แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - นักศึกษา22

หน้า: 1 ... 7 8 [9] 10 11 ... 14
121
บทนี้มาเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่อง  forex No connection คืออะไร ใช้อย่างไร

วิธีการแก้ไขอาการ no connection
สำหรับแนวทางในการแก้ปัญหาการเกิด no connection ลองเลือกใช้แนวทางดังต่อไปนี้ดู

1.จดรหัสทุกครั้งเมื่อมีการสมัคร

สิ่งสำคัญมากคือตรงขั้นตอนของการสมัครสมาชิก ทางโบรกเกอร์มักจะให้เรานั้นทำการจดจำรหัสต่างๆ ซึ่งมักจะไม่มีการรายงานอีกเป็นครั้งที่สอง ดังนั้นทางแก้คือการคุณต้องจดรหัสเหล่านี้เก็บไว้ด้วยเสมอนะครับ เพื่อกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

2.ติดตั้งโปรแกรม Metatrader ตามคู่มือ

ขั้นตอนอีกข้อคือ การตรวจสอบการติดตั้งโปรแกรม Metatrader ของคุณให้อยู่ในสภาพที่มีความเรียบร้อยและสามารถใช้งานได้จริง เพื่อที่ว่าคุณจะได้ป้องกันการ no connection ครับ

Low angle shot of modern glass city buildings with cloudy sky background.

การแก้ปัญหาแบบฉุกเฉินหรือจัดระบบ Plan B
เพราะบางทีเราก็ไม่รู้สาเหตุ หรือรู้แต่อาจแก้ไม่ทัน ควรจะมี Plan B เอาไว้ที่แนะนำคือ

– ปิดและเปิด MT4 ใหม่

– ส่งคำสั่งซ้ำ ๆ ไปเรื่อย ๆ

– ตั้ง stop loss หรือ take profit ให้มันชนแทน

– เปิด vps ฟรี เอาไว้เวลา ปิดในเครื่องไม่ได้ ให้ลองไปปิดใน vps ดู

– ให้หา อีเอ และ close all เอาไว้ เผื่อจับลากใส่ได้ทันทีเวลาฉุกเฉิน

– ใช้วิธี hedge กลับ เพราะการ hedge มีค่าเท่ากับการ ปิด order ไปเลย cut loss อาจจะเสียค่าสเปรดเพิ่มนิดหน่อย แต่น่าจะคุ้มค่ากว่า

– ถ้าไม่มีปัญหาเรื่อง ip ลองใช้ vpn ต่อ แล้วปิดดู (หรือใช้ proxy แทน)

– เปลี่ยนไปใช้ระบบบัญชี ECN (electronic communication network) ถ้าพร้อมแลกกับ ค่าคอมที่แพงกว่า และการเปิดบัญชีขั้นต่ำประมาณ $1000 (แล้วแต่โบรกเกอร์)

สรุปแล้วคำศัพท์คำว่า no connection คือคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมต่อการเทรด forex กับโปรแกรมที่ชื่อว่า Meta trader นั่นเอง ซึ่งหากเกิดค่าตัวนี้ เราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแก้ไขสถานการณ์ให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นแล้วเราจะเสียโอกาสในการเทรดไป ซึ่งถือว่าเป็นผลเสียหายอย่างมากสำหรับนักเทรด forex ครับ

No connection คืออะไร


no connection คืออะไร
คำศัพท์คำต่อไปที่เราจะมาเรียนรู้ร่วมกัน สำหรับนักเทรด forex คือคำว่า no connection คำนี้ถือเป็นอีกคำศัพท์ที่มีความสำคัญมากต่อการเทรด forex ส่วนจะมีความหมายว่าอย่างไร และมีความสำคัญต่อการเทรดมากน้อยแค่ไหน เรามาติดตามไปพร้อมๆกันเลยนะครับ

no connection คืออะไร
 คำว่า no connection หมายถึงการขาดการเชื่อมต่อระหว่าง Username ของผู้เทรด forex กับโปรแกรม Meta trader ซึ่งมีสาเหตุหลากหลาย ตามที่จะได้กล่าวต่อไป แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หากเกิดค่า no connection ผมอยากให้คุณรีบดำเนินการแก้ปัญหาเสียก่อนที่มันจะกลายเป็นเหมือนน้ำผึ้งหยดเดียวที่มาทำให้ระบบการเทรดของคุณพังทลายลงไปครับ

สาเหตุที่ทำให้เกิด no connection
สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิด no connection นั้นมีด้วยกันมากมาย แต่ผู้เขียนขอสรุปออกมาเพื่อให้คุณได้มองเห็นดังต่อไปนี้ครับ

1.เกิดจากการกรอกข้อมูลรหัสผิด

ประการแรกเลยคือ เป็นไปได้ว่าการเกิด no connection นั้นอาจมาจากการที่คุณกรอกรหัสผิด ไม่ว่าจะเป็นรหัส Username หรือ Password หรืออาจเป็นค่า Server ที่คุณเลือกผิดตอนเชื่อมต่อกับทางโปรแกรม Metatrader ก็ได้

2.สัญญาณอินเทอร์เน็ตมีปัญหา

ประการที่สอง คุณอาจต้องทำการตรวจสอบว่าสัญญาณอินเทอร์เน็ตของคุณมีปัญหาหรือไม่ ผู้บริการ ISP ของคุณมีปัญหา หรือว่าสาย LAN ของคุณมีปัญหาหรือไม่ ลองสำรวจตรวจตราดูรายละเอียดต่างๆก่อน เพื่อที่ว่าบางทีอาการ no connection อาจเกิดจากสาเหตุตรงนี้ อีกประการคือแนะนำให้ใช้ระบบ LAN จะดีกว่าครับ



3.โปรแกรมเกิด ERROR

ประการที่สาม สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ no connection อาจเกิดมาจากขั้นตอนของการลงโปรแกรม Metatrader ที่ผิดพลาดได้ ดังนั้นผมแนะนำว่าการ Reinstall น่าจะช่วยในการแก้ปัญหานี้ได้ครับ

4. เกิดจากระบบเครือข่าย

เนื่องจาก MT4 ที่เราใช้เทรด จะมีเซิฟเวอร์หลายตัวทำงานร่วมกันเป็นระบบ โดยมี 2 ส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรา คือ

A. Datacenter : เป็นเหมือน Proxy ของทางโบรกที่ใช้เก็บข้อมูลราคาหลังจากฟีดมาจากเซิฟเวอร์จริง MT4 ที่เราใช้มันจะเชื่อมต่อกับ data center ถ้าส่วนนี้เชื่อมต่อได้ปกติ เราจะเห็นกราฟวิ่งตามปรกติครับ

B. Meta Trader 4 Server : เป็นเซิฟเวอร์หลักที่เป็นตัวจัดการทั้งหมด ทั้งฟีดราคามาให้ datacenter ดึงไป รวมถึงจัดการ transaction ทั้งหมด ถ้าส่วนนี้เชื่อมต่อกับเซิฟเวอร์ไม่ได้ จึงเกิด error No Connection ทำให้ปิดออเดอร์ไม่ได้ครับ

ดังนั้นถ้าเจออาการแปลกๆ เช่น กราฟวิ่งอยู่ แต่ปิด order ไม่ได้อาจจะมีสาเหตุจาก Datacenter ทำงานปกติ แต่ Meta Trader 4 Server ไม่เชื่อมต่อก็เป็นไปได้ แบบนี้ถ้าเจอนานหรือบ่อยควรแคปหน้าจอไว้ แล้วแจ้งโบรกเกอร์ครับ เพราะถ้าเป็นปัญหาที่โบรกเกอร์เองนั้น เคยมีกรณีของ exness no connection บ่อย ๆ และหลายวัน จากปัญหาที่ทาง support แจ้งว่าจะมีการปรับปรุงเซิร์ฟเวอร์ เมื่อเกิดความเสียหายเกิดขึ้นในการเทรดทาง exness ก็ชดเชยค่าเสียหายให้ครับ


122
มาต่อกันด้วยเรื่องของ forex Neteller คืออะไร ใช้อย่างไร



Neteller กับ forex
หากคุณสมัครเป็นสมาชิกกับทาง Neteller คุณจะสามารถลงทุนในการฝากเงิน กับทาง forex เพื่อการทำกำไรได้ทันที และการโอนเงินสามารถทำได้ด้วยการโอนเงินผ่านทางบัญชีธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย หรือแม้กระทั่งธนาคารไทยพาณิชย์เป็นต้นและในตอนถอนเงินออกมาก็เช่นเดียวกัน คุณสามารถเลือกทำได้ทั้งหมดตามที่กล่าวมาแล้วทั้งสิ้น

สรุปอีกครั้งหนึ่ง เมื่อใดก็ตามที่คุณต้องการเทรด forex อย่างมืออาชีพ การเลือกสมัครเพื่อเปิดบัญชีกับทาง Neteller (ซึ่งเปิดง่ายมาก) น่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกหรืออีกหนึ่งตัวเลือกของคุณ เพื่อช่วยให้การเลือกฝากเงินเพื่อเทรด forex กับบางโบรกเกอร์ที่มีข้อเสนอที่ดีกว่า เพียงแต่ไม่ได้รองรับธนาคารใหญ่ๆแค่นั้นเอง



ประโยชน์ของการเปิดบัญชีกับทาง Neteller
1.คุณสามารถใช้สั่งซื้อสินค้าออนไลน์

มีเว็บไซต์ในโลกนี้จำนวนมากกว่า 1 ล้านเว็บไซต์ที่เปิดบริการชำระเงินค่าสินค้า หรือว่าบริการผ่านทาง Neteller ที่คุณสามารถลงมือทำได้ทันที เพียงแค่คุณนั้นมีเงินฝากอยู่ในบัญชีของทาง Neteller เท่านั้นก็สามารถสั่งซื้อสินค้าหรือบริการได้แล้ว

2.ค่าธรรมเนียมการโอนต่ำมากหรือฟรี

ประโยชน์ประการที่สองที่ทำให้ Neteller ได้รับความนิยมไม่แพ้บัญชีธนาคารอย่าง paypal คงจะเห็นว่าเป็นเรื่องของค่าธรรมเนียมการโอน ซึ่งถ้าเป็นบัญชีของทาง Neteller เหมือนกัน คุณไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการโอนแต่อย่างใด เว้นแต่ว่าเป็นบัญชีที่แตกต่างกัน หรือว่าต่างธนาคารอันนี้ก็ถือว่าถ้าเป็นการโอนเงินระหว่างประเทศ ทาง Neteller มีค่าธรรมเนียมการโอนที่น้อยมากๆ

3.รองรับการโอนเงินเพื่อเทรด forex

ข้อดีและประโยชน์ประการต่อมาคือ ทาง Neteller สามารถรองรับการโอนเงินเพื่อการเทรด forex ได้นั่นเอง ทำให้คุณสามารถเลือกเทรด forex กับโบรกเกอร์มากมายที่รองรับในเรื่องของการโอนเงินกับทาง Neteller จริงๆแล้วกว่าค่อนหนึ่งของโบรกเกอร์ ที่ทำธุรกรรมร่วมกันกับทาง Neteller ต่างรองรับการบริการเหล่านี้ทั้งสิ้น

Neteller คืออะไร
คำศัพท์ในวงการการเทรด forex ที่น่าสนใจมากคำหนึ่งคือคำว่า Neteller ซึ่งเกี่ยวข้องอย่างยิ่งต่อการทำธุรกรรมออนไลน์ เหมือนกับทาง paypal หรือทาง webmoney ส่วน Neteller คืออะไร และมีประโยชน์ต่อการเทรด forex หรือไม่อย่างไรนั้น เรามาอ่านและศึกษาจากบทความนี้ไปพร้อมๆกันเลยนะครับ

Neteller คืออะไร
สิ่งแรกที่เราต้องมาทำความเข้าใจร่วมกันก่อนคือคำว่า Neteller คืออะไร สำหรับ Neteller คือผู้ให้บริการในรูปแบบของธนาคารออนไลน์ ที่คุณสามารถฝากเงินเข้าไปในบัญชี และสามารถเลือกทำธุรกรรมต่างๆได้ตามต้องการ เช่นอาจเป็นการฝากเงิน หรืออาจเป็นการถอนเงิน หรือการสั่งซื้อสินค้าผ่านทางอินเทอร์เน็ตเป็นต้น

Neteller คือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์(e-currency) ที่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ทุกตระกูลเงิน และสามารถชำระสินค้าออนไลน์ได้ และ Neteller ยังได้รับการยอมรับจากโบรกเกอร์หลายๆ โบรกเกอร์ เช่น FBS, XM, FXTM, FXCL, Exness, FXopen, Optiontrade, ICMarkets, Liteforex, Paxforex, Octafx และอีกหลายๆโบรกที่ไม่ได้เอ่ยถึง ที่ไว้วางใจ Neteller ในการฝาก-ถอนเงิน

123
วันนี้ทีม Forex สุดหล่อจะมาแนะนำ forex myfxbook คืออะไร ใช้อย่างไร

วิธีการสมัคร myfxbook
คุณสามารถเข้าไปทำการสมัครเป็นสมาชิก myfxbook ได้ที่ myfxbook.com ซึ่งคุณสามารถศึกษารายละเอียดได้จากวีดีโอการสอนนี้เลยครับ



ประโยชน์ของการใช้ myfxbook
ช่วยให้คุณสามารถบันทึกสถิติต่างๆได้
เมื่อคุณเริ่มต้นใช้งาน myfxbook บัญชีของทาง myfxbook จะทำการเชื่อมต่อโดยตรงเข้ากับโปรแกรมเทรดอย่าง MT4 หรือว่า MT5 ซึ่งภายหลังจากการเชื่อมต่อแล้ว สถิติต่างๆเกี่ยวกับการเทรดของคุณ ก็จะไปปรากฏอยู่บนเว็บไซต์ myfxbook ในรูปแบบกราฟ ซึ่งจะบอกถึงข้อมูลต่างๆที่เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะสถิติในเรื่องของการทำกำไรหรือขาดทุน

อาจช่วยคุณในการขายสินค้าเกี่ยวกับ forex ได้
คุณสามารถใช้ Portfolio ของคุณ ที่ myfxbook เป็นเหมือนตัวแทนในการบอกว่า คุณนั้นสามารถทำกำไรได้มากน้อยเท่าใดจากตลาด forex หากคุณมีอินดี้ดีๆที่ใช้งานพร้อมกับระบบการเทรดที่เจ๋งๆ คุณอาจสามารถขายมันให้กับคนที่เข้ามาเยี่ยมชม Portfolio ของคุณได้อีกด้วย หรือจะให้ทำในสิ่งที่เรียกว่า copy trading ก็สามารถทำได้



การใช้ระบบออโต้เทรด(Auto Trade) จาก myfxbook
ระบบออโต้เทรด (AutoTrade) ซึ่งจัดทำโดย myfxbook นั้น เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการเทรดแบบโซเชียล ซึ่งออกแบบขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกแก่เทรดเดอร์มือใหม่ เป็นการเลียนแบบการเทรด จากเทรดเดอร์ผู้มีประสบการณ์ ทั้งนี้ทำให้เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์น้อย สามารถทำกำไรได้จากการติดตามเทรดเดอร์รุ่นเก๋าเกมส์ ซึ่งบรรดาเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์เหล่านี้จะได้รางวัลคืนกลับมาเป็นครึ่ง pip ต่อการเทรดหนึ่งล็อต หรืออื่นๆตามแต่จะตกลงกัน

ช่วยตรวจเช็คความน่าเชื่อถือของระบบเทรด หรือ EA
เมื่อเราไปเจอระบบเทรด หรือ EA ที่ขายกัน หรือว่าจะเป็นอาจารย์สอนเทรดที่บอกว่าตัวเองเทพ เราก็สามารถขอให้เขาโชว์ Myfxbook ได้เลย ข้อมูลของ Myfxbook นั้นจะเป็นข้อมูลแบบ Real Time ทำให้เราเห็นทั้ง Order ที่เปิดอยู่และ Order ที่ปิดไปแล้ว พร้อมทั้งข้อมูลต่างๆ อีกมากมายที่เป็นประโยชน์ ไม่ว่าพอร์ตนั้นจะเป็นบัญชี Real หรือว่าเป็น Demo Account ครับ ทำให้เราตรวจเช็คได้ว่าสิ่งที่เขาบอกนั้นน่าเชื่อถือขนาดไหน




การทำ Analysis Myfxbook
ต่อไปจะเป็นวิธีการใช้ Myfxbook สำหรับวิเคราะห์พอร์ต Forex อย่างสั้นๆครับ

number 1 : บอกว่าเป็น Real Account หรือว่าเป็น Demo Account (บัญชีจริง หรือบัญชีทดลอง)

number 2 : Abgain % เป็นเปอร์เซ็นต์ของกำไรทั้งหมดจากเงินที่ฝากเข้า เช่น  Deposit 100 $ กำไร 10 $ Abgain ก็คือ 10%

ที่ไม่ให้ดูตรง Gains % ตรงๆเลยก็เพราะว่า Gains % บางทีจะคำนวณจากเงินที่เหลือในพอร์ตครับ เช่น เดือนนี้เทรดจาก 1000 $ ขาดทุนเหลือ 400 $ แต่เดือนต่อมาเทรดจาก 400 $ เป็น 4000 $ จะได้ Gain 1000 % ครับ กลายเป็นว่าข้อมูลในส่วนขาดทุนที่ควรคิดด้วยหายไปทำให้ตัวเลขดูดีเกินจริง ดังนั้นการดู Adgains จะทำให้ได้ผลที่ถูกต้องที่สุดครับ     

number 3 : Drawdown % หมายถึง % ของจำนวนเงินขาดทุนสะสมของ balance เป็นส่วนที่สำคัญมากๆของระบบครับ เอาไว้ดูความเสี่ยงของระบบลุงทุนเช่น ณ ขณะนั้นในพอร์ตมี 1000 $ เทรดไปติดลบ 500 $ แต่สักพัก กราฟวิ่งกลับมา ทำให้เราได้กำไรรวมทุนเป็น 1300 $ Drawdown % จะคิด 1000 $ กับการติดลบ 500 $ ดังนั้น ค่า Drawdown คือ 50 % ครับ

number 4 : Tracking Record Verify คือระบบของ Myfxbook ยืนยันแล้วว่า เป็น Data ที่น่าเชื่อถือ

        ส่วน Trading Privileges Verify หมายถึง ได้รับการยืนยันแล้วว่าข้อมูลทั้งหมดนั้นเป็นจริง จากการที่นำ Investor Password จาก Myfxbook ไปเปลี่ยนใน MT4 ของเรา

ส่วนอื่นๆ ที่ดูประกอบ
Balance = ยอดเงินที่เหลือในพอร์ตขณะนี้

Equity = จำนวนเงินที่เป็นบวกหรือลบหลังจากเปิด order ในกรณีที่ไม่ได้เปิดออเดอร์ Equity จะเท่ากับ Balance

Highest = จำนวน Blance ที่มากสุดที่ Account นี้เคยมี

Profit = กำไรทั้งหมดที่พอร์ตนี้ทำกำไรได้ ถ้าได้กำไรจะเป็นสีเขียว(บวก) ถ้า ขาดทุนจะเป็นสีแดง(ลบ)

Interest = ยอดรวมของ Swap ทั้งหมดไม่ว่าบวกหรือลบ

Deposit = ยอดเงินฝากที่ฝากเข้าไป

Withdraw = ยอดเงินที่ทำการถอนจาก Account



ภาพรวมของพอร์ต เราสามารถดูได้จากกราฟ โดยเราสามารถที่จะวิเคราะห์ ในลักษณะ Time Balance % Growth ในการที่จะประเมินว่าระบบนี้ จะทำกำไรให้เราได้เท่าใดหากเวลาผ่านไปครับ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมบางคนจึงไม่ยอมแสดงข้อมูลบางส่วนใน Myfxbook ของตน เพราะการเปิดเผยข้อมูลทั้งหมด จะทำให้ผู้ที่เข้ามาดู Myfxbook วิเคราะห์กลยุทธ์การเทรดของเขาได้นั่นเอง(หรืออีกนัยหนึ่งคือสามารถจับผิดเขาได้)

ดังนั้นก่อนที่จะถูกใครชักจูงให้ไปลงทุนร่วม(ไม่เห็นด้วยไม่ว่ากรณีใดๆ ร้อยทั้งร้อยคือหลอกลวง) หรือจะตัดสินใจซื้อ EA ขอให้สังเกตดูข้อมูลหลักๆ ของ Myfxbook ให้ดีๆทุกครั้งครับ เพื่อเงินในกระเป๋าเราจะไม่เสียไปแบบเปล่าประโยชน์ครับ

Myfxbook กับช่องทางในการหารายได้ของคุณ
จากข้อมูลอันแน่นปึ๊กข้างต้น ดังนั้นเมื่อคุณเริ่มต้น หรือตัดสินใจแล้วว่าต้องการเป็นนักเทรด forex มืออาชีพ อย่าลืมสมัครเป็นสมาชิกกับทาง myfxbook.com ซึ่งเท่ากับว่าคุณจะสามารถประเมินศักยภาพและขีดความสามารถของตนเองหรือเพื่อให้คนอื่นๆได้เห็นความสามารถของคุณ และที่สำคัญที่สุดอย่างที่กล่าวไปแล้วตั้งแต่ตอนต้นคือ คุณสามารถขายมันให้กับคนอื่นๆได้อีกด้วย ทั้งการขายอินดี้ หรือว่าการทำสิ่งที่เรียกว่า copy trading

myfxbook คืออะไร
เมื่อคุณเริ่มเทรด forex มีความชำนาญมากขึ้น สิ่งหนึ่งที่ตามมาคือการแสดงผลงานหรือความสามารถที่คุณมีนั้นให้กับคนทั่วโลกได้รับรู้ มันช่วยให้คุณสามารถมองเห็นการเติบโตของ Portfolio ของคุณอย่างต่อเนื่อง และยังช่วยให้คุณนั้นสามารถทำเงินได้จากมันด้วย ที่นั่นคือ myfxbook ดังนั้นบทความนี้เรามาเจาะลึกเกี่ยวกับ myfxbook ว่าคืออะไรกันดีกว่าครับ

myfxbook คืออะไร
myfxbook.com คือเว็บไซต์ที่ให้บริการในการเก็บข้อมูลการเทรดของคุณในรูปแบบต่างๆ โดยคุณสามารถแสดงผลงานการเทรด forex ของคุณ ให้คนทั้งโลกได้รับรู้ผ่านเว็บไซต์ myfxbook ซึ่งก็มีผลต่อการทำรายได้ให้เพิ่มขึ้น รวมทั้งมีผลต่อการปรับปรุงแนวทางการเทรดของคุณเองด้วย

และนอกจากนี้ด้วยหลักการของ myfxbook.com ยังสามารถ Copy Trade กันได้ เพียงแต่ถ้าจะ Copy Trade นั้นต้องสมัครใน Broker ที่เป็นพันธมิตรกับเขา และผ่านเว็บของเขา แต่ก็จะมีค่า commission ด้วยนะครับ

https://www.youtube.com/watch?v=ZyzNEphQEbU

124
สำหรับใครที่ใช้ MT4 บทนี้เรามาลองดู MT5 กันนะครับ forex MT5 คืออะไร ใช้อย่างไร

ประโยชน์และข้อดีของ MT5
1.สามารถใช้งานได้อย่างรวดเร็วในทุกความเร็วของอินเทอร์เน็ต

ข้อดีประการแรกของโปรแกรม MT5 คือ มีความสามารถในการใช้งานได้ในทุกๆความเร็วของอินเทอร์เน็ต ซึ่งปัญหาข้อนี้ผมว่าคนใหม่ๆ อาจมีความรู้สึกกังวลถ้าตนเองนั้นต้องทำการเทรดในขณะที่ความเร็วของอินเทอร์เน็ตออกไปในทางที่ไม่ค่อยเอื้ออำนวย ถ้าเป็นอย่างนี้ต้องยอมรับว่า MT5 สามารถทำได้ดีกว่าตัว MT4 ทีเดียว

2.ติดตั้งง่ายน้ำหนักเบา

โปรแกรม MT5 พัฒนาขึ้นมาจากเวอร์ชั่น 4 มีข้อดีเพิ่มขึ้นอีกในเรื่องของความเบา และความรวดเร็วในการติดตั้ง ทำให้ไม่เจอปัญหาโปรแกรมเออเร่อ หรือว่าเมื่อติดตั้งเสร็จแล้วเปิดใช้งานไม่ได้ พร้อมกันนั้นในขั้นตอนของการติดตั้งก็มีโปรแกรมช่วยให้สามารถติดตั้งได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น

3.เชื่อมต่อเข้ากับโบรกเกอร์ได้เกือบทุกที่

จุดเด่นอีกประการหนึ่งของโปรแกรม MT5 คือสามารถเชื่อมต่อเข้ากับบรรดาโบรกเกอร์ได้เกือบทุกที่ นั่นทำให้ไม่ว่าคุณจะสมัครเป็นสมาชิกโบรกเกอร์ไหนก็ตาม ย่อมส่งผลให้คุณสามารถเทรด forex ได้อย่างไม่มีปัญหา ซึ่งในปัจจุบัน MT5 รองรับการเทรดกับทุกโบรกเกอร์ในโลกนี้เรียบร้อยแล้ว

4.ใช้งานบนมือถือได้

คุณสามารถใช้งานโปรแกรม MT5 บนมือถือได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย โปรแกรมนี้ออกแบบมาเพื่อให้คุณนั้น สามารถเปิดบนมือถือและเริ่มต้นทำการเทรด forex ได้ทันที โดย MT5 รองรับครบถ้วนทั้ง ios และระบบ Android

5.ติดตั้งอินดี้ง่าย หรือจะทำ EA ก็ง่าย

ข้อดีประการที่ห้าของ MT5 คือมีอินดี้ให้คุณเลือกมากมายประกอบการเทรด forex รวมทั้งการติดตั้ง EA และการใช้งานก็สามารถทำได้อย่างง่าย และไม่ค่อยเกิดปัญหาการรีโควทเท่าใดนัก เมื่อคุณติดตั้ง EA ลงไปบน MT5 ดังนั้นผมจึงถือว่า MT5 คืออาวุธคู่กายของบรรดานักเทรดในอนาคตกันเลยทีเดียว

เหตุผลที่คนยังรักที่จะใช้ MT4 กว่า MT5
EA ที่ทำงานบน MT4 ใช้งานไม่ได้กับ MT5 และไม่สามารถทำการแปลงมาใช้บน MT5 ได้เลย เพราะ MT5 เขียนด้วย ภาษา C++ ในขณะที่ MT4 เขียนด้วย ภาษาMQL
ไม่สามารถทำ Hedging และ Scalping ได้ MT5 มีความเข้มงวดด้านกฎระเบียบ ในการทำให้ตัวเองเป็นโปรแกรมที่มีมาตรฐานมากขึ้น โดยยึดการทำตามกฎของ NFA (National Futures Association) อันเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร ที่คอยกำกับดูแลตลาดการซื้อขาย ล่วงหน้าในสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นตลาดอนุพันธ์ ตลาด Forex และ OTC Derivatives (แลกเปลี่ยน) ซึ่งจริงๆแล้วมันไม่ควรมีกฎแบบนี้เลย
โดยภาพรวม MT4 ใช้งานง่ายกว่า และเครื่องไม้เครื่องมือที่มีมาให้นั้นก็มีเกินพออยู่แล้วครับ
มีคำถามว่า แพลตฟอร์มการซื้อขาย MT5 จะค่อยๆแทนที่แพลตฟอร์มการซื้อขาย MT4 หรือไม่? คำตอบคือ ไม่ใช่ครับ MT5 จะไม่แทนที่ MT4 โดยจะมีการเสนอทั้งสองแพลตฟอร์มในการซื้อขายและคุณจะสามารถเลือกได้ระหว่างทั้งสอง หรืออย่างน้อยก็อีกนานมากๆ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ยังพึงพอใจกับ MT4 กันมากกว่าครับ


ความสามารถใหม่ในการซื้อขายฟอเร็กซ์ ของ MetaTrader 5
เครื่องมือทางการเงิน : MetaTrader 5 รองรับการซื้อขายหุ้นและสิทธิซื้อขาย
ประเภทคำสั่ง : เพิ่มคำสั่งซื้อคงค้างประเภทใหม่ “จำกัดการหยุดซื้อ” และ “จำกัดการหยุดขาย”
นโยบายในการดำเนินการ : ตอนนี้คุณสามารถตั้งเงื่อนไขเพิ่มเติมเวลาซื้อขายในตลาหุ้นได้ด้วย เช่น ทั้งหมดหรือยกเลิก (Fill or Kill (FOK)) ทันทีหรือยกเลิก (Immediate or Kill (IOK))
จองคำสั่ง : เครื่องมือการซื้อขายรองรับการเสนอราคาระดับที่ 2 ซึ่งทำให้เป็นไปได้ที่จะวิเคราะห์ความลึกของตลาด
MetaEditor : เรียกใช้สภาพแวดล้อมในการพัฒนาได้โดยตรงจากเครื่องมือการซื้อขาย และโปรแกรมใหม่จะปรากฏใน MetaTrader 5 โดยอัตโนมัติ
MetaQuotes Language 5 : ขจัดข้อจำกัดหลายอย่างของ MQL4 ในภาษาใหม่ และเพิ่มฟังก์ชันพร้อมวัตถุกราฟฟิกอีกมากมาย
ไม่มีการป้องกันความเสี่ยงแล้ว : นักพัฒนา MT5 นำความสามารถในการป้องกันความเสี่ยงของฟอเร็กซ์(Hedging และ Scalping) ออกไป…น่าเสียดาย
กรอบเวลา : กราฟทั้งหมดสร้างจากระยะเวลา 1 นาที โดยใช้กรอบเวลาสูงสุด 21 กรอบพร้อมกัน และเก็บประวัติการเสนอราคาในรูปแบบที่กะทัดรัด
โดยคุณสามารถดูการวิเคราะห์เชิงเทคนิคของตราสารทางการเงินต่างๆ และออกแบบกลยุทธ์การลงทุนได้แบบ real time นอกจากนั้นคุณจะใช้เวลาในการส่งคำสั่งเพียง 1 วินาที ซึ่งจะทำให้คุณดำเนินการได้ในราคาที่แม่นยำตามที่คุณต้องการ และการที่มีการส่งคำสั่งอย่างมากมายจะทำให้การส่งคำสั่งของคุณมีโอกาสประสบความสำเร็จในเชิงกลยุทธ์ได้ในทุกสภาพตลาด การมีชุดโปรแกรม MQL5 รองรับจะทำให้คุณได้รับข้อมูลตัวบ่งชี้ที่หลากหลายเพื่อให้คุณได้ใช้ตัดสินใจในการเทรดครับ


ลักษณะเฉพาะของแพลตฟอร์ม MT5 :
สามารถเทรดได้บนตลาด Forex, CFS, Futures, หุ้น และ options
มี 21 timeframe สำหรับการเทรดในเวลาที่ต่างกัน
มีการส่งคำสั่ง 5 ลักษณะ และ 4 ลักษณะสำหรับการดำเนินการ ได้แก่ Market Execution, Instant Execution, Request and Exchange Execution
มีการวิเคราะห์ technical analysis ที่สมบูรณ์แบบ โดยมี 38 ตัวบ่งชี้ทางเทคนิค, 39 รูปแบบกราฟิก และตัวเลขสำหรับ MQL5 indicators
สามารถรับข่าวสารได้จากแหล่งข่าวชั้นนำ อัพเดทข่าวสารทันเวลา
เป็นส่วนหนึ่งของชุดโปรแกรม MQL5 อันได้แก่ MetaEditor 5, MetaTrader 5 Strategy Tester, MetaQuotes Language 5.
คำสั่งที่ส่งคำสั่งออกไปจะถูกเก็บเป็นความลับ
ไม่จำกัดจำนวนกราฟ
มี technical indicators และ เครื่องมือเชิงเส้น ให้เลือกมากมายหลากหลาย
รองรับ expert advisors, อินดิเคเตอร์ และ script
มีระบบส่งสัญญาณเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการเทรด
มีส่วนต่อประสานกับผู้ใช้หลายภาษา (multilingual user interface)
มีบริการทางอีเมล์
พิมพ์กราฟได้
มีข้อมูล Level II ทำให้คุณสามารถดูตลาดในเชิงลึกโดยการดูราคาเสนอซื้อและขายที่ดีที่สุด คุณสามารถดูราคาเสนอซื้อสูงสุดและราคาเสนอขายต่ำสุดที่มีพร้อมสำหรับให้ทุกผู้ดูแลในด้านสภาพคล่องเข้ามามีส่วนร่วมในด้านความปลอดภัยที่เฉพาะเจาะจง


MT5 คืออะไร
มาถึงคำศัพท์ที่สำคัญและมีความเกี่ยวข้องกับการเทรด forex อีกคำหนึ่งครับ ซึ่งจริงๆแล้วผู้เขียนคิดว่ามีความสำคัญมากเพราะเป็นโปรแกรมที่สามารถช่วยให้การเทรด forex ของคุณประสบความสำเร็จอย่างง่ายดาย โปรแกรมที่ว่านี้คือ MT5 สำหรับบทความนี้ ผมจะพาคุณไปดูความหมายของคำว่า MT5 และข้อดีของการใช้ MT5 ให้ทราบกันครับ เผื่อว่าถ้าคุณยังไม่ได้ลองใช้จะได้ใช้ดูนะครับ

MT5 คืออะไร
MT5 คือโปรแกรมสำหรับช่วยในการเทรด forex โดยมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า Meta trader 5 ซึ่งมีความสามารถช่วยในการเทรด forex ให้ง่ายขึ้นทั้งการเทรดผ่านเครื่อง PC หรือว่าเป็นการเลือกเทรดผ่านทางมือถือ

MT5 เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดของ MetaTrader platform จาก MetaQuotes Software Corp ที่โด่งดัง ซึ่งนับเป็นตัวเลือกหลักของนักลงทุนจากทั่วทุกมุมโลก โดย MT5 ถูกออกแบบมาให้ใช้งานกับตลาด Forex, CFS และ Futures ในการใช้งานเพียงหนึ่งบัญชี และสามารถเข้าดูการวิเคราะห์ technical analysis ได้ผ่านทาง online

MT5 เป็นเวอร์ชันที่ปรับปรุงจาก MetaTrader 4 นักพัฒนาได้เพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องมือการซื้อขายและปรับปรุงประสิทธิภาพและการทำงานของเครื่องมือนี้ ให้ แพลตฟอร์มนี้มีคุณสมบัติต่างๆ มากขึ้น
สำหรับท่านที่ต้องการชมวีดีโอแนะนำการใช้ MT5 สามารถชมด้านล่างได้เลยครับ

https://www.youtube.com/watch?v=ASM4J9UG_2k

125
มือใหม่นักเทรด เข้ามาดูกันต่อเลยนะครับ เรื่อง forex MT4 คืออะไร ใช้อย่างไร

จุดเด่นของ MT4
1.Interface สวยงามใช้งานง่าย

จุดเด่นประการแรกคือการออกแบบโปรแกรม MT4 ให้มีหน้าตาที่สวยงาม ให้ความรู้สึกของความเป็นมืออาชีพในการเทรด ทำให้ผู้เทรด forex มองเห็นว่างานเทรด forex ก็สามารถยึดหรือดำเนินการออกมาเป็นอาชีพได้ครับ MT4 ใช้งานง่ายมาก สามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้ภายในไม่กี่คลิ๊ก

นอกจากนี้ MT4 ยังสามารถปรับเปลี่ยนหน้าตาของโปรแกรม ให้เป็นไปตามลักษณะการใช้งานของผู้ใช้ ได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็น สี ขนาด เส้นกราฟ และอื่นๆ

2.สามารถติดตั้งบน CPU ได้

MT4 สามารถติดตั้งบน PC ได้โดยตรง โดยที่เมื่อคุณต้องการเทรด forex คุณก็ไม่จำเป็นต้องเปิดเว็บบราวเซอร์ขึ้นมาแต่อย่างใด เพียงแค่คุณนั้นเปิดโปรแกรม MT4 และทำการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไว้ก็เพียงพอแล้วสำหรับการเทรด forex ครับ

3.สามารถติดตั้งและใช้งานบนมือถือได้

นอกจากนี้การเทรด forex บนมือถือยังสามารถทำได้อย่างง่ายๆด้วยโปรแกรม MT4 ที่รองรับการติดตั้งบนมือถือทั้งในระบบ Android หรือระบบ IOS และมีหน้าตาของการใช้งานที่ง่ายเหมาะสมกับรูปแบบการแสดงผลบนมือถือ แม้ว่าการใส่อินดี้อาจจะทำได้ไม่ดีเท่าบนเครื่อง PC ก็ตาม

4.น้ำหนักเบา ไม่กินทรัพยากรของเครื่อง

ด้วยความที่โปรแกรมมีขนาดไฟล์ที่ไม่ใหญ่มากนัก จึงไม่กินทรัพยากรของเครื่อง ทำให้ไม่เกิดอาการ Hang ของโปรแกรม และไม่ว่าเครื่องคุณจะเร็ว หรือช้าแค่ไหน ก็สามารถติดตั้งโปรแกรม MT4 ได้อย่างแน่นอน และไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น

5.มีอินดี้ให้เลือกใช้มากมาย

จุดเด่นอีกประการของโปรแกรม MT4 คือมีอินดี้มากกว่า 400 ตัวในโปรแกรมแบบออนไลน์ที่ให้คุณนั้นเลือกมาเพื่อทำการติดตั้ง รวมทั้งการทดสอบอินดี้ที่คุณนั้นอาจเป็นผู้ทำการออกแบบด้วยตนเองอีกด้วย

ทั้งนี้จะมี Indicator (อินดิเคเตอร์) ที่ถูกติดตั้งมาพร้อมกับตัวโปรแกรมมากกว่า 30 ตัว ให้ได้เลือกใช้งานกัน อาทิเช่น Moving Average , Bollinger Bands , Parabolic SAR , Relative Strength Index, MACD และ Stochastic Oscillator เป็นต้น

6. เลือกได้ 9 Time Frame

สามารถเลือก Time Frame หรือ ช่วงเวลาการแสดงผลของราคาอัตราแลกเปลี่ยนของกราฟ ได้ถึง 9 Time Frame คือ 5 นาที , 15 นาที , 30 นาที , 1 ชั่วโมง , 4 ชั่วโมง , รายวัน , รายสัปดาห์ และ รายเดือน โดยจะเทรดแบบช่วงสั้นหรือช่วงยาวก็เลือกได้ตามใจชอบครับ

7.สามารถเลือกการแสดงกราฟได้ถึง 3 แบบ

เราสามารถเลือกการแสดงลักษณะของกราฟราคาอัตราแลกเปลี่ยนได้ถึง 3 แบบ คือ กราฟเส้น (Line Chart), กราฟแท่ง (Bar Chart) และกราฟแท่งเทียน (Candlestick) ตามความถนัดของแต่ละคน

8.สามารถแสดงหน้าต่างการเทรดหลายๆคู่ค่าเงินไปพร้อมๆ กันได้

สำหรับนักเทรดฟอเร็กซ์ที่ชอบเทรดมากกว่า 1 คู่สกุลเงิน คงจะชอบฟังก์ชั่นนี้อย่างมากแน่นอนครับ

9.รองรับการเขียนโปรแกรมด้วยภาษา MQL

เราสามารถเขียนโปรแกรมด้วยภาษา MQL เพื่อสร้าง EA (Expert Advisor หรือ ระบบเทรดแบบอัตโนมัติ) ซึ่งสามารถให้เราทำงานร่วมกับ Metatrader ได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้นครับ

เหตุผลที่คนยังรักที่จะใช้ MT4 กว่า MT5
EA ที่ทำงานบน MT4 ใช้งานไม่ได้กับ MT5 และไม่สามารถทำการแปลงมาใช้บน MT5 ได้เลย เพราะ MT5 เขียนด้วย ภาษา C++ ในขณะที่ MT4 เขียนด้วย ภาษาMQL
ไม่สามารถทำ Hedging และ Scalping ได้ MT5 มีความเข้มงวดด้านกฎระเบียบ ในการทำให้ตัวเองเป็นโปรแกรมที่มีมาตรฐานมากขึ้น โดยยึดการทำตามกฎของ NFA (National Futures Association) อันเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร ที่คอยกำกับดูแลตลาดการซื้อขาย ล่วงหน้าในสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นตลาดอนุพันธ์ ตลาด Forex และ OTC Derivatives (แลกเปลี่ยน) ซึ่งจริงๆแล้วมันไม่ควรมีกฎแบบนี้เลย
โดยภาพรวม MT4 ใช้งานง่ายกว่า และเครื่องไม้เครื่องมือที่มีมาให้นั้นก็มีเกินพออยู่แล้วครับ
สรุปแล้ว หากคุณต้องการเทรด forex คุณต้องติดตั้งโปรแกรม MT4 ลงไปที่คอมพิวเตอร์หรือมือถือของคุณ และเรียนรู้ที่จะใช้มัน ในตอนแรกที่คุณใช้อาจจะงงๆเล็กน้อย แต่พอใช้เป็นแล้ว และศึกษาอย่างลึกซึ้งอย่างต่อเนื่องแล้ว คุณจะพบว่าการเทรดนั้นไม่ใช่เรื่องยากครับ

MT4 คืออะไร
เมื่อคุณทำการเทรด forex หัวใจสำคัญประการหนึ่งที่คุณจะต้องมีคือโปรแกรมที่ช่วยคุณในเรื่องของการเทรด forex ซึ่งโปรแกรมดังกล่าวที่ผมต้องการจะแนะนำนั้นเรียกว่า MT4 สำหรับโปรแกรมนี้เป็นอย่างไร มีข้อดี ข้อด้อยอย่างไร และเราจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องติดตั้ง มาทำความรู้จักกับ MT4 ไปพร้อมๆกันเลยนะครับ

MT4 คืออะไร
อันดับแรกมาทำความรู้จักกับ MT4 กันเสียก่อน MT4 คือโปรแกรมที่ช่วยในการเทรด forex มีชื่อเต็มเป็นภาษาอังกฤษว่า Meta trader 4 ด้วยการออกแบบ Interface ที่สวยงามน่าใช้งาน พร้อมทั้งการใช้งานที่ง่าย จึงทำให้โปรแกรมนี้กลายเป็นที่ยอมรับ และมีการใช้งานทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกเลยก็ว่าได้

ความเจริญก้าวหน้าของ Internet ในปัจจุบัน ส่งผลให้การทำธุรกรรมการเงินต่างๆ มีความสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น จากเมื่อก่อนต้องเสียเวลาดำเนินการด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปด้วยตัวเอง หรือว่าพูดคุยผ่านทางโทรศัพท์ ภาพเก่าๆเหล่านี้มันจะเริ่มลบเลือนลงไปทุกที ตลาด Forex ก็เช่นเดียวกัน Internet เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องแทบจะ 100% เลยก็ว่าได้ นักเทรด Forex สามารถส่งคำสั่งซื้อขายผ่านทางโปรแกรมสำหรับเทรด Forex ได้ภายในไม่กี่คลิ๊ก

โปรแกรม Metatrader คือ โปรแกรมที่ถูกออกแบบขึ้นมาอย่างเป็นพิเศษ เพื่อใช้ในการซื้อขายสินค้าทางการเงิน ผ่านทางระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต อาทิเช่น Forex หุ้น อนุพันธ์ ทองคำ และอื่นๆอีกมากมาย โดยผู้พัฒนาโปรแกรม Metatrader คือบริษัท MetaQuotes Software Corp ซึ่งเป็นบริษัทแนวหน้าลำดับต้นๆ ในการผลิตซอฟแวร์ประเภทการเงิน ในปัจจุบันจะพบเห็นการใช้งานกันอยู่สองเวอร์ชั่น คือ Metatrader 4 (MT4) และ Metatrader 5 (MT5)

อ้อ…ถ้าจะเทรดกับโบรกเกอร์ไหนให้ไปโหลดโปรแกรมจากหน้าเว็บของโบรกเกอร์นั้นมาใช้นะครับ เพราะโบรกเกอร์แต่ละตัวโบรกก็ใช้ MT4 ที่มีอ๊อฟชั่นแตกต่างกันไป โดยจะสัมพันธ์กับโบรกเกอร์นั้นๆ แต่ว่าลักษณะโดยรวมจะเหมือนกันครับ

126
บทนี้มาเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่อง forex MQL5 คืออะไร ใช้อย่างไร

MQL5 คืออะไร
จริงๆคำนี้ถ้าอ่านเผินๆ เชื่อว่าหลายๆคนน่าจะคิดว่ามันอาจเป็นโปรแกรมอะไรสักอย่างหนึ่ง แต่ในความจริงแล้ว มันคือเว็บไซต์ โดยมีชื่อเต็มๆว่า MQL5.com ซึ่งถือว่าเป็นเว็บไซต์ที่มีประโยชน์มากๆต่อนักเทรด forex กันทุกคน สำหรับ MQL5 คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไรนั้น เรามาติดตามบทความนี้ไปพร้อมๆกันเลยนะครับ

1.MQL5 คืออะไร


MQL5 คือเว็บไซต์เว็บหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการเทรด forex โดยมีการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับเครื่องมือต่างๆ ที่ช่วยในเรื่องของการเทรด forex โดยอาจเป็นเรื่องของการขายโปรแกรม Auto trading หรือการขาย Indicator รวมถึงการทำ Copy trading อีกด้วย สำหรับใครที่สนใจในการมองหา Signal ดีๆแล้ว ต้องมาใช้บริการจากที่นี่เลยครับ

2.ประโยชน์ของการใช้ MQL5
ผู้เขียนได้ทำการรวบรวมข้อมูลออกมาเป็นข้อๆดังต่อไปนี้ เพื่อให้คุณนั้นนำไปใช้ประกอบกับแผนการเทรด forex ของคุณให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

1.เลือกซื้อโปรแกรมช่วยเทรด

อันดับแรกเลยคือ เราสามารถเข้าไปค้นหาโปรแกรมที่สามารถช่วยให้การเทรด forex ของเรานั้นมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น โดยเจ้าตัวโปรแกรมดังกล่าวนี้นั้น อาจเป็นโปรแกรม Auto Pilot หรืออาจเป็น forex pro เป็นต้น ซึ่งหากเราชอบโปรแกรมช่วยเทรดตัวใด ก็สามารถอ่านและศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากการรีวิวของโปรแกรมตัวนั้นๆ



2.เลือก Copy Trading ที่น่าสนใจ

หลายๆคนที่มีความสามารถในการเทรด forex ก็มักจะทำการแบ่งปันประสบการณ์ หรือว่าเทคนิคการเทรด ให้ออกมาในรูปของ AI ส่งผลให้เรานั้น สามารถที่จะทำการ Copy Trading ตามได้ แน่นอนว่าเราจะทำกำไรไปพร้อมๆกับนักเทรด forex มืออาชีพเหล่านั้นครับ

คุณสามารถเลือก Trading Signals(สัญญาณซื้อขาย MQL5 ) ตามที่มีอยู่ทั้งแบบฟรีและแบบขาย โดย MQL5 จะมีการจัดอันดับผลงานที่ดีและสถิติต่างๆให้เราได้วิเคราะห์ ซึ่งเราจะสามารถทำกำไรได้ง่ายๆ จากความสามรถของผู้เทรดมืออาชีพ



3.เลือก Indicator ดีๆเพื่อการใช้งาน

นอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้วคุณยังสามารถเลือกหา Indictor ดีๆ เพื่อการใช้งานได้มากมาย และทุกตัวนั้น สามารถเลือกดาวน์โหลดมาเพื่อทำการทดสอบกับโปรแกรม MT4 หรือว่า MT5 ได้ด้วย ดังนั้นหากคุณต้องการหาตัวช่วยเด็ดๆที่เกี่ยวกับอินดี้แล้ว ต้องไม่ลืม MQL5.com นะครับ

3.MQL5 กับการหารายได้
จากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณเป็นเทพด้านการเทรด forex ผมแนะนำว่าการเลือกใช้ เว็บไซต์ MQL5.com สามารถช่วยให้คุณนั้นทำเงินจากการเทรด forex ได้ไม่น้อยไปกว่าการเทรด forex โดยตรงเลยทีเดียวนะครับ โดยการเก็บผลงานสัก 3 เดือนขึ้นไป จากนั้นก็ปล่อยสัญญาณการเทรดของเราเพื่อให้ผู้คนติดตาม copy การเทรดของเรา และเราก็เก็บค่าติดตามเป็นรายเดือน เป็นต้น



โดยสรุปแล้ว MQL5.com ก็ถือเป็นเว็บไซต์ที่ให้ประโยชน์อย่างมากแก่ผู้ที่ต้องการฝึกการเทรด หรือต้องการทำ copy trading หรือยิ่งถ้าคุณนั้นมีทักษะในการเทรดอยู่แล้วคุณอาจออกTrading Signals ของตัวท่านเอง เพื่อให้คนอื่นๆนั้น copy การเทรดตามด้วยก็ได้ครับ

https://www.youtube.com/watch?v=JdYepbC6wF8

127
วันนี้ exness-free ขอนำเสนอเรื่อง forex MOVING AVERAGE คืออะไร ใช้อย่างไร

ประโยชน์ของการใช้ MOVING AVERAGE

ประโยชน์ของการใช้ MOVING AVERAGE นั้นมีมาก และสามารถพิจารณาออกมาได้เป็นดังต่อไปนี้ครับ กล่าวคือ

1.ใช้บอกว่าเทรนด์ของกราฟนั้นเป็นไปในทิศทางใด ซึ่งก็ดูกันแบบง่ายๆเลย คือดูความชันของเส้นค่าเฉลี่ยที่เราสร้างขึ้นมา เพื่อหาแนวโน้มเทรนไลน์ง่ายๆ

2.ใช้สำหรับบอกแนวรับ แนวต้านของราคาได้ ปกติแล้วเส้น MOVING AVERAGE สามารถช่วยบอกจุดแนวรับ และแนวต้านของราคาได้ดีมากๆ เช่น เราใช้เส้น MOVING AVERAGE แบบค่าเฉลี่ย 100 วัน พอได้เส้นมา เราสามารถบอกได้ดังนี้  หากกราฟยืนอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 100 วัน เจ้าเส้นนี้จะกลายเป็นแนวรับสำคัญ ซึ่งอาจเป็นจุดสัญญาณซื้อขายได้ หรือหากกราฟอยู่ภายใต้เส้นค่าเฉลี่ย 100 วัน ก็อาจหมายถึง มันมีแนวต้านอยู่ที่เส้น ทำให้เราสามารถใช้ประกอบการตัดสินใจเปิดสัญญาเพื่อเทรด forex ได้ง่ายยิ่งขึ้น

3.ช่วยหาจุดเข้าในการซื้อ จริงๆแล้วเส้น MOVING AVERAGE อาจไม่ได้ช่วยขนาดชัดเจน 100% คุณจำเป็นต้องเลือกใช้อินดี้อื่นๆประกอบการตัดสินใจด้วย โดย ปกตินั้นเราจะดูการตัดกันของกราฟ MOVING AVERAGE แบบ Simple และ Exponential ประกอบ หากมีการตัดกันของกราฟแปลว่าเกิดสัญญาณในการซื้อหรือขายแล้ว

ประเภทของ MOVING AVERAGE

1.แบบ Simple MOVING AVERAGE

แบบแรกนั้นเป็นการใช้รูปแบบการหาค่าเฉลี่ยอย่างง่ายๆ โดยการเอาราคามาหารกับจำนวนวันเพื่อหาค่าเฉลี่ย ตัวนี้จะมีความแม่นยำสูง ถ้ากราฟสามารถบอกเทรนได้อย่างชัดเจน ว่าเป็น ขาขึ้น หรือขาลง

2.แบบ Exponential MOVING AVERAGE

สำหรับการใช้เส้น EMA ตัวนี้นั้นจะสามารถบอกจุดสำคัญของการเข้ากราฟได้ถ้าใช้คู่กับ SMA ข้างบน โดยการดูสิ่ Death Cross หรือว่า Gloden Cross เป็นต้น

สรุปแล้วตัวอินดี้อย่าง MOVING AVERAGE ถือเป็นอีกหนึ่งตัวที่หลายๆคนนั้นเลือกนำมาใช้ในการทำนายราคาของคู่เงินที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และหมายความรวมถึงอื่นด้วยนะครับ เช่น การเทรด option เป็นต้น

MOVING AVERAGE คืออะไร

ถ้าจะให้กล่าวว่าตัวอินดี้อะไรที่มีกรใช้กันมากที่สุดแล้ว ผมบอกเลยตัวนั้นต้องมี MOVING AVERAGE เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน และแม้ในปัจจุบันการใช้ MOVING AVERAGE ก็ยังสามารถช่วยในการทำนายราคาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ทำให้คุณนั้นสามารถเทรด forex และทำกำไรได้ สำหรับบทความนี้ ผมจะพาคุณไปทำความรู้จักกับ MOVING AVERAGE ให้มากยิ่งขึ้นกันครับ

MOVING AVERAGE คืออะไร

ถ้าคุณคิดว่าบทความนี้จะออกแนววิชาการ คงไม่ใช่แล้วครับ ผมจะพูดถึงเรื่องเหล่านี้อย่างง่ายๆและเน้นไปที่การปฏิบัติเป็นหลัก สำหรับ MOVING AVERAGE นั้นคือ เส้นของค่าเฉลี่ยของราคาเงินที่ปรากฏในกราฟ forex นั่นเอง โดยปกติ หากเราดูแต่กราฟแท่งเทียน อาจเกิดความสับสนในการวิเคราะห์ได้ เพราะฉะนั้นการใช้ MOVING AVERAGE จะช่วยลดความสับสนที่จะเกิดขึ้นในการเทรดได้นั่นเอง คุณสามารถเลือกกำหนดค่า MOVING AVERAGE แบบ 20 วัน  50 วัน 100 วัน ได้ทั้งสิ้น

เรามาดูวิธีการใช้กันเลย
1 . ใช้เพื่อดูแนวรับแนวต้าน(Support And Resistance)
การดูแนวรับแนวต้านเราจะดูที่ช่วงเวลา( Time Frame ) ใหญ่ๆ เพราะที่ช่วง TF ใหญ่ๆจะให้ค่าที่ค่อนข้างแม่นพอสมควร
เมื่อราคาวิ่งผ่าน EMA ไปแล้ว โดยส่วนใหญ่ มันจะวิ่งกลับมาหาเส้นที่มันทะลุอีกครั้งเพื่อทดสอบแนวรับแนวต้าน
ดูรูปประกอบด้านล่าง

จากรูปด้านบน เป็นกราฟ Daily ของ USD/JPY
สีน้ำเงิน เป็น เส้น EMA 5
สีแดง เป็น เส้น EMA 21
สีดำ เป็น เส้น EMA 55
สีส้ม เป็น เส้น EMA 110
สีน้ำตาลเป็น เส้น EMA 200

จากรูปด้านบนเราจะเห็นว่า เมื่อราคาได้ทะลุเส้น EMA แล้วมักจะกลับมาทดสอบอีกครั้ง ลองดูง่ายๆนะครับ เราจะเห็นกราฟ ยูเจ เป็นช่วงขาลง
และราคาได้ปรับตัวขึ้นไป เส้นแนวต้านเส้นแรกก็คือ EMA 5 ถ้าทะลุ เส้นนี้ก็ไป EMA 21 ถ้าทะลุ 21 ก็ไปหาเส้น 55 ถ้าทะลุก็ไปต่อเรื่อยๆ
เส้น EMA 200 จะเป็นแนวรับแนวต้านที่แข็งแกร่งมาก ถ้าทะลุไปก็คือเปลี่ยนแนวโน้มทันที ห้ามสวนเทรน เราอาจจะใช้ เส้น EMA 200 เพื่อบอกเทรนก็ได้
เราสามารถประยุกต์ EMA นี้ ได้กับ ทุก Time Frame เพื่อทำกำไรในตลาดฟอเร็ก

2. เราจะใช้ EMA เพื่อบอกแนวโน้ม ดังรูปด้านล่าง

EMA สามารถบอกแนวโน้มเราได้ ว่าขณะนี้เป็น เทรนขึ้นหรือลง
แนวโน้มขั้น ( Up Trend) จะเป็นแนวโน้มขึ้นก็ต่อเมื่อ ราคาได้ทะลุ EMA ทุกเส้นขึ้นไปทั้งหมด และราคาปิดสามารถอยู่เหนือ EMA
(การดูแนวโน้ม ให้ดูที่กราฟ สี่ชั่วโมงขึ้นไป เพราะกราฟใหญ่ๆจะไม่หลอกเรา )
แนวโน้มลง (Down Trend ) จะเป็นแนวโน้มลงก็ต่อเมื่อ ราคาได้ทะลุ EMA ทุกเส้นลงมาทั้งหมด และราคาปิดอยู่ใต้เส้น EMA

3.ใช้ Confirm สัญญาณการเข้า-ออก เราสามารถใช้ EMA ในการซื้อขาย ได้ หลักการดูก็คือ ดูการตัดกันของ EMA โดยเริ่มจาก EMA ที่มีค่าน้อยตัด EMA ค่ามาก
เช่น EMA 5 ตัดกับ EMA 20 ตัดขึ้นไป เราก็เข้าซื้อ BUY/LONG หรือ EMA 5 ตัดกับ EMA 20 ตัดลงมาก เราก็เข้าขาย Sell/Short ดูตัวอย่างจากรูปด้านล่าง
จากรูป ดูที่ขอบด้านซ้าย EMA 5 เริ่มตัด เส้นEMA 21 นั้นเป็นสัญญาณบอกแล้วว่า แนวโน้มได้เริ่มเปลี่ยนไปแล้ว และ เส้น EMA 5 ก็ทะลุเส้น EMA 21 , 55 ,100 ,200
เราก็คาดการณ์ได้เลย ว่าเป็นแนวโน้มลงแน่นอน สังเกตุที่แท่งเทียน แท่งเทียนได้ทะลุ EMA 5 ลงมาแล้ว และมันก็กลับไปเทสที่ตัวมันเองอีกครั้งแต่ไม่ผ่าน แล้ว
ราคาก็ไต่ระดับลงมาอีกแล้วก็กลับไปทดสอบเส้น EMA 5 และ EMA 21 กราฟแบบนี้สวยมาก เป็นการลงต่อเนื่อง ไม่สามารถทะลุ EMA ที่มีค่าน้อยๆไปได้ นั่นหมายความว่า
ราคายังจะลงต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าเส้น EMA 5 จะทะลุเส้น EMA 21 ขึ้นไป เราจึงมองว่ามันเป็นขาขึ้น อย่าสวนเทรนกันเด็ดขาด

เมื่อเรารู้แล้วว่าแนวโน้มใหญ่ไปทางไหน ขึ้นหรือลง เราก็มามองหาราคาที่เราจะเปิดออเดอร์ เราควรหาราคาเข้าที่ Time Frame เล็กๆ
เมื่อแนวโน้มของ Time Frame เล็กๆ ตรงกับ แนวโน้มของ Time Frame ใหญ่ เราจึงเปิดออเดอร์ ... ขอให้ทุกท่านโชคดี ครับ


Moving Average คือเส้นเฉลี่ยการเคลื่อนที่ซึ่งคำนวณมาจากราคาในแต่ละช่วงแล้วนำมาหาค่า เฉลี่ย
การใช้ Moving Average ในการทำกำไร เราจะใช้กับตลาดที่สามารถบอกเทรนได้ ไม่สามารถใช้กับตลาดที่ผันผวนมากๆแกว่งไปแกว่งมา ( Side way)
Moving Average ให้สัญญาณที่ช้า แต่ถ้าเราดูเป็นก็สามารถใช้มันในการเกร็งกำไรได้อย่างง่ายดาย
ประโยชน์ Moving Average
1. ใช้เป็นเส้นแนวรับแนวต้านได้
2. ใช้เพื่อดูแนวโน้ม
3. ใช้ Confirm สัญญาณการเข้าออก
Moving Average ที่่ใช้กันทั่วไป ใช้ แบบ Simple และ Exponential เรียกสั้นๆ ว่า SMA และ EMA
ผมจะยกตัวอย่าง Moving Average ที่ผมใช้ในการเกร็งกำไรนะครับ
Moving Averageที่ผมใช้เป็น แบบ Exponential มีค่า Period 5 , 21 , 55 , 110 และ 200 วัน ทำไมผมจึงเลือกใช้ Exponential ก็เพราะว่า EMA จะให้ค่าที่แม่นตรงกว่า SMA

128
ใกล้บ่ายสองกันล่ะ สำหรับใครที่ว่างๆ จะมาแช์ประสบการณ์ก็ได้นะครับ วันนี้มาดูเรื่องforex Money Management คืออะไร ใช้อย่างไร

Money Management กับ forex

หากคุณจะประยุกต์ใช้หลักการของ Money Management เข้ากับการเทรด forex แล้ว ลองนำแนวทางด้านล่างนี้ไปใช้ดูนะครับ

        1.ถ้าคุณมีทุนเทรด forex ที่ 100,000 บาท จง Deposit เงินที่ 50% ของทุนทั้งหมด หรือ 50,000 บาท

        2.เมื่อเทรดจนเท่าทุนแล้ว จะต้องถอนส่วนทุนออกทันที โดยไม่ต้องสนใจ Bonus ในครั้งแรก

        3.หากเทรดผิดติดต่อกันเกินกว่า 4 ครั้งใน 1 วัน จะต้องหยุดเทรด forex ทันทีและทบทวน MM ใหม่

        4.ตั้งเป้าเลยว่า Profit ต่อวันคือเท่าใด เช่น 3-5% ของเงินทุน (ปลอดภัยมาก)

        5.ตั้งเป้าเลยว่าจะ Cut loss เมื่อขาดทุนต่อตาคือ 3% (ปลอดภัยมากเช่นกัน)

ข้อดีของการมี Money Management

ถ้าคุณนำหลักการ 5 ข้อข้างบนนี้ไปใช้ สิ่งที่คุณจะได้รับจากการทำ Money Management คือ คุณสามารถเทรด forex ได้อย่างปลอดภัย และโอกาสน้อยมากครับที่จะเกิดการล้างพอร์ต (จริงๆแล้วมันจะไม่เกิดขึ้นเลย) ดังนั้นคุณคงไม่ต้องการให้สิ่งนี้เกิดคุณอยู่แล้ว จงใช้ Money Management เข้ามาช่วยในการเทรด forex ของคุณนะครับ

ข้อเสียของการไม่ทำ Money Management

สำหรับข้อเสียของการไม่วาง Money Management ไว้ คือ คุณจะไม่มีแนวทางในการเทรดและทำกำไรจากตลาด forex อย่างถูกต้อง แน่นอนว่าคุณอาจได้กำไร แต่เมื่อถึงตาที่คุณเสีย คุณจะขาดแผนการรับรองที่ดี และในที่สุดคุณก็จะขาดทุนนั่นเอง

Money Management คืออะไร

กฎ 3 ข้อที่สำคัญมากต่อการเทรด forex คือ กลยุทธ์, Money Management, และจิตวิทยาการลงทุน ในบทความนี้ ผมต้องการเจาะลึกลงไปที่คำว่า Money Management ซึ่งไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ชอบคำนี้ก็ตาม การพัฒนาตนเองจนกลายเป็น trader forex มืออาชีพ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ Money Management ดังนั้นมาทำความเข้าใจไปพร้อมๆกันกับ Money Management ครับ

Money Management คืออะไร

Money Management หากเขียนเป็นคำไทย น่าจะหมายถึงการบริหารจัดการเงินทุนของคุณ สำหรับการเทรด forex บางทีแล้วคุณอาจได้เห็นเป็นตัวอักษรย่อ เช่น MM ซึ่งก็คือความหมายเดียวกันครับ จริงๆแล้วเรื่องนี้เพิ่งมามีความสำคัญเมื่อไม่นานมานี้เอง อันสืบเนื่องมาจากนักเทรดทุกคนพบความจริงว่า เมื่อระยะเวลาผ่านไปไม่นานกำไรที่เคยได้มาจากการเทรดหุ้นมันหายไป ซึ่งทำให้แนวคิดเรื่องของ Money Management เกิดขึ้นมาอีกครั้ง

วิธีการทำ Money Management

การทำ Money Management คือการวางแนวทางในการบริหารเงินทุนของคุณ โดยมีการกำหนดในส่วนของ กำไร ว่าต้องการที่เท่าใด หรือการขาดทุนว่าเราจะ cut loss ที่ตรงไหนอย่างไร การวางเงินในแต่ละคำสั่ง หรือการเปิด Lot เป็นต้น ทั้งหมดนี้ ถือว่าเป็นเรื่องของ Money Management ทั้งสิ้น

สูตรในการคำนวณ Lot Size
Lotsize = Risk x Balance/(#Ofpip x Pipvalues)
ค่าแทนสูตร
Risk        : ความเสี่ยงที่ตั้งไว้
Lotsize   : ขนาด Lot ที่จะเปิดจากการคำนวณ
Balance  : เงินทุนของเรา
#Ofpip   : จำนวน Pips + กำไรหรือ – ขาดทุน ที่ตั้งไว้
 Pipvalue : มูลค่า ของ 1 Pips ต่อ 1 standard lot
ถ้ากำหนด Risk เท่ากัน 3% และ Balance $3000 จะต้องเปิด Lot size เท่าไหร่
Lot size =(0.03 x 3000)/(30 x 10) =0.3 lot size
มีเงินทุนอยู่ $3000 เทรด 0.3 lot จุดละ $3 จะมีช่วงให้ราคา บวก หรือ ลบ อยู่ที่  1000 Pips ค่าเฉลี่ยของ EUR/USD วิ่งอยู่ประมาณ 70-150 Pips ต่อวัน จะเห็นได้ว่า การใช้ MM นั้นทำให้พอจะมีเวลาในการตัดสินใจแก้ปัญหา หรือปล่อยให้ TP หรือ SL ตามระบบได้ง่ายกว่า ต่อไปจะเป็นประโยชน์ ของการกำหนดความเสี่ยง Risk ที่3% มีประโยชน์อย่างไร



จากรูปจะสังเกตว่า เทรดที่ Risk เท่าเดิมแต่ สิ่งที่เพิ่มขึ้นคือ Balance, Lot size, Value per pip, Value per 30 pips จะเห็นการเพิ่มขึ้นของ Balance, Lot size, Value per pips และValues per 30 pips จะมีลักษณะเป็น พีระมิด คือ เริ่มต้นที่ยอดฐานเล็กแล้วฐานค่อยๆ ขยายขึ้นเรื่อยๆ นั่นหมายความว่า ถ้าเทรดที่ Risk 3% เหมือนเดิม แต่ Balance หรือ พอร์ตขยายตัวเพิ่มขึ้นโดยที่ความเสี่ยงไม่ได้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย



คราวนี้จะมาดูว่า ถ้าเทรดเสีย 10 ครั้งติดต่อกัน พอร์ตจะเป็นอย่างไร



จากรูปจะเห็นว่า ถึงจะเสียติดต่อกัน 10 ครั้ง ก็ไม่ทำให้ล้างพอร์ตได้ ถ้าอยากลดความเสียงลง ก็สามารถ Risk ลงไปที่ 2% 1% หรือ 0.5% ได้
ต่อไปนี้จะเป็นกรณีที่ เทรดได้ติดต่อกัน





จากรูปแสดงให้เห็นว่า ด้วยความเสียงที่เท่ากัน กำไรก็จะได้เท่ากับที่เสียเช่นกัน ถ้าหากอัตราการเทรดชนะมากกว่า 50% ก็จะทำให้พอร์ตขยายมากขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นที่พอใจแน่นอน

Money Management (MM)
Money Management หมายถึงการบริหารจัดการเงินทุน จะมีผลโดยตรงต่อการเทรด ซึ่งการบริหารจัดการเงินทุน จะช่วยให้สามารถบริหารพอร์ตได้อย่างมีระบบ หาก Trader ทำการเทรดโดยที่ดูเพียงแต่กำไร ไม่ดูว่าหากเสียพอร์ต หรือเงินทุนจะลดลงเท่าไหร่ แล้วจะต้องทำเท่าไหร่พอร์ตจะกลับมาเหมือนเดิม Trader จำนวนมากได้กำไรมาหลายครั้งแต่กลับเสียครั้งเดียวใน 1 Order หมดพอร์ตเพราะความโลภ แสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าจะเทรดเก่งแค่ไหนหากเทรดโดยไม่ใช้หลักการ MM ก็จะล้างพอร์ตได้ในเวลาไม่นาน ในการเทรดถ้าหากไม่มีระบบการเทรด ก็ไม่ต่างจาก การเล่นพนันในคาซิโน แต่ถ้าหากใช้หลักการ MM ไม่ว่าจะเทรดเสียติดต่อกัน เป็นสิบครั้งก็ไม่ทำให้ล้างพอร์ตได้ ในพอร์ตอาจจะลดลงแค่ 10-20% ซึ่งขึ้นอยู่กับการออกแบบ MM ของแต่ละคน ยกตัวอย่าง  ในตอนเทรด ผลรวมของ Pips ในพอร์ตเป็นบวก แต่Balance เป็น 0 มีความหมายว่าอย่างไร?  หมายความว่า การวิเคราะห์การเข้าเทรดมีความแม่นยำแต่ สิ่งที่ขาดคือการบริหารจักหารเงินทุน MM ต่อไปนี้จะเป็นการอธิบายหลักการเบื้องต้นของ Money Management

หลักการเบื้องต้นของ Money Management

        ตัวอย่างที่ 1: หากมีเงินทุนอยู่ $2000 เสียไป $200 เหลือเงิน $1800 ขาดทุนไป 10% ถ้าอยากให้ Balance กลับมาเท่าเดิมที่ $2000 จะต้องทำกำไรกลับมา 11%
        ตัวอย่างที่ 2: หากมี Balance อยู่ $2000 ถ้าเสียไป 50% จะเหลือเงินทุน $1000 แล้วจะทำให้พอร์ตกลับมาที่ $2000 จะต้องทำกำไร100%
        ตัวอย่างที่ 3: หากมี Balance อยู่ $2000 เทรดเสียไป 90% เหลือ Balance $200 ถ้าหากอยากให้พอร์ตกลับมาเป็น $2000 จะต้องทำกำไรให้ได้900%
Chart ด้านล่างจะแสดงให้เห็นตัวอย่างแบบง่ายๆเพื่อความเข้าใจ



                จากรูปจะเห็นว่าการ loss กับการทำกำไรกลับมานั้น มีความแตกต่างกันมากขนาดไหน คราวนี้จะมาดูว่า จะใช้ Money Management อย่างไรได้บ้าง ยกตัวอย่าง Trader ที่ใช้ Money Management ในการเทรดจะใช้ Risk เพียง 3% เท่านั้น และ Trader ของธนาคาร เทรด Risk ที่ 0.5-1% แสดงให้เห็นว่าการเทรดโดยใช้Risk ที่ 100% ทำให้มีความเสี่ยงที่จะล้างพอร์ตได้

129
มาต่อกันด้วยเรื่อง forex Momentum moving averages คืออะไร ใช้อย่างไร

Momentum moving averages คืออะไร
บทความนี้จะมีนำเสนอ Set up สาย Swing trade ที่มีความเป็น Momentum ด้วย โดยใช้เส้นค่าเฉลี่ย 2 เส้นในการเทรด คือ 5 วัน และ 20 วัน

 

เงื่อนไขการเปิด Long

เส้นค่าเฉลี่ย 5 วัน ต้องอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 20 วัน
จังหวะที่ราคาลงมาปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันเป็นวันแรก นั้นเป็นสัญญาณให้เตรียมตัวเข้าเทรด
ถ้ากลับมาปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 วัน ภายใน 3 วัน ให้เปิด Long ที่ “ราคาเปิด” ของแท่งถัดมา แต่เลย 3 วันให้ยกเลิกออเดอร์นั้นออกไป
ตั้ง Stop loss ที่ Low ของแท่งก่อนที่จะเปิด Long
ถ้าถูกทางให้ขยับ Trailing stop ขึ้นมา
 

GBP/USD – Long

เส้นค่าเฉลี่ย 5 วัน เคลื่อนไหวสูงกว่า เส้นค่าเฉลี่ย 20 วัน
ราคากลับลงไปต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 5 วัน 2 วัน และกลับขึ้นมาเหนือเส้นดังกล่าว
เปิด Long ที่ราคา Open ของแท่งถัดมา
ตั้ง Stop loss ที่ Low ของแท่งก่อนที่เข้า
 

ส่วนฝั่ง Short ก็ต้องกันข้ามกับฝั่ง Long

 

       GBP/USD – Short

เส้นค่าเฉลี่ย 5 วัน เคลื่อนไหวต่ำกว่า เส้นค่าเฉลี่ย 20 วัน
ราคากลับขึ้นไปเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 วัน 1 วัน และกลับลงมาต่ำกว่าเส้นดังกล่าว
เปิด Short ที่ราคา Open ของแท่งถัดมา
ตั้ง Stop loss ที่ High ของแท่งก่อนที่เข้า
Set up นี้เป็น Set up ที่ค่อนข้างเข้าใจง่าย แต่ประสิทธิภาพการใช้งานค่อนข้างเลยทีเดียว เป็นการเทรดตามแนวโน้มหลัก อาศัยจังหวะที่ราคาย่อตัวระยะสั้น แล้วรอยืนยันการขึ้นตามทิศทางหลัก ซึ่งปกติการทำกำไรของรูปแบบนี้จะไม่เกิน 5-6 วัน

130
ฤกษ์งามยามดีที่เราจะเรียนรู้เกี่ยวกับ forex Minor currency pairs (คู่เงินรอง) คืออะไร ใช้อย่างไร

คู่เงินรองสำคัญอย่างไร
ความสำคัญของคู่เงินรองในตลาด Forex นั้น การ Trade คู่เงินรองจะเป็นเหมือนกับตัวเลือกสำหรับนักลงทุนมือใหม่ และนักลงทุนมือสมัครเล่น เพราะหากส่งผลเสียมา คู่เงินรอง จะมีผลต่างระหว่างการได้กำไรและการขาดทุนน้อยกว่าคู่เงินหลักนั่นเอง แต่อาจจะไม่เสมอไป เพราะเป็นคู่เงินที่มีความผันผวนง่าย และมีอิทธิพลกับสกุลเงินอื่นๆ น้อย ซึ่งไม่เหมาะกับการลงทุน

ข้อดีของคู่เงินรอง
การ Trad คู่เงินรองนั้น มีผลดีตรงที่สามารถใช้ได้ในตลาดเฉพาะ เพราะบางตลาดได้กำหนดคู่เงินรองในการลงทุนไว้ และคู่เงินรองจะเปรียบเหมือนเอกลักษณ์ของแต่และตลาดด้วย ซึ่งจะต้องทำการศึกษาหาข้อมูลการลงทุนในคู่เงินรอง โดยเฉพาะความผันผวนของสกุลเงินนั้นๆ ให้เป็นอย่างดีก่อนที่จะลงทุนนะครับ



การเลือกคู่เงินรอง
การเลือกคู่เงินรองนั้น จำเป็นต้องตรวจสอบที่ตลาดที่ต้องการลงทุนเสียก่อน ว่ามีสกุลเงินใดบ้าง จากนั้นก็ดูแนวโน้มของสกุลเงินต่างๆ ว่ามีแนวโน้มที่จะได้กำไร หรือขาดทุนมากกว่ากัน ทั้งนี้เพราะ หากเราเลือก Trade คู่เงินรองตามความชอบอย่างเดียวอาจจะส่งผลเสียในอนาคตก็เป็นได้ ทั้งนี้จะต้องทำการวิเคราะห์ความผันผวนของสกุลเงินต่างๆ ให้ดีเสียก่อน

จากบทความนี้ ทุกท่านคงจะรู้กันแล้วว่า คู่เงินรองคู่อะไร มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร และมีความสำคัญแค่ไหน สำหรับในตลาดForex นั้น การ Trade คู่เงินรองถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเปรียบเสมือนบทเรียนบทแรกของนักลงทุนมือใหม่ เพื่อเป็นการซ้อมความเข้าใจหลักการลงทุนและการวิเคราะห์ผล ก่อนที่จะเริ่มลงทุนอย่างจริงจัง โดยเลือกลงทุนโดยใช้คู่เงินหลัก แทนคู่เงินรองนั่นเอง

Minor currency pairs (คู่เงินรอง) คืออะไร
นอกจาก Trade คู่เงินหลักในตลาด Forex แล้ว คู่เงินอีกแบบหนึ่งก็คือ คู่เงินรอง ซึ่งถือเป็นคู่เงินที่ไม่ค่อยได้รับความนิยม เนื่องจากมีความผันผวนง่าย และเมื่อจับคู่กัน จะมีอิทธิพลต่อสกุลเงินอื่นๆ น้อย แต่เพื่อการเป็นนักลงทุนที่ดี จำเป็นต้องมีความรู้รอบด้าน อันจะเป็นเครื่องประกันผลตอบแทนที่ดีอย่างยั่งยืน คุณจึงควรรู้จักกับคู่เงินรองไว้บ้าง  ดังนั้นเพื่อประโยชน์ต่อนักลงทุนเอง  เราจึงได้นำความรู้เกี่ยวกับคู่เงินรองมาฝากกัน ดังนี้

ทำความเข้าใจความหมายของคู่เงินรอง
ในตลาด Forex นั้น คู่เงินรองเป็น คู่เงินที่ไม่ค่อยนิยมใช้ในการลงทุน แต่จะใช้กันบ้างในบางครั้งบางคราว เพราะค่าเงินมีความผันผวน และไม่ค่อยมีอิทธิพลต่อเงินอีกสกุลหนึ่ง เหมือนกับคู่เงินหลัก Trade คู่เงินรองนั้น อาจจะเป็นเพียงองค์ประกอบของตลาด Forex เท่านั้น นอกจากนี้ในการเลือกคู่เงินรอง ต้องทำการศึกษาการผันผวนของตลาดก่อนให้ดี

ซึ่งโดยความหมายทางการ Trad Forex นั้น คู่สกุลเงินรอง (Minor Currency Pairs) คือการจับคู่ระหว่างสกุลเงินที่ถูกซื้อขายแลกเปลี่ยนกันอย่างแพร่หลาย ยกเว้นดอลล่าร์สหรัฐ โดยสกุลเงินหลักของคู่สกุลเงินรองที่มักใช้จับคู่กับสกุลเงินอื่นๆคือ สกุลเงิน EUR (Euro zone), JPY(Japan), GBP(United Kingdom)  แต่อาจจะเป็นการจับคู่ระหว่างสกุลเงินที่ถูกใช้ซื้อขายแลกเปลี่ยนหลักๆสกุลอื่นก็ได้ อย่าง AUD/CHF ที่เป็นการจับคู่สกุลเงินระหว่าง Australia / Switzerland หรือ NZD/CADที่เป็นการจับคู่สกุลเงินระหว่าง New Zealand / Canada



131
forex Market Maker คืออะไร ใช้อย่างไร

ประโยชน์ของ Market Maker

ช่วยให้ตลาดมีการเคลื่อนไหวและช่วยให้เกิดการซื้อขายกัน ทำให้ผู้ซื้อ หรือผู้ขายสามารถทำกำไรจากตลาดแห่งนี้ได้ แต่แน่นนอนว่าไม่ใช่ทุกครั้งที่จะสามารถทำลักษณะนี้ได้นะครับ เพราะอาจเข้าข่ายในลักษณะของการปั่นหุ้นนั่นเอง

คุณสามารถเป็น Market Maker ได้อย่างไรบ้าง

ถ้าคุณต้องการเป็น Market Maker สิ่งสำคัญที่สุดคือ คุณจะต้องมีเงินทุนมากเสียหน่อย เพราะการมีเงินทุนที่มาก จะสามารถช่วยให้คุณกำหนดตลาดได้อย่างไม่ยากนักนั่นเอง และทำให้ราคาของตลาดอยู่ในระดับที่สมเหตุผลไม่มีใครเข้ามาทำการปั่นราคาแข่งกับคุณได้

ดังนั้นผมอาจสรุปเอาแบบง่ายๆเลยว่าเจ้า Market Maker นั้นก็มีลักษณะเหมือนหรือคล้ายๆกับคนที่เป็นเจ้า ในการปั่นหุ้นนั่นเอง เพราะคนที่จะเป็น Market Maker ได้อาจจะต้องมีทุนที่ค่อนข้างหนาเสียหน่อย จึงจะสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ แต่สำหรับคนทั่วๆไปแล้ว การเป็น Market Maker อาจเป็นสิ่งที่ยาก และค่อนข้างไกลตัวเสียมากกว่า แต่อย่างน้อยคุณก็รู้แล้วว่าในตลาด forex และทุกๆตลาดเทรดนั้นต่างมีMarket Maker ทั้งสิ้น

Market Maker คืออะไร

คำศัพท์ที่น่าสนใจมากๆ คำต่อมาคือคำว่า Market Maker สำหรับคำนี้นั้นหมายถึงอะไร และเกี่ยวข้องอย่างไรกับตลาด forex ในความคิดของผู้เขียนนั้นถือว่าถ้าราคาตัวใดไม่มี Market Maker คอยดูแลอยู่แล้ว อาจทำให้เมื่อเราทำการเทรด forex ตามสูตร รูปแบบของรายการอาจไม่เป็นไปตามสูตรที่ว่านั้นก็ได้  ดังนั้นตลาด forex กับ Market Maker จึงกลายเป็นของคู่กัน

Market Maker คืออะไร

คำถามแรกคือ Market Maker คืออะไร คำตอบที่น่าสนใจมากที่สุดของ Market Maker คือคนที่เข้าไปช่วยให้ตลาดมีสภาพคล่องมากขึ้นไม่อืด หรือเงียบเป็นป่าช้า และช่วยให้ราคาที่เคลื่อนไหวอยู่นั้นเป็นกรอบราคาที่มีความสมเหตุสมผล ไม่ใช่การเคลื่อนไหวของราคาที่มีการปั่น ซึ่งเกิดจากพวกนักปั่นหุ้นนั่นเอง

หน้าที่ของ Market Maker

1.ทำให้ราคาค่าเงินตัวนั้นมีการ bid และมีการ offer อยู่บ้าง

การทำแบบนี้ช่วยให้รายย่อยๆนั้นสามารถมองเห็นมูลค่าของการซื้อขายได้อย่างไม่ยากนัก และในที่สุดก็สามารถซื้อขายได้ เกิดการซื้อขายขึ้น ซึ่งถ้าไม่เข้าไปทำเหตุการณ์ลักษณะนี้ตลาดก็จะเกิดความเงียบ หรือว่าไม่น่าสนใจ ทำให้ราคาของคู่เงิน หรือหุ้นนั้นๆไม่เกิดการแกว่งตัว

2.ช่วยเสริมสภาพคล่องของตลาด

เมื่อตลาดเกิดความเงียบมากเกินไป Market Maker ก็จะเข้าไปทำการซื้อขายเพื่อให้ตลาดมีสิ่งที่เรียกว่า Volume ปรากฏขึ้นมา จนในที่สุดก็สามารถกระตุ้นให้เกิดการซื้อหรือการขายขึ้นในตลาดนั่นเอง จริงๆแล้วการทำแบบนี้อาจมีการใกล้เคียงกับการปั่นหุ้น แต่สิ่งที่แตกต่างคือเรื่องของเจตนาของ Market Maker นั่นเอง

132
วันนี้เรามาดูกันกับเรื่อง forex Margin, used margin, available margin คืออะไร ใช้อย่างไร

Available margin คืออะไร
Available margin มีความหมายคล้ายกันกับ used margin เพราะเป็นเงินทุนเหมือนกัน แต่ available margin จะเป็น margin ที่คงเหลือ และยังไม่ได้ใช้ในการเปิดออร์เดอร์สำหรับเทรด Forex ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนจะต้องทำความเข้าใจ เพื่อนำมาวิเคราะห์ และประเมินสถานการณ์ การลงทุน

กล่าวโดยภาพรวมก็คือ : Margin คือ “วงเงินของเรา” จะมี Available Margin= วงเงินคงเหลือที่ใช้ซื้อขายได้, Used Margin= วงเงินที่เราใช้ไป  ซึ่งสูตร -> Available Margin = เงินในบัญชี – Used Margin + Profit

เช่น เมื่อ เริ่มต้นเรามีเงินฟรี $5 ยังไม่ได้เทรด Used Margin เป็น 0 เราก็จะมี Available Margin=5.0 ถ้าเราทำการเทรดซื้อ EUR/USD ไป $1 จะเกิด Used Margin=1.0 และเหลือ Available Margin เกือบ 4.0 (เนื่องจากถูกหักค่า Spread 2 pips เป็นค่าติดลบใน Profit) ถ้าราคาขึ้นไปจนเราได้กำไร +10 point เราจะได้ Profit=0.1 ค่า Available Margin จะเพิ่มเป็น 4.1 point ถ้าราคา + ขึ้นไปเรื่อยๆ เราจะได้ Available Margin เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ในทางกลับกัน ถ้าเราขาดทุน ค่า Profit จะติด – และ Available Margin เราจะลดลงแทน หากเราไม่ตัดขาดทุนจะลดลงไปเรื่อยๆ จน Margin เกือบหมดเราจะถูกปิดโดยอัตโนมัติ เรียกว่า Margin Call โดนไปทีแทบไม่เหลืออะไรเลยครับ หุหุ จึงควรรักษา Margin เอาไว้ให้ดีครับ ^_^



ทำไมถึงต้องใช้ margin ในการลงทุน
หากพูดถึงการลงทุนในตลาด Forex แล้ว ไม่ว่าใครก็ต้องการผลตอบแทนที่ดีและสูงกว่าแน่นอน และหากคุณอยากเป็นหนึ่งคน ที่มียอดขาย และกำไรจากการลงทุนแล้ว margin สามารถช่วยคุณได้ เพราะ marginจะสามารถกู้เงินจากบริษัทมาได้ ซึ่งทั้งสามส่วนนี้ มีความจำเป็นต่อการวิเคราะห์การลงทุน

ประโยชน์ที่ได้จากการใช้ margin
Marginให้ประโยชน์กับนักลงทุนหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นผลตอบแทนที่สูง สามารถทำกำไรได้ตลอดเวลา แม้ว่าช่วงนั้นจะเป็นขาลงก็ตาม  และยังมีดอกเบี้ยเงินกู้ในราคาที่ต่ำมากนั่นเอง จึงทำให้คนเราหันมาลงทุนในส่วนอื่นๆ แทนเพื่อหวังผลกำไรที่มากกว่า อย่างตลาดการลงทุนแลกเปลี่ยนสกุลเงิน

จากบทความนี้ ผู้เขียนเชื่อว่า ผู้อ่านคงจะพอรู้จัก และเข้าใจกับคำว่า margin, used margin, available margin  มากขึ้น  และยังทราบว่า margin นั้น มีข้อดีสำหรับนักลงทุนในตลาด Forex มากเท่าใด และยังเห็นถึงประโยชน์ของการลงทุน โดยใช้ margin อีกด้วย  เพื่อให้ง่ายต่อการวิเคราะห์หลักการ เพื่อการลงทุน

Margin, used margin, available margin คืออะไร



Margin, used margin, available margin คืออะไร
ปัจจุบันนี้ การลงทุน นับว่าเป็นการหารายได้อีกวิธีหนึ่ง ซึ่งไม่ส่งผลต่องานประจำที่ทำอยู่ หลายๆ คนจึงใช้เวลาว่างจากการทำงาน หันมาลงทุนกับตลาดการลงทุน  การลงทุน ในตลาดหุ้น จำเป็นต้องรู้จักกับคำศัพท์หลักๆ ที่นิยมใช้กันบ่อยๆ ในตลาด Forex  เราขอเสนอคำว่า Margin เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า Margin กันเลยดีกว่าครับ

Margin คืออะไร
Margin คืออะไร เชื่อว่า นักเล่นหุ้นมือใหม่ หรือผู้ที่กำลังสนใจในตลาดหุ้น ต้องสงสัยกันแน่นอน ซึ่งคำว่า Margin นี้ หมายถึง กำไรที่ขั้นต้น ที่ได้มาจากส่วนต่างของราคาขายกับราคาซื้อของหุ้น โดยที่ยังไม่ได้หักค่าใช้จ่ายอื่นออกไป ซึ่ง มาร์จิ้นจะมีหน่วยเป็นเปอร์เซ็นต์ เรียกง่ายๆ ว่า margin เป็นเงินทุนที่อยู่ในบัญชี Forex นั่นเอง


Used margin คืออะไร
used margin คือ เงินที่ซื้อค่าเงินแต่ละตัว หรือเรียกง่ายๆว่า เงินทุนนั่นเอง โดยเป็น margin ที่สามารถใช้เปิดออร์เดอร์เทรด ที่กำลังเทรดอยู่ในปัจจุบัน และยังไม่ได้มีการปิดซื้อขาย หรือจำนวนเงินที่ซื้อเพื่อเกร็งกำไรในพอร์ตของเรานั่นเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนต้องทำความเข้าใจ และนำมาร่วมวิเคราะห์หลักการไปด้วย เพื่อการลงทุนที่ดี

คำถาม: Margin คืออะไร?

คำตอบ: คือวงเงินของเรา จะมี Available Margin= วงเงินคงเหลือที่ใช้ซื้อขายได้, Used Margin= วงเงินที่เราใช้ไป
สูตร -> Available Margin = เงินในบัญชี - Used Margin + Profit
เมื่อ เริ่มต้นเรามีเงินฟรี $5 ยังไม่ได้เทรด Used Margin เป็น 0 เราก็จะมี Available Margin=5.0 ถ้าเราทำการเทรดซื้อ EUR/USD ไป $1 จะเกิด Used Margin=1.0 และเหลือ Available Margin เกือบ 4.0 (เนื่องจากถูกหักค่า Spread 2 pips เป็นค่าติดลบใน Profit) ถ้าราคาขึ้นไปจนเราได้กำไร +10 point เราจะได้ Profit=0.1 ค่า Available Margin จะเพิ่มเป็น 4.1 point ถ้าราคา + ขึ้นไปเรื่อยๆ เราจะได้ Available Margin เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ในทางกลับกัน ถ้าเราขาดทุน ค่า Profit จะติด - และ Available Margin เราจะลดลงแทน หากเราไม่ตัดขาดทุนจะลดลงไปเรื่อยๆ จน Margin เกือบหมดเราจะถูกปิดโดยอัตโนมัติ เรียกว่า Margin Call โดนไปทีแทบไม่เหลืออะไรเลย จึงควรรักษา Margin ไว้ให้ดี มีชัยไปกว่าครึ่งครับ

133
วันนี้ exness-free ขอนำเสนอเรื่อง forex Margin call คืออะไร ใช้อย่างไร

Margin Call หมายถึงสถานะเงินในบัญชีเทรดต่ำกว่าโบรกเกอร์กำหนด ( ในกรณีที่คุณเปิด Order แล้วกราฟผิดทางติดลบเยอะ จนเงินในบัญชีคุณใกล้หมด ) โดยทางโบรกเกอร์แจ้งเตือนเพื่อใหห้คุณเติมเงินเข้าบัญชีเทรด หรือ ปิด Order ที่เปิดไว้ แต่หากคุณนิ่งเฉยทางโบรกเกอร์จะปิด Order เองครับ

Margin Call = คือสถานการณ์แจ้งเตือนให้ทราบว่า เงินในบัญชีลดลง จนต่ำกว่าระดับที่โบรกเกอร์กำหนด ท่านจะต้องรีบฝากเงินเพิ่ม หรือต้องปิดทุกออเดอร์ให้หมด หากเพิกเฉย ทางโบรกเกอร์จะทำการปิดทุกออร์เดอร์หรือ position ที่ถืออยู่ทั้งหมดโดยอัตโนมัติ



ในเหตุการณ์ที่เงินในบัญชีของคุณลดลง จนเหลือน้อยกว่า มาร์จิ้นขั้นต่ำ (มาร์จิ้นที่คุณต้องใช้ในการถือ position) โบรคเกอร์จะทยอยปิด ออร์เดอร์ที่คุณเปิดอยู่ เพื่อป้องกันไม่ให้บัญชีคุณขาดทุนจนติดลบ โดยเฉพาะ เวลาที่ตลาด มีความผันผวนสูง คือราคามีการเคลื่อนไหวกว้าง

ตัวอย่างที่ 1
คุณเปิดบัญชีฟอร์เร็กซ์ ด้วยเงิน 2,000 เหรียญ(ไม่ใช่ความคิดที่ดี) คุณเปิดบัญชี 1 สแตนดาร์ด ลอท( 100,000 unit) ของค่าเงิน EUR/USD ซึ่งต้องใช้มาร์จิ้น 1,000 เหรียญ มาร์จิ้นที่เหลืออยู่ คุณสามารถเปิดออร์เดอร์เพิ่ม หรือ สามารถ รองรับการขาดทุนของออร์เดอร์ที่เปิดอยู่ ตั้งแต่แรกที่เปิดบัญชี 2,000 เหรียญ คุณมีมาร์จิ้น ที่สามารถ ใช้เทรดได้ 2,000 เหรียญ แต่เมื่อเทรด 1 สแตนดาร์ดลอท ซึ่งจะใช้มาร์จิ้น 1,000 เหรียญ และมาร์จิ้นที่จะเหลืออยู่ คือ 1,000 ถ้าคุณเสียมากกว่ามาร์จิ้นที่เหลืออยู่ คือ 1,000 เหรียญ คุณจะโดน margin call

ตัวอย่างที่ 2
คุณเปิดบัญชี ด้วยเงิน 10,000 เหรียญ แล้วเปิดบัญชี 1 สแตนดาร์ดลอท ของค่าเงิน EUR/USD จะต้องใช้ margin 1,000 เหรียญ มาร์จิ้นที่เหลือเป็นเงินที่สามารถใช้ในการเปิดออร์เดอร์ หรือ เอาไว้รองรับการขาดทุนจากออร์เดอร์ ที่เปิดอยู่ ดังนั้ถ้าเปิดที่ 1 standard lot ด้วยมาร์จิ้น 10,000 เหรียญ หลังจากเปิดออร์เดอร์ จะมีมาร์จิ้นเหลืออยู่ 9,000 เหรียญ เพราะ 1,000 เป็นมาร์จิ้นที่ถูกใช้ไปแล้ว ถ้าคุณเสียมากกว่ามาร์จิ้นที่เหลือ 9,000 เหรียญ คุณก็จะถูก margin call ต้องทำความเข้าใจกับความแตกต่างของ

134
Forex today วันนี้ขอเสนอเรื่อง forex Major Currency Pairs (คู่เงินหลัก) คืออะไร ใช้อย่างไร

ตัวอย่างการวิเคราะห์หลักการของคู่เงิน ได้แก่

EUR/CHF – ประเทศแถบยูโรโซนถือเป็นหุ้นส่วนในการซื้อขายที่สำคัญของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เนื่องจากการที่ค่าเงิน ฟรังก์สวิสค่อนข้างจะมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า จึงเหมาะในการซื้อขายในระบบปฏิบัติการ carry trade โดยแนวโน้มความเคลื่อนไหวของคู่สกุลเงินนี้เป็นไปในทิศทางบวกตั้งแต่ปี 2549

EUR/JPY – คู่สกุลเงินที่มีการซื้อขายอย่างแพร่หลาย โดยจะมีความเกี่ยวพันธ์กันระหว่างคู่สกุลเงิน USD/JPY และ EUR/USD นักลงทุนส่วนใหญ่มักจับตามองการเคลื่อนไหวของคู่สกุลเงินนี้ โดยจะมุ่งความสนใจไปที่อัตราดอกเบี้ยและค่าความต่างระหว่างอัตราการเติบโตของประเทศญี่ปุ่นและประเทศแถบยูโรโซน

NZD/JPY – คู่สกุลเงินนี้เป็นที่ต้องการมากที่สุดในการตกลงซื้อขายแบบ carry trade เนื่องจากมีค่าความต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยที่กว้างที่สุด โดยคู่สกุลเงินนี้เหมาะสำหรับการสร้างสถานะซื้อ (Long Position) โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีตัวชี้วัดพื้นฐานและตัวชี้วัดทางเทคนิคที่มีประสิทธิภาพ

005 Major Currency Pairs (คู่เงินหลัก) คืออะไร (1)

EUR/GBP – สำหรับประเทศอังกฤษ ประเทศแถบยูโรโซนถือเป็นหุ้นส่วนในการซื้อขายที่มีความสำคัญเป็นอันดับสอง หากนักลงทุนพิจารณาปัจจัยพื้นฐานต่างๆที่เกี่ยวเนื่องระหว่างประเทศอังกฤษและค่าเงินปอนด์เป็นหลักแล้ว เขาก็ต้องเลือกที่จะลงทุนในคู่สกุลเงินนี้อย่างแน่นอนเพราะ GBP/USD เป็นคู่สกุลเงินที่ได้รับผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐมากที่สุด

CAD/JPY – นักลงทุนสามารถทำนายแนวโน้มในการซื้อขายราคาน้ำมันได้โดยคำนวณจากคู่สกุลเงินนี้ ประเทศแคนาดามีแหล่งกักเก็บน้ำมันที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ถือเป็นประเทศส่งออกน้ำมันหลักดังนั้นจึงทำกำไรโดยการเพิ่มราคาน้ำมัน ในทางตรงกันข้ามประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมันจะต้องพบกับภาวะขาดทุน ดังนั้นหากต้องการทำกำไรจากการเปิดสถานะซื้อคู่สกุลเงินนี้ ควรทำในช่วงที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น

เราเชื่อว่า ผู้อ่านคงพอทราบกันแล้วว่า คู่เงินหลักคืออะไร สำคัญอย่างไร และการTrade คู่เงินหลักมีอะไรบ้าง  การใช้คู่เงินหลักจะช่วยให้การลงทุนในตลาด Forex ของเราสะดวกขึ้น และยังส่งผลดี คือการใช้ลงทุนในตลาดหุ้นอื่นๆได้อีก และนี่คือคำนิยามของคำว่าTraderคู่เงินหลักนั่นเอง นอกจากนี้คุณควรทำการวิเคราะห์คู่เงินหลักแต่ละคู่ให้ดี เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุนยิ่งขึ้นครับ

คู่เงินหลักในตลาด Forex

ความสำคัญของการ Trade คู่เงินหลักนั้น  จะใช้คู่เงินจะเป็นสื่อกลางในการลงทุน  โดยสกุลเงินหลักที่ใช้ในตลาด Forex จะมีได้แก่ ยูโร ปอนด์ เยน  ดอลล่าร์แคนาดา สวิสฟรังค์ และคู่เงินหลักเราจะเรียกว่า  Major Currency Pairs ซึ่งโดยทั่วไปจะแบ่งเป็น 4 คู่สกุลด้วยกันคือ  GBP/USD , EUR/USD , USD/CHF , USD/JPY แต่ในบางตำราหรือบางเทรดเดอร์ก็แบ่งเป็น 5 หรือ 7 คู่สกุล ได้แก่

Pair                      Countries                                         FX Geek Speak

EUR/USD                       Euro zone / United States                         “euro dollar”

USD/JPY                        United States / Japan                                “dollar yen”

GBP/USD                        United Kingdom / United States            “pound dollar”

USD/CHF                        United States/ Switzerland                      “dollar swissy”

USD/CAD                        United States / Canada                           “dollar loonie”

AUD/USD                       Australia / United States                            “aussie dollar”

NZD/USD                       New Zealand / United States                  “kiwi dollar”

โดยสกุลเงินที่อยู่ข้างหน้าจะเรียกว่า Base Currency และตัวหลังเรียกว่า Counter Currency เช่นคู่ GBP/USD ก็จะมี GBP เป็น Base Currency และ USD เป็น Counter Currency ส่วนความหมายนั้นก็คือตัว Base Currency จะมีค่าเป็น 1 เสมอ สมมติว่าราคาของคู่ GBP/USD เป็น 1.9000 ก็จะหมายความว่า 1 ปอนด์มีค่าเท่ากับ 1.9 ดอลลาร์

005 Major Currency Pairs (คู่เงินหลัก) คืออะไร (2)ข้อดีของคู่เงินหลัก

คู่เงินหลัก เป็นสกุลเงินที่ได้รับความนิยมอย่างมากในตลาด Forex  ดังนั้นข้อดีของ Trade คู่เงินหลัก  คือ เมื่อถูกจับคู่กับเงินสกุลอื่นแล้ว จะมีอิทธิพลกับคู่เงินอีกสกุลหนึ่งทันที แต่ทั้งนี้จะยกเว้นสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐเนื่องจากถือว่าเงินดอลล่าร์สหรัฐถือว่าเป็นฐานหลักของเงินสกุลต่างๆทั่วโลก(เขาว่ากันอย่างงั้น) และคู่เงินหลักนี้ ยังสามารถใช้ลงทุนในตลาดอื่น นอกเหนือจากตลาด Forex ได้อีกด้วย

การเลือกคู่เงินหลัก

อย่างที่รู้กันแล้วว่า คู่เงินหลักในตลาด Forex นั้นมีอะไรบ้าง มีกี่คู่ ต่อไปเรามาดูวิธีการTrade คู่เงินหลัก เคล็ดลับการเลือกคู่เงินหลัก แบบง่ายๆ ก็คือ การดูหุ้นในช่วงนั้นว่าเป็นอย่างไร ดูจำนวนนักลงทุน เพราะทั้งสองอย่างนี้ ถือเป็นปัจจัยที่ช่วยเกื้อหนุน ให้กับคู่เงินหลัก ในการสร้างกำไรให้กับเราได้ เราลองนึกภาพคู่สกุลเงินแต่ละคู่ เหมือนกับการเล่น”ชักเย่อ”ระหว่างสกุลเงินกับสกุลเงินกันนะครับ อัตราแลกเปลี่ยนมีความผันผวนขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของสกุลเงินนั้น ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยทางเศรษฐกิจ การเมือง สัมคม และอื่นๆ นักเทรด จึงควรศึกษาและเลือกคู่เงินที่ตัวเองถนัดมาเพียงไม่กี่คู่เงิน เทรดให้ลึก เทรดให้เก่งให้ชำนาญแค่คู่เงินไม่กี่คู่จะดีกว่าศึกษาแบบเหมาหมดครับ

Major Currency Pairs (คู่เงินหลัก) คืออะไร
005 Major Currency Pairs (คู่เงินหลัก) คืออะไร (3)

Major Currency Pairs (คู่เงินหลัก) คืออะไร
การลงทุนในตลาด Forex นั้น หากไม่รู้จัก Trade คู่เงิน แล้ว จะเป็นอุปสรรคต่อการลงทุนอย่างมาก เพราะ Trade คู่เงินจะเป็นตัวช่วยให้เราได้กำไรจากการลงทุนอยู่เสมอ ซึ่งคู่เงินนั้น จะมีอยู่ 2 แบบ คือคู่เงินหลักและคู่เงินรอง  เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับการ Trade คู่เงินหลัก หรือที่เรียกอีกอย่างว่าTrade คู่เงินสกุลหลัก  เพื่อจะเป็นตัวช่วยให้คุณรู้จักเกี่ยวกับคู่เงินหลักใน Forex มากขึ้น

ความหมายของคู่เงินหลัก

Trade คู่เงินหลัก หรือคู่เงินสกุลหลักนั้น หมายถึง การเทรดคู่สกุลเงินที่เกิดจากการจับคู่ระหว่างเงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐกับกลุ่มสกุลเงินที่ถูกซื้อขายแลกเปลี่ยนกันมากและแพร่หลายที่สุด อย่างสกุลเงิน EUR (Euro zone),JPY(Japan),GBP(United Kingdom) โดยสกุลเงินหลักๆ ที่ทำการซื้อขายนั้นก็จะมีอยู่ 7 สกุลเงิน ดังนี้

1.ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา (USD)

2.ยูโร (EUR)

3.ปอนด์ (GBP)

4.เยน (JPY)

5.ดอลลาร์แคนาดา (CAD)

6.สวิสฟรังค์ (CHF)

7.ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD)

135
วันนี้เรามาดูกันกับเรื่อง  forex MACD คืออะไร ใช้อย่างไร

ประโยชน์ของ Macd

หากจะสรุปประโยชน์ที่แท้จริงของอินดี้ที่แสน simple ตัวนี้นั้น น่าจะสรุปออกมาเป็นข้อๆได้ดังต่อไปนี้คือ

1.สามารถช่วยให้คุณนั้นหาจุดเข้าของราคาได้ โดยการดูที่เส้นตัดกันของ Macd ว่าตัดกันอย่างตรงไหน หากมีการตัดกันในแนวโน้มใด เราก็สามารถที่จะเปิดสัญญา Buy หรือ Sell ได้ง่ายยิ่งขึ้น

2.หากใช้ในช่วง TF ยาวๆค่อนข้างที่จะปลอดภัยมากๆ และสามารถที่จะทำกำไรได้ แต่คุณควรสำรองเงินในบัญชีไว้มากๆหน่อยเพื่อกันกราฟเคลื่อนที่ไปผิดทาง สำหรับคำแนะนำของผมคือควรเปิดค่า TF ไว้อย่างน้อย 1 ชั่วโมงขึ้นไปเพื่อความชัวร์ที่สุดในการเทรดนะครับ ต่ำกว่านี้ค่าอาจมีการคลาดเคลื่อนได้

3.ควรใช้ค่า RSI ควบคู่ไปกับการใช้งาน Macd ด้วย เพื่อให้เราสามารถมองเห็นทั้งในส่วนของแนวโน้ม และในส่วนของปริมาณการซื้อขายที่มากเกินไป หรือว่าน้อยเกินไป จากนั้นก็ทำการเปิดสัญญาตามลักษณะการตัดกันของจุด เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้วในการทำเงินจากการเทรด forex ครับ

ข้อควรระวังในการใช้ Macd

สำหรับข้อควรระวังประการหนึ่งในการใช้งาน Macd คือ คุณอาจต้องคอยระวังว่า หากค่า Macd มีค่าที่ต่ำกว่า 0 คุณอาจจะยังไม่เปิดสัญญาครับ แต่ถ้าหากว่าค่า Macd มีค่ามากกว่า 0 อย่างนี้โอกาสที่การอ่านค่าของตัว Macd ผิดพลาดจะมีน้อยลงด้วย และคุณต้องไม่ลืมว่า คุณจะต้องใช้ค่า Macd ควบคู่ไปกับอินดี้ตัวอื่นๆด้วย อย่างเช่น RSI เป็นต้นนะครับ

เป็นอย่างไรครับกับอินดี้ตัวที่ใช้งานง่ายที่สุดในสามโลกอย่าง Macd ที่คุณนั้นสามารถนำมาใช้ประกอบการเทรด forex ได้ทันที และที่สำคัญคือสามารถทำเงินได้มากจริงๆด้วยครับ

Macd คืออะไร

ผมคิดว่าถ้าเราจะต้องเลือกใช้อินดี้สักตัวที่ง่ายที่สุดในการใช้งานแล้ว Macd น่าจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดของเราเลยทีเดียว ดังนั้นเพื่อความเข้าใจที่ดียิ่งขึ้นบทความนี้เราจะมาศึกษาคำศัพท์กับคำว่า Macd คืออะไร และมีแบบแผนในการเทรดอย่างไรบ้าง พร้อมแล้วมาศึกษากับคำว่า Macd ไปพร้อมๆกันเลยครับ

Macd คืออะไร

Macd อ่านว่า เอ็ม-เอ-ซี-ดี หรืออ่านว่า แมค-ดี อ่านอย่างไรก็ได้ขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณครับ แต่ผมชอบเรียกว่า เอ็ม เอ ซี ดี ถือเป็นอินดี้ที่เอาไว้ดูแนวโน้มของการแกว่งตัวของราคาว่าไปในทิศทางใด พร้อมทั้งบอกจุดเข้าสัญญาณซื้อ หรือสัญญาณขายได้ดีอีกด้วย โดยเส้นแนวโน้มนั้นจะมีด้วยกัน 2 เส้น นอกจากนี้อินดี้ Macd ยังสามารถบอกแนวโน้มขาขึ้น หรือขาลงได้อีกด้วยนะครับ

ข้อดีของ MACD

ในตัวอย่างที่ได้โชว์ไปก็จะเห็นได้ว่า MACD นั้นค่อนข้างมีประโยชน์กับนักลงทุนระยะสั้น โดยเป็นเครื่องมีที่ใช้ในการยืนยันแนวโน้มหรือทิศทางของราคาหุ้นว่าจะไปในทิศทางใดก่อนที่จะมีการสั่งออเดอร์ซื้อหรือขาย

ข้อเสีย MACD

ข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดสำหรับการใช้ดัชนีชี้วัดตัวนี้ก็คือในบางครั้งเกิดสัญญาณซื้อขายค่อนข้างบ่อยในช่วงราคาที่ค่อนข้างใกล้กันก่อนที่จะเกิดสัญญาณที่แสดงทิศทางอย่างชัดเจน อย่างที่โชว์ในกราฟด้านล่างจะเห็นได้ว่าก่อนที่ราคาหุ้นจะพุ่งขึ้นสูงได้เกิดสัญญาณซื้อขายจากเส้น MACDC ตัดกับเส้น Signal หลายครั้ง



นักลงทุนที่เลือกใช้ดัชนีชี้วัด MACD เป็นเครื่องมือในการจับสัญญาณต้องเข้าใจว่าในช่วงที่ตลาดขึ้นลง หรือ Sideway อาจส่งผลให้ค่าของ MACD เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งการที่เกิดสัญญาณถี่อาจจะทำให้นักลงทุนขาดทุนได้เนื่องจากการซื้อขายแต่ละทีมีค่าธรรมเนียมเป็นปัจจัยนึงที่เข้ามาเกี่ยวข้อง

ข้อด้อยอีกข้อของการใช้ MACD คือการที่เราไม่สามารถนำหุ้นตัวนึงมาเปรียบเทียบกับอีกตัวได้เนื่องจากค่า MACD นั้นเกิดจากการนำราคาหุ้นมาลบกันแล้วหาความแตกต่าง ดังนั้นในตลาดที่มีราคาหุ้นค่อนข้างหลากหลายถูกและแพงจึงทำให้เกิดข้อด้อยข้อนี้ขึ้นมา

บทสรุป

MACD เป็นหนึ่งในเครื่องมือหรือดัชนีชี้วัดที่มีความนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในหมู่นักลงทุนระยะสั้นเพื่อวิเคราะห์และหาทิศทางแนวโน้มของหุ้นตัวนั้นๆ ว่าจะไปยังทิศทางใด โดยการที่ MACD ตัดกับ Signal Line หรือเส้นสัญญาณนั้นเป็นการบอกถึงโอกาสในการลงทุน หรือ การขายหุ้น ณ ราคานั้นๆ และ การที่ MACD ตัดผ่านเส้น 0 นั้นก็เป็นการชี้ว่าแนวโน้มของราคาหรือทิศทางกำลังจะไปในทางใด

สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วถูกทดสอบมาว่ามีความแม่นยำค่อนข้างสูง พร้อมทั้ง MACD ยังเป็นเครื่องมือที่เรียนรู้และเข้าใจง่ายจะเหมาะสำหรับทั้งนักลงทุนมือใหม่ หรือ แม้กระทั่งคนที่ยังไม่เคยลงทุนแต่สนใจที่จะลงทุนก็สามารถเรียนรู้ศึกษาเพื่อนำไปใช้งานได้ไม่ยากนะ

วิธีใช้ MACD ในการหาจังหวะเข้าซื้อหรือขายหุ้น
การเริ่มต้นที่จะศึกษาทิศทางระยะสั้นของหุ้นตัวใดตัวหนึ่งในตอนเริ่มต้นนั้นค่อนข้างยากพอสมควรและมันจะยากที่สุดถ้าคุณไม่รู้จักเครื่องมีที่สามารถนำมาใช้ในการวิเคราะห์ได้ ซึ่งในบทความนี้เราจะพูดถึงหนึ่งใน Indicator ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในหมู่ Technical analysis นั้นก็คือ Moving Average Convergence Divergence หรือ (MACD) ชื่ออาจจะอ่านยากและดูวุ่นวายไปนิดสำหรับมือใหม่แต่ไม่ต้องตกใจครับ วิธีการใช้งาน MACD นั้นค่อนข้างง่ายกว่าที่คิด พร้อมทั้งอาจนำมาซึ่งพลังในการวิเคราะห์ที่คุณคิดไม่ถึงก็เป็นได้…

ย้อนรอย MACD

สิ่งที่ทำให้ MACD นั้นเป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่นิยมและใช้กันอย่างแพร่หลายเพราะว่า MACD นั้นสามารถช่วยในการหาการเติบโตของทิศทางหรือเทรนด์ระยะสั้นได้ แต่ก่อนที่เราจะกระโดดเข้าไปสู่วิธีการใช้ MACD นั้นผมอยากให้ทุกคนมาทำความเข้าใจในเรื่องของ

ยกตัวอย่างจากกราฟด้านล่างนักลงทุนจะจับตามอง เส้นราคาเฉลี่ย ระยะสั้น EMA12 (สีน้ำเงิน) ตัดเหนือ เส้นราคาเฉลี่ยระยะยาว EMA26 (สีแดง) เป็นสัญญาณของแนวโน้มที่จะเป็นขาขึ้น การตัดกันในลักษณะนี้หมายถึงราคาในช่วงที่ผ่านๆ มานั้นได้มีอัตราการขึ้นเร็วกว่าในอดีต ดังนั้นผู้ที่จับสัญญาณได้และมั่นใจก็จะเริ่มต้นเข้าไปซื้อหุ้นที่จุดนี้ ส่วนอีกแบบนึงก็คือการที่ เส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น ตัดต่ำกว่า เส้นค่าเฉลี่ยระยะยาว นั้นก็หมายความว่าเป็นการที่อัตราการลดลงของราคานั้นลดลงเร็วกว่าปกติ ดังนั้นควรจะพิจารณาว่าจะขาย หรือ จะถือหุ้นตัวนั้นต่อไปดีหรือไม่



ดัชนีชี้วัด MACD

หากสังเกตุจากกราฟด้านบนจะเห็นได้ว่าเส้นทั้งสองเส้นที่เป็นเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาวและเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นนั้นค่อยๆ แยกออกจากกันเมื่อราคามีการปรับตัวสูงขึ้น MACD จึงถูกออกแบบมาเพื่อวิเคราะห์ความแตกต่างจากค่าเฉลี่ยทั้งสองเส้น โดยการนำเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นเป็นตัวตั้งและลบด้วยเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาว ก็จะได้เป็นเส้น MACD โดย ระยะเวลาของเส้นค่าเฉลี่ยของแต่ละเส้นนี้ก็สามารถปรับได้แล้วแต่กลยุทธ์ของแต่ละคน โดยส่วนใหญ่แล้วนักลงทุนทั่วไปจะใช้ค่า EMA12 และ EMA26 เป็นหลัก

หากค่า MACD ที่ได้ออกมาเป็น บวก นั้นหมายความว่า เส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น สูงกว่า เส้นค่าเฉลี่ยระยะยาว โดยอาจเป็นสัญญาณของหุ้นขาขึ้นด้วย ซึ่งนักลงทุนอาจจะพิจารณาว่าตอนนี้อาจจะยังไม่ใช่จุดที่ทำกำไรควรจะรอสัญญาณที่ชัดเจนก่อนเพื่อกำไรที่มากขึ้น หรือ ในทางกลับกัน ค่า MACD ที่ติดลบนั้นหมายถึงแนวโน้มขาลงนั้นแข็งแรงขึ้น อาจไม่เหมาะสมกับการที่จะเข้าไปซื้อ

เส้นสัญญาณ (Signal Line)

หากเราแค่จะเทียบความแตกต่างของ ค่าเฉลี่ยราคาหุ้น ก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องใช้ค่า MACD แต่การที่ MACD พิเศษกว่าดัชนีอื่นนั้นก็เพราะว่ามีเจ้า Signal Line หรือ เส้นสัญญาณโดยเกิดขึ้นจากการนำค่า MACD ย้อนหลัง 9 วันมาเฉลี่ย แล้ววางลงเป็นกราฟเดียวกันกับ MACD

รูปด้านล่างเส้นหนาจะเป็นเส้น MACD และ เส้นรอยประคือเส้นสัญญาณ (Signal Line) หรือ EMA9 ของ MACD



สัญญาณซื้อ สามารถเกิดขึ้นได้โดยการที่เส้น MACD ตัดเหนือ เส้นสัญญาณ และ สัญญาณขาย เกิดขึ้นเมื่อเส้น MACD ตัดต่ำกว่า เส้นสัญญาณ หลายครั้งที่นักลงทุนจะเจอเส้นการตัดกันต่ำกว่า 0 การที่เกิดการตัดกันแบบนั้นอาจจะเกิดการกลับตัวของหุ้น หรือ เปลี่ยนแปลงในทิศทาง แต่นักลงทุนต้องจำไว้ว่าถ้าการที่ตัดกันในจุดต่ำกว่า 0 นั้นหมายถึงหุ้นตัวนั้นมีแรงขายในช่วงระยะสั้นมากกว่าระยะยาวนั้นเอง ดังนั้นการเลือกที่จะเข้าซื้อในจุดตัดที่เหนือเส้น 0 ย่อมเป็นอะไรที่เสี่ยงน้อยกว่า

อีกสัญญาณนึงที่นักลงทุนที่มีประสบการณ์มักจะหยิบไปใช้ก็คือการเกิด Divergence หรือการที่ดัชนีอย่าง MACD มีแนวโน้มขึ้นลงสวนทางกับราคาหุ้น

เส้นศูนย์

อย่างที่ได้กล่าวไปในขึ้นต้นว่าการคำนวณ MACD นั้นเกิดจากการทำเส้น EMA12 และ EMA26 มาลบออกจากกันดังนั้นเมื่อเส้นทั้งสองเส้นตัดกันค่า MACD จึงเป็น 0 โดยสามารถดูจากภาพด้านล่างได้ว่า การที่เส้น MACD ตัดผ่านเส้น 0 นั้นเป็นสัญญาณบ่งบอกแนวโน้มของหุ้นที่ค่อนข้างชัดเจน และ ค่อนข้างที่จะดูง่าย

หน้า: 1 ... 7 8 [9] 10 11 ... 14
SMF 2.0.15 | SMF © 2011, Simple Machines
SMFAds for Free Forums