์สิน กำไร และอาจได้รับเงินปันผลตามผลประกอบการของบริษัท


จุดแตกต่างหลักระหว่าง Forex กับ หุ้น


1. ปริมาณการซื้อขายและสภาพคล่อง
ตลาด Forex มีขนาดใหญ่และมีปริมาณการซื้อขายต่อวันสูงกว่าตลาดหุ้นมาก ส่งผลให้มีสภาพคล่องสูง ซื้อขายง่าย และมีต้นทุนในการเทรดที่ต่ำกว่า

2. เวลาทำการของตลาด
ตลาด Forex เปิดให้เทรดตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ เนื่องจากเป็นระบบ OTC (Over-the-Counter) สามารถซื้อขายได้จากทั่วโลก
ในขณะที่ตลาดหุ้นมีเวลาทำการจำกัด โดยเปิดเพียง 4-8 ชั่วโมงต่อวัน ขึ้นอยู่กับตลาดหลักทรัพย์ของแต่ละประเทศ

3. ความหลากหลายของสินทรัพย์
Forex มีคู่สกุลเงินให้เลือกเทรดมากมายกว่า 330 คู่ โดยนิยมเทรดกันในคู่สกุลหลัก เช่น EUR/USD และ GBP/USD ซึ่งมีเสถียรภาพสูง
ส่วนหุ้นจะมีความหลากหลายในแง่อุตสาหกรรม เช่น เทคโนโลยี เภสัชกรรม หรือยานยนต์ ซึ่งช่วยกระจายความเสี่ยงและเพิ่มทางเลือกในการลงทุน

4. โอกาสในการขยายกำไร
การเทรด Forex สามารถใช้เลเวอเรจ (Leverage) และมาร์จิ้น (Margin) เพื่อเพิ่มอำนาจซื้อ ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถทำกำไรจากเงินลงทุนที่ไม่สูงมาก
ในทางตรงกันข้าม การเทรดหุ้นมักจะต้องใช้เงินเต็มจำนวน และการทำกำไรจะขึ้นอยู่กับการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นโดยตรง อย่างไรก็ตาม เลเวอเรจใน Forex ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงขาดทุนหากตลาดไม่เป็นไปตามคาด

5. กลยุทธ์ในการเทรด
Forex สามารถทำกำไรได้ทั้งในตลาดขาขึ้นและขาลง ทำให้มีความยืดหยุ่นในการวางแผนเทรดมากกว่า
แต่การเทรดหุ้นโดยทั่วไปจะสามารถทำกำไรได้เมื่อราคาหุ้นเพิ่มขึ้นเท่านั้น ยกเว้นในกรณีการใช้กลยุทธ์เฉพาะ เช่น Short Sell



จุดเหมือนของ Forex และ หุ้น

ทั้งตลาด Forex และตลาดหุ้นล้วนได้รับอิทธิพลจากแรงอุปสงค์และอุปทาน รวมถึงความผันผวนจากปัจจัยภายนอก เช่น ข่าวเศรษฐกิจ การเมือง และเหตุการณ์ทั่วโลก

[rannie2020]

• Bookmark
• Tweet
• Share
• PM

สวัสดีค่ะ จากเหตุการแผ่นดินไหวทำให้หลายคนไม่ประมาทในการใช้ชีวิตมากขึ้น เพราะภัยอันตรายอยู่ใกล้ตัวเรามาก อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น และวันนี้เรามาดู จุดแตกต่างระหว่างการเทรดหุ้นและ Forex การลงทุนไม่ว่าจะเป็นการเทรดในตลาดประเภทใดก็ตาม นักลงทุนควรจะศึกษาถึงความแตกต่างของตลาดนั้นๆให้ละเอียดว่าเหมาะกับเทรดดิ้งสไตล์ไหน เพราะการเทรดในแต่ละประเภทมีวิธีการเทรดและสภาพคล่องที่แตกต่างกัน

Forex (Foreign Exchange)
คือ ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศที่เปิดให้นักลงทุนทำการซื้อขายสกุลเงินต่าง ๆ เพื่อเก็งกำไรจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนในแต่ละช่วงเวลา

หุ้น (Stock)
คือตราสารที่ออกโดยบริษัทต่าง ๆ เพื่อระดมทุน ผู้ถือหุ้นจะมีสถานะเป็น “เจ้าของกิจการร่วม” และมีสิทธิ์ในทรัพย์สิน กำไร และอาจได้รับเงินปันผลตามผลประกอบการของบริษัท


จุดแตกต่างหลักระหว่าง Forex กับ หุ้น


1. ปริมาณการซื้อขายและสภาพคล่อง
ตลาด Forex มีขนาดใหญ่และมีปริมาณการซื้อขายต่อวันสูงกว่าตลาดหุ้นมาก ส่งผลให้มีสภาพคล่องสูง ซื้อขายง่าย และมีต้นทุนในการเทรดที่ต่ำกว่า

2. เวลาทำการของตลาด
ตลาด Forex เปิดให้เทรดตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ เนื่องจากเป็นระบบ OTC (Over-the-Counter) สามารถซื้อขายได้จากทั่วโลก
ในขณะที่ตลาดหุ้นมีเวลาทำการจำกัด โดยเปิดเพียง 4-8 ชั่วโมงต่อวัน ขึ้นอยู่กับตลาดหลักทรัพย์ของแต่ละประเทศ

3. ความหลากหลายของสินทรัพย์
Forex มีคู่สกุลเงินให้เลือกเทรดมากมายกว่า 330 คู่ โดยนิยมเทรดกันในคู่สกุลหลัก เช่น EUR/USD และ GBP/USD ซึ่งมีเสถียรภาพสูง
ส่วนหุ้นจะมีความหลากหลายในแง่อุตสาหกรรม เช่น เทคโนโลยี เภสัชกรรม หรือยานยนต์ ซึ่งช่วยกระจายความเสี่ยงและเพิ่มทางเลือกในการลงทุน

4. โอกาสในการขยายกำไร
การเทรด Forex สามารถใช้เลเวอเรจ (Leverage) และมาร์จิ้น (Margin) เพื่อเพิ่มอำนาจซื้อ ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถทำกำไรจากเงินลงทุนที่ไม่สูงมาก
ในทางตรงกันข้าม การเทรดหุ้นมักจะต้องใช้เงินเต็มจำนวน และการทำกำไรจะขึ้นอยู่กับการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นโดยตรง อย่างไรก็ตาม เลเวอเรจใน Forex ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงขาดทุนหากตลาดไม่เป็นไปตามคาด

5. กลยุทธ์ในการเทรด
Forex สามารถทำกำไรได้ทั้งในตลาดขาขึ้นและขาลง ทำให้มีความยืดหยุ่นในการวางแผนเทรดมากกว่า
แต่การเทรดหุ้นโดยทั่วไปจะสามารถทำกำไรได้เมื่อราคาหุ้นเพิ่มขึ้นเท่านั้น ยกเว้นในกรณีการใช้กลยุทธ์เฉพาะ เช่น Short Sell



จุดเหมือนของ Forex และ หุ้น

ทั้งตลาด Forex และตลาดหุ้นล้วนได้รับอิทธิพลจากแรงอุปสงค์และอุปทาน รวมถึงความผันผวนจากปัจจัยภายนอก เช่น ข่าวเศรษฐกิจ การเมือง และเหตุการณ์ทั่วโลก