แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - นักศึกษา22

หน้า: 1 ... 8 9 [10] 11 12 ... 14
136
กระทู้นี้เราจะมากล่าวกันถึงเรื่อง forex Lot คืออะไร ใช้อย่างไร

Lot size และเทคนิคการเปิด Lot
Lot size หรือขนาดล็อต คือปริมาณหรือขนาด โดยจะเป็นไปตามจำนวน Lot  (Volume) อย่างเช่น บัญชี Mini Lot Size = 0.01-8 (Volume)

เพื่อให้คุณสามารถใช้ Lot ให้เกิดประโยชน์ต่อการเทรด forex ได้ดีที่สุด ผมขอแนะนำ หลักการในการเปิด Lot แบบง่ายๆดังต่อไปนี้ที่คุณนั้นสามารถทำได้ครับ มาดูว่ามีหลักการอย่างไรบ้าง

1.เปิด 0.01-0.05

ตัวเลข lot นี้เหมาะสมอย่างยิ่งหากคุณมีทุนไม่เกิน 5,000 บาท เพราะเป็นตัวเลขการเทรด ที่มีความปลอดภัยมากที่สุด โดยสามารถใช้กับ TF  ได้หลากหลายแบบ แต่ควรเน้นไปที่ระยะเวลาที่นานที่สุดเป็นสำคัญก่อน การทำกำไรอาจใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน เพราะว่า เนื่องจากตัว lot ที่มีค่าน้อยทำให้ผลกำไรอาจจะยังไม่มากนักนั่นเอง

2.เปิด 0.05-0.30

หากคุณเริ่มทำกำไรและมีทุนประมาณ 10,000-20,000 บาท การเปิด Lot ที่เท่านี้ คือสิ่งที่ช่วยให้คุณทำกำไรได้มากขึ้น ในขณะที่คุณนั้นปลอดภัยมากขึ้นด้วย ถ้าคุณเปิด Lot มากกว่านี้ ก็จะเข้าสู่ความเสี่ยงของการล้างพอร์ต หรืออาจหมายถึง คุณยังบริหารจัดการพอร์ตของตนเองได้ไม่ดีเท่าที่ควรเท่าไหร่



3.เปิดมากกว่า 0.30

การเปิด Lot มากกว่านี้คุณควรมีเงินทุนอยู่อย่างน้อย 100,000 บาท ผมเน้นนะครับว่าหนึ่งแสน ไม่ใช่ว่ามีแค่หมื่นสองหมื่นแล้วจะเปิดมากกว่านี้ คุณไม่ควรสนใจว่าคุณจะสามารถหาเงินได้จาก forex ต่อครั้งได้เท่าไหร่ แต่คุณควรสนใจว่าเงินทุนของคุณนั้นสุดท้ายแล้วเหลือที่เท่าไหร่ต่างหากล่ะครับ ดังนั้นนักเทรด foex มืออาชีพ ต้องมีจำนวนเงินที่มีมากและลดความเสี่ยงให้ได้มากที่สุดครับ

สรุปแล้วเมื่อคุณเริ่มต้นในการเทรด forex ส่วนสำคัญที่สุดที่ถือว่าทำให้คุณสามารถทำกำไรได้อย่างรวดเร็ว หรือว่าช้านั้น คือค่า lot ที่คุณเปิดนั่นเอง ดังนั้นจงบริหารการเปิดค่า lot ให้ดี เพื่อที่ว่าคุณนั้นจะได้สามารถเทรด forex และทำกำไรได้อย่างยั่งยืนนั่นเองครับ

การคำนวณหา กำไร/ขาดทุน จากการเทรด
สมมุติว่า คุณเทรดคู่เงิน EUR/USD โดยทำการเปิด Buy 1 ออเดอร์ และใช้ขนาด Lot Size เท่ากับ $10,000

เมื่อราคา ณ ปัจจุบันของ EUR/USD อยู่ที่ 1.5650 และในเวลาต่อมา คุณตัดสินใจปิดออเดอร์ที่ราคา 1.5700 เราจะสามารถคำนวณหากำไร/ขาดทุนได้ดังนี้

กำไรหรือขาดทุน = มูลค่า 1 pip x จำนวน pips ที่เคลื่อนที่

* ราคาเปลี่ยนจาก 1.5650 มาเป็น 1.5700 แสดงว่าอัตราแลกเปลี่ยนเคลื่อนที่ไป +50 pips

กำไรหรือขาดทุน = $0.807 x 50 = $40.35

จากตัวอย่างนี้ เราจะเห็นได้ว่าเราได้กำไรจากการเทรด EUR/USD ครั้งนี้เท่ากับ $40.35

อย่างไรก็ตาม การแสดงการคำนวณทั้งหมดที่ได้กล่าวมานี้ มีจุดประสงค์เพียงเพื่อทำให้เกิดความเข้าใจในภาพรวมเกี่ยวกับเรื่องของ Pip Value และ Lots เท่านั้น เพราะในชีวิตของการเป็นนักเทรด Forex จริงๆ ทางโบรกเกอร์แต่ละเจ้าจะมีการคำนวณมาให้เราหมดแล้วครับ




สิ่งที่น่ารู้เกี่ยวกับ Lot
เมื่อเราทำการเปิด Lot มากขึ้น ผลที่ตามมาคือ จำนวนของราคาที่เพิ่มขึ้นไปด้วยทั้งในส่วนของกำไรและส่วนของการขาดทุน ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องของจิตวิทยาการลงทุนเลยนะครับ เพราะว่ายิ่งถ้าเราโลภ หรือว่าปล่อยให้ความโกรธนั้นเขาครอบงำแล้ว ผลที่ตามมาคือ มันจะทำให้เรานั้น อาจทำให้เราขาดทุนแบบบักโกรก หรือผมมักเรียกการขาดทุนแบบนี้ว่า ล้างพอร์ตนั้นเอง


Lot คืออะไร
Lots หมายถึง ปริมาณหรือขนาดของการซื้อขายในตลาด Forex โดยมีอยู่สองลักษณะคือ Mini Lot size และ Standard Lot Size โดย

Mini Lot size มีค่าเท่ากับการเทรด 10,000 units
Standard Lot Size มีค่าเท่ากับการเทรด 100,000 units
Mini Lot จะเหมือนกับ Standard Lot แต่แตกต่างกันนิดหน่อยคือ มี 0.01 เพิ่มขึ้น

0.01 Lot คือ กำไร-ขาดทุน จุดละ 0.1 $ หรือ 10 Cent
0.1 Lot คือ กำไร-ขาดทุน จุดละ   1 $
1.0 Lot คือ กำไร-ขาดทุน จุดละ 10 $
ยกตัวอย่าง คุณ เปิดออเดอร์ Buy(Long) EURUSD ที่ 1.4000 และปิดออเดอร์เพื่อขายทำกำไรที่ 1.4010 คุณทำกำไร 10 Pips  ถ้าคุณลงทุน 1 Lot คุณจะได้กำไร 10$ x 10pips = +100$  แต่หากกราฟลงมาที่ 1.3990 แล้วคุณปิดออเดอร์เพื่อตัดขาดทุน คุณก็จะขาดทุน 10$ x (-10pips) = -100$ เช่นกัน

Lots เป็นระบบที่ใช้ในการคำนวณยอดเทรดว่าเราต้องการเทรดที่เท่าไหร่ ยิ่งถ้าเราใช้ Lot เยอะๆ  ผลที่ตามมาคือ ราคาที่เราได้รับนั้นก็จะสูงขึ้นไปเรื่อยๆด้วย ปกติแล้วทุกๆโบรกเกอร์จะมีการใช้ Lot ที่เป็นแบบ Standard คือเป็นแบบมาตรฐาน ประกอบไปด้วยตัวเลขดังต่อไปนี้คือ 0.01, 0.1, 1.0 ,10.0 ตัวเลขตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณนั้นจะเลือกตัวเลขไหนและอย่างไร



การประยุกต์ใช้ความรู้เรื่อง Lot
เราใช้หลักการเรื่อง Lot มาใช้ในการคำนวณ หามูลค่าของการเคลื่อนที่ไป 1 pips ครับ โดย

มูลค่า 1 pip = (จำนวนจุดทศนิยมของคู่สกุลเงิน / ราคาอัตราแลกเปลี่ยน ณ ปัจจุบัน) x ขนาดของ Lots

ตัวอย่างเช่น

คุณเทรด EUR/USD กับ Forex โบรกเกอร์ที่ใช้ทศนิยม 4 ตำแหน่ง หรือ 4 จุด
ราคาอัตราแลกเปลี่ยนของ EUR/USD ณ ปัจจุบัน คือ 2385
คุณเทรดโดยมีขนาดเท่ากับ Mini Lot size = 10,000 หน่วย
ดังนั้น มูลค่า 1 pip ของ EUR/USD = ((0.0001)/ 1.2385) x 10,000 = 0.0000807 x 10,000 = 0.807

โดยหากบัญชีเทรดที่คุณเปิดอยู่กับ Forex Broker เป็นหน่วยดอลลาร์สหรัฐอเมริกา เราจะสามารถพูดได้ว่า ทุกๆครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงราคาอัตราแลกเปลี่ยนไป 1 pip จะมีค่าเท่ากับการเปลี่ยนแปลงไป $0.807 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา


ระบบ Lot ในการเทรด Forex คืออะไร
 

สำหรับนักลงทุนเทรด Forex หน้าใหม่กับ FBS จะต้องทำการศึกษาคำศัพท์ต่างๆที่ใช้ในการเล่นเทรด Forex เพื่อทำความเข้าใจว่ามันมีความหมายว่าอย่างไร โดยการศึกษาความหมายศัพท์นั้นๆจะเป็นการช่วยตัดสินใจให้นักลงทุนสามารถเลือกการเล่นได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ทำให้สามารถทำการลงทุนได้อย่างถูกต้องและลดความเสี่ยงการขาดทุนลง ในบทความนี้จะพาคุณผู้อ่านไปรู้จักกับความหมายของคำว่า Lot ในการเทรดForex โดยโบรกเกอร์แต่ละบริษัทจะกำหนด Lot ที่แตกต่างกันออกไป FBS ก็เช่นกัน ผู้เขียนจะขอจำแนก Lot ออกให้ดูง่ายๆ โดยแบ่งระบบ Lot ออกเป็น 3 แบบ คือ

1.    Standard Lot ส่วนใหญ่ Standard Lot จะใช้กับบัญชีที่มีจำนวนเงินมาก โดยโบรกเกอร์แต่ละบริษัทจะตั้งชื่อ Account นั้นๆแตกต่างกันออกไป เช่น Classic Account , Standard Account , Pro Account เป็นต้น โดยการเคลื่อนที่ของเลขตัวสุดท้ายเคลื่อนไป 1 เท่ากับการเคลื่อนที่ไป 1 จุดหรือ 1 pips โดยการทำกำไรหรือขาดทุนสามารถตีเป็นค่าเงินได้ดังนี้
            0.1    Lot หมายความว่า สามารถทำกำไรหรือขาดทุน จุดละ 1 ดอลล่าร์
            1.0    Lot หมายความว่า สามารถทำกำไรหรือขาดทุน จุดละ 10 ดอลล่าร์
            10     Lot หมายความว่า สามารถทำกำไรหรือขาดทุน จุดละ 100 ดอลล่าร์
            100   Lot หมายความว่า สามารถทำกำไรหรือขาดทุน จุดละ 1,000 ดอลล่าร์
2.     Mini Lot คล้ายคลึงกับ Standard Lot แต่จะมีความแตกต่างกันตรงที่ มีการเพิ่มจุดทศนิยม 0.01 ขึ้นมาเพื่อกระจายความเสี่ยงให้น้อยลง โดยการแทนค่าเงินใน Mini Lot ในบัญชีระบบ Mini Lot นั้นมีความหมาย ดังต่อไปนี้
            0.01 Lot หมายความว่า สามารถทำกำไรหรือขาดทุน จุดละ 10 เซนต์
            0.1 Lot  หมายความว่า สามารถทำกำไรหรือขาดทุน จุดละ 1 ดอลล่าร์
            1.0 Lot หมายความว่า สามารถทำกำไรหรือขาดทุน จุดละ 10 ดอลล่าร์
            10 Lot หมายความว่า สามารถทำกำไรหรือขาดทุน จุดละ 100 ดอลล่าร์
            100 Lot หมายความว่า สามารถทำกำไรหรือขาดทุน จุดละ 1,000 ดอลล่าร์
3.     Micro Lot โดยระบบ Lot นี้ ถูกทำขึ้นมาเพื่อสนองตอบต่อบัญชี Cent เพื่อให้นักลงทุน Forex หน้าใหม่ได้ทดสอบฝีมือการเทรดก่อนลงสนามจริงหรือเพื่อนักลงทุนต้นทุนน้อย โดยการแทนค่าเงิน Micro Lot ในบัญชี Cent นั้นแทนได้ดังต่อไปนี้
            0.1 Lot Cent หมายความว่า สามารถทำกำไรหรือขาดทุน จุดละ 1 เซนต์
            1.0 Lot Cent หมายความว่า สามารถทำกำไรหรือขาดทุน จุดละ 10 เซนต์
            10.0 Lot Cent หมายความว่า สามารถทำกำไรหรือขาดทุน จุดละ 1 ดอลล่าร์
            100 Loct Cent หมายความว่า สามารถทำกำไรหรือขาดทุน จุดละ 10 ดอลล่าร์

หวังว่าบทความนี้จะช่วยเพิ่มความกระจ่างเกี่ยวกับการเล่น Forex กับ FBS ให้กับผู้ที่สนใจหรือนักลงทุนหน้าใหม่ไม่มากก็น้อยนะคะ ส่วนบทความหน้าจะเป็นคำศัพท์Forex ตัวไหน ก็ต้องติดตามอ่านกันต่อไปแต่รับรองว่ามีประโยชน์ต่อผู้เล่นอย่างแน่นอน

137
วันนี้ เว็บไซด์ขอนำเสนอเรื่อง forex Long (BUY), Short (SELL) คืออะไร ใช้อย่างไร

การทำความเข้าใจคำว่า Long (BUY), Short (SELL) กับ forex
สำหรับใน forex คำสำคัญที่มีการใช้มากที่สุดในส่วนของ Long (BUY), Short (SELL) คงเหลือแต่คำว่า Buy หรือ Sell คุณไม่จำเป็นต้องไปบอกกล่าวถึงคำว่า Short หรือคำว่า Long ก็ได้ ขอแค่เน้นแต่เฉพาะคำที่กล่าวไว้เท่านี้ก็ถือว่าเพียงพอแล้วครับ

อย่าสับสนกับในส่วนของตลาด Binary Option
สำหรับในตลาดการเทรด Binary Option ก็มีการใช้คำเหล่านี้ด้วยเช่นเดียวกัน แต่ผมขอให้คุณนั้นอย่าไปสับสนกับคำเหล่านี้อย่างเด็ดขาด เพราะว่า ต่างก็ใช้คำว่า Long (BUY), Short (SELL) เช่นเดียวกัน หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเป็นคำแบบเดียวกันด้วยนั่นเอง

เอาเป็นว่าคุณน่าจะพอเข้าใจความหมายของคำว่า Long (BUY), Short (SELL) ได้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิมแล้วนะครับ รับรองว่าต่อจากนี้ไปคุณจะดูโปรขึ้นด้วยการใช้คำศัพท์ที่ถูกต้องขึ้นอย่างแน่นอน

ประโยชน์ของ Long (BUY), Short (SELL)
1.ช่วยให้คุณสามารถทำกำไรได้

คุณจะไม่สามารถทำกำไรได้จนกว่าคุณจะทำการเปิดสัญญา Long (BUY), Short (SELL) ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่คุณทำการเปิดสัญญา Long (BUY), Short (SELL) เมื่อนั้นหมายความว่าคุณเริ่มต้นแล้วสำหรับการทำกำไรครับ

2.ช่วยให้คุณดูโปรมากขึ้น

เมื่อคุณเริ่มต้นใช้คำศัพท์ในวงการเทรด forex สิ่งที่ตามมาคือ คุณก็จะดูเทพมากขึ้น และทำให้ดูเป็นโปรในการเทรด forex มากขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้นอยากดูเทพอยากดูโปร ต้องอ่านค่า Long (BUY), Short (SELL) ให้ได้และให้ถูกต้องนะครับ รับรองเลยว่า ใครๆก็อยากจะมาปรึกษาคุณอย่างแน่นอน


ตัวอย่างการเปิดออเดอร์ Short (Sell) “เทรดขาลง”
คุณเปิดออเดอร์ Sell (Short) ที่ราคา 1.37475
ปิดออเดอร์ (Closed) Sell (Short) ที่ราคา 1.33589
เท่ากับว่าคุณทำกำไร  1.37475 – 1.33589 = 0.03886 หรือ 3886 point

ในการซื้อ-ขายในตลาด Forex ก่อนอื่นคุณต้องรู้ว่า คุณต้องการซื้อ (Buy) หรือ ว่าขาย (Sell)

ถ้าคุณต้องการที่จะซื้อ คุณต้องการให้ Base Currency มีค่ามากขึ้นแล้วคุณจะขายมันที่ราคาสูงกว่า แบบนี้เรียกว่า “going long “ หรือเรียกว่า Long position และที่สำคัญให้จำไว้ว่า Long =Buy
ถ้าคุณต้องการที่จะ Sell คุณต้องการให้ราคา Base Currency ลดลง แล้วคุณจะBuy มันกลับที่ราคาต่ำกว่าเดิม แบบนี้เรียกว่า Going Short หรือ เรียกว่า Short position ควรจำไว้ว่า Short=Sell
ในการเทรด Forex สามารถเทรดได้ทั้งขาขึ้นและขาลง พร้อมกันได้ ในสกุลเงินเดียวกัน เช่น EUR/USD ซื้อ ที่ 90 ขาย ที่ 90 คือ sell และ buy พร้อมกัน ทั้งนี้ถ้าเกิดมันขึ้นไปที่ 100 คุณก็จะได้ฝั่ง Buy ที่ +10 จุด เสียฝั่ง sell ที่ -10 จุด แต่หากฝั่ง sell คุณอาจจะยอมตัดขาดทุนแค่ 5 จุด คือเมื่อกราฟขึ้นมาที่ 95 จุด คุณก็ปิด ออเดอร์ ฝั่ง sell ซึ่งและเมื่อกราฟขึ้นต่อไปที่ 100 เท่ากับว่าคุณก็จะได้กำไร 5 จุด(ฝั่ง Buy ได้ 10 ฝั่ง Sell เสีย 5)

ตัวอย่าง การเปิดออเดอร์ Long (Buy) “เทรดขาขึ้น”
คุณเปิดออเดอร์ Buy (Long) ที่ราคา 1.33589
ปิดออเดอร์ (Closed) Buy (Long) ที่ราคา 1.35396
เท่ากับว่าคุณทำกำไร ไปได้ 1.35396 – 1.33589 = 0.01807 หรือ 1807 point


จุดเด่นของตลาด Forex
ในการทำกำไร ในตลาด Forex นั้น เราจะดูกันเป็น “คู่ค่าเงิน” ตัวอย่างเช่น EUR/USD คือการเปรียบเทียบระหว่างเงินยูโร กับเงิน ดอลล่าห์ โดยตลาด Forex จะต่างจากตลาดหุ้น คือสามารถเทรดได้ทั้งสองทาง ทั้งซื้อและขาย เล่นได้ทั้ง ขาขึ้น และขาลง ตลาดหุ้นซื้อได้อย่างเดียว เล่นได้แต่ขาขึ้น ถ้าเป็นขาลงต้องนอนรออย่างเดียวครับ รูปแบบการเปิดออเดอร์ของตลาด Forex นั้น มี 2 รูป แบบหลัก คือ Long (Buy) และ Short (Sell)

          Long (Buy) เป็นการซื้อที่ราคาถูกแล้วขายราคาแพง เราจะทำการเปิดออเดอร์ Long (Buy) ตอนที่ราคากราฟวิ่งลงต่ำ แล้วทำการปิดออเดอร์(Closed) ตอนที่กร๊าฟวิ่งขึ้นสูงเพื่อทำกำไร เรียกว่าเป็นการ “เทรดขาขึ้น” ครับ ตอนเราเปิด Long ก็คือ ส่งคำสั่งซื้อ หรือ Send Buy Order ไปที่ MT4 จะ ทำให้เกิด Long Position ขึ้น

        Short (Sell) เป็นการขายราคาแพงแล้วซื้อกลับตอนราคาถูก  คือเปิดออเดอร์ Short (Sell) ตอนที่กราฟวิ่งขึ้นสูง แล้วทำการปิดออเดอร์(Closed) ตอนที่กร๊าฟวิ่งลงต่ำเพื่อทำกำไร อย่างนี้เรียกว่าเป็นการ “เทรดขาลง” ครับ ตอนเราเปิด Short ก็คือ ส่งคำสั่งขาย หรือ Send Sell Order ไปที่ MT4 จะเกิด Short Position ขึ้น



Long (BUY), Short (SELL) คืออะไร
มาทำความเข้าใจกับเรื่องแรกกันก่อนนะครับ คำศัพท์ที่น่าสนใจคำต่อมา คือคำว่า Long (BUY), Short (SELL) จริงๆแล้วผู้เขียนอาจเขียนรวมๆทีเดียวออกมา แต่เดี๋ยวในบรรทัดต่อไปนั้นจะพยายามแยกและแปลออกมาให้นะครับ กับคำศัพท์คำนี้ สำหรับ ความหมายของคำ Long (BUY), Short (SELL) เหล่านี้นั้นจะหมายถึงอะไรกันบ้าง มาเรียนรู้ไปพร้อมกัน

Long (BUY), Short (SELL) คืออะไร
Long (BUY) คือ การเปิดสัญญาณซื้อ หมายความว่าเมื่อเปิด Long (BUY) เชื่อว่ากราฟในอนาคตจะมีการวิ่งขึ้นนั่นเอง ถ้าคุณเทรด TFEX คุณอาจคุ้นเคยกับคำว่า Long แต่ถ้าเป็นการเทรด forex คำว่า buy น่าจะเป็นคำที่มีความคุ้นเคยมากกว่ามากกว่า ดังนั้น คุณสามารถใช้คำเหล่านี้เมื่อทำการเทรดได้

Short (SELL) คือ การเปิดสัญญาณขาย หรือหมายความว่าเมื่อเปิด Short (SELL) เชื่อว่ากราฟในอนาคตนั้นจะมีการวิ่งลงนั่นเอง โดยใน TFEX มันเรียกว่า short หรือ ช้อต แต่ถ้าเป็นในส่วนของ forex เราจะเรียกสัญญาตัวนี้ว่า sell ซึ่งมักเป็นลูกศรสีแดงนั่นเอง เรียกว่าดูกันง่ายๆเลย

138
ทาง admin ขอนำเสนอเรื่อง forex Lizards คืออะไร ใช้อย่างไร

สำหรับฝั่งขาย (Short)

แท่งเทียนที่ 1 ราคาเปิดและราคาปิดต้องอยู่บริเวณส่วนล่างของแท่งเทียน (25% ของบริเวณด้านล่างของแท่งเทียน)
 



แท่งเทียนที่ 1 การทำ High นั้นต้องเป็น High ในรอบ 10 วัน
รอซื้อในแท่งเทียนถัดมา เมื่อราคาทะลุ Low ของแท่งเทียนที่ 1 (Sell stop)
วาง Stop loss ที่ระดับ High ของแท่งเทียนที่ 1 หรือถ้าราคาไม่ไปไหนให้ปิด Position ออกหลังจากจบแท่งที่ 2
 



แท่งเทียนแรกเกิดรูปแบบ Lizard แท่งเทียนทำ High สูงสุดในรอบ 10 วัน และราคาปิดและราคาเปิดอยู่บริเวณด้านบนของแท่งเทียน
เมื่อราคาทะลุ Low ของแท่งแรก เปิด Short ตาม และตั้ง Stop loss ที่ High ของแท่งที่ 1
ลองนำไปใช้การเทรดกันดูนะครับ

Lizards คืออะไร
อีกหนึ่ง Set up รูปแบบการกลับตัวที่ความเสี่ยงต่ำและผลตอบแทนสูง โดยรูปแบบนี้จะมีลักษณะหางยาวๆที่คล้ายตัว Lizards ที่เป็นที่มาของชื่อ Set up นี้ ทั้งนี้ปกติรูปแบบนี้มักเหมาะสมสำหรับ Day Trading

 

เงื่อนไขการเข้า

สำหรับฝั่งซื้อ (Long)

แท่งเทียนที่ 1 ราคาเปิดและราคาปิดต้องอยู่บริเวณส่วนบนของแท่งเทียน (25% ของบริเวณด้านบนของแท่งเทียน)
 



แท่งเทียนที่ 1 การทำ Low นั้นต้องเป็น Low ในรอบ 10 วัน
รอซื้อในแท่งเทียนถัดมา เมื่อราคาทะลุ High ของแท่งเทียนที่ 1 (Buy stop)
วาง Stop loss ที่ระดับ Low ของแท่งเทียนที่ 1 หรือถ้าราคาไม่ไปไหนให้ปิด Position ออกหลังจากจบแท่งที่ 2
 



USD/CAD

แท่งเทียนแรกเกิดรูปแบบ Lizard แท่งเทียนทำ Low ต่ำสุดในรอบ 10 วัน และราคาปิดและราคาเปิดอยู่บริเวณด้านบนของแท่งเทียน
เมื่อราคาทะลุ High ของแท่งแรก เปิด Long ตาม และตั้ง Stop loss ที่ Low ของแท่งที่ 1

139
บทนี้คงถูกใจสำหรับท่านที่ติดหน้าจอตลอดเวลากับบริการ forex Live Chat คืออะไร ใช้อย่างไร

Live Chat กับการวัดความเป็นโบรกเกอร์ที่ดี

โดยปกติแล้ว โบรกเกอร์ที่ดีและมีคุณภาพ จะมีการจัดผู้ที่เข้ามาทำการตอบคำถามไว้ให้กับคุณ เป็นเรื่องปกติ และที่ดีที่สุดนั้นจะต้องเป็นคู่สนทนาที่เป็นคนไทยเสียด้วย เพราะหนึ่งปัญหาที่ผมพบว่าเป็นมากที่สุดคือ การที่คู่สนทนาหรือว่า Live Chat นั้นไม่ใช่คนไทย ทำให้ไม่สามารถสนทนาได้ หรือว่าไม่สามารถอธิบายหรือตอบคำถามได้นั่นเอง

สิ่งที่คนทั่วไปนิยมถามใน Live Chat

คำถามที่นิยมถามกันมากที่สุดใน Live Chat จะเป็นเรื่องดังต่อไปนี้คือ

        1.ถามเรื่องการถอนเงิน ทำไมยังถอนไม่ได้ หรือว่าถอนเงินอย่างไร

        2.ถามเรื่องเงินเข้าบัญชีเทรดช้าเกินกว่าที่ควรจะเป็น

        3.ถามเรื่องวิธีการฝากเงินเข้าบัญชีว่าทำอย่างไร

สามคำถามนี้จะเป็นเรื่องที่ถามกันบ่อยที่สุดใน Live Chat ครับ ดังนั้นถ้าคุณมีคำถาม ไม่แน่ใจว่าคุณก็อาจเลือกถามคำถามตามที่ผมได้เขียนไว้ให้ตรงนี้ด้วยหรือไม่

โดยสรุปแล้ว ถ้าคุณได้ยินคำว่า Live Chat กับการเทรด forex ก็จะหมายถึงการที่คุณสามารถสนทนากับทางผู้ให้บริการหรือว่าโบรกเกอร์ต่างๆนั่นเอง โดยถือเป็นตัวชี้วัดหรือเป็นจุดชี้วัดได้อีกด้วยว่า โบรกเกอร์นั้นๆมีความเป็นมืออาชีพมากน้อยเพียงใดได้อีกด้วยจากการวัดจาก Live Chat

Live Chat คืออะไร

ขั้นตอนหนึ่งที่มีความสำคัญมากในการเทรด forex ของคุณคือ การมองหาโบรกเกอร์ชั้นนำดีๆ ที่น่าเลือกใช้บริการ  สำหรับหนึ่งในจุดสำคัญที่โบรกเกอร์ผู้ให้บริการเทรด forex มีคือ Live Chat สำหรับเจ้าตัว Live Chat คืออะไร และมีประโยชน์เกี่ยวข้องกับเราในฐานะของนักเทรด forex มาดูไปพร้อมๆกันนะครับ

Live Chat คืออะไร

ตัว Live Chat คือการบริการสนทนาแบบสดๆ กับทางผู้ให้บริการซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็น Broker ทั้งหลายทั้งสิ้น ซึ่งหากคุณต้องการที่จะใช้บริการก็เพียงแต่มองหาสัญลักษณ์ของ Live Chat จากนั้นก็ทำการติดต่อสอบถามไปได้ทันที ซึ่งผู้ให้บริการส่วนใหญ่นั้นก็จะเป็นคนไทย ที่พร้อมตอบคำถามให้กับคุณ แต่โปรดอย่าลืมดูวันที่มีการสนับสนุนการสนนทนาภาษาไทยด้วยนะครับ

ประโยชน์ของ Live Chat

ประโยชน์ของ Live Chat นั้นมีมากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของ

1.ช่วยแก้ไขปัญหาในเรื่องของระบบการฝากและการถอนเงินของคุณให้สามารถดำเนินการได้

2.ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับวิธีการเทรดเบื้องต้น รวมถึงการอธิบายถึงคำศัพท์บางประการที่คุณนั้นอาจสงสัยขึ้นมาเช่นค่าเสปรด

3.ช่วยร้องเรียนเวลาคุณเจอปัญหาแต่ไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหานั้นๆได้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องของการถอนเงินเข้าออกจากบัญชีทั้งสิ้น

140
มือใหม่ มือเก่า หัดเทรด มาดูกันครับว่า forex Limit order คืออะไร ใช้อย่างไร

คำว่า Limit order คืออะไร

อันดับแรก มาทำความเข้าใจความหมายของคำว่า Limit order ก่อน ซึ่งคือ การเลือกตั้งราคาซื้อ ที่ต่ำกว่าราคาปัจจุบัน หรือการเลือกตั้งราคาขายที่สูงกว่าราคาปัจจุบัน เมื่อกราฟวิ่งมาถึงจุดและเด้งกลับ เราจะได้กำไรทันที (นึกถึงลูกปิงปองสะท้อนกลับ)

Limit order คืออะไร

มาถึงคำศัพท์ที่มีความสำคัญมากอีกอันหนึ่งคือคำว่า Limit order คำนี้นั้นจะมีความหมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของการตั้งสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่เกี่ยวข้องกับการเทรด forex จัดเป็นคำสั่งที่มีประโยชน์มาก และสามารถช่วยให้คุณทำกำไรได้มาก โดยเฉพาะเรื่องของแนวรับและแนวต้าน จะเหมาะสมอย่างยิ่งกับคำสั่ง Limit order ดังนั้นมาทำความเข้าใจไปพร้อมๆกันเลยนะครับ

Limit order คือ ใช้ตั้งซื้อ Buy limit order ที่ราคาต่ำกว่าปัจจุบัน และตั้งขาย Sell limit order ที่ราคาสูงกว่าปัจจุบัน

*** (เหมาะกับการใช้วิเคราะห์คู่กับการดูแนวรับแนวต้าน เพราะกราฟจะเด้งแรงๆ เราจะเปิดออร์เดอร์ไม่ค่อยทัน)***

(Buy Limit )คำสั่งซื้อหุ้นในลักษณะนี้เหมาะที่จะใช้ในกรณีที่เราคาดหวังว่าราคาหุ้นจะขึ้นต่อหลังจากที่ราคามันตกลงมาในระดับราคาที่เราตั้งคำสั่งซื้อ Buy limit order ล่วงหน้าไว้

เช่น EURUSD ราคา (ASK) อยู่ที่ 1.2938 เราตั้งซื้อ Buy limit order ล่วงหน้าไว้ที่ราคา 1.2928 (ลดลงมา10 จุด) ถ้าราคาลดลงมาถึงจุดก็จะถูกซื้อ BUY ให้โดยอัตโนมัต

ผลลับ ถ้ากราฟดีดตัวกลับขึ้นไปเราก็ได้กำไร



141
บ่ายๆ อย่างนี้ มาพักผ่อนสมองกันด้วยเรื่องการลงทุนดีกว่า forex Leverage คืออะไร ใช้อย่างไร

หลักปฏิบัติในการเลือกใช้ค่า Leverage
1.จงเลือกค่า Leverage ไม่เกิน 1:200 สำหรับการเทรด forex แบบ Saving

แน่นอนว่าคุณได้ยินไม่ผิดครับ การเทรด forex ที่ค่า Leverage 1:200 ช่วยให้คุณนั้นลดโอกาสในการเกิดความเสี่ยงได้อย่างมากแน่นอนครับ แม้ว่าคุณจะสามารถเปิดสัญญาได้เพียง 1 -2 สัญญาเท่านั้นแต่ก็คุ้มค่ามากๆครับ

2.เลือกค่า Leverage 1:2000 ต่อเมื่อเทคนิคการเทรดของคุณเจ๋งมากๆ

เมื่อคุณมีเทคนิคการเทรดที่เจ๋งมากๆ และ 10 ตาที่คุณทำการเทรด forex คุณสามารถเอาชนะได้อย่างน้อย 7-8 ตา อย่างนี้การเลือกค่า Leverage สูงๆเช่น 1:2000 จะสามารถช่วยให้คุณทำเงินและทำกำไรได้มากๆ และสามารถเปิดสัญญาในการเทรด forex ได้เป็นจำนวนมากเลยครับ

โดยสรุปแล้วค่า Leverage นั้น จะหมายความอย่างง่ายๆคือ เมื่อเราเปิดค่านี้มากขึ้น โอกาสในการทำเงินและทำกำไรของเราก็จะมากขึ้นไปด้วย เพียงแต่ว่าปัญหาคือ เมื่อคุณถูกกราฟสวิงลงในทิศทางที่ตรงกันข้าม กลับมีโอกาสสูงมากเช่นเดียวกันที่คุณนั้นจะขาดทุนอย่างหนัก และแน่นอนว่าถึงขั้นล้างพอร์ตกันเลยทีเดียว ดังนั้นค่า Leverage ที่แนะนำในหลักปฏิบัติคือสิ่งที่ผมอยากฝากไว้ให้พิจารณาทุกครั้งที่เทรด forex เสมอๆ ครับ

ค่า Leverage แบบต่างๆ


สำหรับค่า Leverage นั้น แต่ละโบรกเกอร์มักจะเอามาเคลมว่าของตนเองนั้นสามารถเทรดได้มาก หรือมีค่า Leverage ที่สูงและสามารถเทรดได้อย่างง่ายดาย ตรงนี้ต้องระวังนะครับ ไม่ใช้ว่าเมื่อเจอค่า Leverage ก็คิดว่านั่นคือสิ่งที่ดี  สิ่งที่ดีที่สุดคือการเลือกค่า Leverage ให้เหมาะสมกับการเทรดของตนเองต่างหากครับ สำหรับค่า Leverage ที่พบมากๆจะประกอบไปด้วย

ค่า Leverage 1:1

ค่า Leverage 1:2

ค่า Leverage 1:100

ค่า Leverage 1:200

ค่า Leverage 1:1000

ค่า Leverage 1:2000 (เช่นที่ exness.com)

ข้อดีข้อเสียของ Leverage
สำหรับข้อดีของการมี leverage เยอะนั้น จะทำให้เรามี margin ลดน้อยลง ทำให้เราถือได้นานมากขึ้น ส่วนข้อเสียของ leverage คือการที่เทรดได้ไม่เกิน 10% ของทุน ถึงแม้เราจะมี leverage เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวก็ไม่สามารถเทรดได้เกิน 10% อย่างแน่นอน จะลองยกตัวอย่างของข้อเสียให้ดูอีก 1 ตัวอย่าง เช่น

เมื่อคุณมี leverage 1:100 ต้องการสั่งออร์เดอร์ 1 ออร์เดอร์ คุณจะต้องใช้ margin 1,000  คุณจะโดนจุด cut loss ที่ -900  แต่ถ้า leverage 1:200 ต้องการสั่งออร์เดอร์ 2 ออร์เดอร์ เพื่อใช้ margin 1,000  คุณจะโดนจุด cut loss ที่ -450 เมื่อ 2 ออร์เดอร์รวมกัน จะเสีย -900 จะเท่ากับ 1:100 หรือ 10% นั้นเอง

Leverage คืออะไร
มาสำรวจกัน กับคำศัพท์คำว่า Leverage ผู้เขียนคิดว่าในบรรดาคำศัพท์ที่มีความเกี่ยวข้องกับการเทรด forex มากที่สุด คำศัพท์คำว่า Leverage ถือเป็นอีกหนึ่งคำที่มีความสำคัญมากๆ เพราะว่าหากเราใช้ค่า Leverage สิ่งที่เกี่ยวพันกับเราคือค่า Margin จะทำให้เงินทุนของเรานั้นหมดลงอย่างรวดเร็วครับ

Leverage คืออะไร
ค่า Leverage คือ จำนวนเปอร์เซนที่ได้ยืมเงินจากโบรกเกอร์เพื่อทำการเปิดออเดอร์เทรด ยกตัวอย่างเช่น เมื่อคุณซื้อ 1000 หุ้นในตลาดหุ้นโดยที่ราคาหุ้นละ 10 $ ต่อหุ้น คุณต้องใช้เงิน 10000$ เพื่อเปิดการเทรด บางโบรกเกอร์ให้คุณยืมเงินเพื่อเทรดสูงถึง 50-80% ของมูลค่าหุ้นทั้งหมด แทนที่คุณจะใช้เงิน 1000$ แต่คุณกลับใช้แค่ 5000-8000 $ เท่านั้น  สิ่งนี้แหละที่ทำให้เทรดเดอร์สามารถซื้อหุ้นได้มาก โดยใช้เงินเท่าเดิม อย่างไรก็ตามทางโบรกเกอร์ก็จะชาร์จกำไรจากการยืมของคุณ ในทางตลาด Forex ก็ใช้หลักการณ์นี้เช่นกันครับ

แต่โบรกเกอร์ฟอเร็กให้คุณยืมได้ถึง 99 % ของทั้งหมดเพื่อให้คุณเปิดการเทรดและคุณก็ใช้มันเพียงแค่ 1 % เท่านั้น ถ้าคุณต้องการเทรด 1000$ คุณใช้มันเพียงแค่ 10 $ นี่แหละครับ คือความแตกต่างระหว่างตลาดหุ้นและตลาดฟอเร็กซ์ และตลาดฟอเร็กไม่ชาร์จกำไรจากการยืมของคุณอีกด้วย

การ เทรด 1 Lot คือ การใช้ Use Margin 1000 ดอลล่า เพื่อที่จะเทรดฟอเร็กซ์ โดยใช้ Leverage 1:100  หมายความว่า คุณต้องมีเงินในบัญชีเทรดฟอเร็กซ์มากกว่า 1000 $ คุณจึงจะเทรดที่ 1 Lot ได้ และการเปลี่ยนแปลงต่อจุด ถ้าราคาเคลื่อนที่ไป 1 pips จะเท่ากับ 10 $  เพราะฉะนั้น ถ้าคุณมีเงินแค่ 1000 $ แล้วคุณปล่อยให้ลบ 100 pips บัญชีของคุณก็จะโดน Margin Call ทันที ถ้าคุณไม่มี Margin โบรกเกอร์ก็จะตัดทันที
Leverage 1 :200 สิ่งที่แตกต่างของ Leverage 1:200 คือ จำนวนเงินที่ใช้เทรด Use Margin จะน้อยกว่า 1:100 แต่ การเปลี่ยนแปลงต่อ 1 pip เท่ากับ 10 $ เหมือนกัน
ไม่ว่าคุณจะเล่นที่ Leverage เท่าไร การเปลี่ยนแปลงต่อ 1 pips (กำไร/ขาดทุน) ก็ยังคงเท่าเดิม
ซึ่ง ตอนนี้บางโบรกเกอร์ สร้าง Leverage  สูงๆ ขึ้นมาเพื่อให้พวกนักลงทุนที่ชอบเล่นสั้นๆ ลงเงินเยอะๆ อย่างเช่น  Loeverage 1:1000 ถ้าคุณมีเงิน 1000 $ ในบัญชี คุณสามารถเทรด 5 Lot ได้ ซึ่งก็หมายความว่า คุณต้องการให้ได้กำไร 50$ ต่อ pips แต่ถ้าราคาไม่เป็นดังที่คุณต้องการ ราคาลบไป 20 pips
พอร์ตของคุณก็จะเกลี้ยงทันที เป็นต้น

Leverage คือ จำนวนเปอร์เซ็นต์ที่ได้ยืมเงินจากโบรกเกอร์เพื่อทำการเปิดออเดอร์เทรด 
ยกตัวอย่าง เช่น เมื่อคุณซื้อ 100 หุ้นในตลาดหุ้นโดยที่ราคาหุ้นละ 10 $ ต่อหุ้น คุณต้องใช้เงิน 1000$ เพื่อ
เปิดการเทรด บางโบรกเกอร์ให้คุณยืมเงินเพื่อเทรดสูงถึง 50-80% ของมูลค่าหุ้นทั้งหมด แทนที่คุณจะใช้เงิน 1000$ แต่คุณกลับใช้แค่ 500 $ เท่านั้น เพื่อทำการเทรด สิ่งนี้แหละที่ทำให้เทรดเดอร์สามารถซื้อหุ้นได้มาก โดยใช้เงินเท่าเดิม อย่างไรก็ตามทางโบรกเกอร์ก็จะชาร์จกำไรจากการยืมของคุณ หลักการณ์นี้ก็นำมาใช้กับตลาด Forex

        โบรกเกอร์ฟอเร็กให้คุณยืมถึง 99 % ของทั้งหมดเพื่อให้คุณเปิดการเทรดและคุณก็ใช้มันเพียงแค่ 1 % เท่านั้น ถ้าคุณต้องการเทรด 1000$ คุณใช้มันเพียงแค่ 10 $ นี่แหละครับ คือความแตกต่างระหว่างตลาดหุ้นและตลาดฟอเร็กซ์ และตลาดฟอเร็กไม่ชาร์จกำไรจากการยืมของคุณด้วย

        เอาล่ะครับ หลายๆคนอาจจะงง เรามาดูกันเลยครับ ว่า Leverage ที่โบรกเกอร์ฟอเร็กได้กำหนดไว้มีเท่าไรบ้าง โดยส่วนมากโบรกเกอร์จะกำหนด Leverage ตั้งแต่
Leverage       
1:1
1:2
1:10
1:100
1:200
1:400
1:500
1:1000 เฉพาะบางโบรกเกอร์ เท่านั้น เช่น Exness Broker

142
ฝนตกพรำๆ เรามาต่อกันด้วยเรื่อง forex Interbank คืออะไร ใช้อย่างไร



Interbank กับการเทรด forex
สิ่งที่น่าสนใจคือ ความสำคัญของ Interbank กับ forex Interbank จะหมายถึง ตลาด Forex นั่นเอง  แต่ในแง่ของการกู้เงิน ทั้งสองอย่างนี้ไม่ค่อยที่จะเกี่ยวข้องกันเสียเท่าไหร่ แต่ว่าเราก็อาจจะรู้หรือว่าศึกษาไว้พร้อมๆกัน เพื่อทำความเข้าใจในเรื่องของ ระบบการเงิน ดังนั้นหากคุณสนใจในเรื่องของการเทรด forex แล้ว ต้องการที่จะเทรด forex อาจไม่ต้องกังวลมากเกี่ยวกับเรื่องของ Interbank แต่ว่าสิ่งที่น่าสนใจคือ หากคุณพบว่า Broker ของคุณนั้นทำ Interbank นั่นหมายความว่า ความมั่นคงทางการเงินของ โบรกเกอร์ forex แห่งนั้นอาจอยู่ในภาวะที่กำลังมีปัญหาก็เป็นได้

จริงๆแล้วตั้งแต่ผมได้ทำการเทรด forex มา ก็ไม่เคยเข้าใจเลยครับว่า Interbank มันคืออะไรและ ถ้าเอาจริงๆแล้ว เราก็อาจไม่ค่อยได้ใช้เรื่องเหล่านี้เสียเท่าไหร่นัก เพราะว่ามันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการเทรด forex โดยตรง เป็นเพียงแต่เรื่องของความรู้ประกอบในเรื่องของการเงินเท่านั้นครับ



ประโยชน์ของการใช้ Interbank
1.ช่วยให้ธนาคารสามารถหมุนเงินได้

ประโยชน์ข้อแรกนี้ถือว่าเป็นประโยชน์ข้อสำคัญมากๆของธนาคารผู้ขอกู้เลยทีเดียว กล่าวคือ การทำ Interbank จะสามารถทำให้ธนาคารนั้นๆ สามารถขอกู้เงินได้ สามารถนำเงินมาหมุนในโครงการต่างๆได้ทันที เช่นโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลเป็นต้น

2.ช่วยให้ได้ดอกเบี้ยเพิ่ม

ข้อดีและประโยชน์ประการที่สองคือช่วยให้ธนาคารได้ดอกเบี้ยเพิ่มจากการปล่อยเงินกู้แบบ Interbank ก้อนใหญ่ให้ธนาคารอื่นๆ เช่นปล่อยเงินกู้จำนวน 10,000 ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 1 ก็ได้ทันที 100 ล้านบาทแบบนี้เป็นต้น ซึ่งเท่ากับว่าธนาคารที่ปล่อยเงินกู้ จะสามารถมีรายได้แถมมีความมั่นคงแห่งสินทรัพย์มากกว่าด้วย

3.บ่งบอกถึงภาวการณ์ขาดสภาพคล่องของธนาคาร

ถ้าคุณพบว่าธนาคารใดก็ตามที่ มีการขอทำ Interbank นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าธนาคารแห่งนั้น อาจกำลังเดือดร้อน หรือมีปัญหาในเรื่องของการเงิน ดังนั้นถ้าคุณฝากเงินกับธนาคารที่มีการขอทำ Interbank แล้ว โปรดพิจารณาเงินของคุณให้ดีนะครับ

โครงสร้างของตลาดฟอเร็กซ์
ตลาด forex จะไม่เหมือนกับตลาดหุ้น โดยจะถูกแบ่งออกเป็นระดับต่าง ๆ โดยจะมีตลาดระหว่างธนาคาร “interbank market” เป็นระดับด้านบนสุด (ซึ่งรวมถึงธนาคารพาณิชย์และธนาคารกลางขนาดใหญ่ที่สุดในโลก อย่างเช่น Citi Bank , Deutsche Bank , Barclays Investment Bank , UBS AG , HSBC , JP Morgan หรือ Goldman Sachs ซึ่งตลาดระหว่างธนาคารนี้จะเป็นแบบกระจายจากศูนย์กลางเช่นเดียวกันกับตลาดซื้อขายเงินตราระหว่างประเทศ แต่จะถูกห้อมล้อมด้วยธนาคารพาณิชย์และวาณิชธนกิจขนาดใหญ่ ซึ่งเกือบ 40% ของการซื้อขายทั้งหมดจะมาจากธนาคารระดับ top-tier) ระดับต่อมาจะประกอบด้วยธนาคารขนาดกลางและขนาดเล็ก , เฮดจ์ฟันด์ (ห้างหุ้นส่วนสำหรับการลงทุนที่เปิดให้สำหรับนักลงทุนจำนวนหนึ่งเท่านั้น) บริษัทพาณิชย์ ECNs รายย่อย (Electronic Communication Networks) บริษัท โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์รายย่อย และนักเทรดรายย่อย (นักลงทุนและนักเทรดรายบุคคล)

Interbank คืออะไร
ช่วงที่มีข่าวในเรื่องของการปล่อยกู้ของธนาคารออมสิน ให้กับทาง ธกส. เพื่อที่จะระบายในเรื่องของค่าข้าว เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากๆ เพราะจะมีคำศัพท์คำหนึ่งปรากฏขึ้นมาคือคำว่า Interbank ฟังแล้วเผินๆอาจมีความหมายว่า หมายถึงธนาคารในประเทศหรือเปล่า แต่ในความเป็นจริงแล้ว หมายถึงอะไร และเกี่ยวข้องอะไรกับการเทรด forex หรือไม่ มาศึกษาไปพร้อมๆกันครับ

Interbank คืออะไร
Interbank ในที่นี้จะมีสองนัยยะหรือ สองความหมายด้วยกันกล่าวคือ

คือ การบริการกู้ยืมเงินระหว่างทางธนาคารด้วยกันเอง หมายความว่าธนาคารกระทำต่อธนาคารด้วยกันเอง เช่น ธนาคารกรุงไทยกู้เงินจากธนาคารกรุงเทพ หรือ ธกส.กู้เงินจากธนาคารออมสิน เป็นต้น ลักษณะแบบนี้ครับที่เรียกว่า Interbank ซึ่งมักใช้เพื่อการปรับสภาพคล่องของธนาคารที่ขอกู้ ซึ่งคำที่จะตามมาคือ Interbank Rate
Interbank Rate เป็นอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมระหว่างธนาคาร เป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมในตลาดเงินระยะสั้น โดยธุรกรรมอาจจะอยู่ในรูปการกู้ยืมแบบจ่ายคืนเมื่อทวงถาม (at call)  หรือเป็นการกู้ยืมแบบมีกำหนดระยะเวลา (term) ตั้งแต่ 1 วัน ถึง 6 เดือน ในทางปฏิบัติส่วนใหญ่ ประมาณร้อยละ 50 – 70 เป็นการกู้ยืมระยะ 1 วัน (Overnight) รองลงมาเป็นการกู้ยืมแบบจ่ายคืนเมื่อทวงถาม (at call)

Interbank คืออะไร (3)

ความหมายในทาง Forex โดยตรง หมายถึง “ตลาด Forex นั่นเอง” (Interbank market) เนื่องจากตลาดฟอเร็กซ์ไม่มีสถานที่ตั้งหรือศูนย์กลาง หรือสำนักงานใหญ่ เหมือนตลาดหุ้นอื่น ตลาดฟอเรกซ์ ถูกจัดอยู่ในประเภท Over the Counter (OTC) หรือ ธนาคาร “Interbank” เนื่องจากตลาดทั้งหมดทำการซื้อขายในระบบ electronic ด้วยระบบเครือข่ายของธนาคาร จึงสามารถทำการซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ซึ่งไหนๆ ก็ไหนๆแล้ว จะขอโยงไปยังคำใกล้เคียงกันอีกคำ คือ Spote Market (ตลาดสปอตมาร์เกต) ก็คือตลาดที่ทำธุรกรรมการแลกเปลี่ยนสกุลเงินตามราคาปัจจุบัน ดังนั้น Forex จึงจัดอยู่ในประเภท สปอตมาร์เกต ด้วย เพราะใช้ค่าของตัวเงินในการเทรดนั่นเอง ต่างจาก Future Market อันหมายถึงการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า ด้วยเทคโนโลยี่สื่อสารที่ทันสมัยในปัจจุบัน ทำให้ Spote Market ได้รับความนิยมเหนือ Futrue Market แบบขาดลอย เพราะผู้เทรดใน Future Market จำต้องพิจารณาควบถึงอุปสงค์ของสินค้าเกษตร รวมทั้งแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนในอนาคตด้วย

ภาพรวมของ Interbank FX
สำหรับโบรกอย่าง Interbank FX ถือเป็นโบรกเกอร์ที่เปิดให้บริการแก่ผู้ที่สนใจในการเทรด forex ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและไม่ต้องการใช้ระบบที่เหมือนใครในการเทรด forex

ข้อดีของ Interbank FX
1.ช่วยให้คุณสามารถสร้างอาชีพเทรด forex ได้
จุดเด่นข้อแรกของที่ Interbank FX นั่นคือ มีระบบที่เรียกว่า RadarScreen ที่จะช่วยให้คุณนั้นเข้าใจถึงวิธีการเทรด forex อย่างถูกต้อง และสามารถเทรดได้อย่างต่อเนื่อง

2.มีการวิเคราะห์ข้อมูลให้อย่างต่อเนื่อง
เมื่อคุณสมัครเป็นสมาชิกในการเทรดกับทาง Interbank FX  สิ่งแรกที่คุณจะได้รับนั่นคือบทวิเคราะห์ต่างๆเกี่ยวกับสกุลเงินต่างๆ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเทรด forex

3.คอยช่วยคุณดูคู่เงิน
การเทรดกับทาง Interbank FX คุณจะได้รับความรู้สึกเสมือนว่ามีเพื่อนอีกคนนั้นที่ควรร่วม หรือคอยช่วยเหลือในการเทรดร่วมไปกับคุณด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีถ้าคุณนั้นยังเป็นมือใหม่ในการเทรด forex

ข้อเสียของ Interbank FX
1.ไม่รองรับภาษาไทย
Interbank FX ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรองรับภาษาไทย และถ้าหากคุณตัดสินใจที่จะเลือกเทรดกับทาง Interbank FX แล้ว นั่นหมายถึงคุณควรจะมีทักษะทางภาษาอังกฤษที่ค่อนข้างดีเสียหน่อยครับ

2.ระบบการใช้งานที่ยุ่งยาก
Interbank FX ออกแบบระบบการเทรด forex ที่เป็นการเฉพาะตัว ดังนั้นคุณจะพบกับความยุ่งยากอย่างมากในการเทรดกับทาง Interbank FX ดังนั้นจงเรียนรู้ที่จะเทรดกับที่อื่นดีกว่าที่นี่มากมายนัก

3.ไม่มีโปรโมชั่นอะไร
เรื่องสุดท้ายคือ การสมัครเป็นสมาชิกกับทาง Interbank FX  คุณจะไม่ได้รับโบนัสหรืออะไรต่างๆเลยครับ เนื่องจากว่าทาง Interbank FX ไม่มีนโยบายใดๆ ที่จะมอบโบนัสให้กับคุณ

143
อากาศกำลังน่านอน ดังนั้น admin ขอนำเสนอเรื่อง forex Inside Bar คืออะไร ใช้อย่างไร มาดูกันครับ

Inside bar Set up

โดยทั่วไปการเทรด Inside bar มีอยู่ 2 แบบ คือ

Continuation
Reversal
 

Continuation – เทรดตามแนวโน้ม

 



จากกราฟข้างต้นจะเห็นได้ว่าแท่งเทียนฟอร์ตัวรูปแบบ Inside bar แล้วเกิดการไปต่อของราคา ตามแนวโน้ม … มีแค่ช่วงขวาสุดขวากราฟที่เป็นการกลับตัวของราคา เนื่องจากเป็นราคาอ่อนตัวลงมาทดสอบแนวรับ Low เดิม ซึ่งเป็นลักษณะการเทรด Reversal ที่จะกล่าวในส่วนถัดไป

 

Reversal – หาจุดกลับตัว

 



กราฟข้างต้นเป็นตัวอย่างการใช้ Inside bar ในการหาจุดกลับตัว โดยใช้ควบคู่กับแนวรับแนวต้าน โดยราคาเกิด Inside Bar พร้อมกับเป็นจังหวะเดียวกับที่ชนแนวต้านสำคัญ ทำให้เกิดการกลับตัวของราคาในที่สุด

ซึ่งเทรดเดอร์สามารถนำ Set up นี้ไปประยุกต์ใช้การรูปแบบการเทรดต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิในการเทรดให้สูงที่สุด รับรองว่ารูปแบบนี้จะเป็นประโยชน์กับเทรดเดอร์อย่างยิ่ง

Inside Bar คืออะไร
หนึ่งใน Set up การเทรดโดยใช้ Price action ที่เป็นที่นิยมของเหล่าเทรดเดอร์สายนี้ เนื่องด้วยโอกาสการชนะที่สูง สร้าง Risk reward ratio ที่ดี มีช่วง Stop loss ที่สั้นกว่า Set up อื่น ๆ และยิ่งถ้าใช้ประกอบกับสัญญาณอื่นๆ อย่างแนวโน้มของตลาด และแนวรับแนวต้าน ก็จะยิ่งทวีความสามารถของมันได้อย่างดียิ่ง

หน้าตาของ Inside Bar

 

Inside Bar คือแท่งเทียนที่ลงเล็กลงกว่าแท่งก่อนหน้า (หรือที่เรียกว่า Mother Bar) และถูกปกคลุมส่วนของแท่งเทียนทั้งหมด

โดยแท่งที่เป็น Inside Bar นั้นต้องมี Low ที่สูงกว่า และ High ต่ำกว่า แท่งเทียนที่เป็น Mother bar

 

การเทรด Inside Bar โดยทั่วไป

จะเป็นการเทรดลักษณะ Breakout คือจะเข้าเทรดก็ต่อเมื่อ แท่งเทียนเกิดรูปแบบ Inside Bar และแท่งเทียนถัดจาก Inside bar นั้นเกิดการ Breakout ในทางใดทางหนึ่ง โดยใช้ High หรือ Low ของแท่ง Mother Bar เป็นจังหวะ Long หรือ Short

– Long ตาม เมื่อ ราคาทะลุ High ของ Mother ขึ้น (ใช้คำสั่ง Buy stop order)

            – Short ตาม เมื่อ ราคาทะลุ Low ของ Mother ลง (ใช้คำสั่ง Sell stop order)

 



ความหมายของ Inside bar

Inside bar เหมือนเป็นสัญญาณว่าราคากำลังอยู่ในช่วงที่ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปในทางไหน แกว่งตัวแคบๆ รอการเลือกทาง

แปลคร่าวๆ inside bar ก็คือแท่งกราฟ ที่มันอยู่ภายในกรอบราคาของแท่งก่อนหน้า หรือก็คือ ราคาของแท่งกราฟที่เป็น inside bar นั้น ราคาสูงสุดจะไม่เกินราคาสูงสุดของแท่งก่อนหน้ามัน  และราคาต่ำสุดไม่ต่ำกว่าราคาต่ำสุดของแท่งเทียนก่อนหน้า ดูจากภาพประกอบ แท่งเทียนที่เป็นสีเหลืองคือ inside bar
 
  Inside bar บ่งบอกถึงเวลาที่ตลาดเกิดความลังเลหรืออยู่ในช่วงสะสมกำลัง   ถ้าเรามองใน time frame ที่เล็กลงไป   ช่วงที่เกิด inside bar เราจะเห็นรูปแบบกราฟเป็นรูปสามเหลี่ยม (triangle) อย่างเช่นเกิด inside bar ในกราฟ h4  ถ้าเราไปดูที่กราฟ h1 เราอาจจะเห็นรูปแบบกราฟคล้ายๆสามเหลี่ยม
Inside bar มักจะเกิดที่จุดสูงสุด หรือต่ำสุด  หรือเป็นช่วงพักเทรน  และจุดที่เป็นจุดสำคัญในการตัดสินใจเช่นบริเวณแนวรับแนวต้านสำคัญๆ 


  Inside bar เกิดได้ในทุก time frame ก็มีหลายคนเอาไปประยุกต์ใช้เป็นระบบเทรดแนว breakout คือรอ buy เมื่อกราฟขึ้นทะลุ high ของ inside bar  และรอ sell เมื่อราคาลงทะลุ low ของ inside bar  ผมเห็นใน forexfactory ก็มีคนมาโพสๆไว้ แต่ยังไม่ว่างแปล  ใครลองไปหาข้อมูลดูได้ครับ แต่เท่าที่ผมสังเกตุ  มันก็ใช้ได้อยู่ แต่ยังไม่มีเวลาทดลองจริงจัง ใครว่างๆ จะเอาไปลองดูก็ได้ครับ บางคนก็เล่นระดับกราฟวัน  บางวันเล่นสั้นๆในกราฟ m5 m15 ก็มี


 ในอินดี้ที่ผมเขียนมานี่ จะมีเส้น 4 เส้น
เส้นที่ 1 เป็น high ของแท่งก่อนหน้า inside bar
เส้นที่ 2 เป็น high ของแท่ง inside bar
เส้นที่ 3 เป็น low ของแท่ง inside bar
เส้นที่ 4 เป็น low ของแท่งก่อนหน้า inside bar

โดยเส้นจะแสดงราคาของ inside bar แท่งล่าสุดก่อนหน้ามัน  เพื่อแสดงเป็นแนวในการ break out

ที่ตีเส้นของแท่งก่อนหน้า inside bar ด้วยเพราะบางระบบ จะยึดกรอบราคาของแท่งก่อนหน้าเป็นหลัก เลยทำเผื่อๆไว้ แต่ส่วนมากจะยึดราคาของแท่ง inside bar อย่างเช่นระบบเทรดข่าว nonfarm เป็นต้น 

144
วันสบายๆ อากาศกำลังชิวๆ มาอ่านเรื่อง forex Indicator คืออะไร ใช้อย่างไร กันต่อดีกว่า

ประโยชน์ของ Indicator

1.ช่วยบอกเทรน (trend) ว่าเป็นไปในทิศทางใด หรือว่าคุณนั้นสามารถเทรดไปในทิศทางใดจึงจะปลอดภัยที่สุด

2.สามารถบอกจุดทำสัญญาณซื้อ หรือขายได้อย่างชัดเจน พร้อมทั้งบอกจุดที่เราจะทำการปิดคำสั่งซื้อ

3.ช่วยลดความเสี่ยงในการเทรด forex ให้เป็นมากกว่าการพนัน แต่คุณสามารถคาดเดาสิ่งต่างๆได้จากกราฟนั่นเอง

4.บอกจุด stop loss ของคุณได้อย่างชัดเจน ทำให้คุณมีข้อมูลตัดสินใจก่อนทำการเทรดต่อ

5.บอกจุดที่คุณนั้นควรที่จะ let Profit Run อย่างชัดเจนว่าจะต้องทำอย่างไร

แนวทางการเลือกใช้ Indicator

1.กำหนดเทรนของกราฟให้ได้เสียก่อน (สำคัญมากเพราะถ้ากำหนดตรงนี้ผิดคือจบเลย)

2.เลือกอินดี้ที่เหมาะสมสำหรับการเทรดของคุณไม่เกิน 2-3 ตัว อย่าใส่อินดี้มากเกินไป จะทำให้รูปแบบการเทรดของคุณมีปัญหา

3.อย่าใช้อารมณ์จงเชื่อในอินดี้ของคุณ โดยปกติแล้วอินดี้มักจะทำจำนวนตาที่ถูกต้องประมาณ 6-10 ครั้งต่อการเทรด 10 ครั้ง

4.อย่าทำตัวเป็นคนเกือบรวย อย่าโยน Lot ใหญ่ๆ จำไว้ไม่ใช่การพนัน แต่นี่เป็นการเทรดของจริง

Indicator แนะนำสำหรับมือใหม่

MACD

ผมเชื่อว่าถ้าคุณเพิ่งเริมศึกษาในเรื่องของการเทรด forex แล้ว ค่า MACD นั้นยังสามารถใช้งานได้ และใช้งานได้จริงเสียด้วยสิ คุณเพียงแค่ดูการตัดกันของเส้นกราฟ MACD จากนั้นถ้าตัดขึ้นก็เปิดออเดอร์ซื้อ หรือถ้าตัดลงก็เปิดออเดอร์ขาย แค่นั้นเองครับ

สรุปแล้ว Indicator หรือตัวชีวัดนี้ ถือเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญอย่างมากในการช่วยให้คุณสามารถเทรดทำกำไรในตลาด forex ได้อย่างรวดเร็วและที่สำคัญคือคือ คุณสามารถเลือกใช้อินดี้แบบง่ายๆในการทำกำไรในตลาด forex และทำให้คุณนั้นสามารถทำไงเงินได้จริงอีกด้วย

Indicator คืออะไร
Indicator คืออะไร

คุณเคยได้ยินใครพูดถึงคำว่า “อินดี้” ไหมครับ ผมว่าอย่างน้อยก็ในบทความของผมล่ะ คำว่า “อินดี้”นี้ ไม่ได้หมายถึงนักร้อง หรือการแต่งกายแบบนอกกระแสนะครับ แต่หมายถึงเครื่องมืออันทรงพลังมากๆในการเทรด forex จริงๆแล้วมันเป็นเรื่องมือเดียวเสียด้วยซ้ำที่ผมแนะนำให้กับคุณ มันคือ ตัว Indicator นั่นเอง ดังนั้นมาทำความรู้จักกับเจ้า Indicator ให้มากขึ้นไปพร้อมๆกันนะครับ

Indicator คืออะไร

Indicator คือตัวชี้วัดในการเทรด forex เป็นตัวที่สามารถบอกข้อมูลสำหรับการเทรดของคุณ ได้แก่การบอกแนวโน้มของกราฟแท่งเทียนว่าจะไปในทิศทางใด รวมถึงตัว Indicator บางตัวนั้นสามารถบอกจุดที่คุณจะเปิดคำสั่งซื้อ หรือคำสั่งขายได้ด้วยครับ โดยเจ้า Indicator มักมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “อินดี้”

145
forex Ichimoku cloud indicator คืออะไร ใช้อย่างไร

การใช้ Inchimoku indicator ในการเทรด การใช้ Ichimoku , Ichimoku คือ

Ichimoku เป็น Indicator ตัวหนึ่งที่อยู่ในโปรแกรม MT4 เมื่อเปิด Ichimoku ขึ้นมา หลายๆคนคงจะงงกับเส้นต่างๆซึ่งอยู่บน Chart เพราะIchimoku มีส่วนประกอบอยู่หลายเส้นมากๆ ซึ่งส่วนประกอบของ Ichimoku มีดังนี้


# The cloud : ดูแนวโน้มใหญ่ และ แนวรับ / แนวต้าน

เริ่มแรกในการวิเคราะห์แนวโน้มภาพรวมนั้นให้ดูว่าราคาเคลื่อนไหวสูงกว่า หรือต่ำกว่า Cloud และอีกทั้งยังสามารถใช้ Cloud เป็นช่วงแนวรับ / แนวต้าน ได้เข่นกัน จากตัวอย่างด้านล่างจะเห็นว่าราคาได้มีปฏิกริยาตอบสนองกับ Cloud ระหว่างการเคลื่อนไหว

# Conversion และ Base lines

Conversion และ Base lines เป็นการให้สัญญาณซื้อ และขาย ในช่วงที่ Conversion line ตัดเส้น Base line ขึ้นเป็นสัญญาณบวก และถ้าเส้น Conversion ตัดเส้น Base line ลงจะเป็นสัญญาณลบ และเมื่อนำมาประกอบการวิเคราะห์กับ Cloud แล้วจะเพิ่มประสิทธิมากขึ้น

# การหาจุดเข้าและจุดออก

เมื่อ ระหว่างช่วงแนวโน้มขาลง ถ้าราคาขึ้นมายืนเหนือ Conversion และ Base line ได้เป็นสัญญาณว่า Momentum เริ่มเปลี่ยน
แต่ถ้ายังไม่สามารถผ่านแนวต้านบริเวณ Cloud ไปได้ ก็ยังไม่ยืนยันว่าแนวโน้มใหญ่นั้นเปลี่ยน
และเมื่อราคาทะลุ Cloud ขึ้น แสดงถึงแนวโน้มขาลงได้จบลง
เทรดเดอร์สามารถใช้ Ichimoku ในการเทรด ได้ทั้งแบบ Conservative และ aggressive
– Conservative : จะรอจนกว่าราคาทะลุ Cloud ขึ้น (ลง)

– Aggressive : เริ่มเทรดตั้งแต่ราคาขึ้นเหนือ Conversion และ Base line (หรือต่ำกว่า)


Seknou A – faster moving boundary: The middle between Conversion and Base Line

Senkou B – slower moving boundary: The middle between the 52-period high and low

Important: The Cloud is shifted 26 periods into the future

วัตถุประสงค์ของ Cloud นั้นคล้ายกับ Conversion และ base lines คือจะสามารถแสดงได้ถึงแนวรับ/แนวต้านและให้ข้อมูลเกี่ยวกับทิศทางของแนวโน้มและโมเมนตัมของราคา แต่ที่ Cloud นั้นจะให้ข้อมูลที่ช้ากว่าเพราะใช้ช่วงการคำนวณที่ 52 วัน

ในพื้นฐาน Cloud จะยืนยันขาขึ้นได้ก็ต่อเมื่อราคาเคลื่อนไหวเหนือ Cloud และในทางตรงกันข้าม จะยืนยันขาลงได้ก็ต่อเมื่อราคาเคลื่อนไหวต่ำกว่า Cloud และในช่วงที่ราคาเคลื่อนไหวใน Cloud เป็นช่วง Noise zone ในช่วงการขึ้น Cloud มักใช้สีเขียวเป็นการแสดงถึงแนวโนวขาขึ้น และใช้สีแดงเป็นการแสดงถึงแนวโน้มขาลง

Tenkan Sen / Conversion Line: The middle of the 9-period high and low

Kijun Sen / Base Line: The middle of the 26-period high and low

วัตถุประสงค์ของ The conversion and bas lines มี 2 อย่างคือ 1. หาแนวรับแนวต้าน และ 2 . ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ Momentum เมื่อราคาเคลื่อนไหวเหนือ 2 เส้นนี้ และ Conversion Line อยู่เหนือ Base line ให้สัญญาณว่า Bullish momentum

– Conversion and base lines ทำหน้าที่คล้าย แนวรับ / แนวต้าน

– ซื้อ ก็ต่อเมื่อ ราคาเคลื่อนไหวเหนือกว่าเส้น conversion and base lines และตรงกันข้าม ขาย ก็ต่อเมื่อ ราคาเคลื่อนไหวต่ำกว่าเส้น conversion and base lines

– เมื่อเส้น Base lines ตัดเส้น Conversion Line ขึ้น เป็นสัญญาณ Bullish Momentum

 

2) The Ichimoku cloud : บริเวณก้อนเมฆที่สร้างจากขอบบนและขอบล่างของช่วงระหว่างเส้น 2 เส้นที่มาจาก 1. ค่าเฉลี่ยระหว่าง Conversion และ Base lines และ 2. ค่ากลางของช่วง High และ Low ในรอบ 52 วัน และที่สำคัญคือ Ichimoku cloud จะเลื่อน Plot เส้นลงในกราฟล่วงหน้าไป 26 วัน



Ichimoku cloud indicator คืออะไร
 

เครื่องมือนี้ถูกสร้างขึ้นโดยคนญี่ปุ่นทำให้ชื่อเป็นภาษาญี่ปุ่น ซึ่งเป็นหนึ่งเครื่องมือที่ครบเครื่อง เป็น All-in-one indicator เลยทีเดียว ซึ่งให้ข้อมูลทั้ง แนวรับ/แนวต้าน , แนวโน้มทิศทางของราคา และ โมเมนตัม ในเวลาเดียวกัน ถือได้ว่าเครื่องมือนี้เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ แต่เทรดเดอร์ส่วนมากมักเห็นเครื่องมือนี้แล้วจะรู้สึกงงๆ ว่าเส้นอะไรมันเยอะเต็มไปหมดเลย และบ่อยครั้งที่ตีความเครื่องมือนี้ผิดไป ในบทความนี้จะมาชี้ถึงขั้นตอนวิธีการใช้ Ichimoku indicator ในการเทรด

 



ขั้นแรก : ทำความรู้จัก 2 ส่วนประกอบหลัก

1) The conversion and bas lines : ถ้ามองผ่าน 2 จะคล้ายกับเส้นค่าเฉลี่ย (Moving averages) แต่จะแตกต่างตรงที่ The conversion and bas lines เป็นการแสดงถึงค่ากลางระหว่างช่วง 9 วันและ 26 วันของ High และ Low หมายความว่าถ้าย้อนหลังไป 9 วันและ 26 วัน นำช่วงที่สูงที่สุด และต่ำที่สุดในช่วงดังกล่าว และ Plot ค่ากลางของช่วงนั้น

1.Tenkan Sen (สีแดง ) Tenkan Sen แสดงค่าเฉลี่ยของราคาในระหว่างช่วงเวลาแรกจะกำหนดโดยผลรวมของค่าสูงสุดกับค่าต่ำสุดภายในช่วงเวลานี้ Tenkan Sen ถูกกำหนดโดย
Tenkan Sen =(Highest high +Lowest low)/2 คำนวณย้อนหลังไป 9 ครั้งในช่วงเวลานั้น(ค่าเริมต้นถูกตั้งค่าไว้ที่ 9 )
2.Kijun Sen (สีน้ำเงิน) Kijun Sen แสดงค่าเฉลี่ยของราคาในระหว่างช่วงเวลาที่สอง หรือ base line
ซึ่ง Kijun Sen คำนวณได้จาก (Highest high +Lowest low)/2 คำนวณย้อนหลังไป 26 ครั้งในช่วงเวลานั้น( ค่าเริมต้นถูกตั้งค่าไว้ที่ 26)
3.Senkou Span A (เส้นสีเหลือง) แสดงค่ากึ่งกลางของระยะระหว่างสองเส้นก่อนหน้านั้นถูก Shift ไปด้านหน้าโดยค่าของช่วงเวลาที่สอง(26) ซึ่ง Senkou Span A หาได้จาก
Senkou Span =(Tenkan Sen +Kijun Sen )/2 ถูก plot ไปข้างหน้า 26 ครั้ง ในช่วงเวลานั้น
4.Senkou Span B (เส้นสีขาว) แสดงค่าเฉลี่ยของราคาในระหว่างช่วงเวลาที่สาม ถูก shift ไปด้านหน้าโดยค่าช่วงเวลาครั้งที่สอง (highest high +Lowest)/2 คำนวณย้อนหลังไป 52 ครั้งในช่วงเวลานั้น (ค่าเริ่มต้นตั้งค่าไว้ที่ 52 )ถูก plot ไปด้านหน้า 26 ครั้ง
5. Chinkou Span หรือ Lagging Span (เส้นสีเขียว) Chinkou Span ถูก plot ย้อนหลัง 26 ครั้ง เส้นสีเขียว Chinkou Span แสดงโดยราคาปิดปัจจุบันถูก shift ย้อนหลังไป โดยหลักการทั่วไปของ Senkou Span คือ


Credit:www.9professionaltrader.blogspot.com Ichimoku คือ , มาทำความรู้จักกับ Ichimoku กันก่อนนะครับ | Forex Trading Blog สอนเทรด Forex - แหล่งศึกษาข้อมูล Forex และสอน Trade Forex แบบมืออาชีพ
Under Creative Commons License: Attribution

ระยะระหว่างทั้งสองเส้นของ Senkou Span เป็นเส้นประไข่ปลาสีต่างๆ จะถูกเรียกว่า ก้อนเมฆ(Cloud)หรือเรียกว่า Kumo
เส้น Senkou Span ทั้งสองถูกดันไปข้างหน้าในช่วงเวลานั้นๆจะแสดงแนวรับและแนวต้านในอนาคต เมื่อราคาทะลุแนวรับที่เกิดจาก Senkou เส้นเหล่านี้ก็จะกลายเป็นแนวต้าน Senkou ไม่สามารถบอกเทรนได้แต่จะเป็นแนวรับแนวต้าน


- ถ้าราคาอยู่เหนือกลุ่มเมฆ Senkou Span เส้นแรกจะเป็นแนวรับแรก( first support) และ Senkou Spanเส้นที่สองจะเป็นเส้นแนวรับที่สอง (second support)

146
เที่ยงครึ่งแล้ว เรามาต่อกันด้วยเรื่องของ forex Hidden Divergence คืออะไร ใช้อย่างไร

โดยทั่วไปสัญญาณ Divergence มี 2 แบบคือ

Bullish Divergence
Bearish Divergence
 

การเกิด Divergence แบบทั่วไปนั้นจะเป็นสัญญาณการเปลี่ยนแนวโน้ม แสดงถึงโมเมนตันเริ่มชะลอตัว แต่การเกิด Hidden Divergence จะเป็นลักษณะการเคลื่อนไหวไปต่อในทิศทางเดิมของแนวโน้มนั้นๆ

Hidden Bullish Divergence : ราคาไม่ลงทำ Low ใหม่ แต่ Indicator ทำ Low ใหม่ ซึ่งราคามักจะปรับตัวขึ้นต่อ
Hidden Bearish Divergence : ราคาไม่ลงทำ High ใหม่ แต่ Indicator ทำ High ใหม่ ซึ่งราคามักจะปรับตัวลงต่อ
 

ลองเอาวิธีการนี้ไปประกอบการเทรดกันดูนะครับ ไว้เพื่อประสิทธิภาพการเทรดให้มากขึ้น แต่ย้ำอยู่เสมอนะครับว่าไม่มี Indicator อะไรที่ให้สัญญาณถูกต้อง 100% การเทรดผิดทางเป็นเรื่องปกติ ควรตั้ง Stoploss เพื่อป้องกันความเสี่ยงการผิดทางเกิดขึ้น

Hidden Divergence คืออะไร
 


Divergence เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องกลับตัวทุกครั้ง ไม่ใช่แค่เห็นราคาทำอาการอ่อนแรง เห็น Indicator Divergence ก็ไป ทึกทักว่า ราคาจะกลับตัว. ... เพราะ ที่จริงแล้ว Divergence signal บอกเราเพียงแค่ ราคาที่วิ่งมีแนวโน้มในขณะนั้น อ่อนแรงแล้ว เท่านั้นเอง
             หรือใน Hidden divergence ก็บอกเพียงว่า ราคาที่ sideway อยู่นั้น กำลังจะเหวี่ยงแรงขึ้น แค่นั้นเอง ไม่ได้บอกว่า จะเลิก sideway แล้ววิ่งเป็น Trend สักหน่อย

             จึงต้องสังเกตุดูรายละเอียดปลีกย่อย ประกอบกับ Price Action , Volume และเส้นแนวรับแนวต้าน เส้น Trend line อีกหลายอย่าง
           
            การมีความเชื่อผิดๆ ว่า Divergence เกิดแล้ว ราคาต้องกลับตัว หรือ เกิด Hidden divergence แล้วราคาต้อง break ออกจากกรอบ sideway ...  ทำให้มุมมองต่อกราฟผิดเพี้ยนไป วางแผนเทรดผิด ... และเสียหายในที่สุด ...

            Trade ด้วย Divergence ไม่ง่าย ต้อง ศึกษาสังเกตุ จนเข้าใจ ... และมีแผนรองรับ เมื่อผิดทาง อยู่เสมอ ..

  หลังจากที่บทความก่อนหน้าที่กล่าวถึงการเทรดรูปแบบ Divergence กันไปแล้ว ครั้งนี้เรามาดูอีกรูปแบบหนึ่งของ Divergence คือ Hidden Divergence … เทรดเดอร์บางคนอาจไม่เคยได้ยินรูปแบบนี้ โดยเรามีดูกันว่ามันคือยังไง

Hidden Divergence เป็นการเกิด Divergence ในขณะที่ราคากำลังเหวี่ยงตัว Sideway ออกข้างในกรอบราคา แล้วแสดงอาการเหวี่ยงตัวแรงขึ้น ให้เห็นว่า ราคามีโอกาสที่จะ Break Out ออกจากกรอบราคาได้ 
                  ใน Hidden Divergence ไม่มีระดับความแรง มีแบ่งแค่ Bullish กับ Bearish เท่านั้น คือ แสดงโอกาสว่า จะวิ่งขึ้น (Bullish) หรือ วิ่งลง (Bearish)

147
forex Hedge คืออะไร ใช้อย่างไร มือใหม่หัดเทรด มาดูกันเลยว่า Hedge คือ

ประโยชน์ที่ได้รับจากการทำ Hedge
ประโยชน์ที่เราจะได้รับจากการทำ Hedge นั้นมีดังต่อไปนี้ครับ

1.ช่วยป้องกันความผันผวนของตลาด

ข้อแรกนี้ถือเป็นข้อที่มีความสำคัญมากที่สุดเลย คือป้องกันความผันผวนของตลาด ซึ่งอาจเกิดจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เช่นการโจมตีฝรั่งเศสของผู้ก่อการร้ายทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 160 คนที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ตลาด Forex ยุโรป มีการแกว่งตัวอย่างรุนแรง และคุณอาจได้รับผลกระทบในกรณีดังกล่าวด้วย

ตัวอย่าง

คุณ Buy EUR/USD ตั้งแต่ 1.4950 และราคาในปัจจุบันคือ 1.5000 แต่กำลังจะมีการประกาศข่าวที่สำคัญของค่าเงิน USD และคุณคาดว่าจะมีความผันผวนที่อาจทำให้ราคาวิ่งไปชนจุด Stop Loss ของคุณได้ คุณจึงจะหาทางที่จะปกป้องผลกำไรของคุณโดยการ Hedge เพื่อป้องกันความเสี่ยงของออเดอร์ของคุณ ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถเอา Stop Loss ของคุณออกได้ชั่วคราวในช่วงที่มีความเสี่ยงจากภาวะราคาผัวผวนมากๆจากข่าว และที่นี้คุณก็สามารถถืออเดอร์รอดูข่าวได้อย่างไม่ต้องมีความเสี่ยงใดๆ ถ้าข่าวที่ออกมาส่งผลดีกับออเดอร์แรกของคุณ (Buy) คุณก็สามารถปิดออเดอร์ Hedge (Sell) ของคุณได้เพื่อให้ ออเดอร์ Buy ของคุณวิ่งทำกำไรต่อไปในแนวโน้มขาขึ้น

2.แก้ไขสถานการณ์เมื่อเทรดพลาด แล้วรอเข้าทำกำไร

เช่น เมื่อเราซื้อ Buy ไว้เพื่อรอให้ราคาขึ้นแต่เกิดความไม่แน่นอนเกิดขึ้นราคากลับตกลงมาต่ำกว่าราคาที่เราซื้อ buy ไว้ เราสามารถทำ Hedging โดยการเปิดขาย Sell ในทางตรงกันข้ามเพื่อจำกัดการขาดทุนไว้ แล้วรอกราฟวิ่งกลับมาราคาเดิมภายหลัง

ซึ่ง Hedge เป็นตัวอย่างหนึ่งในสามวิธีการแก้ปัญหานี้ กล่าวคือ

1 Cut loss ตัดขาดทุนไป หรือตัดกำไรที่ได้จากการเทรดโดยรักษาต้นทุนไว้

2 รอมันเด้งขึ้นมาแล้วปิด หลายคนจะลุ้นวิธีนี้ ซึ่งอาจจะไม่ได้โชคดีเสมอไป การเล่นแบบนี้เขาเรียกว่าเข้าข่ายเล่นพนันครับ

3 แก้ปัญหาโดยการ Hedging



3.ช่วยให้คุณทำกำไรได้เพิ่มขึ้น

นอกเหนือจากการที่คุณจะป้องกันความเสี่ยงแล้วการทำ Hedge ยังสามารถช่วยให้คุณทำกำไร เมื่อราคามีการปรับตัวในราคาวิ่งไปตามแนวโน้ม ซึ่งจะทำให้ผลกำไรของคุณเพิ่มเป็น 2 เท่า กล่าวคือคุณจะได้กำไรจากทั้งการ Buy และ Sell ซึ่งในการใช้กลยุทธ์นี้ในการเทรด คุณควรจะต้องรู้ก่อนว่าจุดกลับตัว หรือจุด Retracement นั้นอยู่ตรงไหน เพื่อที่จะเข้าออเดอร์ได้แม่นยำมากขึ้นครับ

ตัวอย่าง

ถ้าคุณคาดว่า EUR/USD จะวิ่งในทิศทางขาขึ้น คุณจึงเปิด Buy ที่ 1.4950 และเป้าหมาย Take profit ของคุณอยู่ที่ 1.5100 ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 1.5000 และคุณคาดว่าราคาจะลงมาพักตัวที่ระดับ 1.4980 ดังนั้นคุณจึง Hedge ด้วยการ Sell ที่ 1.5000 และเมื่อราคาลงมาถึงระดับ 1.4980 คุณก็ปิดออเดอร์ Sell ของคุณ คุณก็จะได้กำไรในส่วนนี้ไปก่อน แต่คุณยังเก็บออเดอร์ Buy ในครั้งแรกของคุณไว้และหวังว่าราคาจะวิ่งไปถึงเป้าหมายของคุณ (1.5100) แต่ที่แน่ๆคุณได้กำไรจากการ Hedge ออเดอร์ Sell ไปเรียบร้อยแล้ว

อันที่จริงในกรณีนี้ แม้ว่าคุณจะไม่ได้เปิดออเดอร์ Hedge แต่ในการเปิดออเดอร์แรกของคุณก็ทำกำไรได้ 30 จุด อยู่แล้ว ( 1.4980-1.4950 = 30 จากการเปิด Buy ในครั้งแรก)

และเมื่อมีการ Hedge กำไรของคุณจะกลายเป็น 50 จุด (1.4980-1.4950 = 30 จากการเปิด Buy ในครั้งแรก และ 1.5000 -1.4980 = 20 ในการเปิด Sell เพื่อ Hedge)

สรุปก็คือ ถ้ามีการปรับตัวของราคาเกิดขึ้น คุณก็สามารถใช้กลยุทธ์นี้เพื่อทำกำไรได้ แต่ถ้าราคาไม่มีการปรับตัว คุณก็อาจจะสูญเสียกำไรส่วนหนึ่งที่คุณควรจะได้รับไป

แต่มีประเด็นที่น่าสนใจคือ บางโบรกเกอร์ไม่อนุญาตให้คุณใช้กลยุทธ์การ Hedging ได้ ดังนั้นคุณควรหาข้อมูลหรือสอบถามกับทาง Broker ก่อนว่าอนุญาตหรือเปล่า หรือใช้กับบัญชีไหนได้บ้าง การเล่นกับโบรกเกอร์เหมือนเล่นกับเสือครับ เขามีข้อแม้ซ่อนเร้นมากมาย พร้อมที่จะกินหัวคุณอยู่ตลอด

วิธีการทำ Hedging forex
การ Hedging แบบสมบูรณ์ : จะทำกับค่าเงินเดียวกัน ในขนาดสัญญาที่เท่ากัน
เช่น ค่าเงิน EUR USD ผมทำการ SELL ที่ราคา 1.3700 ขนาด 0.25 ล็อตไว้ ต่อมาราคาวิ่งขึ้นผิดจากทางที่ผมคิดไว้อย่างน่าตกใจ ผมก็ BUY ตามน้ำ ที่ราคา 1.3800 ขนาด 0.25 ล็อตเช่นกัน ราคาวิ่งขึ้นไปอีก จนกระทั่งถึงราคา 1.3950 ผมเห็นแล้วว่าเป็นแนวต้าน คิดว่ามันต้องหยุดแน่นอน ก็เลยปลดล็อคกำไรทาง BUY ซึ่งได้กำไรไป 150 จุด จากนั้นผมจะเหลือไม้ SELL ไว้ รอมันวิ่งกลับมาราคาเดิม อาจจะไม่ถึงราคาเดิมก็ได้แต่ก็หักลบอาจได้กำไรนิดหน่อย ซึ่งก็ยังดีกว่าขาดทุน

การ Hedging แบบไม่สมบูรณ์ : จะทำกับค่าเงินเดียวกัน แต่ในขนาดสัญญาที่แตกต่างกัน
เช่น ค่าเงิน EUR USD ผมทำการ SELL ที่ราคา 1.3700 ขนาด 0.25 ล็อตไว้ ต่อมาราคาวิ่งขึ้นผิดจากทางที่ผมคิดไว้อย่างน่าตกใจ ผมก็ BUY ตามน้ำ ที่ราคา 1.3750 ขนาด 0.5 ล็อต ราคาวิ่งขึ้นไปอีก จนกระทั่งถึงราคา 1.3800 ผมจึงซื้อไม้สาม ขนาด 1 ล็อต ต่อมาวิ่งอีกถึงราคา 1.3850 ผมก็ซื้ออีก 1 ล็อต จะเห็นได้ว่าผมถือทั้งหมด 4ไม้จนเกิดกำไร

Hedging ในกรณี ต่างค่าเงิน : เช่น SELL EUR /USD แต่ไป BUY GBP/USD ในเวลาเดียวกัน พอได้กำไรเมื่อไหร่ก็เลิกเลย หรือถือต่อไปตามแผนใจหรือแนวโน้มของตลาดครับ
Hedging โดยใช้ OPtion หรือ binary option contracts : ซึ่งศาสตร์นี้จะลึกซึ้งขึ้นมาอีกหน่อย โดยจะมีเรื่องการหมดอายุสัญญามาให้ปวดหัว กลยุทธ์นี้จะยากขึ้นพลิกแพลงขึ้น ถ้าท่านเข้าใจก็จะมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า ถ้า Hedge เป็นก็รวย ไม่เป็นก็อันตรายครับ

Hedge คืออะไร
คำศัพท์คำหนึ่งที่มีใช้ทั้งในส่วนของการเทรดหุ้น และการเทรด forex โดยอาศัยหลักการเดียวกันแต่กรรมวิธีทำแตกต่างกัน จนมีบทความใน Internet บางบทความเขียนสับสนหรือเอามาปะปนกัน ทำให้เมื่อผมเข้ามาเล่น Forex ใหม่ๆ ผมได้ค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับคำคำนี้ เล่นเอาผมสับสนไปพักหนึ่งเลยทีเดียว คำคำนั้นคือ Hedge ครับ เรามาดูรายละเอียดกันครับ

Hedge คืออะไร
Hedge หรือการทำ Hedging คือวิธีการในการประกันความเสี่ยงของการลงทุน ด้วยวิธีการเปิดรายการซื้อ(buy) และขาย(sell) เงินสกุลเงินเดียวกันในเวลาคาบเกี่ยวกัน

เช่น ถ้าคุณเทรด EUR/USD คุณเปิดทั้งออเดอร์ Buy และ Sell ไว้อย่างละ 1 ออเดอร์ ออเดอร์ละ 1 lot ดังนั้น ไม่ว่าราคาจะวิ่งไปในทิศทางใด คุณก็จะไม่มีทางได้หรือเสียเงิน ยอดรวมบัญชีของคุณจะความสมดุล หรืออาจกล่าวได้ว่า ความเสี่ยงในการเทรดของคุณเป็น 0 หลักการนี้จึงถูกนำไปประยุกต์ในในตอนที่คุณต้องการประกันความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด หรือตอนรู้ตัวแล้วว่าเทรดผิดทางครับ

ตัวอย่างเช่น

เปิด buy เวลา 9:00น. เปิด sell เวลา 11:00น. ปิด sell เวลา 13:00น. ปิด buy เวลา 14:00น. –>> เป็น Hedging
เปิด buy เวลา 9:00น. ปิด buy เวลา 11:00น. เปิด sell เวลา 13:00น. ปิด sell เวลา 14:00น. –>> ไม่เป็น Hedging (เป็นการเทรดปกติ ไม่ใช่เทรดแบบประกันความเสี่ยง)
* แต่ถ้าเป็นการเทรดหุ้น โดยปกติแล้วการทำ Hedge หรือการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน(Currency Hedging) จะกล่าวถึงวิธีการ 2 แบบใหญ่ๆคือ การใช้สิทธิ์ในการซื้อเงินตราต่างประเทศ(Option) และการใช้สัญญาซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้า(Forward Contract) หรือใช้ตราสารอนุพันธ์ประเภท Futures ซึ่งรายละเอียดจะไม่ขอกล่าวนะครับ

ข้อควรรู้ของการทำ Hedge
การทำ Hedge ดูเหมือนจะเสียค่าคอมมิชชั่น 2 รอบ แต่ถ้าคุณเลือกโบรกเกอร์ดีๆ เช่น ที่มีสเปรดน้อยๆ ถ้าทำ Hedge ไปซักพักจะพบว่าค่าคอมมิชชั่นหรือ สเปรด โดยรวมทั้งการซื้อและขายที่ Hedging ไว้จะน้อยกว่าการเทรดทางเดียวของโบรกบางโบรกเสียด้วยซ้ำ(มันหักลบจาก สเปรดทางบวก และลบ) ซึ่งผมมองว่าต่อให้เสียค่าคอมเล็กน้อย ก็ยังดีกว่าล้างพอร์ตครับ
การ Hedge จะใช้ในการเปิด หลังจากเปิดไม้แรกไปแล้วเกิดการผิดทางที่คิดไว้ อาจจะเกิดทะลุแนวรับหรือแนวต้านในกราฟ โดยทำเพื่อลดความศูนย์เสีย และคิดว่าสักพักกราฟจะวิ่งกลับมาราคาเดิมภายหลัง
เช่น เมื่อเราซื้อ Buy ไว้เพื่อรอให้ราคาขึ้นแต่เกิดความไม่แน่นอนเกิดขึ้นราคากลับตกลงมาต่ำกว่าราคาที่เราซื้อ buy ไว้ เราสามารถทำ Hedging โดยการเปิดขาย Sell ในทางตรงกันข้ามเพื่อจำกัดการขาดทุนไว้ไม่ให้มากไปกว่านี้ครับ

วิธี Hedge forex
1.การ Hedge แบบสมบูรณ์ จะทำกับค่าเงินเดียวกัน ขนาดสัญญาต้องเท่ากันด้วย เช่น ค่าเงิน EUR USD ผมทำการ SELL ที่ราคา 1.2600 ขนาด0.25 ไว้ ต่อมาราคา ทะลุขึ้นไป อย่างหน้าใจหาย ผมก็ BUY ล็อตขาดทุนไว้ ที่ 1.2700 ขนาด 0.25 เช่นกัน ราคาวิ่งขึ้นไป ไม่หยุดหายใจ จนกระทั่ง ไป ถึงราคา 1.2850 ผมเห็นแล้วว่าเป็นแนวต้าน ที่คิดไว้เป็นเป้าในใจ คิดว่ามันต้องหยุดแน่ ผม ก็ ปลดล็อค กำไร ทางBUY ซึ่งได้กำไรไป 150 จุดครับ จาก นั้นผมจะเหลือ ไม้ SELL ไว้ ลุ้น รอมันวิ่งกลับมาราคาเดิม อาจจะไม่ถึงราคาเดิม ก็ ได้ แต่ก็ หักลบ กันแล้ว อาจะกำไรนิดหน่อย ก็ ยังดี

2.Hedge แบบ ไม่สมดุล เช่น ไม้แรก ผม SELL ราคา 1.2600 ขนาด 0.25 ไว้ ต่อมาวิ่งขึ้นผิดจากทางที่คิดไว้ ผม ก็ BUY ตามน้ำ ที่ราคา 1.2650 ขนาด สัญญา0.5 ล็อต ต่อมามันวิ่ง ต่อไป อีก ผมซื้อตามน้ำ ตามแผนที่วางไว้ ไม้สาม ราคา 1.2700 ขนาด 1 ล็อต ต่อ มาวิ่ง อีก มาราคา 1.2750 ก็ ซื้อ อีก 1 ล็อต จะเห็น ได้ ท่านถือ ทั้งหมด 4ไม้จนกำไร ก็เลิกเลยก็ ได้ หรือจะถือต่อ ไปจนกว่าจะพอใจ ขึ้นอยุ่กับบริหารหน้าตักของท่าน

3. Hedge ในกรณี ต่างค่าเงิน เช่น SELL EUR /USD แต่ไป ฺBUY GBP/USD ในเวลาเดียวกัน พอกำไรกันเมื่อไหร่ ก็ เลิกเลย หรือถือ ต่อไป ตามแผนใจแต่ละคน
4. Hedge โดยใช้ OPtion หรือ binary option contracts เข้ามาช่วยศาสตร์ตรงนี้จะลึกซึ่งมาหน่อย มีเรื่องการหมดอายุสัญญามาให้ปวดหัว กลยุทธ์จะยากขึ้นพลิกแพลงถ้าท่านเข้าใจก็จะมีค่าใช้จ่ายน้อย
Hedge เป็น ก็ รวย ไม่ เป็นก็ ชิบหายแน่นอน ต้องศึกษาให้ลึกซึ้ง ใช้มันด้วยความเข้าใจ โชคดีทุกท่านนนะครับ

วิธี Hedge forex
Hedge คืออะไร
การเทรดแบบ Hedge คือการเปิดออเดอร์ทั้งซื้อ (buy) และขาย (sell) ที่สกุลเงินเดียวกันในเวลาคาบเกี่ยวกัน เช่น
วันที่ 24 Feb 2015, เปิด buy ตอน 8:00น. เปิด sell ตอน 11:00น. ปิด sell ตอน 13:00น. ปิด buy ตอน 14:00น. >> เป็น Hedging
วันที่ 25 Feb 2015, เปิด buy ตอน 8:00น. ปิด buy ตอน 14:00น. เปิด sell ตอน 14:30น. ปิด sell ตอน 16:00น. >> ไม่เป็น Hedging

ในการเทรด forex ใช้ในการลดความศูนย์เสียได้ หรือทำกำไรได้ ซึ่งมืออาชีพจะใช้กันเยอะ มีเหตุผล 2อย่างที่ไม่ค่อยจะ Hedge
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
1.คนที่ศึกษาการเทรดมาน้อยไม่ลึกซึ้ง จะคิดว่าการเทรดแบบ Hedge เสีย ค่าต๋ง 2รอบ ถ้าท่านเลือก โบรคเกอร์ดีๆ ตัวอย่างเช่น มีสเปรดที่น้อย
ถ้าถือ การ Hedge ไป ซักพัก จะพบว่า ค่าต๋ง หรือ สเปรด รวมทั้งการซื้อและขายที่เฮดดิ่งไว้ จะน้อยกว่า การเทรด ทางเดียว ของโบรคบ้างโบรค
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
2.คนส่วนน้อยศึกษาการเทรดมาน้อย จะไม่เข้าใจการเทรดแบบ Hedge ซึ่งการวิธีการเล่นแบบนี้ การ Hedge จะใช้ ในการเปิด หลังจากเปิดไม้แรกไปแล้วเกิดการผิดทางที่คิดไว้ อาจจะเกิด ทะลุแนวรับ หรือแนวต้าน ในกราฟ เพื่อลดความศูนย์เสีย และคิดว่า ซักพักกราฟจะวิ่งกลับมาราคาเดิมภายหลัง

148
forex Golden Cross คืออะไร ใช้อย่างไร เรามาลองดูกันนะครับ

โดยปกติถ้าเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน ตัด 200 ขึ้น ที่เรียกกันว่า Golden Cross ซึ่งจะเป็นสัญญาณ Bullish ราคาเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้น เทรดเดอร์ก็ควรอยู่ฝั่ง Long (ในทางตรงกันข้าม ถ้าเส้น 50 วัน ตัดเส้น 200 วันลง ก็เป็นสัญญาณ Bearish ราคาเข้าสู่แนวโน้มขาลง เทรดเดอร์ก็ควรอยู่ฝั่ง Short)

 
และถ้าราคาเคลื่อนไหวเหนือเส้น 50 วัน และ 200 วันก็แสดงถึงแนวโน้มของขาขึ้น ซึ่งหลายคนนำเส้นค่าเฉลี่ยเป็นจังหวะในการหาจุดจังหวะเข้าเทรดได้เช่นเดียวกัน โดยถ้าราคาย่อตัวลงมาแตะเส้นดังกล่าว เป็นจังหวะเข้าเปิด Long (ในกรณีแนวโน้มขาขึ้น)

 
ซึ่งเทรดเดอร์ที่มีความสามารถมักใช้จังหวะย่อตัวของราคาในการเข้าเทรด เพื่อให้ได้ราคาที่ได้เปรียบกว่า และความเสี่ยงน้อยกว่า สามารถสร้างผลตอบแทนในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยิ่งเรานำหลักการเส้นค่าเฉลี่ยนี้ไปประกอบการใช้เครื่องมืออื่นๆ อย่าง แนวรับ แนวต้าน , Price action , รูปแบบแท่งเทียน หรือกระทั่ง Indicator ต่างๆ มาประกอบการเทรด เราก็จะสามารถสร้างโอกาสการชนะในการเทรดได้มากยิ่งๆขึ้นไป

Golden Cross คืออะไร
 

เทรดเดอร์มืออาชีพหลายท่านได้ใช้เส้นค่าเฉลี่ยในการยืนยันทิศทางของแนวโน้ม เพื่อกำหนดฝั่งในการเทรดว่าเราควรจะอยู่ฝั่งไหน ถ้าแนวโน้มเป็นขึ้น ก็จะอยู่ฝั่ง Long และถ้าแนวโน้มเป็นลง ก็จะอยู่ฝั่ง Short โดยเส้นค่าเฉลี่ยที่ใช้ในการกรองแนวโน้มนั้นก็มักใช้เส้นค่าเฉลี่ยระยะยาว ซึ่งส่วนมากที่นิยมก็มักจะใช้เส้นค่าเฉลี่ย 50 และ 200 วันในการดูทิศทาง

Golden Cross และ Dead Cross
Golden Cross เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า ตลาดหุ้น หรือ ราคาหุ้นตัวนั้น กำลังเปลี่ยนแนวโน้มจากเดิมเป็นขาขึ้นระยะสั้น เป็นขาขึ้นระยะยาว (Long Term Bull) ทางตรงกันข้าม Dead Cross เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า ตลาดหุ้น หรือ ราคาหุ้นตัวนั้น กำลังเปลี่ยนแนวโน้มจากเดิมเป็นขาลงระยะสั้น เป็นขาลงระยะยาว (Long Term Bear)

สาเหตุที่บอกว่า เปลี่ยนจาก ระยะสั้น -> ระยะยาว ก็เพราะว่า ทั้ง Golden Cross และ Dead Cross นั้นให้สัญญาณช้ากว่าสัญญาณทางเทคนิคตัวอื่นๆ จนนักลงทุนสายเทคนิคส่วนใหญ่ ถึงขั้นบอกว่า Dead Cross คือ สัญญาณชีพสุดท้าย ของตลาดขาขึ้น และ Golden Cross คือ สัญญาณเริ่มต้นของขาขึ้นลูกใหม่

Golden Cross เกิดขึ้น บนเงื่อนไขว่า เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้น (Short-term Moving Average) ตัดขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะยาว (Long-term Moving Average)

149
forex gold spot คืออะไร ใช้อย่างไร

Gold Spot  คืออะไร ทำไมถึงน่าลงทุน?

การลงทุนในตลาดโกล์ดสปอต หรือ Gold Spot Market คืออะไร?

การลงทุนในตลาดสปอตทอง เป็นการลงทุนในทองคำแบบหนึ่ง ที่ใช้เงินลงทุนค่อนข้างต่ำ แต่สามารถทำกำไรได้มหาศาล มากมายหลายเท่า เนื่องจากราคาทองคำแกว่งตัวค่อนข้างสูงทำให้มีส่วนต่างของราคาให้เราได้เล่น ได้ทำกำไร แต่ในทางกลับกันก็สามารถทำให้ท่านหมดตัวได้เร็วพอกัน ดังนั้นการลงทุนในรูปแบบนี้จึงต้องมีวิธีการที่รัดกุม ผู้ลงทุนต้องมีความเข้าใจ จึงจะสามารถลงทุนในรูปแบบนี้ได้  ปรึกษาโบรกเกอร์ของคุณถึงวิธีการเทรดอย่างปลอดภัยที่สุด จะช่วยให้คุณเอาชนะตลาดได้ในที่สุด

 
 

ทำไมจึงน่าลงทุนกับสปอตทอง?

เราจะสังเกตว่าราคาทองคำมีขยับขึ้นลงทุกวัน โดยปรกติขยับอยู่ระหว่าง 5 usd – 30 usd และถ้าเป็นช่วงผันผวนอาจ ขยับได้ถึง 200 usd เลยทีเดียว ทำให้เราสามารถทำกำไรได้ถึง 100 usd ต่อวัน ได้อย่างง่ายดาย แม้จะลงทุนแค่ 170 usd ก็ตาม นอกจากนี้แล้วทองคำยังมีการซื้อขายตลอด 24 ชม อีกด้วย ทำให้เราสามารถเลือกตลาดที่จะลงทุนได้ เช่นถ้าลงทุนช่วงบ่ายจะเป็นตลาดยุโรป และถ้าเป็นช่วงหัวค่ำก็จะเป็นตลาดอเมริกา และเรายังสามารถ cut loss หรือตัดขาดทุนได้ตลอดเวลา ในกรณีที่เราลงทุนผิดทิศทาง

นอกจากนี้เรายังสามารถทำกำไรได้แม้ทองคำจะมีราคาลดลง คือนอกจากเราจะซื้อถูกแล้วค่อยขายแพง ในตลาดโกล์ดสปอต เรายังสามารถ ขายแพงก่อน แล้วค่อยไปหาซื้อในราคาถูกได้ ทำให้เรามีช่องว่างในการทำกำไรได้มากขึ้นอีกด้วย

สิ่งที่นักลงทุนทุกคนควรเข้าใจเป็นพื้นฐานและพึงระวังคือ การลงทุนใดๆ ก็ตามที่ทำกำไรให้เราได้มหาศาลในเวลาอันรวดเร็ว ก็สามารถทำให้เพื่อนๆ ขาดทุนในเวลาอันรวดเร็วได้ด้วยเหมือนกัน เราจึงต้องหาความรู้ความเข้าใจในการลงทุน ให้มากๆ มีแผนการลงทุนที่แน่นอน มีระเบียบวินัยในการลงทุน

 

ภาพรวมของตลาดสปอตทองคำ

สำหรับในประเทศไทย การลงทุนในตลาดสปอตทอง หรือโกล์ดสปอตนั้น (Gold Spot) ยังไม่มีกฏหมายออกมารองรับเท่าที่ควร ทั้งที่เป็นการลงทุนที่ถูกต้องในต่างประเทศ และลงทุนกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งสำหรับประเทศไทย ก็จะแค่ตลาดโกล์ดฟิวเจอร์เท่านั้น ที่ดูเหมือนจะคล้ายๆ กัน แต่ก็ยังมีข้อด้อยอีกมากไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตลาดที่เปิดไม่ถึง 24 ชม. และราคาทองที่ต้องอิงกับ สมาคมผู้ค้าทองคำ และอัตราแลกเปลี่ยนอีกซึ่งทำให้บางครั้ง แม้ว่าราคาในตลาดโกล์ดสปอตจะขยับขึ้นเป็น 10 usd แล้วก็ตาม แต่ราคาทองคำในประเทศไทย ยังคงที่อยู่

แต่อย่างไรก็ดี ตลาดโกล์ดสปอตแม้จะยังไม่มีกฏหมายออกมารองรับ แต่ก็ยังไม่มี กฏหมายห้ามสำหรับการลงทุนในลักษณะนี้ เพียงแต่ท่านที่ต้องการลงทุนในตลาดนี้ จำเป็นต้องเลือกโบรกเกอร์ Broker ที่ไว้ใจได้ ซื่งเราจะสังเกตได้จาก โบรกเกอร์นั้น ต้องไม่บังคับให้ผู้ลงทุน ลงทุนคราวละมาก ๆ และหรือ ต้องไม่มีโปรโมชั่นที่เกินจริง เพราะในทางกลับกัน ถ้าเค้าไม่มีรายได้เลย เค้าจะอยู่ได้อย่างไร


เราทำกำไรกับสปอตทอง (Gold Spot) ได้อย่างไร?

การเทรดสปอตทอง หรือโกล์ดสปอตนั้น เป็นการซื้อ-ขายทองคำ 99.9% ซึ่งมีหน่วยเป็น Lot คล้ายๆ กันกับค่าเงิน โดยเราสามารถหาอัตราส่วนได้ดังนี้

ทองคำ 1 สแตนดาร์ด lot   =   ทองคำ 100 troy oz.

ทองคำ 1 troy oz.            =   ทองคำ 31.104 g.

ถ้าราคาทองคำอยู่ที่ usd 1,700 / 1 troy oz. แล้วเราลงทุนที่ 1 standard lot เท่ากับเราลงทุนด้วยเงินถึง usd 170,000 ซึ่งเป็นเงินจำนวนมหาศาลเลยทีเดียว แต่สำหรับตลาดโกล์ดสปอตแล้ว เราใช้เงินลงทุนแค่ เพียง usd 1,700 เท่านั้น เพราะเรามี มาร์จิน (margin หรือ leverage) นั่นเอง ซึ่งถ้า Leverage ที่ใช้เทรดนั้นอยู่ที่ 1:200 ดังนั้น การลงทุน 1 lot คือ usd 340,000 จะใช้เงินลงทุนแค่ usd 340,000 หาร 200 = usd 1,700  เท่านั้นเอง

 

เรากำไรเท่าไหร่ เมื่อเราเทรดด้วยเงินลงทุน 1 std lot

สมมุติว่าราคาทองเพิ่มขึ้น usd 5 จากเดิม usd 1,700 เป็น usd 1,705 เพราะฉะนั้นเงินที่เราลงทุนจากเดิม usd 340,000 ก็จะกลายเป็น usd 341,000 ทำให้เราได้กำไรถึง usd 1,000 จากการเทรดครั้งนั้น  ซึ่งเราจะเห็นว่าการที่ราคาทองคำ ขยับ usd 5 เหรียญนั้น เป็นอะไรที่ง่ายมากๆ ยิ่งช่วงที่มีความผันผวนอย่างหนัก ราคาทองคำอาจขยับถึง usd 250 เลยทีเดียว คิดง่ายๆ ว่าถ้าเราเทรดที่ 1 std lot แล้ว ทองขึ้น usd 1 เราได้กำไร usd 200

ในทางกลับกัน ถ้าเรามีทุนน้อย ข้อดีของสปอตทองที่มีมากกว่าโกล์ดฟิวเจอร์ คือ เราสามารถย่อขนาดการลงทุนได้ จาก 1 std lot เป็น 0.1 std lot หรือ ย่อขนาด 0.01 std lot ก็ได้ แต่กำไรขาดทุน เราก็จะลดลงเช่นเดียวกัน คือ ถ้าลงทุน 0.1 lot แล้วทองขยับ 1 usd จะได้กำไร 20 usd และถ้าเทรดที่ 0.01 lot แล้วทองคำขยับ 1 usd จะได้กำไร 2 usd เท่ากัน

สรุปข้อดีในการลงทุนแบบ Gold spot มีดังนี้

1. ลงทุนต่ำแต่ผลตอบแทนคุ้มค่า (เปิดพอร์ทลงทุนขั้นต่ำ 100 USD หรือ 100 Euro)

2. ทำกำไรได้ทั้ง"ขาขึ้น" และ "ขาลง" ของภาวะตลาดทองคำในตลาดโลก (คือ"ซื้อมาขายไป" หรือ "ขายก่อนซื้อ"ก็ได้

3. ตลาดเปิดทำการซื้อขาย ตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันทำการ ตั้งแต่ วันจันทร์-ศุกร์ (ทำการซื้อขายได้ตลอดเวลาที่บอกมาด้วยตัวคุณเอง อีกทั้งสามารถกำหนดการ cut loss หรือ profit จากการซื้อขายได้)

4. ทุกตั๋วสัญญาซื้อขายสามารถทำการ ตรวจสอบได้ว่ามีการซื้อขายจริงในตลาดโลก เพราะการซื้อขายนั้น จะอิงราคาทองคำซื้อขายตามตลาดโลกในทุกช่วงนาที

5. ราคาทองคำ เคลื่อนไหวตามข่าวสาร เศรษฐกิจโลก และค่าเงิน สะดวกและง่ายต่อการซื้อขายทองคำแค่มีคอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต กำไรก็จะเกิดขึ้นแค่เพียงปลายนิ้วด้วยโปรแกรมเทรด MT4 หรือโปรแกรมเทรดเฉพาะ AvaFx Trader แล้วแต่ความถนัด

6. โปรแกรมเทรดมี Demo ให้ทดลองเล่นจากสถานการณ์จริงก่อนเพื่อให้ลูกค้าได้ทราบถึงวิธีการลงทุนว่าสามรถทำกำไรได้ยังไง

Gold Spot คือ สัญญาซื้อขายราคาทองคำในตลาดโลก ที่สามารถซื้อ-ขายได้ทันที โดยผู้ลงทุนไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินทั้งจำนวน แค่วางเงินส่วนหนึ่งไว้กับโบรกเกอร์ก่อนส่งคำสั่งซื้อขายเพื่อเป็นเงินมัดจำ หรือเรียกว่า เงินหลักประกันขั้นต้น (Initial Margin)

โดยที่เราจะเน้นทำกำไร จากส่วนต่างของการซื้อขายราคาทองในตลาดโลก โดยราคาทองจะมีหน่วยเป็นเงินดอลล่าร์ (USD) ต่อน้ำหนัก 1 ออนซ์ (Ounce) โดยที่ราคาทองจะวิ่งขึ้นลงตลอดทั้งวัน 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันจันทร์ ถึง วันศุกร์ โดยมีแรงซื้อขายจากตลาดทั่วโลก ซึ่งสามารถทำการซื้อขายทองคำด้วยพอร์ทลงทุนของผู้เล่นเอง และสามารถทำกำไรได้ทั้งที่ภาวะราคาทองขาขึ้นและราคาทองขาลง ด้วยคุณลักษณะเด่นที่สามารถซื้อก่อนขายหรือขายก่อนซื้อก็ได้ และใช้เงินลงทุนน้อย

การเล่น Gold spot สามารถทำการเล่นโดยผ่านโปรเกอร์ (Broker) หรือบริษัทตัวแทนการซื้อขาย ของท่างต่างประเทศ ซึ่งสำหรับนักลงทุนทองคำชาวไทย ก็สามารถสมัครเปิดบัญชีเพื่อเทรด Gold spot กับทางบริษัทตัวแทนได้ บริษัทตัวแทนการซื้อขายที่เราแนะนำในที่นี้คือ AvaFx.com เนื่องจากมีค่า spread ที่ค่อนข้างต่ำ การฝากเงินไม่ยุ่งยาก (สามารถใช้บริการฝากเงินผ่านทางเว็ปไซด์ของเรา) และการถอนเงินก็สามารถถอนผ่านบัตร AvaFx Debit Master Card ของทางบริษัทจากตู้ ATM ทั่วโลกได้ หรือสามารถฝากถอนเงินผ่านบัตรเครดิตด้วยตัวท่านเอง หรือจะใช้บัตร K-cyber banking ในการฝากและถอนเงินเข้าบัญชีเทรดได้เช่นกัน ตลอดจนการใช้บัญชี Paypal ในการฝากถอนเงินก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการเทรดกับ บริษัทตัวแทน AvaFx

150
มาต่อกันด้วยคำศัพท์คำนี้ forex Gold Futures คืออะไร ใช้อย่างไร

Forex นั้นมีชื่อเต็มคือ Foreign Exchange market แปลกันตรงตัวก็คือ ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายๆก็เหมือนตลาดสดบ้านเรานั่นแหละครับ เพียงแต่เปลี่ยนจากการซื้อ-ขายแลกเปลี่ยน "เงิน-สินค้า" เป็นการแลกเปลี่ยน "เงิน-เงิน" ซึ่งก็มีค่าเงินหลากหลายสกุล รวมถึงหุ้นประเภทต่างๆเช่น หุ้นทองคำ, หุ้นน้ำมัน, หุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ให้ทำการซื้อ-ขายแลกเปลี่ยน ซึ่งนักลงทุนหรือนักเล่นหุ้นทั้งหลายทั่วโลกสามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ (จันทร์-ศุกร์, 24 ชั่วโมง) เพราะตลาดนี้กระจายอยู่ตามสถานที่ต่างๆทั่วโลก และหุ้นทองคำก็เป็นหุ้นอีกตัวที่น่าซื้อ-ขาย ซึ่งบทต่อไปเราจะพูดถึงรายละเอียดก่อนที่เราจะเข้าถึงตลาดเหล่านี้กัน
       แต่ก่อนที่เราจะลงลึกรายละเอียดขอกล่าวอะไรสั้นๆสำหรับมือใหม่ที่กำลังเริ่มเล่นหุ้นสักนิดครับว่า เว็บไซต์ที่ผมทำขึ้นมานี้ไม่ได้มีเจตนาเพื่อการระดมทุนใดๆทั้งสิ้น แต่เพียงเพื่อแบ่งปันความรู้ และข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์แด่บุคคลธรรมดาทั่วไปหรือไม่ว่าจะเป็นนักเล่นหุ้นรายวัน (Day Trader), หรือนักเล่นหุ้นระยะยาว (Value Investor) และอยากให้บทความแต่ละเรื่องเป็นประโยชน์กับคนรุ่นหลังต่อไปครับ ^^

ปล.การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนการลงทุน

กลยุทธ์ที่เรานำมาปรับใช้กับการเทรด gold spot
กลยุทธ์ที่มีการเลือกนำมาใช้กับการเทรด gold spot ก็สามารถเลือกใช้กราฟทางเทคนิคที่คุณมีความรู้ หรือว่ามีความชำนาญมาใช้ในการทำนายราคาก็สามารถทำได้ครับ จริงๆแล้ว ถือว่ามีความปลอดภัยด้วย โดยจุดสำคัญคือ ต้องการ TF ยาวๆสักรายชั่วโมงอย่างนี้จะดีกว่านะครับ

gold spot กับ forex
สำหรับ gold spot กับ forex นั้น มีส่วนเกี่ยวข้องกันอย่างมากคือ บรรดาโบรกเกอร์ forex ทั้งหลายต่างเปิดบริการให้คุณนั้นสามารถเข้ามาทำการเทรดทองกันได้ในตลาด forex โดยใช้บัญชีเดียวกันกับบัญชีที่คุณใช้ในการเทรด forex ค่าเงินตัวอื่นๆนั่นเอง แต่อย่าลืมระวังในเรื่องของค่าสเปรดด้วยนะครับก่อนที่จะทำการ gold spot เพื่อดูว่าตัวใดที่ให้ราคาที่ต่ำที่สุด

ผมคิดว่าถ้าเรามีเวลาน้อย การเลือกเทรดพวก gold spot น่าจะเป็นคำตอบที่ดีมากๆเลยนะครับ เพราะว่าง่ายมากต่อการเทรด และการทำกำไร อีกทั้งคุณยังสามารถทำเงินได้จริง โดยการใช้หลักกลยุทธ์จากการเทรดหุ้น หรือจากเรื่องอื่นๆมาทำการปรับใช้ไปด้วยในตัวเอง


ข้อดีของการเล่น gold spot
1.คุณสามารถซื้อขายได้ทันทีที่เปิดบัญชี เป็นการลงทุนต่ำแต่ผลตอบแทนคุ้มค่า โดยปกติแล้วการเปิดบัญชี gold spot กับทางโบรกเกอร์ต่างๆ จะใช้เงินประมาณ 100 เหรียญเท่านั้น คุณก็สามารถเริ่มต้นในการเทรด gold spot ได้แล้ว

2.การเทรด gold spot ก็เป็นลักษณะของสัญญาแบบ CFD เหมือนกัน ส่งผลให้คุณนั้นสามารถเทรดทำกำไรได้ทั้งตลาดทองขาขึ้น และรวมทั้งตลาดทองในขาลง (คือ”ซื้อมาขายไป” หรือ “ขายก่อนซื้อ”ก็ได้ ) เรียกว่าสามารถทำตลาดได้ทั้งสองแบบเลยตามต้องการ เป็นการทำกำไรที่สนุกและง่ายมากๆ

3.สัญญาซื้อขายนั้นเป็นของจริง และราคาทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นต่างก็อิงตามราคาตลาดจริงด้วยกันทั้งสิ้น ทุกตั๋วสัญญาซื้อขายสามารถทำการตรวจสอบได้ว่ามีการซื้อขายจริงในตลาดโลก เพราะการซื้อขายนั้น จะอิงราคาทองคำซื้อขายตามตลาดโลกในทุกช่วงนาที ดังนั้นคุณจึงไม่ต้องกังวลว่าการซื้อขายนั้นๆจะเป็นการซื้อขายปลอม หรือว่าสามารถมีการปั่นราคาทองคำกันในตลาดโลก

4. ราคาทองคำ เคลื่อนไหวตามข่าวสาร เศรษฐกิจโลก และค่าเงิน จึงใช้หลักการเคราะห์เดียวกับตลาดหุ่น หรือ Forex

5. ตลาดเปิดทำการซื้อขาย ตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันทำการ ตั้งแต่ วันจันทร์-ศุกร์ (ทำการซื้อขายได้ตลอดเวลา อีกทั้งสามารถกำหนดการ cut loss หรือ profit จากการซื้อขายได้) การซื้อขายทองคำสะดวกและง่าย เพียงเรามีแค่คอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต กำไรก็จะเกิดขึ้นเพียงปลายนิ้วด้วยโปรแกรมเทรด MT4 หรือโปรแกรมเทรดเฉพาะของแต่ละโบรกเกอร์ แล้วแต่ความถนัดครับ

6. โปรแกรมเทรดมี Demo ให้ทดลองเล่นจากสถานการณ์จริงก่อนเพื่อให้ลูกค้าได้ทราบถึงวิธีการลงทุนว่าสามรถทำกำไรได้ยังไง ก่อนลงสนามด้วยเงินจริงครับ



gold spot คืออะไร
gold spot คำนี้อาจทำให้นักเทรด forex หลายๆคนมีความสับสนได้เมื่อเอาไปเทียบกับคำว่า gold future เพราะคำว่า gold future นั้นจะหมายถึงตลาดการซื้อขายทองคำล่วงหน้า ซึ่งใช้ในประเทศไทยเท่านั้น แตกต่างจากคำว่า gold spot เป็นอย่างมาก ดังนั้นเพื่อความเข้าใจอย่างง่ายๆถึงคำว่า gold spot มาศึกษาความหมายไปพร้อมๆกันเลยนะครับ



gold spot คืออะไร
ความหมายของคำว่า gold spot หมายถึงการเทรดทองคำในตลาดโลก เป็นการเทรดกับทองคำจริงๆในตลาดโลก ซึ่งเป็นการซื้อขายกันจริงๆ เพียงแต่ว่าเมื่อเราซื้อแล้ว เราจะไม่ได้รับออกมาเป็นทองคำส่งมาที่บ้านนะครับ (ถ้าส่งมาหายแน่ๆ) แต่จะมาในรูปแบบของใบเอกสารสัญญาแทน

โดยที่เราจะเน้นทำกำไร จากส่วนต่างของการซื้อขายราคาทองในตลาดโลก โดยราคาทองจะมีหน่วยเป็นเงินดอลล่าร์ (USD) ต่อน้ำหนัก 1 ออนซ์ (Ounce) โดยที่ราคาทองจะวิ่งขึ้นลงตลอดทั้งวัน 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันจันทร์ ถึง วันศุกร์ โดยมีแรงซื้อขายจากตลาดทั่วโลก

ความแตกต่างของ Gold Spot และ Gold Future(ตลาดทองคำเมืองไทย)
เวลาในการลงทุน
– Gold Spot มีเวลาลงทุน 24 ชม. ช่วงเวลาของตลาดก็หมุนตามโลก

สรุปง่ายๆคือ พระอาทิตย์ส่องที่ไหน ตลาดใหญ่ก็เปิดที่นั่นครับ เช้ามาก็ตลาดเอเชีย บ่ายก็ยุโรป เย็นก็อเมริกาครับ ราคาเป็นราคากลางของโลก

– Gold Future มีเวลาลงทุนเป็นช่วงเวลาเหมือนของตลาดหุ้นไทย (แต่เดี๋ยวนี้เค้าจะมีช่วงกลางคืนแล้ว เพื่อตาม Gold Spot) เพราะว่าส่วนมากทองคำจะวิ่งแรงช่วงกลางคืนเพราะตลาดอเมริกาเปิดแล้วก็มีตัวเลขเศรษฐกิจประกาศด้วย

Volume การลงทุน
– Gold Spot จะมี Volume การลงทุนมากครับ เพราะว่าเป็นตลาดของทั่วโลก ทุกประเทศจึงสามารถเข้ามาลงุทนได้ ดังนั้นราคาที่วิ่งนั้นจะรวดเร็วกว่า มีการขยับมากกว่าครับ

– Gold future จะมี Volume ภายในประเทศไทย ราคาก็จะขยับน้อยหน่อย เพราะ

เป็นของภายในประเทศ จุดเด่นของ Gold future คือ จะเทรดกับโบรกเกอร์ไทยครับ


หน้า: 1 ... 8 9 [10] 11 12 ... 14
SMF 2.0.15 | SMF © 2011, Simple Machines
SMFAds for Free Forums