แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Lolox101

หน้า: 1 ... 14 15 [16] 17
226
พูดคุยForexทั่วไป / Forex คือ อะไร
« เมื่อ: 30/ก.ค./2015 04:32:51 »

    Forex คือ อะไร

ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราสากล Foreign Exchange Market เรียกโดยย่อว่า FOREX  หรือ Retail forex” หรือ FX หรือ Spot FX หรือเพียงแค่ Spot เป็นสถาบันตลาดการเงินที่ใหญ่สุดในโลก ด้วยปริมาณการซื้อขายเกิน 4 ล้านล้านเหรียญต่อวัน ถ้าเราเปรียบกับ 25 ล้านเหรียญ ต่อวัน ของปริมาณการซื้อขายของตลาดหุ้นิวยอร์ค คุณจะเห็นความมหึมาของตลาดเงินตราสากล ความจริงแล้วมันก็ประมาณ 3 เท่าของตลาดหุ้นทุกชนิดในโลกรวมกัน นี่คือความยิ่งใหญ่ของ Forex

    คนไทยส่วนใหญ่ เข้าใจคำว่า Forex ผิดไป ส่วนมาก เมื่อเอ่ยถึง Forex จะมีภาพพจน์ไปทางทางฟอกเงิน ก็เพราะด้วยเหตุที่ว่า Forex เป็นแหล่งเงินที่มีความคล่องตัวสูงมาก จึงทำให้สิบแปดมงกุฏทั้งหลาย นิยมอ้างถึงในการชวนระดมทุนว่านำไปทำกำไรในตลาดฟอเร็กซ์ หากอ่านต่ออีกไม่กี่นาทีข้างหน้าคุณจะมองเห็นภาพของฟอเร็กซ์กระจ่างขึ้น


    ใช้อะไรในการค้าเงินตรา


คำ ตอบที่ง่ายที่สุดก็คือ เงิน ตลาด ฟอเรกซ์ เป็นตลาดที่ทำการซื้อหนึ่งสกุลและขายอีกหนึ่งสกุลได้ในทันที สกุลค้าขายโดยผ่ายตัวแทน โบรกเกอร์ (Broker) หรือ ตัวแทน (Dealer) และซื้อขายกันเป็นคู่ต่างสกุลเงิน ยกตัวอย่างเช่น เงินดอล์ล่ายูโร กับ ดอล์ล่าอเมริกา หรือ เงินปอนด์อังกฤษ กับ เงิน เยน ญี่ปุ่น

เป็น เพราะว่าคุณไม่ได้ซื้อสิ่งของที่จับต้องได้ การค้าชนิดนี้อาจจะเข้ายากสักนิด อาจคิดเหมือนกับว่าการซื้อสกุลเงินเป็นการซื้อหุ้นของประเทศนั้น ๆ เมื่อคุณซื้อเงิน เยน ญี่ปุ่นเท่ากับคุณซื้อหุ้นเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่น เพราะค่าของสกุลเงินของประเทศญี่ปุ่น เป็นผลสืบเนื่องโดยตรง ที่ตลาดเล็งถึงภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันและอนาคตของประเทศญี่ปุ่น

โดย ทั่วไปแล้วอัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินต่ออีกสกุลเงินหนึ่ง สะท้อนถึงสถานภาพของเศรษฐกิจของประเทศนั้น เปรียบเทียบ กับอีกประเทศหนึ่ง
ไม่ เหมือนตลาดหุ้น (Stock Market) ของนิวยอร์ค ตลาดฟอเร็กซ์ไม่มีสถานที่ตั้งหรือศูนย์กลาง หรือสำนักงานใหญ่ เหมือนตลาดหุ้นอื่น ตลาดฟอเรกซ์ ถูกจัดอยู่ในประเภท Over the Counter (OTC) หรือ ธนาคาร “Interbank” ด้วยความจริงที่ว่าตลาดทั้งหมดเดินด้วยการสื่อสารอีเลคทรดนิค ภายในเครือข่ายของธนาคารๆ ตลอด 24 ชั่วโมง

ก่อน ปี ค.ศ. 1990 เฉพราะเศรษฐี และ องค์กรใหญ่ ๆ เท่านั้น ที่สามารคเข้าเทรดในตลาดฟอเร็กซ์ นี้ได้ คุณสมบัติขั้นต่ำคือคุณต้องมี 50,000,000.– (ห้าสิบล้าน) เหรียญสหรัฐ เพื่อเริ่มต้นที่จะเข้าทำการเทรด แรกทีเดียว ตลาดฟอเรกซ์ ถูกจัดให้เป็นตลาดที่ใช้โดยธนาคาร และ องค์กรใหญ่ ๆ เท่านั้น ไม่ได้มีไว้ให้พวกเราเข้าเทรดเล่นๆหรอกนะ อย่างไรก็ตามความก้าวหน้าทางอินเตอร์เนท การเทรดฟอเรกซ์ได้ถูกจัดโดยเอเยนซี่ต่างๆ ให้เข้าทำการเทรดได้ ด้วยบัญชีรายย่อย สำหรับพวกเรา ๆ ท่าน ๆ

ทั้งหมดที่ท่าน ต้องมี ก็เพียงแต่ เครื่องคอมพิวเตอร์ และ บริการไฮสปีส อินเตอร์เนท และข้อมูลต่าง ที่คุณหาได้ จาก  blog  9professionaltrader ของเราครับ

9professionaltrader สร้างขึ้นด้วยวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้ทางด้าน Forex และสอนวิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานให้กับเทรดเดอร์ผู้ที่ต้อง การจะมีหารายได้จาก Internet นอกจากนี้ยังมีบทวิเคราะห์เพื่อเป็นแนวทางสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่


Spote Market คืออะไร ? ตลาดสปอตมาร์เกต ก็คือตลาดที่ทำธุรกรรมการแลกเปลี่ยนสกุลเงินตามราคาปัจจุบัน Forex จัดอยู่ในประเภท สปอตมาร์เกต เพราะใช้ค่าของตัวเงินในการเทรดนั่นคือเงิน ต่างจาก Future Market ที่เราได้ยินกันในประเภทซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยี่สื่อสารที่ทันสมัย ทำให้ Spote Market ได้รับความนิยม เหนือ Futrue Market แบบ ขาดลอย เพราะผู้เทรดใน Future Market จำต้องพิจารณาควบถึงอุปสงค์ของสินค้าเกษตร รวมทั้งแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนในอนาคตด้วย ซึ่งนับวันจะได้รับความนิยมน้อยลง การทำการซื้อขายฟอร์เรกซ์ ผู้เทรดคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับความมั่งคง มั่งคั่งของประเทศที่เลือกเทรดและประเทศคู่ค้า จะเห็นว่าการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า Future Market ก็ต้องคำนึงถึงปัจจัยนี้เช่นกัน และอีกยังคำนึงถึงปัจจัยนี้เช่นกัน และอีกยังต้องคำนึงถึงอุปสงค์ของสินค้านั้น ๆ อีกด้วย การวิเคราะห์แนวโน้มราคาของสินค้าเกษตรจึงดูเหมือนกับไม่ใช่เป็นของหมู ๆ เลย Future Market จำถูกจำกัดอยู่เฉพราะในวงการพ่อค้าคนกลางของสินค้านั้น ๆ

    สกุลเงินอะไรที่ ใช้ในการเทรด ?


สกุลเงินที่เป็นที่นิยมพร้อมด้วยชื่อย่อดังรายการต่อไปนี้.-
อักษรย่อ    ประเทศ    สกุลเงิน    
   ชื่อเรียก    
USD    United States    Dollar    
   Buck    
EUR    Euro members    Euro    
   Fiber    
JPY    Japand    Yen    
   Yen    
GBP    Great Britain    Pond    
   Cable    
CHF    Switzerland    Franc    
   Swissy    
CAD    Canada    Dollar    
   Loonie    
AUD    Australia    Dollar    
   Aussie    
NZD    New Zealand    Dollar    
   Kiwi    


อักษรย่อของสกุลเงินจะเป็นอักษร 3 ตัว เสมอ 2 ตัวแรกบ่งถึงประเทศ ตัวสุดท้ายหรือตัวที่ 3 บ่งถึงชื่อสกุลเงินที่ประเทศนั้นใช้

    ช่วงเวลาสำหรับการเทรด Forex



Spot FX market หริอ ตลาดสปอต เป็นเอกลักษณ์ในตลาดโลก เหมือนซุปเปอร์มาเก็ต ที่เปิดตลาด 24 ชั่วโมงต่อวัน ศูนย์การเงินเปิดให้บริการทุกที่ ทุกเวลา ทั่วโลก ธนาคาร และ สถาบันการเงิน สำหรับบริการทั้งวันทั้งคืนอาจหยุดเพียงชั่วขณะช่วงสุดสัปดาห์
ตลาด แลก เปลี่ยนเงินตราหมุนตามดวงอาทิตย์รอบโลก ซึ่งคุณสามารถเทรดได้ในเวลากลางคืน (หากว่าคุณใกล้เคียงมนุษย์ค้างคาว) หรือ ช่วงเช้าตรู่ (ถ้าคุณชอบหากินดั่งนก) แต่ควรตระหนักไว้หน่อยว่า นกไม่จำเป็นต้องจับหนอนได้เสมอไป ในตลาดเทรด คุณอาจได้หนอนมาเหมือนกัน แต่เจ้านกสกปรกตัวใหญ่กว่าอาจฉกหนอนของคุณต่ออีกทีก็ได้
ช่วงเวลา    นิวยอร์ค    เวลาโลก
โตเกียว เปิด    7:00 pm.    0:00
โตเกียว ปิด    4:00 am.    9:00
ลอนดอน เปิด    3:00 am.    8:00
ลอนดอน ปิด    12:00 pm.    17:00
นิวยอร์ค เปิด    8:00 am.    13:00
นิวยอร์ค ปิด    5:00 pm.    22:00


    ตลาด ฟอร์เร็กซ์ (OTC) over the counter


ฟอร์เร็กซ์ OTC ว่าไปแล้วเป็นตลาดเทรดเงิน ที่ใหญ่และป๊อปปูล่าที่สุดในโลก
ทำ การเทรดโดยบุคล และ องค์กรต่าง ๆ ทั่วโลก ในตลาด หน้าเค้าเตอร์ (OTC) สมาชิกผู้เทรดตัดสินใจว่าจะเทรดสกุลเงินไหน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และความน่าเชื่อถือ ของราคา และประวัติ ของสุกลนั้นต่ออีกสกุลหนึ่ง
ผัง แสดงค่านิยม ของผู้เทรด ต่อสกุลเงิน แสดงว่า เงินดอล์ล เป็นเจ้าศูนย์กลางแห่งการเทรดของบรรดานักเทรดทั่วโลกถึง 89%ของการเทรดทั้งหมด ยูโรมาเป็นที่สอง และญี่ปุ่นมาเป็นที่สาม


    ทำไมไม่ซื้อหุ้นบุริมสิทธิ์ มาเทรดฟอร์เร็กซ์ทำไม

    มี ผลประโยชน์นานัปการสำหรับการเทรดฟอร์เร็กซ์ ด้านล่างนี้เป็นเพียงเหตุผลบางส่วนที่ ทำไมคนส่วนใหญ่เลือกเทรด ฟอร์เร็กซ์ ไม่มีค่าคอมมิชชั่น ไม่มีค่าเคลียริ่ง ไม่มีค่าแลกเปลี่ยน ไม่มีค่าธรรมเนียม ไม่มีค่าโบรกเกอร์ โบรกเกอร์ได้ค่าตอบแทนจาก อัตราค่าต่างของราคาเสนอซื้อกับราคาเสนอขาย ที่เรียกว่า bid-ask sprade
    ไม่ มีพ่อค้าคนกลาง การเทรดผ่านตลาดสปอต ทำให้ไม่สามารถมีพ่อค้าคนกลาง โดยที่คุณสามารถเทรดโดยตรงกับตลาดที่รับผิดชอบตามราคาที่กำหนดในชาร์ตอัตรา แลกเปลี่ยนคู่สกุลเงิน
    ไม่จำกัดขนาดของ lot ในตลาดเทรดปัจจุบัน ขนาดของ lot มีขนาดต่างกัน ขนาดแสตนดาร์ด สำหรับเทรดซิลเวอร์คือ น้ำหนัก 5,000 ออนซ์ ในตลาดสปอตฟอร์เร็กซ์ คุณสามารถเลือกขนาดล๊อตได้เอง ทำให้ผู้เทรดสามารถเลือกล๊อตขนาดเล็กถึง 250 เหรียญ (อย่างไรก็ตามเราจะพูดถึงอีกทีว่า ขนาดล๊อต 250 เหรียญไม่ใช่ว่าดีX
    ค่าเสปรดต่ำ ค่ารายการบัญชี (bid/ask spread) โดยทั่วไปจะต่ำกว่า 0.1 % ในสภาวะปกติ ดีลเลอร์ใหญ่ค่าเสปรดอาจต่ำเพียง .07% โดยทั่วไปจะขึ้นอยู่กับขนาดของล๊อตที่คุณเลือก เราจะอธิบายในภายหลัง
    ตลาด 24 ชั่วโมง ไม่มีการที่จะต้องรอที่ทำการเปิด จากเช้าตรู่วันจันทร์ยันเช้าตรู่วันศุกร์ตามเวลาบ้านเรา ตลาดฟอร์เร็กซ์ ไม่เคยหลับ ถ้าคุณเทรดพาร์ทไทม์ คุณสามารถเลือกที่จะ เทรด เวลาไหนก็ได้ เช้า สาย บ่าย เย็น หรือ ขณะที่คนอื่นกำลังฝันหวาน
    ไม่สามารถปั่นตลาดได้ ตลาดแลกเปลี่ยนเงินฟอร์เร็กซ์ ใหญ่โตมโหรถึกมากจนไม่มีเศรษฐีหรือองค์กรไหน ๆ (แม้กระทั่วเซนทรัลแบงค์) ก็ตาม สามารถที่จะตรึงราคาของสกุลเงินใด ๆ ไว้ได้เกินชั่วขณะ
    Levelage เลเวลเลจ ในการเทรดฟอร์เร็กซ์ คือจำนวนมาร์ยิน หรือเครดิทที่คุณจะได้จากดีลเลอร์ เลเวลเลจเป็นเครื่องมือหนึ่งที่สามารถทำกำไรให้คุณได้เป็นอย่างดี ยกตัวอย่างเช่น โบรกเกอร์ให้เลเวลเลจคุณในอัตรา 200 ต่ด 1 นั่นหมายความว่าคุณวางเงินเพียง 50 ดอล์ล คุณสามารถเทรดหรือซื้อขายได้ถึง 10,000 ดอล์ล ในทำนองเดียวกัน 500 เหรียญ ก็สามารถเทรดถึง 100,000 เหรียญ ตามสัดส่วน แต่เลเวลเลจ ก็คือดาบสองคมเช่นกัน หากปราศจากการจัดการเงินที่ดี อัตราเลเวลเลจที่สูงเกินอาจทำให้เสียหายมากพอกับที่จะได้กำไรเช่นกัน
    แหล่งเงินที่คล่องตัวที่สุด เหตุที่ฟอร์เร็กซ์ ใหญ่โตมโหราฬมาก มันมีความคล่องของการหมุนเวียนเงินเช่นกัน นั่นหมายความว่า ภายใต้สถานการณ์ปกติ จากการแค่คลิ๊กเมาซ์ที่ปลายนิ้ว สามารถซื้อหรือขายได้ทันที คุณไม่ต้องรอจนกว่าจะมีคู่ซื้อเหมือนหุ้นสินทรบ้านเรา ที่บางครั้งต้องเทขายด่วนที่สุดแต่หาคนซื้อไม่ได้ เพราะมีแต่คนเทขาย อิอิ… นอกจากนี้คุณยังสามารถตั้งกำหนดการซื้อการขายบนหน้าจอ ตามราคาที่คุณต้องการและ ระบุราคาปิด หรือตั้งราคาจำกัดการขาดทุนได้อีกด้วย
    เปิดบัญชี ดีโม ทดลองเล่นในสภาวะตลาดแท้จริงได้ฟรี มีข่าว ราคา และการวิเคราห์ พร้อมบนหน้าจอมอนนิเตอร์ในห้องทำงานหรือในบ้านอันสุขสบายของคุณ โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ เสนอฟรีให้ท่านสามารถทดลองเทรดเหมือนจริง เพื่อเพิ่มทักษะ และความมั่นใจ ก่อนที่จะก้าวเข้าสู่สังเวียนและเทรดด้วยเงินแท้ ๆ
    บัญชีเทรด Mini และ Micro คุณอาจจะคิดว่าถ้าจะเริ่มเข้าเทรด อาจต้องใช้เงินเป็นตัน ความจริงแล้ว ถ้าเทียบกับการซื้อหุ้นอุตสาหกรรม ไม่ใช่เลย โบรกเกอร์ ออนไลน์ ของฟอร์เร็กซ์ มีการเสนอ บัญชี Micro และ Mini สำหรับผู้มีเบี้ยน้อยหอยน้อย ไม่กี่เหรียญก็เข้าเทรดได้ เราไม่ได้พูดว่าจะต้องมีเงินอย่างต่ำเท่าไหร่จึงสมควรที่จะเปิดบัญชเทรด แต่ข้อเสนอนี้ทำให้ ฟอร์เร็กซ์ สามารถเข้าถึงได้จากคนทั่วไปหรือจนกว่าทั่วไปซะอีก ที่ไม่มีเงินทุนเป็นก้อนเป็นกำที่จะเริ่มเทรด เหมือนหุ้นสินทรบ้านเรา

    ต้อง มีเครื่องมืออะไรในการเริ่มเทรดฟอร์เร็กซ์

คอมพิวเตอร์ ซักเครื่องพร้อมไฮสปีดอินเตอร์เนท ซึ่งแทบทุกบ้านก็คงมีอยู่พร้อมแล้ว และข้อมูลในเวป แค่นั้นเอง

    ต้องเสียเงินเท่าไหร่ที่จะเทรด ฟอร์เร็กซ์

เทรดออนไลน์ ไมโคร Micro อาจใช้เงินเพียงแค่ร้อย สองร้อย เหรียญก็พอแล้ว หรือเขยิบขึ้นอีกนิด คือ Mini Accounทั้งสองอย่างเหมาะที่จะใช้ในการเริ่มเทรด เข้าประลองยุธเอาเหงื่อซักหน่อย ไม่ถึงกับทำให้ล่มจม จะเลือกอย่างไหนก็ตามแต่ ซักประมาณ พันเหรียญ หรือ หมื่นเหรียญสำหรับMini Account ก็น่าเหมาะที่จะเริ่มได้เลย… แต่ช้าก่อน หากคุณคุ้นเคยกับ 9professionaltrader สัก หน่อย คุณจะพบว่าเรามีเทคนิคมากมาย พร้อมเครื่องมือที่จะทำให้คุณโกยเงินจากอากาศได้อย่างสบาย ๆ ด้วยซ้ำ คุณอาจลืม MLM (มันหลอกมึง) ที่คุณเหนื่อยล้า สุดระอา กับมันแล้วก็ได้ นี่คือธุรกิจที่ไม่มีคูแข่ง คุณสามารถขายหรือปิดออเดอร์ ได้ทุกวินาทีที่คุณต้องการ ไม่ต้องมีโกดังใหญ่โตเพื่อเก็บสินค้าที่คุณซื้อ ไม่ต้องสู้กับค่าน้ำมันขนส่งสินค้าไปให้ลูกค้า ไม่กังวลว่าฝนจะตกหรือแดดจะออก หรือม๊อบจะเคลื่อนขบวน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณมีที่ปรึกษามืออาชีพอยู่เคียงข้างคุณที่ปลายนิ้ว เพียงแค่ พิมคำว่า 9prof  ที่กูเกิ้ล ท่านก็จะเจอ Blog เราทันที

โค๊ด: [Select]
Credit:www.9professionaltrader.blogspot.com

227
พูดคุยForexทั่วไป / Forex กับกฎหมายไทย
« เมื่อ: 30/ก.ค./2015 04:31:17 »
Forex กับ กฎหมายไทยหลาย ท่านคงทราบดีอยู่แล้วว่า Forex ในต่างประเทศมีมานานแล้ว และถูกกฎหมาย(ของต่างประเทศ) ซึ่งตลาดตรงนี้ใหญ่มาก และถือเป็นแหล่งลงทุนของนักลงทุนที่แท้จริง (ระดับสูงกว่าการเล่นหุ้น) แต่ทำไมไม่ทราบ ประเทศไทยกลับกลายเป็นว่าการลงทุนในด้าน Forex ผิดกฎหมาย ?? ถือมีความจำเป็นยิ่งในประเทศไทย มีผู้ที่ให้บริการและที่ใช้บริการได้แบบไม่ผิดกฎหมายอยู่ ก็คือ พวกสถาบันการเงิน ธนาคารต่างๆ นั่นเอง ทำไมถึงจำกัดวงแคบ แค่นี้ ? ทั้งๆ ที่หากคุณศึกษาดูจะเห็นว่า ธนาคารต่างๆ ได้กำไรจาก Forex มากมายจริงๆ แต่ไม่อนุญาตให้บุคคลธรรมดา ทำการแลกเปลี่ยนแบบนี้ ? นายแบงก์ระดับสูงบางคน Trade Forex เพื่อธนาคารของตนเองอย่างถูกกฎหมาย แม้กระทั่งผู้ว่าการธนาคารบางคน ยังเป็นประธานชมรม Forex แห่งประเทศไทยได้เลย (อย่างถูกต้องตามกฎหมาย) แต่ใครจะรู้ว่าบุคคลเหล่านี้อาจจะมีผลประโยชน์ทางอ้อม หรือ ทางตรง เค้าได้ Trade เองด้วยหรือไม่? Forex อนุญาตให้แค่คนกลุ่มเล็กๆ ในไทยเท่านั้นที่ทำได้!
จริงๆ แล้วทำเสียอยู่ช่วงหนึ่งเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว ได้มีพวกกลุ่มแชร์ลูกโซ่ ทำการเปิดบริษัท Forex บังหน้า แต่ว่าทางการเงินจริงๆ แล้ว ไม่ได้ Trade จริงๆ แต่หลอกให้ คนโอนเงินมาไว้กับตนเยอะๆ เอาเงินคนเสียมาจ่ายคนได้ ซึ่งโดยรวมแล้วจะมีคนได้น้อยกว่าคนเสีย ทำให้บริษัทอยู่ได้ แต่พอนานๆ เข้า คนได้มีมากกว่าหรือ อาจจะเพราะบริษัทต้องการปิดหนีเลยไม่จ่าย ตรงนี้ไม่ทราบ!แต่ที่แน่ๆ คนเดือดร้อน คือประชาชนที่ลงเงินลงทุนไปแล้ว ไม่สามารถตามเงินคืนได้

ความเสียหายนี้เกิดเป็นวง กว้างหลายพันล้านบาท จึงทำให้รัฐต้องออกกฎหมายเพื่อระงับแชร์ลูกโซ่ประเภทนี้ ซึ่งส่วนใหญ่ใช้Forex บังหน้า ผลก็คือ ตั้งแต่นั้นมา Forex เลยถูกห้าม เพราะจะคิดว่าเป็นการหลอกลวงมาตลอด จนถึงปัจจุบัน (ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ แต่ถูกนำมาเป็นเครื่องมือของแชร์ลูกโซ่เฉยๆ) ไม่ว่ารัฐบาลไหนก็เลยห้ามมาตลอด ผมกลับคิดว่า ตอนมีแชร์ข้าวสาร ทำไมไม่ห้ามซื้อขายข้าวสารล่ะ ?? จะได้เข้าใจว่า Forex ไม่ได้ผิดอะไร การไม่เปิดให้บริการทำให้ระบบการเงินของประเทศไม่มีความหลากหลายอีกด้วยซ้ำ

ซ้ำร้าย นับแต่นั้นเรื่อยมา กลุ่มปราบปรามการเงินนอกระบบ จึงตั้งหน้าตั้งตาม ปิดบริษัท ในเมืองไทยมาตลอด โดยจะห้ามเด็ดขาดและหากจับได้ก็จะใช้ พระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 เป็นบทลงโทษ (ดูซิครับ!ขนาดกฎหมายที่ห้าม ยังดูไม่ค่อยออกเลยว่ามันผิดที่ Forex หรือคนที่นำไปเป็นเครื่องมือ) จนปัจจุบันเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตดีขึ้น คนที่หาข้อมูลหา ธุรกิจ จะทราบดีแล้วว่า Forex เป็นเรื่องทั่วไป เป็นปกติของตลาดโลก (แต่ลองถาม ชาวบ้านทั่วๆ ไป เค้าจะเข้าใจว่าเป็นสิ่งหลอกลวงแทน) ตอนนี้ใครจะเล่นก็ได้ครับ เพราะเล่นกับผู้ให้บริการที่ถูกกฎหมาย(ของต่างประเทศ) แทนแล้ว ถ้าจะให้เปรียบเทียบ ก็คือ คุณเล่นการพนันผิดกฎหมายในไทย แต่ถ้าคุณไปเล่นลาสเวกัสมันก็ไม่ผิดอะไร แน่นอนปัจจุบันรัฐก็พยายามเต็มที่อย่างไม่ลืมหูลืมตาจับคนให้บริการ Forex หรือ คนเล่นมาลงโทษไม่ได้ ผมเลยอยากจะเตือนใจคนเล่น Forex จุดนี้ไว้

คุณรู้ไหม รัฐเคยออกข่าวด้วยนะครับว่า มีคนไทยเปิดบริษัทหลอกลวงให้บริการForex โดยใช้เว็บไซต์เป็นสื่อกลางชื่อว่า Northfinance แล้วคิดดูครับว่า เค้าหลับหูหลับตาทำขนาดไหน..?

ตอนนี้ รัฐพอจะทราบแล้วครับว่าแนวโน้มต่อไปไม่ใช่บริษัทหลอกลวงในไทยแล้วครับ แต่เป็นว่าการเข้าถึงบริษัทForex ในต่างประเทศจริงๆ นั้น ทำได้ง่ายขึ้นในวันนี้เพราะมี Internet แน่นอน เค้ายังไม่ยอมแพ้ครับ เลยออกกฎมาเพิ่มเติม ดังนี้

1. กรณีผู้ให้บริการอยู่ในประเทศไทย การทำธุรกรรมดังกล่าวโดยไม่ได้รับใบอนุญาต มีความผิดตามกฎหมายควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน
2. กรณีผู้ให้บริการดังกล่าวอยู่ต่างประเทศ เมื่อบุคคลในประเทศต้องโอนเงินออกไปเพื่อชำระหนี้ตามธุรกรรมซื้อขายแลก เปลี่ยนเงิน จะไม่ได้รับอนุญาตให้โอนเงินออก และมีความผิดตามกฎหมายควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน

คำว่าผู้ให้บริการ ที่เราๆ เข้าใจกันก็คือBroker นะครับ ถ้าเล่นผ่านเน็ตส่วนใหญ่ข้อ 1 ก็ตัดทิ้งไปได้เลย แต่ข้อ 2 ผมแนะให้สมาชิกทราบกันนิด เค้าอาจจะเอาผิดคุณได้ ถ้ามีหลักฐานว่าคุณเล่น Forex ที่ต่างประเทศ โดยหลักฐานที่ว่าน่าจะเป็น การโอนเงินให้กับ Broker โดยตรง เช่น การไปโอนที่ธนาคาร หรือ การตัดบัตรเครดิต หรือการโอนเงินกลับมาในประเทศจาก Broker ตัดโดยตรง

ดูซิครับ! เค้าจะเล่นงานคุณขนาดไหน แต่วันนี้ คุณ ยังไม่ต้องกลัวนะครับถ้ายังไม่ได้ทำธุรกรรมกับการเงินกับทาง Broker โดยตรง เพราะหากเป็นแค่การใช้งานโปรแกรมจริงๆ แล้วไม่มีหลักฐานทางการเงิน ก็เหมือนกับคุณเล่นเกมส์ Poker เงินปลอมเท่านั้นเอง ไม่ผิดอะไร เป็นแค่ความบันเทิงใจของเรา

ผมไม่ใช่พวกต่อ ด้านกฎหมายนะครับ คิดว่ากฎหมายการฟอกเงิน กฎหมายเกี่ยวกับ กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ต้องบอกว่าเห็นด้วยอย่างยิ่ง แต่จริงๆ แล้ว ไม่ควรเหมารวมเอาForex เป็นเครื่องมือ และน่าจะเปิดเสรีด้านนี้ไปได้แล้ว จะได้เจริญตามต่างประเทศที่เค้ามี Forex ถูกกฎหมายกันซะที ประเทศที่ไม่มีอะไรเลย เช่น สิงค์โปร ฮ่องกง ทำตัวเป็น Broker อย่างเดียวก็รวยกว่าเราแล้ว ทำไมเราทำให้ดีได้กลับไม่ทำแถมห้ามอีก

จากคนเคยโดยรัฐเล่นงาน



admin สนับสนุนไม่ให้คุณถูกหลอกนะครับ ข่าวบางอย่างก็ถูกต้องและควรรับฟังอย่างยิ่ง และสนับสนุนให้คุณไม่ทำผิดกฎหมายด้วยนะครับ กฎเค้าออกอะไรมา เลี่ยงได้ก็อย่าไปฝืนกฎนะครับ แต่ถ้าไม่ผิดกฎและคิดว่าไม่ถูกหลอกก็ทำไปได้เลยครับ เดี๋ยวอนาคตรัฐคงเข้าใจ

โค๊ด: [Select]
http://9professionaltrader.blogspot.com/2010/07/forex-forex-forex-forex-forex-forex.html

228
พูดคุยForexทั่วไป / การใช้ Fibonacci Retracement
« เมื่อ: 30/ก.ค./2015 04:29:05 »
Fibonacci เป็นเครื่องมือเครื่องมือที่ใช้วัดหา แนวรับ –แนวต้านและหาราคาเป้าหมายของราคาในตลาดForex เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ใช้กันมากเพราะ Fibonacci ใช้ง่าย และเป็นพื้นฐานที่เราควรจะรู้ 

สัดส่วนของ fibonacci ได้แก่ 0 (0%) , 0.236(23.6%) ,0.382(38.2%) ,0.500(50%),0.618(61.8%) , 0.764(76.4%) , 1.00(100%), 1.382(138.2%) , 1.618(161.8%) , 2.618(261.8%) และ 4.236(423.6%)  ดังรูปด้านล่าง 



วิธีการใช้ Fibonacci ก่อนอื่น เรามาตั้งค่า Fibonacci ในโปรแกรม Mt4 ของเราก่อน ถ้าใครยังไม่รู้ ให้ไปดาวโหลดและดูวิธีการสมัครขั้นตอนการติดตั้งโปรแกรม Mt4 สำหรับเทรด  forex

เลือก Fibonacci โดยเข้าไปที่ Insert >> Fibonacci >> Retracement แล้วก็เอามาลากบนกราฟ โดย Fibonacci แบบเดิมๆ ที่ให้มากับ Mt4 จะไม่มีราคาติดอยู่ที่ระดับต่างๆของ Fibonacci ดังรูปด้านล่าง



-เมื่อเรามี Fibonacci อยู่บน Chart แล้ว ให้ คลิกขวาที่ Chart เลือก Objects List แล้วเลือก Fibo จากนั้นเลือก Edit

-เมื่อคลิกที่ Edit แล้ว ให้คลิกที่ Fibo Levels จากนั้นให้เติมคำว่า =%$ ลงไปต่อท้ายที่ช่อง Descriptions ทุกตัว


-เมื่อ ทำเสร็จแล้วจะได้ดังรูป



การใช้ Fibonacci Retracement

1. ใช้เพื่อหาแนวรับแนวต้าน (Support and Resistance)

-หา จุดต่ำสุด(Low) และ หาจุดสูงสุด High ก่อน โดยหาจากยอดคลื่นล่าสุด และ ก้นบึ้งล่าสุด ดังรูป



เมื่อราคาได้เคลื่อนตัวลงมาแล้ว ราคาจะขึ้นไปปรับตัวที่ระดับ Fibonacci Retracement 38.2 , 50.0 และ 61.8 เราสามารถใช้ จุดเหล่านี้เป็นแนวต้านของราคาได้ ถ้าราคาไม่สามารถผ่านแนวต้าน (resistance ) นี้ได้ ราคาก็จะปรับตัวลงต่อ  และมาทดสอบที่ Low เดิม แต่ถ้าสามารถผ่าน แนวต้านนี้ได้ ราคาก็จะกลับไปทดสอบ High เดิม เช่นเดียวกัน

2.ใช้ Fibonacci Retracement เพื่อหาราคาเป้าหมาย (Target price )
-ทุกๆครั้งที่เราทำการเข้าเทรด  เมื่อเข้าไปแล้ว เราก็ต้องหาราคาเป้าหมาย ว่ามันควรจะไปถึงไหน  ซึ่ง Fibonacci Retracement สามารถบอกเราได้ ว่ามันควรจะไปแค่ไหน แต่จงจำไว้นะครับ ว่าทุกอย่างเป็นเพียงแค่การคาดการณ์ ไม่ได้ตรงแปะเสมอไป



จากรูปด้านบน จะเห็นว่า ราคาสวิงขึ้นจาก Low ไปที่ High แล้วราคามีการปรับตัวลงมา ตำแหน่งที่ปรับฐาน หรือ แนวรับ ที่เราควรจะสังเกตก็คือ ที่ระดับ Fibonacci Retracement 61.8 , 50.0 และ 38.2 จากรูปด้านบนจะเห็นว่าราคาไม่สามารถผ่าน 50.0 ไปได้ หรือบางครั้งเราอาจจะเรียกตำแหน่งนี้ว่า Pivot Point เมื่อราคาดีดตัว ตรงนี้ เราก็คาดการณ์ได้เลย ว่ามันต้องขึ้นแน่ๆ ก็ เปิด Long (Buy) ได้เลย แล้ว ตั้ง TARGET ไว้ที่ Fibonacci Retracement 161.8

หวังว่าวิธีนี้คงเป็นประโยชน์ กับเพื่อนๆนะครับ หากมีข้อสงสัยอะไร สามารถ Comment ไว้เลยนะครับ ผมจะกลับมาตอบให้


ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ เกี่ยวกับการใช้ Fibonacci Retramcement และ Fibo Fan กระทู้นี้นะครับ
โค๊ด: [Select]
http://thaiforexschool.com/index.php?topic=83.msg3329;topicseen#msg3329และดูวีดีโอการใช้ Finonacci Retracement ที่ลิ้งนี้ครับ
โค๊ด: [Select]
[url=http://thaiforexschool.com/index.php?topic=332.0][/url]

229
พูดคุยForexทั่วไป / EUR/USD Elliott Wave Analysis forex
« เมื่อ: 29/ก.ค./2015 10:33:13 »
วิเคราะห์แนวโน้มของอียูระยะยาว คำอธิบายดูตามรูปเลยนะครับ

เลื่อนลงไปข้างล่าง ดูแนวโน้มของแต่ละวันเลยนะครับ ดูแบบระเอียด เข้าไปดูที่
โค๊ด: [Select]
http://www.thaiforexschool.com




วันอังคาร




ช่วงเช้านี้ราคาปรับตัวลงมาที่ ระหว่าง Fibonacci 61.8-50.0% ดังรููป ถ้าราคาไม่สามารถผ่านแนวรับนี้ได้ ราคาจะขึ้นไปที่ จุดที่ 3  รอ Histogram ของ Macd ตัด Zero line ขึ้นไปอีกครั้ง

Tuesday 13.20


Wednesday 

วันพุธ

วันพฤหัสบดี



โค๊ด: [Select]
http://9professionaltrader.blogspot.com/2010/10/eurusd-elliott-wave-analysis.html

230
E-Book แนะนำสำหรับเทรดเดอร์ทุกคนครับ ภาษาไทย

1. คู่มือการวิเคราะห์ทางเทคนิค โดย คุณสุรชัย ไชยรังสินันท์  ท่านได้รวบรวมความรู้เกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคไว้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น รูปแบบของกราฟ(Chart Pattern) รูปแบบของแท่งเทียน(Candlestick Pattern) อินดิเคเตอร์ต่างๆ(Indicators) ไฟโบแนซซี่(Fibonacci) รวมขั้นความรู้ขั้นสูงอย่าง อิเลียตเวฟ(Elliot Wave) อีกด้วย  ดาวโหลดที่นี่
---------------------------------------------------------------------------------------

2. คู่มือ Technical Analysis โดย Taladhoon.com รวบรวมเทคนิคไว้มากมายอาทิเช่น รูปแบบการกลับตัว รูปแบบต่อเนื่อง รูปแบบแท่งเทียน อินดิเคเตอร์  ดาวโหลดที่นี่
---------------------------------------------------------------------------------------

ภาษาอังกฤษ

3. Practical Fibonacci Method For Forex Trading  วิธีการใช้ ไฟโบแนซซี่ในการเทรดฟอเร็ก หนังสือเล่มนี้  อธิบายว่า ไฟโบแนซซี่คืออะไร สอนวิธีใช้ไฟโบแนซซี่เพื่อหาแนวรับแนวต้านที่ระดับต่างๆ  และหาจุดออกจุดเข้าโดยใช้ไฟโบแนซซี่ ดาวโหลดที่นี่
---------------------------------------------------------------------------------------


4. Reading Price Charts Bar By Bar   การอ่่านกราฟจากแท่งเทียน หนังสือเล่มนี้อธิบายได้ละเอียดมากๆ วิธีการดูแท่งเทียน การเข้า ออก และกลยุทธิ์การทำกำไรในรูปแบบต่างๆ ดาวโหลดที่นี่
----------------------------------------------------------------------------------------

5. E-Book Forex  สามารถเลือกดาวโหลดได้ที่นี่ E-Book Forex >>ดาวโหลด 


โค๊ด: [Select]
http://9professionaltrader.blogspot.com/2010/07/e-book.html

231
พูดคุยForexทั่วไป / Forex คืออะไร?
« เมื่อ: 29/ก.ค./2015 10:28:12 »
สวัสดีทุกๆ ท่านนะครับ
หวังจะรวยและทำเงินกับ Forex Trading ก่อนอื่นเราก็ต้องมาทำความรู้จักกันก่อนว่า Forex คืออะไร

หลายท่านอาจจะเคยได้ยินเกี่ยวกับ Forex มาบ้าง ผิดบ้างถูกบ้าง บางคนคิดว่าเป็นการต้มตุ๋นหลอกลวง ทั้งที่เค้าเล่นกันทั่วโลก ที่เป็นแบบนี้เนื่องมาจาก ในเมืองไทยเรายังไม่มีแหล่งที่ให้ข้อมูลที่ชัดเจนในเรื่องนี้ มาเข้าเรื่องกันดีกว่า

Forex ย่อมาจาก Foreign Exchange บางครั้งเรียกย่อว่า FX คือ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา และตลาด Forex ก็คือ ตลาดทุนแบบหนึ่งคล้ายกับตลาดหุ้นบ้านเรา แต่มีขนาดใหญ่กว่ามาก ถ้าให้ถูกต้องเรียกว่าใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้

สิ่งที่ซื้อ-ขายกันในตลาดนี้คือค่าเงิน โดยซื้อเงินสกุลหนึ่ง ในขณะเดียวกัน ก็ขายเงินอีกสกุลหนึ่งออกไป หรือเป็นการจับคู่แลกเปลี่ยน ซื้อขายค่าสกุลเงินนั่นเอง ตัวอย่างเช่น เงินสกุลยูโร/ดอลลาร์สหรัฐฯ (EUR/USD) หรือ เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ/เยนญี่ปุ่น (USD/JPY) เป็นต้น

ในตลาด Forex แต่ละวัน มีมูลค่าการซื้อขายต่อวันสูงถึง 1.9 ล้านล้าน เหรียญสหรัฐ มากกว่าทุกตลาดทางการเงินในโลกนี้รวมกันเสียอีก

ตลาด Forex ที่ใหญ่ๆ อยู่ที่ นิวยอร์ค ลอนดอน ญี่ปุ่น รวมถึงที่ ออสเตรเลีย และยุโรป เวลาทำการหรือเวลาเปิดปิดในแต่ละพื้นที่ก็จะไม่ตรงกัน และจะคาบเกี่ยวกันอยู่ ทำให้ผู้เทรดจากทั่วโลก สามารถเข้าตลาดตั้งแต่ ตี 4 ของวันจันทร์ จนถึงตี 4 ของวันเสาร์เลยทีเดียว เรียกว่าแทบจะ 24 ชั่วโมงเลยก็ว่าได้

แรกเริ่มเดิมที ตลาด Forex นี้จะเล่นกันในกลุ่มพวกขาใหญ่ เช่นกลุ่มธนาคาร กลุ่มกองทุน ผู้นำเข้า และส่งออก จนพักหลังเริ่มมีการเทรดทางอินเตอร์เน็ตเข้ามา และมีโบรกเกอร์ที่ให้บริการสำหรับนักลงทุนรายย่อย และมือใหม่ให้สามารถเริ่มต้น้ลงทุนในตลาด Forex ด้วยเงินเพียง $1 - $500 เท่านั้น ทำให้ีการลงทุนในตลาดการเงินแห่งนี้ แพร่หลายไปทั่วโลก

สรุปข้อดีและน่าสนใจของตลาด Forex

1. ใช้เงินลงทุนต่ำ ต่ำสุดเพียง $1 หรือประมาณ 34 บาท
2. ตลาด online และดำเนินการทุกอย่างผ่าน Internet ตลอด 24 ชั่วโมง
3. คำสั่งซื้อ-ขาย เป็นระบบอัตโนมัติ ไม่มีคนกลาง ไม่่พลาดทุกคำสั่งซื้อ-ขาย
4. สามารถทำกำไรได้ทั้งตลาดขาขึ้น และตลาดขาลง
5. ค่าดำเนินการต่ำ โบรกเกอร์เก็บค่า spreed ตั้งแต่ 1 - 20 pips ต่อเทรด ขึ้นอยู่กับคู่ของค่าเงินที่เทรด
6. มีเงินปลอมให้ทดลองเทรดได้เสมือนจริง บนระบบจริง โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

มาถึงตรงนี้แล้วหลายท่านอาจจะพอเข้าใจ ในตลาด Forex กันมากขึ้นนะครับ


โค๊ด: [Select]
http://thaiforextrading.blogspot.com/2008/02/forex.html

232
จากบทความที่แล้ว เรื่อง "Forex คืออะไร" หลายท่านก็คงจะได้ทราบข้อมูลเบื้องต้น เกี่ยวกับตลาด Forex กันแล้วนะครับ เรามาต่อกันที่หัวข้อที่หลายท่านยังสงสัยอยู่(โดยเฉพาะมือใหม่ซิงๆ) ว่า เขาซื้อ-ขาย และทำกำไรจากตลาด Forex กันอย่างไร เรามาเริ่มกันเลยนะครับ

หลายท่านอาจจะเคยเล่นหุ้นมาบ้าง หลักการทำกำไรหลักๆ ก็จะคล้ายกันที่ว่า ซื้อถูก-ขายแพง(พูดง่ายแต่ทำจริงๆ ไม่ง่ายเลย) ในการซื้อ-ขายหุ้นจะซื้อ-ขายเป็นตัวๆ ไป แต่ในตลาด Forex จะต่างจากหุ้น ตรงที่ เราจะดูกันเป็น “คู่” ซื้อเงินสกุลหนึ่ง ในขณะเดียวกัน ก็ขายเงินอีกสกุลหนึ่งออกไป หรือเป็นการจับคู่แลกเปลี่ยน ซื้อขายค่าสกุลเงิน กำไรก็จะได้มาจากส่วนต่างจากการขายในแต่ละครั้งครับ

ยกตัวอย่างเช่น EUR/USD คือการเปรียบเทียบระหว่างเงินยูโรของสหภาพยุโรป กับเงินดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินด้านซ้ายเราเรียกว่า base currency โดยเรามักจะเห็นราคา ซื้อ-ขาย แบบข้างล่างครับ

EUR/USD bid= 1.3500 offer= 1.3502

ถ้าเราสั่ง ซื้อ (เรียกว่า Buy หรือ Long) ในตอนที่เราเปิด order (เปิด order BUY) เราจะได้ราคาที่ offer และเมื่อเราสั่งปิด order นี้ เราจะได้ราคาที่ bid ตัวอย่างเช่น ณ เวลาที่เราเข้า Buy คู่ EUR/USD ราคา offer อยู่ที่ 1.3502 ถ้าเราปิด (close) ทันที เราจะ sell คืนไปที่ราคา bid 1.3500 เท่ากับเราขาดทุนทันที 0.0002 หรือ 2 จุด หรือ pip (ทุกครั้งที่เราเปิดการเทรด เราจะติดลบก่อนเสมอ ในความเป็นจริงคงไม่มีใครซื้อแล้วขายเลยแบบนี้)

เราจะทำกำไรด้วยการ buy ที่ราคา offer ซึ่งก็คือซื้อมาถือไว้ เพื่อรออัตราแลกเปลี่ยนที่สูงขึ้น ก็คือรอให้ค่า bid สูงกว่าค่า offer ที่เราเปิด buy ไว้ และเราจะปิด order นี้ โดยการ sell คืน (การสั่ง close order จะเป็นการ sell อัตโนมัติ - ไม่ใช่ให้เราเปิด order sell อีกอัน) ไปในราคาที่สูงกว่า (ถ้า sell คืนในราคาต่ำกว่า เราก็ขาดทุน) เรียกว่า ซื้อถูก ขายแพง

ข้อดีอีกข้อของตลาด Forex คือ เราสามารถเทรดขาลงได้ด้วย

เมื่อเราสั่ง ขาย (เรียกว่า Sell หรือ Short) ในตอนที่เราเปิด order (เปิด order SELL) เราจะได้ราคาที่ bid และเมื่อเราสั่งปิด order นี้ เราจะได้ราคาที่ offer - การ Sell คือการที่เราสั่งโบรกให้ขายออกไปก่อน เพื่อรออัตราแลกเปลี่ยนตกลงมา และเราจะปิด order นี้ โดยการ Buy คืน (การสั่ง close order จะเป็นการ buy อัตโนมัติครับ - ไม่ใช่ให้เราเปิด order buy อีกอัน) ไปในราคาที่ต่ำกว่า (ถ้า Buy คืนในราคาสูงกว่า เราก็ขาดทุน) เรียกว่า ขายแพง แล้วซื้อถูก

แต่จะเห็นว่า เราดู จุด หรือ pip กันที่ ทศนิยมตำแหน่งที่ 4 (หรือตำแหน่งที่ 2 ในบางคู่) เราลองมาดู EUR/USD กัน

สมมุติว่า เราพิจารณาแล้ว เราเห็นว่า EUR น่าจะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับ USD (คือ EUR จะแลก USD ได้มากขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป) เราจึงทำการเข้า buy โดยที่เราได้ราคา ที่ 1.3502 (จำได้มั๊ยครับว่าเราจะได้ราคา offer นั่นแปลว่าเมื่อเทียบกับ bid เราจะ -2 นี่คืนส่วนของค่าคอมมิทชั่นของโบรกเกอร์ครับ)

เมื่อเวลาผ่านไป ราคาวิ่งขึ้นไป ที่ 1.3552 หรือขึ้นมา 50 จุด แล้วเราเห็นว่าอาจจะไปต่อไม่ไหว จึงปิดทำกำไรที่ จุดนี้ เราจะได้กำไรมา 50 จุด หรือ 50 pips หรือ 0.0050 หน่วยใน base currency ซึ่งในที่นี้คือ 0.0050 USD

น้อยมากใช่ไหมครับ 0.0050 USD = ครึ่งเซ็นต์ หรือประมาณ 17 สตางค์ เท่านั้น นั่นแปลว่าหากเราอยากทำกำไรเยอะๆ เช่น pip ละ $1 (50 pip ก็คือ $50) เราต้องสั่งเทรดถึง $10,000 เลยทีเดียว เป็นเงินที่ไม่น้อยเลย

แล้วเราจะทำอย่างไรล่ะ

เดี๋ยวเรามาดูกันต่อในหัวข้อ Leverage นะครับ ว่าทำไมการมี Leverage ช่วยให้เราทำเงินเยอะ จากการลงทุนที่น้อยกว่าได้อย่างไร


โค๊ด: [Select]
http://thaiforextrading.blogspot.com/2008/02/forex_26.html

233
จำได้มั๊ยครับว่าจากบทความที่แล้ว จากที่เราสั่งซื้อด้วยเงินเพียง $1 ของเราเอง กำไรมันน้อยนิดมาก ขนาด +50 จุดยังทำเงินได้ 17 สตางค์เอง หากเราอยากทำกำไรเยอะๆ เช่น pip ละ $1 (50 pip ก็คือ $50) เราต้องสั่งเทรดถึง $10,000 เลยทีเดียว มีทุนไม่พอแน่ ทำไงดี ตรงนี้แหล่ะครับที่ Leverage เข้ามามีผล Leverage มีผลกับการ เทรด Forex อย่างไร เรามาดูกัน

Leverage 1:100 แปลว่า เราใช้ทุนของเราเองเพียง 1 เพื่อสั่งซื้อ-ขาย 100 เช่น เราจะสั่งซื้อ EUR มาถือไว้ โดยจะซื้อที่ราคา 1.3502 จำนวน 100 USD (คือได้มา 74.0631 EUR) เราไม่ต้องใช้ 100 USD ครับ เราจะใช้เพียง 1 USD เพื่อแลก 74.0631 EUR มาถือไว้ ซึ่งเมื่อเราขายคืนไปที่ 1.3552 หรือกำไรมา 0.0050 แทนที่เราจะกำไรแค่ นั้น จะกลายเป็นว่าเราจะทำกำไรได้ 0.50 usd แปลว่าเราสามารถทำกำไรได้ 50% จากเงินที่เราลง (เราลงเพียง $1 เพื่อทำกำไร $0.50)

แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ ว่าเราจะมีเงินพอรึเปล่า เวลามี Leverage แบบนี้ เพราะเวลาเทรดเราจะสั่งเทรดอย่างมาก ไม่เกิน 40% ของทุน (แต่แนะนำที่ 10% ครับ จะได้มีเหลือไว้แก้ตัว) เช่นถ้าเรามีทุน $100 เราก็สั่งเทรดเพียง $10 หรือ 10% (แต่เวลาสั่ง $10 คือ 1,000 unit นะครับ ที่ Leverage 1:100) 10% ที่ใช้ เราจะเรียกว่า used margin เวลาราคาวิ่งขึ้นหรือลง มันจะมาบวก หรือ ลบ ที่ 90% ที่เหลือ หรือที่เรียกว่า available margin หากเราติดลบไปเรื่อยๆ จน available หมด ระบบจะทำการตัดขาดทุน โดยการปิด order นี้ โดยอัตโนมัติ นั่นคือ โบรกเกอร์จะไม่ยอมขาดทุนแทนเราหรอกครับ

คิดคร่าวๆ คือ เราจะทำกำไร (ขาดทุน) ได้ ประมาณ 1% ต่อ pip จากเงินทุนของเรา (คู่อื่นอาจจะไม่ถึง 1% บางคู่ก็มากกว่า เช่น EUR/GBP ตกประมาณ 2% ครับ)

นั่นหมายความว่า ด้วยทุนเพียง $100 (3,400 บาท) คุณจะสามารถทำกำไรได้ถึงจุดละ $1 (สั่งเทรด 10,000 unit) หากทำได้ 10 จุดต่อวัน ก็วันละ $10 หรือ 340 บาท (โดยประมาณ) หรือวันละ 10%

และด้วยทุนเพียง $1,000 (34,000 บาท) เราจะสามารถทำกำไรได้ถึงจุดละ $10 (สั่งเทรด 100,000 unit) หากทำได้ 10 จุดต่อวัน ก็วันละ $100 หรือ 3,400 บาท

หรืออาจจะเริ่มเพียง $1 (34 บาท) โดยจะได้จุดละประมาณ 1 เซ็นต์

ค่อยๆ สะสมไปก็ได้ครับ เพราะมีแล้วคนที่ปั้น $5 จากทุนฟรีที่ Marketiva (โบรกเกอร์) มีให้ ไปเป็น $1,000 ใน 3 เดือน

ลองคิดดูเล่นๆู ล่ะกันครับ ถ้าเพียงคุณสามารถทำกำไรได้ 10% ของทุนต่อวัน เพิ่มไปเรื่อยๆ 6 เดือน (120 วันเทรด) จะเป็นเงินเท่าไหร่ จากทุนเพียง $5

เป็น $463,545.34 หรือ 15,765,541.60 บาท ครับ โอ้ววววว พระเจ้าช่วย (ทำได้แค่ 5% ของไอเดียนี้ก็หรูแล้วครับ)

ปกติ EUR/USD จะไม่แรงมาก ทำวันละ 20-30 จุดได้ หากเป็นบางคู่ เช่น GBP/JYP (ทุกวันนี้ผมเล่น GBP/JYP เป็นหลัก เพราะแรง เร้าใจ) ผมเคยทำได้มากสุด +250 จุด เพียงช่วงเวลาที่ผมหลับ (เที่ยงคืน) จนมาถึงเวลาที่ผมตื่น (7 โมงครึ่ง) หรือ 250% ของเงินทุนที่ผมเทรด

ที่ FxOpen (โบรกเกอร์) ให้เราสามารถ up Leverage ได้สูงสุดถึง 1:500 นั่นแปลว่า เราใช้ทุนตัวเองเพียง $200 ในการเทรด 100,000 unit (หรือ 1 lot จะได้จุดละ $10) เองครับ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น Leverage ก็เป็นดาบ 2 คม ที่ทั้งทำให้ รวย-จน ได้ในพริบตา

Leverage และการที่มันวิ่งขึ้นลงทั้งวัน นี่แหล่ะครับ ที่ทำให้ Forex สนุก และเร้าใจ


โค๊ด: [Select]
http://thaiforextrading.blogspot.com/2008/02/forex-leverage.html

234
จากบทความที่แล้ว เราได้ทราบถึงเรื่อง ของ "Leverage คืออะไร?" ไปแล้ว เราก็มาต่อกันที่บทความที่สำคัญไม่แพ้กันคือ "เราจะเริ่มต้นอย่างไรกับ Forex ?"


ในการที่เราจะเริ่มต้นการเทรด Forex อันดับแรก สิ่งที่คุณควรจะมีคือ


* คอมพิวเตอร์เจ๋งๆ ซัก 1 เครื่อง
* internet connection - ควรจะเป็นแบบไฮสปีดนะครับ
* โต๊ะคอมฯ และเก้าอี้นั่งสบายๆ
* ตัวเรา อ่ะ! อันนี้แน่นอน เพราะเราต้องทำการเทรดเองนี่นา
* ทุน เริ่มต้นที่ 0 บาท ครับ ไม่ผิด 0 บาท เพราะหากยังไม่คุ้นเคย ผมแนะนำให้ทดลองเล่น demo account ไปก่อน อย่างน้อยๆ 3 เดือน โบรกเกอร์ที่ผมใช้อยู่ มี demo account และ virtual money ให้ทดลองเล่น ทุกอย่างคือของจริง ยกเว้น เล่น-ได้ เสีย ก็ไม่ ได้-เสีย เงิน จริงๆ เพราะเป็นเงินปลอมทดลองเล่น และที่สำคัญ โบรกนี้ ยังมี real money หรือเงินจริง เป็นทุนให้เราด้วย ที่ $5 ครับ
* ทำใจสบายๆ แล้วทำเงินกันเลย




จากนั้นครับ สิ่งที่เราจะเริ่มต้นทดลองเทรดได้ จะต้องเริ่มจาก


สมัครเทรดกับโบรกเกอร์กันก่อน


ให้สมัครทิ้งไว้ก่อนนะครับ แล้วโหลดโปรแกรมมาเตรียมไว้ ยังไม่ต้องห่วงครับว่าจะใช้ยังไง เทรดยังไง จะค่อยๆแนะนำไปนะครับ




สำหรับผู้เริ่มต้นผมแนะนำว่า ควรสมัครที่ AGEA ก่อนนะครับ เนื่องจากเป็นโบรกเกอร์เจ้าแรกที่เปิดโอกาศให้รายย่อยได้มีโอกาศลงทุนในตลาด  Forex โดยการแจกเงินให้ฟรี $5 ทันทีที่เราสมัคร Account
*ควรจำไว้ว่า AGEA อนุญาติ 1 คนสมัครได้แค่ 1 account และต่อ 1 เครื่องคอมพิวเตอร์เท่านั้นนะครับ


หมายเหตุ: Marketiva ได้เปลี่ยนชื่อเป็น AGEA แล้วนะครับ ตั้งแต่
วันที่ 30 เมษายน 2012 ที่ผ่านมา ในส่วนของระบบการใช้งานต่างๆ
ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก ยังใช้งานง่ายเหมือนเดิม
แต่ที่สำคัญคือมีการเพิ่มตัวโปรแกรมเทรด MetaTrader 4 หรือ MT4
เข้ามาให้ด้วย (และอีกไม่นานก็จะเปิดให้ใช้ MT5 อีกด้วย)  แถม ค่า spread
ของการเทรดทองคำ ยังถูกลงอีกด้วย คือ ลดลงจาก 80 เหลือแค่ 55 
ถือว่าเป็นการพัฒนาที่ดีมากเลยทีเดียวครับ 



ข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับ โบรกเกอร์ AGEA


AGEA Jinrong DOO เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศ Montenegro หมายเลข Registration number 5-0557722 อยู่ภายใต้กฎหมายเกี่ยวกับความโปร่งใสในธุรกรรมทางการเงิน MiFID (Markets in Financial Instruments Directive) ของสหภาพยุโรป หรือ EU


AGEA (Marketiva) เปิดตัวช่วงต้นปี 2005 ที่ผ่านมา ด้วยสโลแกนที่ว่า "Forex ใครๆ ก็เล่นได้" ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำแค่ 1$ ดอลลาร์ ทำให้ตอนนี้ AGEA (Marketiva) กลายเป็นบริษัท Forex ที่ร้อนแรงที่สุดในเวลานี้ มีคนให้ความสนใจและไปเปิดบัญชีลงทุนกันอย่างมากมาย


การสมัครสมาชิกกับ AGEA


เริ่มจากเข้าไปที่ agea.com เมื่อเข้าไปที่เว็บแล้ว ทำตามขั้นตอนดังนี้ครับ
1.กด Open account







2.กรอกข้อมูลส่วนตัว






ช่องที่จำเป็นต้องกรอกคือช่องที่มีเครื่องหมายดอกจันทน์กำกับข้างหลังนะครับ ส่วนช่องอื่นๆ สามารถเว้นว่างไว้ได้ครับ


- Username : กรอกชื่ออะไรก็ได้เอาไว้สำหรับ Login ( ไม่จำเป็นต้องเป็นชื่อจริง )
- Password : กรอกรหัสผ่านไว้สำหรับ Login ( ต้องเกิน 6 ตัว )
- Re-type Password : กรอกรหัสผ่านที่กรอกในข้อ 3 อีกครั้ง
- First Name : กรอกชื่อจริง
- Middle Innitial : เว้นว่างไว้
- Last Name : กรอกนามสกุล
- Job Title : เว้นว่างไว้
- Organization : เว้นว่างไว้


- I want to open AGEA account as a corporation / organization and not as an individual. : เว้นไว้ (มีไว้สำหรับบัญชีที่อยู่ในรูปแบบกลุ่มหรือองค์กร)


- Street Address : กรอกที่อยู่
- Additional Address : เว้นว่างไว้
- City : กรอกเขต หรือ อำเภอ
- Zip / Postal Code : กรอกรหัสไปรษณีย์ ( ขึ้นต้นด้วย 66 แล้วตามด้วยรหัสไปรษณีย์ )
- State / Province : กรอกจังหวัด
- Country / Region : เลือกประเทศ Thailand
- Phone : กรอกเบอร์โทรศัพท์ ( ขึ้นต้นด้วย 66 แทน 0 ตัวหน้า เช่น 66810000000 )
- Fax : เว้นว่างไว้
- Mobile : เว้นว่างไว้
- E-mail : กรอกอีเมล์ที่เราจะใช้ติดต่อกับทางเว็บ
- Web site : เว้นว่างไว้
- กรอกข้อมูลเสร็จเรียบร้อยแล้ว กด Continue >


3. จากนั้นจะเจอหน้าจอต่อไป จะให้เราเลือก


- Standard Forex Trader : จะมี function ต่างๆ ครบถ้วน
- Compact Forex Trader : จะมี function ต่างๆ เหมือน Standard Forex Trader แต่จะแสดงเมนู
ต่างๆ แบบกะทัดรัด


ขอแนะนำให้เลือกแบบ Standard Forex Trader


ถัดมาจะมีให้เราตั้งคำถามช่วยจำ ในกรณีที่เราลืม Password


- Recovery Question: เลือกคำถาม
- Recovery Answer: ใส่คำตอบ (ไว้ใช้เรียกคืน  Password กรณีเราลืม)


จากนั้นกรอกข้อมูลเกี่ยวระดับการศึกษาและประสบการณ์ ในการลงทุน ครับ
- Education Level: ระดับการศึกษา
- Employment Status: สถานะการทำงาน


- Annual Income: ใส่รายได้ประจำปี
- Net Worth: รายได้รวม


- Experience in Securities: ประสบการณ์ในด้านการลงทุนหลักทรัพย์
- Experience in Derivatives:ประสบการณ์ในตราสารอนุพันธ์
- Transactions in Securities: การทำธุรกรรมในด้านการลงทุนหลักทรัพย์
- Transactions in Derivatives: การทำธุรกรรมในตราสารอนุพันธ์
- Trading Portfolio Size: ขนาดของพรอตการลงทุน
- Traded as Professional?: ปัจจุบันเล่นหุ้นหรือตราสารอนุพันธ์เป็นอาชีพหรือไม่



จากนั้นก็กด Next จะมาที่หน้าจอให้เรายอมรับเกี่ยวกับกฎเกณฑ์ต่างๆ จากนั้นก็กด Finish


4. เมื่อสมัครได้แล้ว ทางเว็บจะให้เราดาวน์โหลดโปรแกรม ที่หัวข้อ Download Platforms ซึ่งเราสามารถ ติดตั้งได้ทั้ง Streamster หรือ MetaTrader 4 (MT4) ซึ่งเป็นโปรแกรมใช้ดูความเคลื่อนไหวแบบ Real time ของตลาด forex ครับ ดาวน์โหลดโปรแกรมมาลงที่เครื่องคอมได้เลย ส่วนวีธีใช้โปรแกรมตัวนี้เดี๋ยวเรามาว่ากันต่อที่หลังนะครับ


 

 ถ้าหาหน้าดาวน์โหลดไม่เจอให้ไปที่หน้าแรก กด Quick Links แล้วเลือก Download Platforms ครับ





มาถึงตรงนี้ ก็จะเสร็จสิ้นขั้นตอนการสมัคร AGEA จะให้เงินทดลองเล่น หรือ virtual money $10,000 และเงินจริง $5 นะครับ


ตอนต่อไป เราจะมาต่อกันที่ว่าถ้าเทรดแล้วได้กำไรขึ้นมาแล้ว เราจะเอาเงินออกมาใช้ได้อย่างไร ติดตามได้ในบทความต่อไปนะครับ

โค๊ด: [Select]
http://thaiforextrading.blogspot.com/2008/02/forex_28.html

235
จากตอนที่แล้ว หลายท่านอาจจะสงสัยว่าถ้าเทรด Forex แล้วมีกำไร เราจะเอาเงินจาก Marketiva ออกมาใช้อย่างไร มาดูกันต่อเลย

เราสามารถถอนเิงินได้ 2 แบบครับ
แบบ 1. การถอนเิงินจากMarketivaเข้าธนาคารในประเทศไทยโดยตรง จะเสียค่าธรรมเนียม $14 ทุกครั้งที่มีการถอนเงิน    1.login เข้าสู้ account    2.ที่แถบเมนู คลิ๊ก Transfer Funds ช่องบน from desk เลือก Live Forex หรือ Live Fund ช่องล่างเลือก Default ใส่จำนวนเงินที่จะย้ายใน   ช่อง Amount แล้วคลิ๊ก Transfer แล้ว confirm อืกครั้ง    3.ไปที่แถบเมนู คลิ๊ก withdraw funds เลือก withdrawal by wire transfer กรอกเลขบัญชีและชื่อธนาคารและที่อยู่ของธนาคารที่ต้องการให้ทางMarketivaโอนเงินไปให้    4.คลิ๊ก Withdraw Funds
แบบ 2. การถอนเิงินจากMarketiva ผ่าน WebMoney จะเสียค่าธรรมเนียม $7 เพียงครั้งแรกที่ถอนครั้งต่อไปไม่คิดค่าธรรมเนียม            สมัคร WebMoney ก่อนนะครับ จะคล้ายๆ กับ Paypal เป็นเสมือนธนาคารทางอินเตอร์เน็ตคล้ายๆ กัน (e-currency) แต่คนละบริษัท จัดทำเฉยๆ
WebMoney มีความน่าเชื่อถือ และมีระบบการรักษาความปลอดภัยและให้ความยอมรับอย่างกว้างขวาง ดังนั้นทุกท่าน ต้องสมัครสมาชิก WebMoney ไว้ เพื่อใช้ในการลงทุน ทางอินเตอร์เน็ต การซื้อ การถอนก็ทำได้อย่างง่ายดายเนื่องจาก มีที่รับซื้อ ขาย WebMoney หลายแห่งครับ ในบ้านเราท่านสามารถสั่งซื้อ ขาย WebMoney
โค๊ด: [Select]
ผ่านเว็บ www.ecurrencyplus.com, www.egoldthai.com หรือ www.e-currencystore.com ได้ครับ ข้อมูลบริษัท WebMoney
   * ชื่อบริษัท : WM Transfer Ltd.    * ก่อตั้งปี : 1998    * ที่ตั้ง : 119049, 7 Koroviy Val str., Moscow, Russia    * ข้อมูลการติดต่อ      -   FAX: +7 (495) 727-43-33      -   Technical support call center          +7 (495) 727-43-33 - Moscow          +7 (812) 309-02-91 - St. Petersburg          +44 (203) 239-60-39 - UK          +1 (646) 205-28-89 - USA
รายละเอียดเบื้องต้น
   * สมัคร: ฟรี    * ค่าธรรมเนียมรายเดือน: ไม่มี    * ค่าธรรมเนียมในการรับเงิน: ไม่มี    * ค่าธรมเนียมในการส่งเงิน: 0.8% สูงสุด 50 USD (WMZ)

วิธีการสมัคร
- Keeper Classic (แนะนำ)
เหมาะ สำหรับผู้ที่ใช้งานคอมพิวเตอร์หลายเครื่องหรือใช้งานคอมพิวเตอร์ร่วมกับผู้ อื่น เนื่องจากการสมัครแบบนี้จะเป็นลักษณะของการดาวน์โหลดโปรแกรม การใช้งานมาติดตั้งที่เครื่องคอมพิวเตอร์ และเข้าใช้งานโดยใช้รหัสผ่าน
- Keeper Light
เหมาะ สำหรับผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์เครื่องเดียว และไม่มีผู้อื่นมาร่วมใช้คอมพิวเตอร์ด้วย เนื่องจากการสมัครแบบนี้จะเป็นการฝัง Certificate file ไว้ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ ทำให้สามารถเข้าใช้งานได้โดยไม่ต้องใช้รหัสผ่าน
วิธีสมัคร WebMoney Keeper Classic (แนะนำ) เข้าไปที่เว็บ 
โค๊ด: [Select]
http://www.wmtransfer.com แล้วดูตามรูปข้างล่างประกอบได้เลยครับ

หรือสามารถดูการสมัครได้ที่เวบตามรายชื่อนี้ครับ
โค๊ด: [Select]
http://e-currencystore.com/about_webmoney.php http://www.ecurrencyplus.com/open_wmclassic.php
เกี่ยวกับบัญชี WebMoney
หลัง จากสมัครแล้วผู้ใช้งานจะได้รับหมายเลขบัญชี WebMoney (Webmoney Id หรือ WMId) ซึ่งเป็นตัวเลข 12 หลัก แต่เราจะไม่ใช้เลขบัญชีนี้ในการรับ - ส่งเงิน เนื่องจาก WebMoney สามารถใช้งานได้หลายสกุลเงิน ดังนั้นผู้ใช้งานจึงต้องสร้างบัญชีย่อยประจำแต่ละสกุลเงินเพื่อใช้ในการรับ ส่งเงิน
   * WMR - equivalent to RUR (R-Purse)    * WMZ - equivalent to USD (Z-Purse)    * WME - equivalent to EUR (E-Purse)    * WMU - equivalent to UAH (U-Purse)    * WMB - equivalent to Belorussian Roubles (B-Purse)    * WMY - equivalent to Uzbek Sum (Y-Purse)    * WM-C and WM-D - WMZ equivalent for transactions on - and D-purses    * WMG - equivalent of Gold (G-Purse)
ใน การรับส่งเงินนั้นจะใช้ หมายเลขบัญชีย่อยประจำแต่ละสกุลเงิน เช่น สกุล USD ก็จะใช้เลขบัญชีที่ขึ้นต้นด้วยตัว Z (Zxxxxxxxxxxxx) และ ทำการอ้างอิงด้วย WMId ดังนั้นหมายเลข WMId กับ หมายเลขบัญชีแต่ละสกุลเงินจึงจะไม่ใช่หมายเลขเดียวกัน
ประโยชน์การใช้งานของ Webmoney
1.  ใช้สำหรับชำระสินค้าหรือค่าบริการต่างๆ : มี merchant หรือผู้ให้บริการจำนวนมากที่รับชำระเงินด้วย webmoney โดยส่วนใหญ่จะได้รับความนิยมในหมู่ประเทศแถบรัซเซียและยุโรป ซึ่งเราสามารถเช็คการให้เว็ปไซด็ ต่างๆเหล่านั้นได้ที่นี้
2. ใช้สำหรับรับส่งเงินระหว่างบัญชี(send money by e-mail): webmoney มีจุดประสงค์ที่สำคัญคือการให้สมาชิกสามารถส่งเงินออนไลน์หากันได้ โดยทาง webmoney จะมีบริการของตัวแทน(exchanger) สำหรับ ผู้ต้องการแลก เปลี่ยนสกุลเงิน(currency exchange) หรือสามารถ เปลี่ยนสกุลเงินต่างๆ ภายในบัญชีได้เอง  หรือยังสามารถแลกเปลี่ยนสกุลเงิน webmoney เป็น  e-currency อื่นๆ ได้อีก เราสามารถเช็คตัวแทน ในการแลกเปลี่ยน e-currency ได้ที่นี่
3. ใช้สำหรับลงทุนด้าน forex : มีโปรเกอร์จำนวนไม่ใช่น้อย ที่นิยมนำ webmoney มาใช้ชำระเงินผ่านระบบการลงทุน forex  โปรเกอร์เหล่านั้นได้แก่
โค๊ด: [Select]
maketiva.com , litforex.org, https:/cabinet.fxopen.com/Actions/Redirect.ashx?Agent=174728]FxOpen.com[/url] เป็นต้น
จาก 2 วิธีที่กล่าวมานี้ อาจจะมีข้อดีข้อเสียต่างกัน ถ้าใช้แบบแรกก็สะดวกดี แต่ค่าธรรมเนียมแพง ถ้าใช้แบบที่สองก็จะยุ่งยากหน่อย แต่ค่าธรรมเนียมถูกกว่า แล้วแต่จะเลือกใช้นะครับ
จากนี้เราก็สามารถถอนเงินจากการเทรด Forex ออกมาใช้ได้แล้วครับ

ขอให้ทุกท่านลงทุนอย่างมีสติ และขอให้รวยๆ ทุกท่านครับ


โค๊ด: [Select]
http://thaiforextrading.blogspot.com/2008/02/forex-e-bullion.html

236
ในการสมัครเทรดกับโบรกเกอร์ ต้องมีการส่งเอกสารเพื่อยืนยันตัวตนด้วยนะครับ เพราะทางโบรกเกอร์ต้องป้องกันเรื่องการฟอกเงิน และบางโบรกมีโบนัสให้ ทำให้สมัครได้แค่ 1 คนต่อ 1 account นะครับ การยืนยันตัวตนกับทาง Marketiva มีขั้นตอนดังต่อไปนี้ครับ 1. เข้าสู่
โค๊ด: [Select]
www.marketiva.com แล้วคลิ๊กที่ Account Center

2. ใส่ Username และ Passoword คลิ๊กที่ Log On

3. คลิ๊กที่ Services

4. คลิ๊กที่ Identify Yourself

5. ใส่ภาพลงในหัวข้อทั้ง 2 โดยมีขนาดไม่เกิน 100 K และต้องเป็น JPEG FORMAT เท่านั้น แล้วคลิ๊กที่ Upload (สีแดงด้านบน คือ การ Log Off)

6. รอเวลา 1 - 2 วัน ถ้าผ่านการตรวจสอบแล้ว จะเป็นดังภาพ


ตัวอย่างเอกสารของบัตรประชาชน และการเขียนระบุรายละเอียดครับ

ตัวอย่างเอกสารใบเสร็จค่าใช้จ่าย (ไม่ควรเกิน 60 วัน Scan ส่งไปด้วยขนาดไม่เกิน 100 K และเป็น JPEG FORMAT เท่านั้นนะครับ)


หลังจากยืนยันตัวตนกับทาง Marketiva ผ่านแล้วเราก็สามารถเริ่มเทรด Forex ได้แล้วครับ ตอนหน้าเราจะไปว่ากันถึง เรื่องวิธีการเทรด Forex กันครับ ขอให้รวยๆ กันทุกท่านนะครับ

โค๊ด: [Select]
http://thaiforextrading.blogspot.com/2008/03/forex-identify-yourself-marketiva.html

237
หลังจากที่เราได้ทำขั้นตอนต่างๆ ที่ผ่านมาจนครบหมดแล้ว คราวนี้เราจะมาเริ่มใช้งาน โปรแกรมเทรดของ Marketiva นะครับ โปรแกรมนี้ชื่อ Streamster ซึ่งก็คือตัวที่เราโหลดมาแต่แรก ในขั้นตอนการสมัคร Marketiva นั่นเอง

เมื่อเปิดโปรแกรม Streamster แล้ว พอ Login เข้าไปก็จะเจอหน้าจอนี้
เมื่อเราสมัครเรียบร้อยแล้ว ระบบจะให้เงินเรา 5 เหรียญทันที โดยเงินจะถูกแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนของ Live Forex และ ส่วนของ Default ส่วนละ $2.5 เราสามารถนำเงินมารวมกันได้ ( ยอดเงินสามารถดูได้ที่ Portfolio )
จากรูปข้างบนผมขอแบ่งออกเป็น 4 ส่วนเพื่อง่ายต่อความเข้าใจนะครับ
พื้นที่ 1 ซ้ายบนของโปรแกรม - คือ ราคาในปัจจุบันครับ จะมี 3 tap คือ Forex rate, Fund rate และ Latest news
Forex rate คือ ราคาที่วิ่งขึ้นลง ของค่าเงินแต่ละคู่ เราสามารถเพิ่ม-ลด คู่ที่จะดูได้ที่ปุ่ม subscriptions ครับ
Fund rate คือ ราคาของกองทุน -อันนี้ผมไม่เล่นนะครับ - กองทุนจะมีปันผลเป็นเปอร์เซ็นต์ (แต่ปันผลเมื่อไหร่ไม่รู้นะครับ) และเล่นได้ขาขึ้นอย่างเดียวเหมือนหุ้น และราคาที่เห็น เป็นราคาต่อ 1 หน่วย - ซื้อขายเป็นหน่วยครับ
Latest news เป็น ข่าวล่าสุดเกี่ยวกับเศรษฐกิจ
พื้นที่ 2 ขวาบน- เป็นพื้นที่แสดงผลของกราฟ เดี๋ยวกลับมาว่ากันเรื่องการ set ครับ
พื้นที่ 3 ซ้ายล่าง - แสดงจำนวนทุนของเรา ซึ่งตอนลงโปรแกรมใหม่จะมี 4 ส่วนคือ
1. Live Forex - อันนี้คือเงิน “จริง” จะมีทุนฟรีมาให้เรา $2.5 เล่นได้ ก็ได้จริง เสียก็เสียจริง 2. Virtual Forex - อันนี้คือเงิน “ปลอม” 3. Live Fund - อันนี้คือเงิน “จริง” ที่ใช้เทรด Fund ซึ่งจะมีทุนฟรีมาให้เรา $2.5 เล่นได้ ก็ได้จริง เสียก็เสียจริง เช่นกัน 4. Virtual Fund - อันนี้คือเงิน “ปลอม” ใช้เทรด Fund
สำหรับคนที่ไม่เล่น Fund ให้ย้ายทุนมาที่ Forex โดยไปที่
พื้นที่ 4 ขวาล่าง- ส่วนนี้จะมี 4 tap ซึ่งเราจะสนใจแค่ 2 คือ Position กับ Account Center
1. Position จะบอกข้อมูลแต่ละ order ที่เราทำการเทรด โดยสถานะหลังสุดจะบอกว่า Position นี้ open อยู่ หรือ close ไปแล้ว เราจะเห็นการทำกำไร-ขาดทุน แต่ละ order ที่นี่ ครับ โดยดูที่ช่อง Profit กับ Point โดย Profit จะบอกเป็นจำนวน “เงิน” ที่ได้ หรือเสีย อยู่ (ถ้าจะ close ในเวลานั้นๆ) และ Point จะบอกเป็น “จุด” - ไม่ต้องสนใจสีเขียว หรือแดงนะครับ เพราะมันเป็นการบอกแค่เทียบว่าเพิ่มขึ้น หรือลดลง เมื่อเทียบกับการเปลี่ยนแปลงก่อนหน้า
2. Account Center จะเป็นส่วนที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ account ของเรา และทำการ deposit หรือ withdraw (ส่วนนี้จะหน้าตาเหมือนกับเวลา login ที่เว็บไซด์ - แต่ห้าม login ที่โปรแกรม และเว็บไซด์พร้อมกันนะครับ)
ต่อจากเมื่อกี้ ให้ย้ายทุน โดยไปที่ tap นี้ แล้ว ไปที่เมนู Account Center เลือก Transfer fund แล้วทำการย้าย Live Fund -> Live Forex จะทำให้เรามีทุนที่ Forex เพิ่มเป็น $5 Virtual Fund -> Virtual Forex -อันนี้จะไม่ย้ายก็ได้ครับ
เวลาเรา deposit เงินจะมาที่ Desk ก่อนนะครับ จากนั้นเราจึง transfer จาก desk มาที่ live forex ส่วนเวลาถอน ก็ transfer จาก live forex มา desk ก่อน ค่อย withdraw นะครับ
การ Set Indicator ใน marketiva
Indicator ก็คือเครื่องมือชี้วัด ต่างๆ ครับ ทำการเพิ่มเติมได้โดยกดเมาส์ขวาที่ส่วนของ Charting เลือก Add Indicator จะเห็นรายการกราฟแบบต่าง ๆ มากมายครับ ในที่นี้จะพูดถึงเฉพาะที่จะใช้นะครับ
ขั้นแรกขอให้ทำการ Remove Indicator เก่าออกให้หมดก่อนนะครับ โดยคลิ๊กที่ indication (เส้นสีๆ) แล้ว จะมี window เล็กๆ ขึ้นมา เลือก remove this indicator

จากนั้นให้ คลิ๊กขวาเลือก Style->Candlesticks


จากนั้น ให้คลิ๊กขวาเพื่อ set indicator ต่างๆ ดังนี้
1. Moving Average Type : Simple Period : 50 Line Color : น้ำเงิน
2. Moving Average Type : Exponential Period : 100 Line Color : ชมพู
3. Moving Average Type : Exponential Period : 5 Line Color : แดง
4. Bollinger Bands Type : Exponential Period : 20 Multiple : 2.0 Upper Line Color : เขียวอ่อน Lower Line Color : เหลือง
5. Parabolic SAR Acceleration : 0.020 Maximum : 0.20 Color : น้ำตาล
6. Moving Avg Conv./Divergence (MACD) Fast EMA Period : 12 Slow EMA Period : 26 MACD SMA Period : 9 MACD Color : น้ำเงิน Signal Color : แดง Histogram Color : ดำ
7. Relative Strength Index (RSI) Period : 14 Line Color : แดง
8. Stochastic Slow FastK Period : 5 SlowK MA Type : Exponential SlowK Period : 3 SlowD MA Type : Exponential SlowD Period : 3 SlowK Color : น้ำเงิน SlowD Color : แดง
9. Horizontal Line เป็นเส้นแนวนอน เอาไว้ไล่ดูเส้นราคาครับ

การวิเคราะห์กราฟ
Buy เมื่อ ถ้าเส้นราคา (แท่งเทียนขาว-ดำ) และเส้น MV 5 ตัดเส้น MV 50 และ เส้น MV 100 ขึ้น และเส้นราคาเกาะขอบ Bollinger Bands ขอบบน (สีเขียว) บวกกับมี Parabolic SAR อยู่ใต้เส้นราคา และดันขึ้น บวกกับ MACD สีน้ำเงินตัดสีแดงขึ้น และมีภูเขาเกิดขึ้นเหนือระนาบ 0 บวกกับ RSI อยู่ใต้ 30 และหักหัวขึ้น บวกกับ Stochastic อยู่ใต้ 20 และหักหัวขึ้น
Sell เมื่อ ถ้าเส้นราคา (แท่งเทียนขาว-ดำ) และเส้น MV 5 ตัดเส้น MV 50 และ เส้น MV 100 ลง และเส้นราคาเกาะขอบ Bollinger Bands ขอบล่าง (สีเหลือง) บวกกับมี Parabolic SAR อยู่เหนือเส้นราคา และกดลง บวกกับ MACD สีน้ำเงินตัดสีแดงลง และมีภูเขาหัวกลับเกิดขึ้นใต้ระนาบ 0 บวกกับ RSI อยู่เหนือ 70 และหักหัวลง บวกกับ Stochastic อยู่เหนือ 80 และหักหัวลง
กราฟเวลาที่เหมาะสมคือ 15 ถึง 30 นาที ทั้งนี้ อาจใช้ 5 นาทีเพื่อหาจังหวะเข้า และ 1 - 4 hrs เพื่อดูแนวโน้มในระยะยาว
กราฟแต่ละเวลาหมายถึง ระยะเวลาที่แต่ละแท่งเทียนถูกเขียนขึ้นในกราฟนั้นๆ
สำหรับ กราฟ pattern แบบต่างๆ การอ่านแท่งเทียน สามารถศึกษาได้จากเว็บหุ้นทั่วไป
การสั่งซื้อขาย เราสามารถทำการสั่งซื้อขายได้โดยการคลิ๊กที่คู่ของค่าเงินที่ต้องการ หรือคลิ๊กที่พื้นที่กราฟ ส่วนการ close หรือ modify position ก็ให้ไปคลิ๊กเลือกที่ position ที่ต้องการในพื้นที่ 4 สำหรับปริมาณที่จะซื้อ-ขาย ในช่อง quantity ให้ใส่เป็นจำนวน 100 เท่า ของที่เราต้องการนะครับ เช่นเราจะเทรด $1 ให้ใส่ 100 (จุดละประมาณ 1 เซ็นต์) เทรด $10 ให้ใส่ 1,000 (จุดละประมาณ $1)
ช่วงเวลาที่เหมาะกับการเทรดในบ้านเราคือ 12.00 - 22.00 ครับ ช่วงอื่นกราฟอาจจะอืดๆ ไปบ้าง ช่วงบ่ายๆ คือก่อนตลาดญี่ปุ่นปิด ตลาดยุโรป-ลอนดอนกำลังจะเปิด และ 19.00 ตลาดนิวยอร์คจะเปิดลองใช้ดูครับ เล่นกับเงินปลอมไปก่อน เพื่อทดลอง จะได้เข้าใจมากขึ้นครับ
สามารถศึกษาการวิเคราะห์หลักทรัพย์โดยวิธีทางเทคนิคเบื้องต้นและ indicator ต่างๆ โดย download e-book ไปศึกษาดูได้ที่ e-book พื้นฐานการวิเคราะห์หลักทรัพย์โดยวิธีทางเทคนิค[/url] (เครดิต: ตลาดหุ้นดอทคอม, Richesway.com, Forexrichclub )
นอกจากนั้นเราสามารถ chat แลกเปลี่ยนข้อมูลกับคนไทยคนอื่นๆ ที่เทรด Forex กับ Marketiva โดยไปคลิ้กที่เมนู Discussions ตรงพื้นที่ 2 ขวาบน แล้วคลิ้ก Groups จากนั้นเลื่อนหา Thailand ติ๊กแล้วกด OK ครับ


โค๊ด: [Select]
http://thaiforextrading.blogspot.com/2008/03/forex-trade-marketiva.html

238
การฝากเิงินเข้าMarketivaนั้นทำได้2แบบ 1.การฝากเิิงินเข้าจากธนาคารออนไลน์ ธนาคาร WebMoney
ฝากเงินเข้า จะต้องมีเงินในบัญชี WebMoney แล้วนะครับ ถ้าไม่มีไปซื้อได้ ที่เว็บ
โค๊ด: [Select]
http://www.ecurrencyplus.com หรือ http://www.e-currencystore.com ได้ครับ เมื่อมีเงินในบัญชีพร้อมแล้วก็ทำตามขั้นตอนข้างล่างเลยครับ
1.login เข้าสู้ account marketiva เลือกคำว่า Deposit Funds
2.เลือกวิธีโอนเงิน คลิ๊กคำว่า Deposit by web money
3.กรอกรายละเอียดในช่องที่มีเครื่องหมายดอกจันกำกับ กรอกเลขบัญชี web money ของท่านในช่อง Sender Account กรอกจำนวนเงินในช่อง Amount แล้วคลิ๊กคำว่า Deposit Fund ที่อยู่ด้านล่าง รอสักครู่ ก็จะเข้าสู่เว็บ web money ทำการโอนเงิน ยอดเงินจะปรากฏใน Maketiva Account (Defult)ของท่านทันทีเมื่อโอนเงินเสร็จ
4.คิ๊กTranfer Fund ย้ายเงินที่ฝากฝากเข้าไป ย้ายจาก Defult ไปสู่ Live Forex (ถ้าเงินที่โอนเข้าไปไม่ปรากฎไม่ต้องตกใจ ใ้ห้ส่งจดหมายไปหา support ครับ ) ุ
2.การโอนเิงินโดยตรงจากธนาคารในประเทศไทย โดยมีขั้นตอนดังนี้ ขั้นตอนการโอนเงินโดยตรงจากธนาคารในประเทศไทยเข้าMarketiva 1.login เข้าสู้ account marketiva เลือกคำว่า Deposit Funds 2.เลือก deposit by wire transfer จดเลขบัญชีและชื่อธนาคารของMarketiva 3.แจ้งความประสงค์กับทางธนาคาร”ท่านต้องการโอนเงินไปต่างประเทศ”แจ้งเลขบัญชีกับทางธนาคาร 4. เมื่อโอนเงินเรียบร้อยแล้ว เข้าไปกรอกรายละเอียดต่างๆ ในช่องที่มีเครื่องหมายดอกจันกำกับให้ครบถ้วน หลังจากนั้นรอทางธนาคารส่งเงินไปประมาณ 1-7วันยอดเงินก็จะปรากฏในบัญชีMarketiva ของท่าน 5.หากเกิน7วันยอดเงินในบัญชีMarketivaไม่ปรากฎไม่ต้องตกใจmarketivaสมาชิกเยอะครับให้ติดต่อsupportทันที


หลังจากนั้น ให้ดูที่โปรแกรมเทรดของเรา ตรวจสอบที่ Portfolio ด้านซ้ายมือ แล้วดู Default Desk ถ้าเงินโอนเข้ามาเรียบร้อย จะอยู่ที่ Default Desk นี้ เราต้องทำการโอนอีกครั้ง ให้ไปอยู่ที่ Live Forex Desk จึงทำใช้เทรดได้ ให้คลิกที่ Account Center / Transfer Funds แล้วทำตามขั้นตอนด้านล่าง 1. From Desk: เลือก Default Desk 2. To Desk: เลือก Live Forex 3. Amount: ใส่จำนวนเงินจาก Default Desk ทั้งหมด 4. คลิกปุ่ม Transfer เมื่อโอนเงินจาก Default Desk ไปที่ Live Forex เรียบร้อยแล้ว ก็สามารถเทรดด้วยเงินจำนวนนี้ได้เลย ครับ ขอให้ทุกท่านลงทุนอย่างมีสติ และขอให้รวยๆ ทุกท่านครับ


โค๊ด: [Select]
http://thaiforextrading.blogspot.com/2008/03/forex-marketiva.html

239
เรียน forex ชั้น เตรียมอนุบาล
การซื้อขายสองชนิด การวิเคราะห์มีอยู่ 2 ชนิด ซึ่งคุณสามารถใช้เมื่อเข้าถึง forex การวิเคราะห์มูลฐาน และการวิเคราะห์ทางเทคนิค มักจะมีการถกเถียงกันอยู่เสมอว่า การวิเคราะห์แบบไหนดีกว่า, แต่ ตามความจริงแล้ว เราจำเป็นต้องรู้ทั้งสองบ้างเล็กๆน้อย ดังนั้น มาดูเป็นอย่างเป็นอย่างไป จากนั้นจะได้นำมาใช้ร่วมกันได้
1.การวิเคราะห์มูลฐาน การวิเคราะห์มูลฐาน คือวิธีดูตลาดผ่านปัจจัยอิทธิพลทางเศรษฐกิจ, สังคม และการเมืองที่มีผลกระทบต่อ ปริมาณและความต้องการ อุปสงค์/อุปทาน กล่าวอีกอย่างหนึ่ง คือ คุณดูว่าเศรษฐกิจของใครกำลังไปได้ดี, และของใครกำลังแย่ แนวความคิดเบื้องหลังการวิเคราะห์ชนิดนี้ก็คือ เศรษฐกิจของใครก็ตามที่กำลังดี เงินตราของเขาก็ต้องดีด้วยเช่นกัน นี้เพราะว่า ยิ่งเศรษฐกิจของประเทศดี ประเทศอื่นๆยิ่งมีความเชื่อมั้นมากในเงินตรานั้น เป็นต้นว่า, ดอลลาร์แข็งขึ้นเพราะ เศรษฐกิจของอเมริกากำลังแข็งแรง ถ้าอัตราดอกเบี้ยของอเมริกาสูงขึ้นเรื่อยๆ ค่าของเงินดอลล่าก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน และนี้เองคือสิ่งที่เราเรียกว่าการวิเคราะห์มูลฐาน ในหลักสูตร ภายหลัง เราจะได้เรียนว่าเหตุการณ์ข่าวประเภทไหนกัน ที่ผลักดันค่าเงินตราได้มากที่สุด ตอนนี้ให้รู้แค่ว่าการวิเคราะห์มูลฐานของ forex คือ วิธีวิเคราะห์เงินตราผ่านความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของประเทศนั้น
2.การวิเคราะห์เชิงเทคนิค การวิเคราะห์เชิงเทคนิค คือ การศึกษาของการเคลื่อนไหวของราคา พูดให้สั้น คือ วิเคราะห์ทางเทคนิค = วิเคราะห์กราฟ (chart) แนวความคิดนี้ ก็คือเราสามารถดูประวัติการเคลื่อนไหวของราคา และอาศัยการขยับตัวของราคา ตัดสินคาดได้ในระดับหนึ่งว่าราคาจะไปที่จุดไหน โดยดูที่กราฟ คุณสามารถระบุแนวโน้ม และรูปแบบ ที่สามารถช่วยให้เห็นโอกาสดีในการชื้อขาย สิ่งสำคัญที่สุดที่คุณจะได้เรียนรู้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค คือ แนวโน้ม! คนจำนวนมากมีคำพูดอยู่ว่า แนวโน้ม คือ เพื่อนของคุณ . เหตุผลคือ คุณอาจทำเงินได้มากกว่า เมื่อคุณสามารถค้นพบ แนวโน้ม แล้วซื้อขายในทิศทางเดียวกัน การวิเคราะห์ทางเทคนิคสามารถช่วยคุณระบุแนวโน้มเหล่านี้ในขั้นต้นๆ ของมัน และเพราะฉะนั้น(ผมเพิ่งพูดว่าเพราะฉะนั้นใช่ไหม )จึงช่วยให้ คุณได้โอกาสซื้อขายทำกำไรมาก
ดังนั้น การวิเคราะห์แบบไหนดีกว่า ผมดีใจที่ คุณถามคำถามนั้น คำตอบ คือ ไม่ใช่แบบใด ทั้งนั้น คุณต้องการการวิเคราะห์ทั้งสองชนิดที่จะเป็นนักค้าที่สมบูรณ์ นี้ คือ ตัวอย่างของการโฟกัสใช้การวิเคราะห์เพียงชนิดเดียวที่นำไปสู่ความหายนะ
สมมุติว่าคุณดูที่กราฟของคุณ และ คุณเห็นโอกาสดีที่จะซื้อขาย คุณรู้สึกตื่นเต้นดีใจมาก คิดอยู่ว่าฝนเงินกำลังจะตกลงจากท้องฟ้าแล้ว คุณพูดกับตัวคุณเอง "โห..เราไม่เคยเห็นโอกาสซื้อขายที่สุดยอดขนาดนี้มาก่อน รักเจ้ากราฟนี่จัง" จากนั้น คุณก็ดำเนินการเข้าซื้อขายด้วยรอยยิ้มกว้างๆบนใบหน้า(ประเภทเห็นฟันทุกซี่เลย). แต่เดี่ยวก่อน .. ทันทีทันใด ราคาซื้อขายก็ขยับวูบไปถึง 30 จุด ในทิศทางตรงกันข้าม ! คุณรู้น้อยไปหน่อยว่า อัตราดอกเบี้ยได้ลดลงไปแล้วสำหรับเงินตราของคุณ และขณะนี้ทุกๆคนกำลังซื้อขายในทิศทางตรงกันข้าม รอยยิ้มกว้างก็กลายเป็นบูดเบี้ยวและ คุณเริ่มโกรธกราฟโยนคอมพิวเตอร์ของคุณลงไปกองบนพื้นแหลกละเอียด คุณเพิ่งสูญเสียเงินไปหนึ่งกล้อน, และมาตอนนี้คอมพิวเตอร์ของคุณก็พังซะแล้ว. ทั้งหมดนี้เพราะ คุณเพิกเฉยโดยสิ้นเชิงต่อการวิเคราะห์มูลฐาน คำพูด:
สรุป
-การวิเคราะห์มีอยู่ 2 ประเภท : เชิงมูลฐาน และทางเทคนิค -การวิเคราะห์มูลฐาน คือการวิเคราะห์ตลาดผ่านความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ ( ตัวอย่างเช่น ดอลลาร์แข็งขึ้นเพราะเศรษฐกิจของอเมริกากำลังแข็งแกร่งขึ้น) -การวิเคราะห์ทางเทคนิค คือการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวราคา การวิเคราะห์ทางเทคนิค = กราฟ -การวิเคราะห์ทางเทคนิคยังช่วยระบุแนวโน้มที่สามารถช่วยเราค้นพบโอกาสทำกำไรในการซื้อขาย -เพื่อเป็นนักค้าที่สมบูรณ์, คุณต้องประยุกต์ใช้การวิเคราะห์ทั้งสองร่วมกัน


โค๊ด: [Select]
http://thaiforextrading.blogspot.com/2008/03/forex-type-of-trading.html

240
ทำไม Money management ถึงสำคัญ เพราะเราต้องการที่จะทำกำไร เราต้องเรียนรู้การบริหารจัดการเงิน แต่คนส่วนมากได้มองข้ามมันไป
Trader หลายคน เทรดโดยที่ไม่มีหลักการ และดูแค่ว่าสามารถเสียได้เท่าไรในการเทรด 1 ครั้ง แล้วก็เทรดเลย อย่างนี้ค้าเรียกว่าการพนันไม่ใช่ การลงทุน
ถ้า คุณเทรดโดย ไม่ใช้ Money management นั้น มันก็เหมือนกับว่าคุณกำลังเล่นพนันอยู่ คุณไม่ได้มองการลงทุนระยะยาว คุณกำลัง รอ jackpot การบริหารเงินไม่เพียงช่วยเราป้องกันเงินทุน ยังสามารถทำมีกำไรในระยะยาวอีก แต่ถ้าคุณยังคิดว่าการเล่นแบบรอ jackpot เป็นสิ่งที่ถูกต้อง เรามาดูตัวอย่างกัน
Casino หรือ เจ้ามือ คนเหล่านี้ เก่งเรื่อง สถิติ เค้ารู้ว่าระยะยาวแล้ว เจ้ามือจะเป็นคนได้เงิน ไม่ใช่นักพนัน ถึงจะมีคนถูกรางวัล Jackpot เป็นเงินก้อนโต แต่ก็จะมีนักพนันอีกมากกว่าร้อยที่ไม่ถูก Jackpot แล้วเงินเหล่านี้ ก็จะเป็นของเจ้ามือ
อันนี้เป้นตัวอย่างที่ทำให้เห็นวา สถิติ สามารถ สร้างกำไรได้เหนือกว่า การพนัน ในทางสถิติ หรือ เจ้ามือ ในกรณีนี้รู้ว่าจะควบคุมความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น ได้อย่างไร ถ้าทำได้ คุณก็จะมีกำไร
ทีนี้คุณจะทำยังไงถึงจะเป็น นักสถิติที่ดีได้ ไม่ล้มเหลว
Money management นั้นสามารถทำกำไร ได้ในระยะยาว ถ้าไม่ใช้กฎของ Money management จะเกิดอะไรขึ้นเรามาดูตัวอย่าง
สม มุตรว่าคุณ มีเงินอยู่ $10000 และคุณเสียไป $5000 คุณเสียไปทั้งหมดกี่เปอร์เซนต์ คำตอบคือ 50 เปอร์เซนต์ แล้วคุณต้องทำกี่เปอร์เซนต์ เงิน $5000 ของคุณ ถึงจะกลับไปเท่าเดิมคือ $10000 คุณต้องทำถึง 100 เปอร์เซนต์ ไม่ใช่ 50 เปอร์เซนต์ เค้าเรียกว่า Drawdown จะเห็นว่ามันน่าหงุดหงิดมาก เพราะมันง่ายมากในการเสียไป แต่ได้กลับคืนมาเท่าเดิมนั้น ยากกว่า ซึ่งผู้อ่านคงไม่คิดที่จะเสีย เทรดเดียว 50 เปอร์เซนต์ ผมหวังว่าเป็นเช่นนั้น
อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณเทรดเสีย 3, 4 หรือ 10 เทรดติดกันล่ะ มันดูเหมือนจะเกิดได้ยากถ้าคุณคิดว่าคุณมี trade system ที่มีเปอร์เซนต์ชนะ 70 เปอร์เซนต์ ดังนั้นคุณไม่มีทางเสีย ติดต่อกันได้ถึง 10 ครั้ง ถ้าคุณคิดว่าคุณมี Trade system ที่ดี ในการเทรด Trade system ที่ทำ profitable ได้ 70 เปอร์เซนต์ ดูเหมือนเป็น system ที่ดีมาก แต่มันไม่ได้หมายความว่า ใน100 เทรดคุณจะชนะ 70เทรด คุณจะรู้ได้อย่างไร ว่า 70 ใน 100 เทรดจะชนะ คุณไม่มีทางรู้ได้ คุณ อาจจะเสีย 30 เทรดแรก แล้วไปชนะ 70 เทรดที่เหลือ ซึงยังให้ผลที่ 70 เปอร์เซนต์ แต่คุณก็คงเสียหายหนัก
จากตัวอย่างจะทำให้รู้ว่า Money management นั้นสำคัญ ไม่ว่าคุณจะมี Trading System ดีสักเท่าไร แต่ก็ต้องมีที่คุณเสีย เหมือนผู้เล่น Poker มืออาชีพ ถึงเค้าจะเล่นเสียครั้งใหญ่ แต่สุดท้ายเค้าก็จะจบด้วยกำไร
ผู้เล่น Poker เก่งๆจะฝึกฝน Money management เพราะเค้ารุ้ว่าไม่สามารถชนะได้ทุกเกมส์ เค้าจะเล่นด้วยจำนวนเงินที่น้อย จากเงินทั้งหมดที่เค้ามี มันสามารถทำให้เค้ารอดพ้นจากการเสียครั้งใหญ่ได้ นี่คือสิ่งที่คุณต้องทำในฐานะ trader เทรดใน เปอร์เซนต์ที่น้อยจากจำนวนเงินที่มีทั้งหมด เพื่อลดความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น เมื่อคุณฝึกฝน และ เคร่งครัดกับ Money management คุณ จะเปลี่ยนจากนักพนัน กลายเป็นเจ้ามือ ที่จะทำกำไรได้ระยะยาว
รูปตัวอย่าง ความแตกต่างระหว่างคนที่เล่นเปอร์เซนต์น้อย และคนที่เล่นโดยใช้เปอร์เซนต์สูง
คุณจะเห็นว่ามีความแตกต่างกันมากระหว่าง การเล่น 2 เปอร์เซนต์เมื่อ เทียบกับ 10 เปอร์เซนต์ ของเงินทั้งหมดในการเทรดแต่ละครั้ง ถ้าคุณเสียติดต่อกัน 19 ครั้ง การลงด้วยเงิน 10 เปอร์เซนต์ จะทำให้คุณเสีย 85 เปอร์เซนต์จากเงินทั้งหมด !!!! แต่การลงด้วยเงิน 2 เปอร์เซนต์ จะทำให้คุณเสียแค่ 30 เปอร์เซนต์ของมาจิ้นเท่านั้น แต่ มันคงเกิดขึ้นได้ยาก งั้นมาดูแค่การเสีย 5 ครั้งติดต่อกัน ถ้าคุณลง 2 เปอร์เซนต์คุณจะมีเงินเหลือ 18447 แต่ถ้าคุณลง 10 เปอร์เซนต์ จะเหลือเงินแค่ 13122 ซึ่งจะมากกว่าการเสีย ติดต่อกัน19 ครั้งของ การลง 2 เปอร์เซนต์ซะอีก!!!
จุดประสงค์ที่ยกขึ้นมานี้ เพื่อชี้ให้เห็นว่า การใช้ Money management เมื่อตอน drawdown คุณยังมีเงินทุนเหลือพอที่จะเล่นต่อไป คุณลองคิดว่าถ้าคุณเสีย 85 เปอร์เซนต์ของเงินทั้งหมด คุณต้องทำให้ได้ 566 เปอร์เซนต์ของเงินที่เหลือ เพื่อให้เท่าทุน คุณคงไม่อยากอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น
อันนี้คือตารางที่ จะทำให้คุณรู้ว่าจากการ ขาดทุน คุณต้องทำเท่าไรถึงจะเท่าทุน

คุณจะเห็นว่า ยิ่งเสียมากมันก็ยากที่จะ ทำให้มันกลับมาเท่าทุน นี่คือเหตุผลว่าทำไมต้องใช้ Money management
Risk to reward เป็นการเทรดที่ อัตราส่วนอยู่ที่ 3 ต่อ 1 คือ Winner trade ต้องมากกว่า 3 เท่าจาก looser trade ถ้าเทรด แพ้ และ ชนะ สลับกัน Profitable trade จะอยู่แค่ 50 เปอร์เซนต์ แต่เรามีกำไร นะครับ




โค๊ด: [Select]
http://thaiforextrading.blogspot.com/2009/04/money-management-forex.html

หน้า: 1 ... 14 15 [16] 17
SMF 2.0.15 | SMF © 2011, Simple Machines
SMFAds for Free Forums