Topics

สวัสดีจ้า ช่วงนี้แม้ว่าจะใกล้สิ้นปีแล้ว แต่ฟ้าฝนก็ยังมีตลอด บางทีก็ระบายน้ำกันไม่ทันกันเลย สำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องมีเดินทางต้องเตรียมตัวให้พร้อมเช็คสภาพอากาศกันด้วยนะคะ เพื่อหลีกเลี่ยงเส้รทางที่อาจจะน้ำท่วมดีกว่าค่ะ ลแะวันนี้มาดู ความแตกต่างในการเทรด Forex และ Futures คำถามที่นักลงทุนมือใหม่ที่ยังไม่รู้จักทั้ง Futures และก็ Forex ดีมากนัก บางทีอาจจะสงสัยว่าทั้งสองตลาดมีความต่างกันยังไง ไปดูกันจ้า


1.สภาพคล่อง
สภาพคล่องใน ตลาด Forex มีปริมาณการซื้อขาย 2 ล้านล้านเหรียญต่อวันซึ่งเป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลก ถ้าหากพวกเราเปรียบกันกับตลาดอื่นแล้วทำให้ปริมาณหรือขนาดของตลาดหุ้นอื่นๆดูเล็กลงไปทันที ในขณะที่ ตลาดฟิวเจอร์ เทรดอยู่ราว 3 หมื่นล้านเหรียญต่อวัน และก็ตลาดฟิวเจอร์ ไม่สามารถแข่งกับตลาด Forex ได้ เพราะเหตุว่ามีปริมาณการเทรดที่จำกัด ซึ่งหมายความว่าตลาด Forex ออเดอร์สามารถส่งคำสั่งใดใดก็ตามได้ตลอดเวลาโดยปราศจากการคาดเคลื่อนของราคานอกจากในช่วงเวลาที่ตลาดมีความผันผวนสูงหรืออยู่ในภาวะที่ไม่ปกติเท่านั้น


2.ความเสี่ยง
นักเทรดจะมี Position Limit ที่เป็นวัตถุประสงค์เพื่อจัดการกับความเสี่ยง ซึ่งตัวเลขเหล่านี้จะเกี่ยวกับจำนวนเงินในบัญชีของนักเทรด ความเสี่ยงก็จะน้อยลงมากในตลาด Forex เพราะว่าโปรแกรมที่นักเทรดใช้อยู่นั้นจะเรียกว่า มาร์จิ้น เพิ่มอัตโนมัติ (Margin call) ถ้านักเทรดไม่มีมาร์จิ้นเหลืออัก ออเดอร์ที่เปิดอยู่จะถูกปิดโดยอัตโนมัติตามขนาดของ Position ที่เปิดอยู่

ในขณะที่ตลาดฟิวเจอร์ Position ของคุณจะต้องใส่เงินเพิ่มเข้าไปตลอด ถ้าหากขาดทุนหรือมีมูลค่าต่ำกว่ามาร์จิ้นที่โบรกเกอร์กำหนด คุณต้องใส่เงินจำนวนที่เท่ากับจำนวนที่ขาดทุนเข้าไปในบัญชี นับเป็นข้อเสียอย่างนึงเลย ซึ่งโบรกเกอร์ส่วนมากในตลาด Forex จะกำจัดความเสี่ยงของเทรดเดอร์ไว้ให้โดยไม่สามารถเทรดได้เกินความเสี่ยงของตัวเองที่เปิดไว้ โดยถ้าหากผิดทาง และจำนวนเงินในพอร์ตเหลือไม่พอ Order จะถูกสั่งปิดทั้งหมด ต่างจาก Futures ที่จะไม่ปิด แต่จะเป็นการเรียกให้เติมเงินเข้าพอร์ตเพิ่ม


3.การมีราคาที่แน่นอน
สำหรับในการเทรด Forex คำสั่งซื้อขายของคุณจะได้ส่งคำสั่งอย่างรวดเร็วและได้ราคาที่คิดไว้ ภายใต้ภาวะตลาดปกติ แต่ว่าในขณะเดียวกันราคาของฟิวเจอร์ หรือ Equity นั้นคุณอาจจะไม่สามารถได้ราคาที่คุณอยากซื้อหรือออกคำสั่งได้แล้วออเดอร์ทันทีทันใด แม้ว่าคุณจะใช้อินเตอร์เน็ตความเร็วสูงหรือโบรกเกอร์ของคุณสามารถส่งคำสั่งได้เร็วแค่ไหน ราคาที่คุณตั้งไว้นั้นก็ยังอยู่ไกลจากราคาปัจจุบันเมื่อคุณส่งราคานั้นออกไป มันเป็นราคาสุดท้ายที่มีการเทรดแต่ไม่ใช่ราคาที่ตัวสัญญาระบุราคาไว้ เพราะว่าตลาดฟิวเจอร์เป็นการซื้อขายราคาในอนาคต


4.ค่าธรรมเนียม
สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเทรดค่าเงิน คือ คุณไม่ต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่น เพราะคุณทำการซื้อขายโดยตรงกับส่วนกลางของทางโปรแกรม และคุณไม่ได้จ่ายค่าธรรมเนียมให้คนกลาง ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหรือขาย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนิดหน่อย คือค่าสเปรดในการเทรดฟิวเจอร์หรือการเทรดหุ้นหรือ Equity ก็มีเหมือนกัน ซึ่งโบรกเกอร์จะได้ผลค่าตอบแทนจากค่าสเปรดแทนที่จะเป็นค่าคอมมิชชั่น

สวัสดีจ้า ใกล้จะสิ้นปีแล้ว แต่อากาศยังร้อน ฝนยังตกกันอยู่เลย มีหลายคนเฝ้ารออากาศหนาว เพื่อที่จะได้ไปพักผ่อน ตามสถานที่ท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามรอประกาศพยากรณ์อากาศกันก่อนนะคะ จะได้ไม่เสียเที่ยว และปัจจุบันนี้มีเทรดเดอร์หน้าใหม่สนใจเข้ามาในตลาด Forex จำนวนมาก และส่วนมากก็ทำงานประจำกันอยู่ทั้งนั้น เวลากลางวันก็หมดไปกับการทำงาน

ก่อนอื่นจะต้องบอกว่า Part-Time Trader Forex เนี่ย มันเป็นไปได้ มีคนทำกำไรเป็นกอบเป็นกำมาเยอะแยะ วิธีคือจะต้องวิเคราะห์ รวมทั้งเลือกการเข้าเทรดที่เหมาะสมในตารางการเทรดประจำวันของคุณ แม้งานของคุณเป็นวันทำงานปกติ ที่เข้างาน 9 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็นต่อวัน คุณจะมีเวลาส่อง วิเคราะห์กราฟราคาของคุณ หรือหาความรู้คือ สองครั้งต่อวัน คือเวลาเช้า และเย็น และคำแนะนำต่อไปนี้คือตารางเวลาแบบสุดขีดมากๆไม่จำเป็นต้องทำตามทั้งหมด เอาเท่าที่ไหว รักษาสุขภาพด้วย

1. เวลาเดินทาง

โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร เนี่ยจะเป็นช่วงที่หลายคน ว่างๆเบื่อ ถ้าหากใครขับรถเอง ในช่วงเวลานี้คุณอาจเปิดคลิปสอนเทคนิคเทรด Forex อาจจะเป็น Podcast ที่ไม่ต้องมีภาพ หรือฟังข่าวสารต่างประเทศ ฟังแบบไม่ต้องเครียดมากนะ เข้าหัวก็ได้ ถ้าไม่เข้าหัวก็ไม่เป็นไร ถ้าหากใครไม่ได้ขับรถ หรือนั่งรถไฟฟ้า ก็อาจจะเปิดหาบทความอ่าน อ่านข่าว


2. ตอนกลางวันถ้าว่างๆอ่านบทวิเคราะห์แนวโน้มตลาด

ในความเป็นจริงงานคงยุ่งจนถึงไม่ได้ทำอะไร แต่ว่าวันไหนว่างเว่อๆลองพกหนังสือเกร็ดความรู้ต่างๆในตลาด Forex ติดตัวมาอ่านข้ามเวลาก็ได้นะ และก็ที่สำคัญช่วงนี้คุณลองเปิดหาอ่านบทวิเคราะห์ แนวโน้มตลาดๆต่างๆในสื่อออนไลน์ ที่อัพเดตทุกวัน


3. เดินทางกลับบ้าน ทำใจสบายๆ

คุณ Productive มาทั้งวันแล้ว งานที่เหนื่อยล้าเหลือเกิน ฟังอะไร อ่านอะไรตอนนี้คงจะเหนื่อยกว่าเดิม แนะนำให้หยุดขยันซักพัก เปิดเพลงฟัง ดูอะไรที่ชอบ แบบไม่ได้เกี่ยวข้องกับการลงทุนเลยก็ได้ ก่อนจะกลับไปลุยที่บ้านต่อ


4. ถึงเวลาเทรด Forex

ช่วงเวลาที่ดีในการเทรดสำหรับเทรดเดอร์ที่ทำงานประจำไปด้วย ไม่จำเป็นที่จะต้องเทรดตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หากคุณเป็น Part-Time เทรดเดอร์ คุณจะต้องดูเวลาว่างหลังเลิกงานของคุณว่าตรงช่วงที่ตลาดประเทศไหนเปิดอยู่ สำหรับเทรดเดอร์ไทย คู่เงินที่พวกเราแนะนำคือ EUR/USD เพราะคู่นี้ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการซื้อขายคือ 19.00 น. ถึงเวลา 23.00 น เป็นเวลาตามประเทศไทย

5. เสาร์-อาทิตย์

เสาร์ และอาทิตย์ พวกเราขอให้แบ่งวันนึงเป็นลุย แล้วก็วันนึงเป็นวันพัก สำหรับวันลุย แม้เสาร์-อาทิตย์คู่เงินต่างๆทั่วโลกจะปิดดำเนินการ แต่ถ้าหากแรงเหลือยังสามารถเก็งกำไรสกุลเงินดิจิทัลได้อีกด้วย เช่น BTC/USD, LTC/USD เป็นต้น ถ้าหากไม่เทรดก็เอาเวลาตรงนี้ไปศึกษาความรู้อย่างเข้มข้น อ่านบันทึกการเทรดตัวเอง วิเคราะห์ทุกอย่าง วางแผน วางระบบต่างๆส่วนวันพักก็พักเต็มที่ ไม่ต้องยุ่งกับเรื่องเทรดเลย ไปดูหนัง ฟังเพลง ออกกำลังกาย นั่งสมาธิ อะไรก็ได้ที่ชอบ ทำจิตใจให้ดี แล้วการเทรดจะดีไปด้วยนะขอบอก


ทั้งหมดทั้งปวงนี้ก็เป็นแนวทางการแบ่งเวลา เพื่อนๆสามารถลองเอาไปปรับใช้กันดูได้ ทุกคนมีสูตรการแบ่งเวลาแตกต่างอยู่แล้ว แต่พวกเรามองว่าที่ทุกคนต้องมีเหมือนกันคือ เวลาศึกษา เวลาเทรดจริง และก็เวลาพักผ่อน อย่าให้ขาดข้อใดข้อหนึ่งไป รับรองว่าสามารถทำกำไรหารายได้ได้อย่างแน่นอน

สวัสดีจ้า นับวันการหารายได้ทางเดียวแทบจะไม่เพียงพอแล้ว เนื่องจากเศรษฐกิจในปัจจุบัน แต่สิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือ อย่าทำงานจนไม่มีเวลาดูแลตัวเองนะคะ เพราะวันนี้ที่เาป่วย เงินที่เราหามาก็ต้องมารักษาตัวเองอีก และที่สำคัญเราสามารถทำงานไปดวยมีความสุขไปด้วยได้ ถ้าหากเราจัดการชีวิตตัวเองให้ดีค่ะ และสำหรับเพื่อนๆ ที่เทรด Forex วันนี้มาดู EA Forex ดีไหม ? จากคนที่ใช้จริงๆ ไปดูกันเลย

สวัสดีจ้า เพื่อนๆ เป็นกันมั้ยคะ พอเริ่มเข้าเดือนตุลาคมก็เฝ้ารอสิ้นปี เพราะเดือนสุดท้ายของปีเป็นช่วงที่หลายคนได้กลับไปเจอครอบครัวที่บ้านต่างจังหวัด สถานที่ต่างๆก็ตกแต่งสวยงามสดใส ดูแล้วดีต่อใจ และมีความสุข และวันนี้มาเอาใจสายลงทุน ถ้าหากใครที่เพิ่งจะเริ่มเข้าวงการหรือสนใจจะเริ่มมาเทรด Forex วันนี้ต้องไม่พลาดสำหรับมือใหม่มาก อยากเทรด forex ต้องรู้อะไรก่อนเริ่ม?

 

สวัสดีจ้า ใครที่อยากออกจากเซฟโซน ออกมาทำธุรกิจเอง หรือมาทำงานอิสระ ถ้าหากไม่มีเงินสำรองมากเพียงพอ การหางานประจำในปัจจุบันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยนะคะ ถ้าหากยังไม่พร้อมต้องหางานสำรองก่อนลาออกนะคะ เงินจะได้ไม่ขาดมือค่ะ ส่วนใครที่จะออกมาเทรด ก็แนะนำว่าควรศึกษาให้ดีและให้พร้อมก่อน หรือไม่ก็เทรดควบคู่ไปกับทำงานดีกว่าค่ะ ไม่ว่าเพื่อนๆ จะเป็นเทรดเดอร์สายไหน วันนี้มาดูเทคนิคการอ่านกราฟเปล่าด้วยด้านเวลา (ทฤษฎีด้านเวลา) Time Theory เพื่อทำกำไร ไปดูกันเลยจ้า

 

สวัสดีจ้า เศรษฐกิจแบบนี้อะไรประหยัดได้ก็ประหยัด อะไรที่ทำเงินได้ก็ต้องหาทำ สำหรับเพื่อนๆ ที่กำลังมองหารายได้เสริมจากการเทรด วันนี้ห้ามพลาดมาดูIndicator ที่นิยมใช้ในตลาดหุ้น และ Forex โดย Indicator หมายถึง ตัวชี้วัด ที่ใช้วิธีการทางคณิตศาสตร์ในการคำนวณ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่สามารถบอกข้อมูลสำหรับการเทรด โดยเทรดเดอร์ส่วนใหญ่มักจะนำ Indicator มาใช้ในการดูแนวโน้มของราคาว่าจะไปในทิศทางใด ใช้ในการตัดสินใจซื้อขาย และนอกจากนี้ Indicator บางตัวนั้นยังสามารถบอกจุดที่จะเปิดคำสั่งซื้อหรือคำสั่งขายได้

Indicator นั้นจะวิ่งช้ากว่าราคาจริง นั่นก็เพราะจะต้องรอให้ราคาวิ่งก่อนจึงจะนำราคานั้นๆ มาเข้าสูตรทางคณิตศาสตร์ได้ โดย Indicator ที่พื้นฐานนั้นจะมีติดมาในโปรแกรมที่ใช้เทรด แต่ถ้าหากเทรดเดอร์หรือนักลงทุนท่านใดที่อยากจะคิดค้นสูตร Indicator ขึ้นมาเองก็สามารถที่จะเข้าไปเขียนโค้ดแล้วนำมาใส่ในโปรแกรมเทรดได้เช่นกัน

ประเภทของ Indicator


อินดิเคเตอร์จะถูกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้

- อินดิเคเตอร์ที่ใช้บอกค่าเฉลี่ยต่าง ๆ เช่น ราคาเปิด-ปิดเฉลี่ย
- อินดิเคเตอร์ที่ใช้บอกค่าความผันผวนของกราฟ
- อินดิเคเตอร์ที่ใช้บอกขนาดของการซื้อขาย หรือ Volume


Indicator ที่ได้รับความนิยม

การทำความเข้าใจถึงความสำคัญของอินดิเคเตอร์ในการลงทุน เทรดเดอร์มักจะต้องมองหา Indicator ทางเทคนิคใหม่และมีประสิทธิภาพมากที่สุดเพื่อติดตามแนวโน้ม และนี่คือตัวชี้วัดทางเทคนิคที่ได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพมากที่สุดที่เทรดเดอร์ไม่ควรพลาด

1. Moving Average (MA)
คือ เส้นค่าเฉลี่ยการเคลื่อนที่ของราคา อินดิเคเตอร์ชนิดนี้น่าจะเป็น อินดิเคเตอร์ที่ถูกใช้งานบ่อยที่สุดเลย นั่นก็เพราะเป็นอินเคเตอร์ที่ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน นับว่าเป็นที่นิยมในหมู่นักลงทุน ซึ่งหลักการของ Moving Average คือการนำราคาที่เกิดขึ้นในแต่ละ ชั่วโมง วัน เดือน มาเฉลี่ยเป็นเส้นเพื่อใช้คาดการณ์ทิศทางที่จะเกิดขึ้นต่อไป

2. Relative Strength Index (RSI)
คือเครื่องมือที่ใช้เพื่อวัดค่าความแข็งแกร่งของราคา โดย RSI จะเป็นตัวที่คอยบอกกับเราหากมีการซื้อที่มากเกินไป (Overbought) หรือมีการขายมากเกินไป (Oversold) เป็นอินดิเคเตอร์ที่เป็นที่นิยมไม่แพ้กันเลยทีเดียว

3. Bollinger Band (BB)
เป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่ใช้บอกค่าความผันผวนของราคา โดย BB มีหลักการวัดค่าความผันผวนโดยใช้เส้น MA เข้าช่วยว่าราคามีการแกว่งออกจากเส้น MA มากน้อยเพียงใด

4. Moving Average Convergence Divergence (MACD)
คือ อินดิเคเตอร์ที่สามารถบอกได้ทั้งแนวโน้วของราคา และขนาดของการซื้อขาย เพราะ MACD ถูกสร้างขึ้นจากเส้น MA สองเส้นประกอบกัน

5. Stochastic Oscillator (STO)
เป็นเครื่องมือที่ใช้วัดการแกว่งของราคาลักษณะการใช้งาน โดยมีลักษณะคล้ายกันกับ RSI โดย STO จะคอยบอกจุดที่มีการซื้อที่มากเกินไป (Overbought) หรือมีการขายมากเกินไป (Oversold) เพื่อหาความขัดแย้งของราคา (Divergent)

6. Average True Range (ATR)
คือ อินดิเคเตอร์ทางเทคนิคที่ใช้วัดระดับความผันผวนของราคา ATR ไม่สามารถใช้ในการบอกทิศทางของราคาได้ แต่จะเป็นตัวบอกระดับความผันผวนหรือ Volatility ของตลาด ส่วนใหญ่ ATR มักจะถูกนำไปใช้อ้างอิงร่วมกับอินดิเคเตอร์ที่ใช้บอกแนวโน้มของราคา เพื่อยืนยันแนวโน้มให้ถูกต้องชัดเจนยิ่งขึ้นนั่นเอง

สวัสดีจ้า ช่วงนี้ราคาข้าวของก็แพงขึ้น การหาเงินยิ่งจำเป็นที่จะต้องหาเพิ่มขึ้น สำหรับใครที่มีไม่ได้เป็นตัวคนเดียวที่ต้องหาเลี้ยงครอบครัว ยิ่งต้องหารายได้เพิ่มขึ้นอีก และวันนี้มาดูเทรด Forex ทุนเริ่มต้น เท่าไหร่ดีที่สุด สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจเทรด Forex  คำว่าเริ่มต้นของทุกคนไม่เท่ากันอยู่แล้ว คุณมีเงินไม่เท่ากัน ก็เลยไม่มีคำตอบที่แน่นอนว่าคนคนนึงควรจะเริ่มต้นด้วยงบเท่าไหร่ แต่ว่าไม่ว่าคุณจะมีเงินเท่าไหร่ จะยากดีมีจนกระทั่ง หรือรวยล้นฟ้า กฎข้อแรกเลยคือไม่ควรนำเงินทั้งหมดมาทุ่มกับการเทรดครั้งแรกๆแบบเทหน้าตัก ตลาดนี้มันเสี่ยงต้องแบ่งสันปันส่วนให้ดี ให้ฝากเงินเข้าบัญชีในจำนวนที่พวกเราคิดว่า ถ้าหากสูญเสียไปก็ไม่ส่งผลกระทบหนักหน่วงต่อชีวิต หลังจากนั้นก็เลยเริ่มเทรด ฝึกกลยุทธ์และเทคนิคต่างๆจนเกิดความชำนาญ ค่อยๆเก็บกำไรไปเรื่อยจำไว้ว่าต้องมี Money Management เสมอ และอย่าใช้ Leverage ที่สูงเกินไป



เริ่มต้นด้วย 30 เหรียญ (ประมาณ 1,000 บาท)

สำหรับเงินทุนสำหรับการเทรด Forex เริ่ม ที่พวกเราสามารถเปิดพอร์ตเเล้วฝากเข้าไปลงทุนได้นั้น แต่ว่าล่ะโบรกเกอร์จะกำหนดอย่างน้อยแตกต่างกัน บางโบเกลื่อนกลาดกำหนดไว้ที่หลักร้อยเพียงแค่นั้น แม้กระนั้นให้ชี้แนะเป็นทุนเริ่มซึ่งสามารถรักษาพอร์ตเหมาะ 30 เหรียญขึ้นไป หากลงเงินเท่านี้ ก็จะต้องใส่ Lot น้อยๆไม่เกิน 0.01–0.05 lot ตาม Leverage ที่ยอมรับได้

แต่ว่าการมียอดรวมในบัญชีที่น้อยก็เท่ากับมีโอกาสสำหรับเพื่อการทำกำไรน้อยไปด้วย ถ้าอยากกำไรมากขึ้น คุณก็จะต้องดึงเงินลงทุนมาจากกำไรน้อยนิดที่ได้ก่อนหน้านั้น ดังนั้นการเริ่มลงทุนด้วยเงินที่มากกว่าย่อมดีกว่าแน่นอน ถ้าหากมีเงินมากกว่านั้นก็ลงมากขึ้น



เริ่มต้นด้วย 100 เหรียญ (ประมาณ 3,000 บาท)

เมื่อฝากเงิน 100 เหรียญ เทรดเดอร์ต้องจำกัดความเสี่ยงในการสูญเสียที่ 1% เพราะฉะนั้น ถ้ามีเงินในบัญชี 100 เหรียญ ควรจะจำกัดความเสี่ยงในการขาดทุนที่ 1 เหรียญ ซึ่งคิดเป็นจำนวนประมาณ 10 หน่วยการเปลี่ยนแปลงของคู่เงิน (pip) เมื่อเทรดคู่เงินที่ได้รับความนิยมอย่างEUR/USD แม้ว่าท่านจะเสีย 11 pips ก็เสียเงินเพียงแค่ 1.1 เหรียญ



เริ่มต้นด้วย 500 เหรียญ (ประมาณ 15,000 บาท)

ในกรณีนี้ เทรดเดอร์เสี่ยงขาดทุนได้แค่ 5 เหรียญต่อการเทรด แต่ถึงอย่างนั้นการฝากเงินเพิ่มขึ้น ทำให้คุณมีความยืดหยุ่นในการเทรดมากขึ้น ถึงแม้จะตั้งจุดหยุดขาดทุน (Stop loss) ที่ 10pips คุณก็เสี่ยงขาดทุนไม่เกิน 5 เหรียญ ในล็อตไมโคร



เริ่มต้นด้วย 5,000 เหรียญ (ประมาณ 150,000 บาท)

ยิ่งมียอดเงินในบัญชีมาก ความยืดหยุ่นสำหรับในการเทรดก็ยิ่งมากขึ้นไปอีก เทรดเดอร์สามารถเทรดได้ทั้งแบบ Multiple micro และ Mini lots ในเวลาเดียวกัน ในทางกลับกัน คุณสามารถขาดทุนได้ที่ 50 เหรียญต่อการเทรด หากพร้อมจะรับความเสี่ยงนี้จริงๆก็ลุยได้เลย

ไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นด้วยเงินเท่าไหร่ ขั้นตอนแรกของเทรดคือคุณต้องไปเปิดบัญชี Forexกับโบรกเกอร์ก่อน โดยต้องเลือกโบรกเกอร์ที่ไว้ใจได้ โบรกเกอร์คือหัวใจสำคัญของการเริ่มเทรด Forex แต่ละโบรกเกอร์ มีการกำหนดค่าสเปรด กำหนดเงินขั้นต่ำสำหรับในการฝากเงิน ถอนเงิน และก็เงื่อนไข มีโปรโมชั่นที่ต่างกัน ด้วยเหตุดังกล่าวจำเป็นต้องเลือกโบรกที่เหมาะสมและคุ้มค่ากับคุณมากที่สุด และที่สำคัญคือ “ต้องเลือกโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลเท่านั้น” เพราะมันคือสิ่งเดียวที่จะบอกได้ว่าโบรกเกอร์ Forex