แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - นักศึกษา22

หน้า: 1 ... 11 12 [13] 14
181
เรื่องต่อไปที่ต้องการนำเสนอคือ  forex Turtle thrusts คืออะไร ใช้อย่างไร

เงื่อนไขฝั่งซื้อ (ฝั่งขาย ตรงกันข้าม)

ราคาต้องเคลื่อนไหวต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยทั้ง 20 วัน และ เส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน ยิ่งห่างยิ่งดี
แท่งเทียนเกิดการดีดกลับขึ้นอย่างแรง (ปิดบวก) และต้องเป็นแท่งที่มีความกว้างสูงสุดในรอบ 10 วัน หรือเรียกว่า Trust-day
เปิด Long เมื่อ แท่งเทียนถัดมานั้นทำปรับตัวขึ้นสูงกว่า High ของแท่ง Trust-day
Stop loss ที่ Low ของแท่ง Trust-day
 

USD/JPY

ราคาอยู่ในแนวโน้มขาลง เคลื่อนไหวใต้เส้นค่าเฉลี่ย 20 วัน และ 50 วัน
แท่งเทียนเกิดรูปแบบ Trust-day (บวกแรง และกว้างที่สุดในรอบ 10 วัน)
เปิด Long เมื่อแท่งเทียนถัดมานั้นทะลุขึ้นเหนือ High ของแท่ง Trust-day
 



XAUUSD (Gold spot)

ราคาอยู่ในแนวโน้มขาลง เคลื่อนไหวใต้เส้นค่าเฉลี่ย 20 วัน และ 50 วัน
แท่งเทียนเกิดรูปแบบ Trust-day (บวกแรง และกว้างที่สุดในรอบ 10 วัน)
เปิด Long เมื่อแท่งเทียนถัดมานั้นทะลุขึ้นเหนือ High ของแท่ง Trust-day

Turtle thrusts คืออะไร
เป็นกลยุทธ์ที่เทรดตรงกันข้ามกับสาย Trend following อย่างสิ้นเชิงเลย จะใช้จังหวะ Stop loss ของสาย Trend – following มาใช้เป็นจุดเข้าซื้อ ของกลยุทธ์นี้

182
มาต่อกันด้วยเรื่อง forex Triple day pullbacks คืออะไร ใช้อย่างไร

ฝั่ง Short

 



            USD/CAD

ค่า ADX มากกว่า 25 (ADX = 38) และ -DI มากกว่า +DI
ราคาอ่อนตัวลงติดต่อกัน 3 วัน เข้าเปิด Short ที่ราคาปิดของแท่งที่ 3
ปิด Position ในแท่งเทียน 2 แท่งถัดมา
จะเห็นได้ว่าเป็น Set up ที่ค่อนข้างเข้าใจง่าย และประสิทธิภาพการใช้งานนั้นค่อนข้างสูง ซึ่งเทรดเดอร์ในตลาด Forex คนไหนที่เป็นสาย System trade สามารถนำหลักการนี้ไปเขียนสูตรเพื่อรัน EA ได้เช่นเดียวกัน หรือหาเทรดเดอร์ไม่ใช่ System trade แต่เป็นพวก Discretionary ก็สามารถประยุกต์ในช่วงการออกของราคาได้เช่นเดียวกัน

Triple day pullbacks คืออะไร
 

กลยุทธ์นี้เป็นการเล่นตามแนวโน้มหลัก อาศัยจังหวะที่ราคาย่อตัวระยะสั้นเข้าเทรด เพื่อที่จะเข้าไปเก็บกำไรตรงนั้น โดยกลยุทธ์นี้เป็นกลยุทธ์ที่สามารถนำไปเขียนเป็นระบบเทรด และลอง Back test ย้อนหลังได้ เนื่องจากเงื่อนไขทั้งการเข้าและการออกค่อนข้างชัดเจน

 

เงื่อนไขการเปิด Long (ฝั่ง Short ตรงกันข้าม)

ADX > 25 , +DI > -DI
หรือ ADX > 30 , +DI > -DI
เมื่อราคาปรับตัวลดลงต่อเนื่อง 3 วันติดต่อกัน เข้าเปิด Long ที่ราคาปิดของแท่งวันที่ 3
ออกเมื่อราคาผ่านไป 2 วัน (ไม่มี Stop loss)
 

USD/CAD

ค่า ADX มากกว่า 25 (ADX = 56) และ +DI มากกว่า -DI
ราคาอ่อนตัวลงติดต่อกัน 3 วัน เข้าเปิด Long ที่ราคาปิดของแท่งที่ 3
ปิด Position ในแท่งเทียน 2 แท่งถัดมา

183
ดึกๆ แบบนี้เราว่าดูเรื่อง forex Trendlines และ Horizontal line คือ

Horizontal line: เป็นเส้นแนวนอน เป็นการลากจากจุดสูงสุดหนึ่งไปยังอีกจุดสูงสุดหนึ่งที่มีระดับเดียวกัน เพื่อหาแนวต้าน หรือจากจุดต่ำสุดหนึ่งไปยังอีกจุดต่ำสุดหนึ่งที่มีระดับเดียวกันเพื่อหา แนวรับ

 

Credit: CMT

            จากกราฟด้านบน ในการตีเส้น Horizontal line แบบแนวรับนั้นจะเป็นการลากเส้นแนวนอนผ่านจุดต่ำสุด 2 จุดด้วยกัน ส่วนเส้น Horizontal line แบบแนวต้านนั้น จะเป็นการลากเส้นแนวนอนผ่านผ่านจุดสูงสุด 2 จุด โดยในตัวอย่างสามารถลากได้ 2 แบบ คือ เส้นด้านบน คือลากแตะจุด High อย่างเดียว และอีกแบบหนึ่งคือ ลากผ่านบริเวณจุดสูงสุด ไม่จำเป็นต้อง High แป๊ะ ซึ่งประเด็นนี้แล้วแต่นักเทคนิคจะนิยมใช้แบบใดมากกว่า

แนวรับกลายเป็นแนวต้าน แนวต้านกลายเป็นแนวรับ – เมื่อราคาทะลุผ่านแนวต้าน ขึ้นมาทิศทางเป็นสัญญาณ Bullish ซึ่งแนวต้านที่ราคาทะลุผ่านขึ้นมานี้ สามารถใช้เป็นแนวรับในอนาคตได้ ส่วนแนวรับก็เช่นกัน หากถูกราคาทะลุผ่านลงมา เกิดสัญญาณ Bearish ซึ่งสามารถนำแนวรับที่พึ่งทะลุผ่านมานี้ เป็นแนวต้านในการ Rebound ในอนาคตได้เช่นกัน

และเมื่อราคาทะลุผ่านเส้น Trendlines หรือ Horizontal line จะเป็นสัญญาณการเปลี่ยนแนวโน้มก็จริง ถึงอย่างไรก็ดี ในความเป็นจริง อาจเกิดเหตุการณ์ที่ราคาทะลุผ่านเส้นดังกล่าว แล้ววกกลับเข้ามาอีกครั้ง หรือที่เรียกกันว่าเป็นการทะลุหลอก หรือ Failed breakout อันนี้ต้องอาศัยความชำนาญของเทรดเดอร์ ควรวางกลยุทธ์ในการเทรดให้ดี เพื่อป้องกันเหตุการณ์ดังกล่าว

Trendlines และ Horizontal line คืออะไร
 

การตีเส้น Trendlines ถือเป็นแหล่งกำเนิดของรูปแบบราคาต่างๆ เลยก็ว่าได้ ในเบื้องต้นการตีเส้น Trendlines นั้น เพื่อที่จะระบุแนวโน้มในช่วงนั้นว่าราคามีทิศทางการเคลื่อนไหวโดยรวมเป็นอย่างไร โดยหลักในการตีเส้น Trendlines อย่างง่ายๆ มีดังนั้น

          – เส้น Trendlines ขาขึ้น จะลากจากจุดต่ำสุดจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งในช่วงการขึ้น

          – เส้น Trendlines ขาลง จะลากจากจุดสูงสุดจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งในช่วงการลง

 

Credit: CMT

            จากตัวอย่างเส้น Trendlines A แสดงถึง เส้น Trendlines ขาลง ส่วนเส้น Trendlines B, C, D แสดงถึง เส้น Trendlines ขาขึ้น แต่ในส่วนของเส้น Trendlines B, C, D นั้นสามารถลากเส้นใหม่ได้ดังเส้นจุดที่ 3 ในกราฟ เพื่อให้เป็นเส้นเดียวกัน โดยหลักสำคัญของการตีเส้น Trendlines นั้นคือ ยิ่งราคาทดสอบเส้นดังกล่าวมากเท่าไหร่ ยิ่งมีนัยสำคัญมากเท่านั้น

และอีกหลักการเดียวกันกับการตีเส้น Trendlines แต่จะค่อนข้างง่ายกว่า และมีประสิทธิภาพในการใช้งาน คือ Horizontal line หรือเส้นแนวนอน สามารถใช้หาแนวรับ แนวต้านได้เช่นกัน

184
ทางเว็บไซด์ขอนำเสนอเรื่องสุดฮอต เกี่ยวกับ forex Trending market กับ Sideway market คืออะไร ใช้อย่างไร

ตลาดที่เป็นเทรน (Trending market)

ตลาดที่เป็นเทรน คือ การที่ราคาวิ่งไปในทิศทางเดียวกัน และแน่นอนว่าอาจจะมีบางช่วงที่ราคาวิ่งสวนทางกับเทรน แต่ถ้าพิจารณาในกรอบราคาที่ใหญ่กว่า ก็จะเห็นว่าการวิ่งสวนทางเหล่านั้นเป็นการปรับตัวของราคา




ปรกติเราจะสังเกตเทรนขาขึ้นได้จาก "จุดสูงสุดและจุดต่ำสุดใหม่ที่ยกตัวสูงขึ้น (Higher High , Higher Low)" และเทรนขาลงก็จะเป็น "จุดสูงสุดและต่ำสุดใหม่ที่ปรับตัวต่ำลง (Lower High, Lower Lows) "

กลยุทธ์การซื้อขายสำหรับเวลาท่ตลาดเป็นเทรน เทรดเดอร์ส่วนใหญ่มักจะเลือกเทรดในสกุลเงินหลัก เพราะแนวโน้มของคู่เงินเหล่านี้จะมีสภาพคล่องสูง เพราะสภาพคล่องเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับกลยุทธ์การเทรดตามแนวโน้ม สภาพคล่องยิ่งมากก็ยิ่งทำให้มีการเคลื่อนที่ของราคามากขึ้นเท่านั้น

ราคาที่วิ่งในกรอบราคา (Sideway หรือ Ranging Market)

Ranging Market คือ สภาวะที่ราคาวิ่งระหว่างกรอบราคาสูงสุด และต่ำสุด ตรงระดับราคาสูงสุดจะทำหน้าที่เป็นแนวต้าน และราคาต่ำสุดจะเป็นแนวรับ และราคาวิ่งอยู่ในกรอบราคานี้เป็น Sideway ไม่สามารถทะลุออกไปนอกกรอบได้ ในกรณีแบบนี้ เราอาจใช้เส้น Horizontal Line มาวางไว้เพื่อดูแนวรับแนวต้านของกรอบราคาได้ง่ายขึ้น




Trending market กับ Sideway market คืออะไร
 

สิ่งสำคัญในการเทรดของเทรดเดอร์ทุกท่านไม่ว่าจะเป็นสไตล์ไหนก็ตาม คือต้องการจะรู้ให้ได้ว่าช่วงนี้ตลาดเป็นเทรน (Trending market) หรือไม่เป็นเทรน (Sideway market) เพื่อที่จะได้กำหนดกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมในแต่ละช่วงตลาด

เรามาดูวิธีการแบ่งแยกว่าตลาดช่วงไหนเป็นเทรน และช่วงไหนไม่เป็นเทรน จากกราฟที่ปรากฏ เพื่อให้เราเข้าใจความหมายของมัน

มันมี 3 วิธีการดูอย่างง่ายๆ แต่มีประสิทธิภาพคือ

 

ดูจาก Price action
นี่เป็นวิธีการของนักเทคนิครุ่นสมัยก่อนนั้นนิยมใช้กันแต่ไหนแต่ไร แต่ก็ยังใช้ได้จนถึงทุกวันนี้ก็คือการดู High กับ Low เพื่อแบ่งแนวโน้ม

            – โดยถ้าราคาทำ Higher Highs (HH) และ Higher Lows (HL) แสดงถึง แนวโน้มขาขึ้น

          – แต่ถ้าราคาทำ Lower Highs (LH) และ Lower Lows (LL) แสดงถึง แนวโน้มขาลง

 



ดูจากระดับราคา
      ระดับแนวรับ แนวต้าน สามารถบ่งชี้ได้ว่าตลาดเป็นแนวโน้มหรือไม่ โดยใช้วิธีพื้นฐานในการวิเคราะห์ทางเทคนิคเลยคือ หาช่วงการแกว่งตัวของราคา ถ้าราคาแกว่งตัวในกรอบดังกล่าวก็แสดงถึงทิศทาง Sideway (แต่อย่าลืมว่าราคาไม่ได้ทดสอบแนวรับแนวต้านระดับที่เราตีไว้ 100% ให้เราพิจารณาเป็นบริเวณดีกว่า)

 



เส้นค่าเฉลี่ย
นี่เป็นอีกหนึ่งพื้นฐานของเครื่องมือทางเทคนิคที่ใช้ง่าย แต่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเราสามารถนำเส้นค่าเฉลี่ยมากรองราคาว่าเป็นแนวโน้มหรือไม่

โดยสามารถทำได้ 2 วิธี คือ

 

(1) สังเกตจากเส้นค่าเฉลี่ยตัดกัน : โดยเราจะนำวิธีการนี้มากรองแนวโน้มว่าเป็นขาขึ้นหรือขาลง เช่น ถ้าเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันตัด 10 วันขึ้นเป็นแนวโน้มขาขึ้น แต่ถ้าเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันตัด 10 วันลงเป็นแนวโน้มขาลง เป็นต้น โดยในที่นี้เราใช้เส้นค่าเฉลี่ยที่ตัดกันเป็นเพียงสัญญาณกรองแนวโน้ม ไม่ได้เป็นสัญญาณ ซื้อขาย



(2) สังเกตจากเส้นค่าเฉลี่ยที่ฉีกออกจากกัน : ในช่วงที่ตลาดเป็นเทรน เส้นค่าเฉลี่ยจะฉีกออกจากกันแสดงถึงแนวโน้มที่แข็งแกร่ง



 

เราสามารถนำทั้ง 3 วิธีการนี้มาประกอบการเทรด โดยใช้เส้นค่าเฉลี่ยในการดูแนวโน้มว่าเป็นขาขึ้นหรือขาลง และใช้ Price action หรือแนวรับแนวต้านเข้ามาประกอบในช่วงที่ตลาดเป็น Sideway ซึ่งการแยกประเภทตลาดนั้นจะช่วยให้การเทรดเรามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอย่างมากเลยทีเดียว และอยากฝากไว้ทิ้งท้ายหน่อยนะครับว่า ถ้าช่วงไหนที่เราไม่แน่ใจ ช่วงไหนที่ดูแบ่งทิศทางไม่ชัดเจน ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าไปเทรด รอในจังหวะที่ชัดเจน ค่อยเข้า แค่นั้นเองครับ

Bonus Tip: การเทรดโดยใช้กลยุทธ์แบบ Range-Bound (การกลับตัวในกรอบราคา) นี้ ไม่เหมาะที่จะใช้กับคู่เงินที่มีสกุลเงิน USD ร่วมอยู่ด้วย คู่เงินที่เป็นที่นิยมเทรดแบบนี้คือ EUR/CHF เพราะอัตราการเติบโตของสหภาพยุโรปและสวิสเซอรืแลนด์มีความใกล้เคียงกันมาก ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนของทั้งสองสกุลมีเสถียรภาพมาก จึงเหมาะกับการเทรดโดยใช้กลยุทธ์นี้เป็นอย่างมาก

ข้อสรุป ตลาดมีความหลากหลาย และไม่ว่าตลาดอยู่ในสภาวะไหน มีแนวโน้ม (Trending Market ) หรือว่าราคาวิ่งอยู่ในกรอบราคาแบบ Sideway (Ranging Market) ก็ตาม คุณก็ควรเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับตลาดในขณะนั้นๆมาใช้ให้เกิดประโยชน์ตามจังหวะของตลาด

185
วันนี้สุดหล่อจะมาแนะนำ เรื่องเกี่ยวกับ forex Trend, Zone และ Signal คืออะไร ใช้อย่างไร

Trend

เริ่มจาก Trend หรือ แนวโน้ม

เราจะดูว่าแนวโน้มในช่วงนั้นเป็น ขาขึ้น หรือ ขาลง

ถ้าเป็น ขาขึ้น จะเล่นแต่ฝั่ง Long เพื่อไม่สวนแนวโน้ม

และถ้าเป็น ขาลง ก็จะเล่นแต่ฝั่ง Short

 

จากตัวอย่าง GBP/USD แนวโน้มหลักนั้นเป็น ขาขั้น

ซึ่งสังเกตได้ว่าเล่นฝั่ง Long จะได้เปรียบกว่าเล่นฝั่ง Short ค่อนข้างเยอะ

 

Zone

จากนั้นก็มาดูแนวรับแนวต้าน โดยเราจะสังเกตเป็นบริเวณ หรือ Zone มากกว่า ที่จะเป็น Level หรือ ระดับ เพราะว่าการเคลื่อนไหวของราคานั้นไม่ได้เป็นระดับเป๊ะ ๆ 100%

 

จากตัวอย่าง GBP/USD สามารถหาบริเวณโซนแนวรับแนวต้านสำคัญได้แถว 1.6200 – 1.6300 เป็นโซนที่ราคาขึ้นและลงทดสอบอยู่บ่อยครั้ง

 

Signal

เป็นหาจุดที่เราจะเปิดออเดอร์นั้นจริงๆ

 

จากตัวอย่าง GBP/USD ใช้ Signal โดยรูปแบบแท่งเทียนที่มีลักษณะ Bullish pinbar แสดงถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่งคอยพยุงราคา

 

โดยจะเข้าก็ต่อเมื่อ

ทั้ง Trend , Zone และ Signal เกิดขึ้นพร้อมกันทั้ง 3 อย่างนี้

เป็นการสร้างโอกาสการชนะให้สูงขึ้นอย่างมากกว่าการเทรดโดยเพียงดู 1 หรือ 2 อย่าง

 

จากตัวอย่าง GBP/USD ใช้หลักการ T.Z.S. ที่ประกอบด้วย Trend , zone และ signal มาประกอบกันทั้งหมด เป็นจังหวะในการเข้าอย่างมีประสิทธิภาพ

Trend, Zone และ Signal คืออะไร

 

ขอเรียกหลักการนี้ว่า T.Z.S. เป็นแนวคิดที่เอาไว้ช่วยให้เทรดเดอร์ เข้าเทรดอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเป็นหา “แนวโน้ม” , “แนวรับแนวต้าน” และ “จังหวะเข้า” ที่ 3 อย่างนี้ต้องเกิดขึ้นพร้อมกันถึงจะเข้าเทรด

เป็นลักษณะการเทรดเป็น Price action หรือดูกราฟเปล่าๆในการวิเคราะห์

186
ฤกษ์งามยามดีที่เราจะเรียนรู้เกี่ยวกับ forex Trend lines คืออะไร ใช้อย่างไร



สิ่งสำคัญที่ต้องจำในการใช้ Trend line ในการเทรด

การใช้จุด Top หรือ Bottom อย่างน้อย 2 จุด ในการตีเส้นดังกล่าว แต่ถ้า 3 จุดขึ้นไปจะเริ่มแข็งแกร่ง
ความชันของเส้น Trend line มีผลต่อความน่าเชื่อถือ
ยิ่งทดสอบยิ่งแข็งแกร่ง
อย่าตี Trend line เพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่ควรตีให้มีเหตุผล

Trend lines คืออะไร
 

          เป็นเครื่องมือที่เทรดเดอร์นิยมใช้กันมากที่สุดในการวิเคราะห์ทาง Technical analysis เนื่องจากประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีเยี่ยม และการยืดหยุ่นในการใช้งานที่สามารถพลิกแพลงได้หลากหลาย เทรดเดอร์บางคนใช้การตีเส้น Trend line เพียงอย่างเดียวก็สามารถทำกำไรจากตลาด Forex แห่งนี้ได้

ซึ่งการใช้นั้นต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญของตัวผู้ใช้ด้วยเช่นกัน มิฉะนั้นอาจเป็นผลร้ายต่อผู้ใช้ได้

 

วิธีการตีเส้น Trend lines

Uptrend (แนวโน้มขาขึ้น): ลากจาก Low เชื่อม Low ลาดขึ้น
Downtrend (แนวโน้มขาลง): ลากจาก High เชื่อ High ลาดลง
Sideway: ตีกรอบบนและกรอบล่าง แบบแนวนอน


ข้อแนะนำในการลากเส้น Trend Line

 

มีข้อแนะนำทั่วไปในการลากเส้น Trend Line ที่หลังจากลากเส้น Trend Line ขึ้นมาแล้วน่าจะเป็นเส้นที่ให้ไอเดียในการเทรดที่ดี จะมีวิธีการลากกันแบบนี้ครับ

 

1) ควรจะ… ลากเส้นเชื่อมจุดต่ำสุด สำหรับเส้น Trend Line ขาขึ้น และลากเส้นเชื่อมจุดสูงสุดสำหรับ Trend Line ขาลง

 

2) ลากเส้น Trend Line ที่เชื่อมได้แค่ 2 จุด  อย่าเพิ่งดีใจ!! ยังเอาไปใช้งานได้ไม่ดี เราจะให้เครดิตเป็นแค่เพียง Tentative Trend Line แต่ถ้าลากเส้นเชื่อมได้ 3 จุดขึ้นไป ถึงจะเป็น Valid Trend Line ซึ่งเอาไปใช้งานได้ดีกว่า

 

3) นิยมลากเส้นขนานเส้นแนวโน้มควบคู่กันไปด้วย ถ้าทำได้ แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรอีกเช่นกัน เพราะบางทีกราฟหุ้นก็จะขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่ในกรอบเส้นขนานที่ลากได้ บางทีก็ไม่อยู่ในกรอบ



4) “ถ้าเป็นไปได้”… เส้น Trend Line ขาขึ้น พยายามลากเส้นให้ไม่มีช่วงเวลาไหนเลยที่ราคาจะต่ำกว่าเส้น Trend Line และเส้น Trend Line ขาลง ก็เหมือนกัน พยายามให้ไม่มีช่วงเวลาไหนเลยที่ราคาจะสูงกว่าเส้น Trend Line ขอย้ำว่า ผมใช้คำว่า ถ้าเป็นไปได้ ไม่ใช่ต้องทำให้ได้!! ทำไม่ได้ก็ไม่ผิดนะ ถ้าลากเส้น Trend Line แล้วราคามีเบรก Trend Line บ้าง วับ ๆ แวม ๆ แต่ลากสัมผัสได้หลายจุดมากกว่า

 

5) “ถ้าจะให้ดี”… จุดเริ่มต้นของ Trend Line ควรเป็นจุดสุดท้ายก่อนการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม ถ้าไม่ได้ไม่เป็นไร



ในชีวิตจริง การลากเส้น Trend Line ไม่ได้ง่ายเหมือนที่เขียนไว้ในหนังสือหรือตัวอย่างตามเว็บไซด์ ที่พยายามเอาตัวอย่างการลากเส้นที่สวยงามมาโชว์ให้เห็น พอเราไปอยู่หน้างานจริง อาจจะลากเส้น Trend Line ตาม Guideline ไม่ได้  บอกเลยครับว่า ไม่ต้องไปซีเรียส!!  บ่อยเลยที่ผมลากเส้น Trend Line ตาม Guideline ไม่ได้ เช่น ลากเส้น Trend Line ขาขึ้นเชื่อมจุดต่ำสุดตั้งแต่จุดแรกไม่ได้ แต่เริ่มลากจากจุดที่ 2 แล้วเส้น Trend Line สัมผัสได้หลายจุดกว่า เส้นสวยงามกว่า ก็เลือกจุดที่สองแทน


187
วันนี้ เว็บไซด์ขอนำเสนอเรื่อง forex Trend change คืออะไร ใช้อย่างไร

เราสามารถสังเกตจากการทำ Swing Low และ Swing High ของราคา ถ้าแนวโน้มขาขึ้นก็จะเป็นการทำ Higher High และ Higher Low ส่วนถ้าแนวโน้มขาลงก็จะเป็นการทำ Lower Low และ Lower High

 



 

High MA หรือเส้นค่าเฉลี่ยที่คำนวณจาก High และ Low MA หรือเส้นค่าเฉลี่ยที่คำนวณจาก Low โดยถ้าเส้นค่าเฉลี่ย 2 สองนี้ เคลื่อนไหวสอดคล้องกับแนวโน้ม ก็หมายความว่าราคายังอยู่ในช่วงแนวโน้มนั้นอยู่ จากกราฟข้างต้น High ของ High MA ทำ High ต่ำลง ก็แสดงถึงยังอยู่แนวโน้มขาลงอยู่

 



ส่วนกราฟข้างต้นนี้เป็นตัวอย่างการเปลี่ยนแนวโน้มของราคา โดย Low MA นั้นไม่ได้ทำ Low ต่ำลง แต่กลับยก Low สูงขึ้น (Higher Low) เป็นสัญญาณว่าราคาไม่ได้ยืนยันแนวโน้มขาลง มีโอกาสเปลี่ยนแนวโน้ม ซึ่งจากกราฟราคาก็กลับตัวเป็นดีดขึ้นแทน

 

ซึ่งนี่เป็นอีกหนึ่งวิธีการที่จะสังเกตว่าแนวโน้มในช่วงนี้มีทิศทางเป็นอย่างไร ซึ่งถ้าเราเทรดตามแนวโน้มที่ราคาเป็นอยู่นั้น โอกาสการชนะของเราก็จะสูงขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ

Trend change คืออะไร
 

    การเทรดตามแนวโน้มเป็นคำแนะนำของเทรดเดอร์มืออาชีพกันมาแต่ช้านาน ทุกคนล้วนกันพูดเป็นเสียงเดียวกัน ไม่ว่าจะสาย Mean-reversion หรือสาย Trend-following ก็แนะนำกันทั้งนั้น ซึ่งวิธีการในการแบ่งแยกแนวโน้มนั้นมีค่อนข้างหลากหลาย แต่ที่ใช้กันหลักๆคือ “เส้นค่าเฉลี่ย”

 

ทั้งนี้เทรดเดอร์ส่วนมาก Set ค่าเส้นค่าเฉลี่ยโดยคำนวณจาก “ราคาปิด” แต่เราสามารถประยุกต์ใช้ ราคาเปิด และ ราคาปิด ในการพิจารณาแนวโน้มว่าเป็นอย่างได้เช่นกัน

 

โดยจะใช้เส้นค่าเฉลี่ย 2 เส้นที่มีจำนวนวันเท่ากัน แต่จะแตกต่างกันที่เส้นหนึ่ง คำนวณจาก ราคาเปิด และอีกเส้นหนึ่งคำนวณจาก ราคาปิด

188
วันนี้ exness-free ขอนำเสนอเรื่อง forex Trading Signals, Forex Signals คืออะไร ใช้อย่างไร

เทคนิคการเลือก Signal Provider ที่มีคุณภาพ
การเลือก Copy หรือ Follow ตามผู้ให้บริการ Signal Provider นั้นโดยปกติโบรกเกอร์หลายๆเจ้า จะมีบริการให้เราสามารถ copy แนวการเทรดให้เราแบบอัตโนมัติผ่าน MT4 หรือ MT5 เป็นวิธีการคัดลอกการเทรดของมืออาชีพ โดยเราไม่จำเป็นต้องศึกษาปัจจัยพื้นฐาน หรือวิเคราะห์กราฟทางเทคนิค และไม่จำเป็นต้องคอยเฝ้าดูตลาดอยู่ตลอดเวลา เพราะนักลงทุนเก่งๆ ที่เป็นผู้ให้บริการสัญญาณการซื้อขายหรือที่เราเรียกว่า Signal provider กว่าแสนคนทั่วโลก จะทำสิ่งเหล่านั้นแทนเราทั้งหมด



สิ่งที่คุณต้องทำคือเลือกผู้ให้บริการสัญญาณการซื้อขาย(Signal provider)ที่เราชอบ และคิดว่าดีที่สุดมาเปิดออร์เดอร์ลงทุนให้ โดยที่เราเรียกระบบนี้ว่าการ Copy Trade ครับ บริการนี้มีทั้งแบบฟรี และที่เก็บค่าบริการรายเดือน สำหรับเทคนิคการเลือก Signal Provider นั้นได้แก่

ระยะเวลา เลือกผู้ซื้อขายที่เปิดบัญชีมาระยะเวลายาวนานหลายสัปดาห์ อย่างน้อย 20 สัปดาห์ ขึ้นไป วงการนี้ไม่ได้วัดกันที่ความหวือหวา เขาวัดกันที่เวลาที่ทำกำไรอย่างต่อเนื่องครับ
Profit คือจำนวนกำไรที่เทรดสะสมได้ทั้งหมดตั้งแต่เริ่มเทรด มีผลตอบแทนที่ไม่หวือหวามากเกินไป ค่าเฉลี่ยควรอยู่ระหว่าง 25-45% ต่อเดือน (เพราะยิ่งได้ผลตอบแทนสูง ความเสี่ยงยิ่งสูงตามอันนี้เป็นหลักเลยนะครับ )
Max DD คือเงินลดลงมากที่สุดเท่าไหร่ตั้งแต่เริ่มเทรด ดูจำนวนจุดขาดทุนสูงสุดหรือการขาดทุนที่แย่สุดของ Signal Provider ประกอบ เพื่อใช้พิจารณาเงินทุนของเรา เช่น ถ้า Signal Provider รายนี้เคยติดลบสูงสุด 100 จุด จุดละ 1$ ดังนั้นเราต้องเตรียมเงินทุนของเราไว้ให้กับ Signal Provider อย่างน้อย 150$ เพื่อป้องกันการล้างพอร์ต
จำนวนการซื้อขายที่เปิดสูงสุด เพื่อใช้พิจารณาเงินทุนของเรา
PA คือกำไรเฉลี่ยต่อการเทรด
LA คือการขาดทุนเฉลี่ยต่อการเทรด
จำนวนผู้ติดตาม คะแนน และ คอมเมนต์ ตรงนี้นับว่าสำคัญมากๆข้อหนึ่ง คือถ้าสินค้าไม่ดีจริงก็ย่อมตกอันดับหรือคะแนนน้อย ใช่ไหมครับ
ซึ่งคุณจะพบว่า การเลือก signal provider จริงๆแล้วก็มีลักษณะใกล้เคียงกับการเลือกซื้อหุ้นนี่เอง คือต้องมีการกลั่นกรองที่ดีในระดับหนึ่งก่อน และแต่ละ signal provider ก็มีรอบของมันคล้ายๆหุ้น นั่นคือมีช่วงที่ดีและมีช่วงที่ร้าย คุณต้องประเมินหาจุดที่เหมาะสมให้เจอครับ

Trading Signals, Forex Signals คืออะไร

จุดอ่อนของ Trading Signals, Forex Signals
ต้องทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เช่น เงินฝากขั้นต่ำ $1000 ต้องตามนั้นหรือมากกว่า มิฉะนั้น มักจะล้างพอร์ตเสมอ , levelage , การตั้งค่าให้ตรงกัน , การเทรดมีทั้งกำไร และตัดขาดทุน แต่ระยะยาวผู้เทรดจะได้กำไร ตามเขาที่ระบุไว้
ใช้ทุนมาก และต้องรับความเสี่ยงได้ด้วย เพราะแต่ละช่วงเวลาการทำกำไร ขาดทุน ก็จะไม่แน่นอน 100% เหมาะสมกับผู้เทรดที่มีประสบการณ์ปานกลาง ถึงสูง และบางทีกำไรตอนแรก ระยะหลังอาจขาดทุนหมด หรือล้างพอร์ตก็ได้เช่นกัน การเทรดตามซิก ก็เหมือนการเล่นหวยตามคนใบ้หวยนั่นแหละ ย่อมมีถูกบ้างผิดบ้างครับ
มีค่าใช้จ่าย (บางทีก็ฟรีสำหรับสมาชิก แต่คุณจะมั่นใจได้อย่างไรว่าของฟรีนั้นจะดีจริง ซึ่งปกติมักไม่ดีเสียด้วย) คุณอาจจะต้องจ่ายสำหรับ Signal ที่บางทีคุณอาจจะไม่รู้ว่าเป็นมืออาชีพจริงๆหรือเปล่าที่ให้สัญญาณซิกคุณ
คุณจะไม่รู้ว่าอะไรเป็นพื้นฐานของการเทรด เพียงแค่รอมืออาชีพบอกว่า ถึงเวลาที่ต้องซื้อขายแล้ว สุดท้ายคุณก็พึ่งพาการวิเคราะห์ของคนอื่น โดยไม่ช่วยตัวเองเลย ดังนั้นหากจะอยู่ในวงการนี้นานๆ ผมเห็นว่าผู้เทรด ควรเทรดเองจะดีที่สุดครับ ค่อยๆศึกษาไปอย่างมีสติ นักเทรดที่เก่งๆก็เกิดจากการฝึกฝนและผ่านความล้มเหลวมานับครั้งไม่ถ้วนเช่นกันครับ
ยังไงก็ยังมีความเสี่ยง ตลาด forex นั้นไม่ค่อยอยู่นิ่งอยู่แล้ว ในขณะที่ Signal อาจจะทำให้ได้กำไร แต่ว่าไม่สามารถบอกได้ว่า วันข้างหน้าจะกำไรหรือเปล่า อีกอย่างหนึ่งที่ต้องคิดคือ ถ้า Signal นั้น ได้กำไรจริงๆ ทำไมพวกเขาถึงแบ่งมาให้เราใช้? ถ้ามันได้กำไรจริงๆ พวกเขาจะปล่อยเป็นธุรกิจ Signal ทำไม แทนที่จะมุ่งประเด็นไปในการหากำไรจากการเทรดให้ได้หลายล้านเหรียญเสียเอง คำตอบคือ ก็เพราะมันไม่แน่นอน มันมีความเสี่ยงไงครับ ใช่แล้ว!!!… เขาผลักความเสี่ยงนั้นมาให้เรา แล้วกินเงินที่แน่นอนจากการขายสัญญาณให้เราแทนไงครับ

คำศัพท์คำว่า Trading Signals หรืออาจเรียกชื่อเป็นภาษาไทยว่า “สัญญาณการค้าเพื่อการเทรด” สำหรับ Trading Signals คืออะไร และเราจะใช้ประโยชน์จาก Trading Signals ได้อย่างไรบ้างนั้น บทความนี้มีคำตอบสำหรับคำถามนี้ครับ

Trading Signals, Forex Signals คืออะไร
Trading Signals หรือ Forex Signals หมายถึง สัญญาณการค้าเพื่อการเทรด เป็นตัวช่วยให้เราตัดสินใจในการเทรดได้ง่ายขึ้น(ซึ่งบางคนเรียกระบบนี้ว่า “ระบบพรายกระซิบ” ) หรืออาจจะถึงขนาดไม่ต้องเทรดเองเลย ระบบ Signals จะจัดการให้เสร็จสรรพ

Trading Signals หรือ Forex Signals นั้นเป็นสัญญาณการเข้าซื้อขายในตลาด Forex ซึ่งจะเกิดจากการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน หรือการวิเคราะห์ทางเทคนิคของเหล่าบรรดาเซียน แล้วเอาข้อมูลนั้นมาบอกเราว่าให้เทรดแบบไหนคล้ายๆผู้ช่วยเหลือหรือพรายกระซิบนั่นเอง

Trading Signals, Forex Signals คืออะไร

ศัพท์คำนี้จะใช้คู่กับศัพท์อีกคำคือ Forex Signal Providers หรือ Forex Signal Service (ผู้ให้บริการพรายกระซิบ) ซึ่งก็คือ บุคคล หรือกลุ่มองค์กร ที่ให้บริการส่งสัญญาณบอกจังหวะเข้าซื้อขายในตลาดฟอเร็กซ์ ให้กับนักเทรดฟอเร็กซ์ที่สมัครใช้บริการ โดยส่วนใหญ่คิดค่าใช้จ่ายเป็นรายเดือน จะถูกจะแพงก็ขึ้นอยู่กับความน่าเชื่อถือของสัญญาณของบุคคล หรือกลุ่มองค์กรเหล่านั้น

นักเทรดฟอเร็กซ์บางคนก็ยินดีที่จะใช้บริการเหล่านี้เพราะมีคนคิดให้ ไม่ปวดหัว ไม่เปลืองพลังงาน บ้างก็เพราะไม่มีเวลาที่จะติดตามตลาดฟอเร็กซ์อย่างใกล้ชิด แต่การทำอย่างนี้ก็เปรียบเสมือนการยืมจมูกคนอื่นหายใจ ทำให้ไม่สามารถยืนได้ด้วยตนเอง ซึ่งไม่เป็นผลดีในระยะยาวแน่นอน อย่างไรเสียการยืดหยัดได้ด้วยตัวเองย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าแน่นอนครับ

สำหรับ signal provider นั้นมีสองแบบหลักๆ คือ แบบเป็นคน กับแบบไม่ใช่คน ที่ไม่ใช่คนก็หมายถึงระบบ EA และบางที Signal Providers ก็ใช้ทั้งสองระบบแล้วค่อยกลั่นออกมาเป็นสัญญาณ Signals ให้เรา

Trading Signals, Forex Signals คืออะไร

ระบบของ Trading Signals, Forex Signals
มี 3 ระบบด้วยกันคือ ระบบ remote order, ระบบ clone order และระบบบอกแนวทางการซื้อขายผ่านช่องทางสื่อสารครับ

remote order คือ เขาสั่ง order ที่โน่น มันก็จะ remote มาสั่ง order ในแอคเคาท์เราให้ แต่โดยมากระบบ remote ที่ control มายังเรามันไม่ใช่ remote ครับ มันจะเป็น duplicate order ซะมากกว่า คือ EA ของเราจะไปดึงเอาข้อมูลจาก server เขา ว่า signal provider มี order อะไรอยู่ ถ้าพบว่าตัวแม่ข่ายที่เป็นตัวให้สัญญาณ signal นั้นทำการซื้อ-ขายอะไรอยู่ มันก็จะ order ซื้อ-ขายตามโดยทันที
clone order เป็นการ cloning การเทรดของตัว signal โดยระบบ clone order นั้น signal provider ซื้ออะไร? เข้าเวลาไหน? ออกเวลาไหน? เราก็จะมี order เหมือนกันหมดทุกอย่างกับเขาครับ ต่างกันตรงที่เรามาตั้งค่า lot ตามเงินทุนของแต่ละคน เป็น 0.1 0.2 1 2 5 10 20 50 ตามทุนแต่ละคนครับ ดังนั้นระบบนี้จะคล้ายๆกับระบบเทรดอัตโนมัติครับ
ระบบบอกแนวทางการซื้อขาย ก็เป็นบรรดาเทพคอยส่ง Signals ให้ว่าควรจะทำอย่างไรบ้าง อาจจะส่งเข้า sms อีเมล์ หรืออื่นๆ ตามบอร์ด Forex ต่างๆก็มีแจกฟรีเช่นกัน เชื่อถือได้ขนาดไหนต้องประเมินเอาเองครับ หรือถ้าเป็นบริการแบบเสียเงิน การให้บริการ signal โปรแกรมเมอร์จะสร้างเครื่องมือทางเทคนิค และสร้างกฎของโปรแกรมให้เหมาะกับการเทรด และระบบเทรด ถ้าราคาเข้าเงื่อนไขในการให้สัญญาณ มันก็จะส่ง Pop up ขึ้นมาในหน้าจอผู้ใช้ ซึ่งขึ้นอยู่กับคนใช้ว่าจะตัดสินใจหรือไม่ในการเทรดตามสัญญาณนั้น
Trading Signals, Forex Signals คืออะไร

ข้อดีของการมี Trading Signals, Forex Signals
1.ทำให้นักเทรดหน้าใหม่กระโดดเข้ามาเทรดฟอเร็กซ์ได้เลย โดยที่ไม่ต้องมีความรู้เกี่ยวกับตลาดฟอเร็กซ์มากมายนัก รู้แค่พื้นๆ ก็มีโอกาสบวกกับเค้าแล้ว แต่ผมอยากจะแนะว่า ขอให้ค่อยๆเรียนรู้ไปก่อน เมื่อถึงวันหนึ่งคุณมีความรู้เกี่ยวกับตลาดฟอเร็กซ์มากเพียงพอแล้ว คุณจะมีระบบเทรดเป็นของตัวเอง จะเสียจะได้ก็ด้วยน้ำมือของคุณเอง สบายใจดี ไม่ต้องโทษใครครับ
2.เป็นเครื่องมือช่วยให้เราตัดสินใจในการเปิดออเดอร์ Buy หรือ Sell ได้ง่ายขึ้น ทำให้การพิจารณาตัดสินใจเปิดออเดอร์ของเรานั้นมีโอกาสที่จะถูกตามที่คาดการณ์ไว้มากกว่า 80% เลยทีเดียวครับ ใช้ในการประกอบการตัดสินใจเป็นตัวช่วยนอกจากการวิเคราะห์ด้วยอินดี้ครับ

3.ลดความเสี่ยงในการขาดทุน ข้อนี้ถือเป็นข้อดีประการสำคัญของ Signals ครับ เพราะว่า หากเราเลือกเทรดตามจังหวะเหล่านี้แล้ว เราก็มักจะไม่ไปเลือกเทรดนอกจังหวะหรือนอกกราฟที่กำหนด ทำให้เรานั้นไม่ต้องเสียเงินแบบ เบี้ยใบ้รายทางแต่อย่างใด

ในปัจจุบันเราจะพบเห็นผู้ที่นำเสนอการบริการส่งซิก หรือ Forex Signals ในวงการฟอเร็กซ์มากมาย เอาเป็นว่านับไม่ถ้วน แล้วมันคืออะไรกันหนอ วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องนี้กัน

Forex Signals คือ สัญญาณการเข้าซื้อขายในตลาดฟอเร็กซ์ ซึ่งจะเกิดจากการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน หรือ การวิเคราะห์ทางเทคนิค โดยดูจากกราฟเพียงอย่างเดียวเลยก็ได้ทั้งนั้น

ส่วน Forex Signal Providers หรือ Forex Signal Service (บริการพรายกระซิบ) คือ บุคคล หรือ กลุ่มองค์กร ที่ให้บริการส่งสัญญาณบอกจังหวะเข้าซื้อขายในตลาดฟอเร็กซ์ ให้กับนักเทรดฟอเร็กซ์ที่สมัครใช้บริการ โดยส่วนใหญ่คิดค่าใช้จ่ายเป็นรายเดือน จะถูกจะแพงก็ขึ้นอยู่กับความน่าเชื่อถือของสัญญาณของ บุคคล หรือ กลุ่มองค์กรเหล่านั้น

นักเทรดฟอเร็กซ์บางคนก็ยินดีที่จะใช้บริการเหล่านี้เพราะมีคนคิดให้ ไม่ปวดหัว หรือเปลืองสมอง บ้างก็เพราะไม่มีเวลาที่จะติดตามตลาดฟอเร็กซ์อย่างใกล้ชิด แต่การทำอย่างนี้ก็เปรียบเสมือนยืมจมูกคนอื่นหายใจ ไม่สามารถยืนได้ด้วยตนเอง ไม่เป็นการดีแน่นอน ในระยะยาวจะเกิดปัญหา

ข้อดีของ Forex Signal Providers คือ ทำให้นักเทรดหน้าใหม่กระโดดเข้ามาเทรดฟอเร็กซ์ได้เลย โดยที่ไม่ต้องมีความรู้เกี่ยวกับตลาดฟอเร็กซ์มากมาย รู้แค่พื้นๆ ก็มีโอกาสบวกหรือลบกับเค้าแล้ว แต่ผมอยากจะบอกให้ชัดตรงนี้เลยนะครับว่า ขอให้ค่อยๆเรียนรู้ไปก่อน เมื่อถึงวันหนึ่งคุณมีความรู้เกี่ยวกับตลาดฟอเร็กซ์มากเพียงพอแล้ว คุณจะมีระบบเทรดเป็นของตัวเอง จะเสียจะได้ก็ด้วยน้ำมือของคุณเอง สบายใจดี ไม่ต้องโทษใคร

วันนี้เพื่อนๆก็ได้เรียนรู้ความหมายและความแตกต่างของคำสองคำ นั่นก็คือ Forex Signals กับ Forex Signal Service ในระดับการศึกษาต่อไป เพื่อนๆจะได้เรียนรู้ถึงวิธีการสร้าง Forex Signals ด้วยตัวเอง โดยเลิกคิดที่จะพึ่งพาพวกบริการฟอเร็กซ์พรายกระซิบไปตลอดกาล สวัสดี

189
วันนี้ admin ขอนำเสนอเรื่อง Trading Mentor คืออะไร



Trading Mentor คืออะไร
 
เทรดเดอร์ส่วนมากที่ประสบความสำเร็จก็มาจากการมี Mentor ในการควบคุมดูแลที่ดี ให้ความรู้ และให้คำปรึกษาในการเทรดที่เหมาะสม จนนำพารู้ไปสู่ความสำเร็จ และมีหลายคนที่เจอ Mentor ที่แย่ หรือ Mentor จอมปลอมที่โม้เป็นอย่างเดียว แต่เทรดไม่เป็น ก็จะทำให้เราไปไม่ถึงฝั่งฝันที่ตั้งใจ ดังนั้นเทรดเดอร์ที่จะหา Mentor นั้นควรจะพิจารณาว่าเขาเหล่านั้น “ของจริง” หรือเปล่า และยิ่งสังคมปัจจุบันที่สามารถเข้าถึงสิ่งเหล่านี้ได้ง่าย ทั้งใน Facebook, Twister หรือตามเว็บบอร์ดต่างๆ มีกูรูหลายท่านที่ให้เทรดเดอร์เลือกติดตาม … เรามีวิธีการกรองกูรูเหล่านั้นโดย

 

เชื่อถือได้
ง่ายๆเลยคือ คนที่เทรดประสบความสำเร็จนั้น ไม่ใช่เขาเหล่านั้นโชว์รถ โชว์บ้าน โชว์เงิน … เทรดเดอร์จริงๆ ควรโชว์ Track record ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นตัวการันตีว่าเงินที่ได้นั้นมาจากการเทรดจริงๆ และ Track record ที่ว่านี้ก็ควรมีระยะเวลาอย่างน้อยสัก 3 ปีเพื่อยืนยันว่าไม่ได้ฟลุ๊ค

 

สร้างแรงบันดาลใจ
อาชีพการเทรดก็ไม่ต่างอะไรกับอาชีพอื่นที่ต้องอาศัยความตั้งใจ ความพยายามอย่างหนัก เพื่อที่จะไปถึงจุดที่เรียกกันว่าประสบความสำเร็จ การที่จะไปถึงตรงนั้นลำพังจะอาศัยแรงกายอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ ต้องมีแรงใจที่จะคอยนำพาเราไป และ Mentor ที่ดีก็ควรสร้างแรงบันดาลใจให้กับเราได้ เพื่อที่จะมีแรงใจในการไปต่อ

 

ซื่อสัตย์
ถ้ามี Mentor คนไหนบอกว่า ถ้าคุณมาเทรด Forex คุณจะประสบความสำเร็จ 100% หรือมาบอกคุณว่าการเทรด Forex มันง่ายมาก … ให้ระวังคำพูดเหล่านี้ไว้เลย เพราะไม่มีอะไร 100% และไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ โดยเฉพาะในโลก Forex

 

สร้างให้เดินได้ด้วยตัวเอง
ท้ายสุดแล้วเราต้องมีไอเดียมีสไตล์การเทรดเป็นของตัวเอง ต่อให้เราสนิทกับ Mentor ของเราแค่ไหน เราสามารถปรึกษากับเขาได้ทุกเมื่อ แต่สุดท้ายแล้วเทรดเดอร์ทุกคนควรจะเทรดได้ด้วยตัวเอง สุดท้ายวันนึงเขาจากเราไป ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม … Mentor ที่ดีควรจะสอนให้เทรดเดอร์ว่ายน้ำเป็น ไม่ใช่คอยป้อนน้ำป้อนข้าวให้เราตลอดเวลา

 

โดยการมี Mentor นั้นก็เป็นแค่ส่วนนึงในการเรียนรู้การเทรด ยังมีสิ่งต่างๆอีกมากมายที่เทรดเดอร์สามารถพัฒนาความรู้ได้ ทั้งการอ่านหนังสือ, อบรม, และประสบการณ์จากตลาด ที่จะเป็นตัวพัฒนาทักษะในการเทรดให้เราดียิ่งขึ้น ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับตัวเรานั้นว่าเราตั้งใจมันมากพอหรือเปล่า

190
ทาง admin ขอนำเสนอเรื่อง forex Trader



เป็นวิชาชีพที่เหมาะกับการลงทุนกับ Forex
อย่างที่เราทราบกันดีแล้วว่า Trader นั้น ทำหน้าที่เกี่ยวกับอะไร และทำอะไรได้บ้าง แต่บางคนอาจจะยังไม่รู้ ว่าการลงทุนกับ Forex นั้น สำหรับ Trader แล้ว ถือเป็นหนึ่งกุญแจดอกสำคัญที่จะช่วยให้การลงทุนของเราสามารถทำกำไร  ตลอดจนสร้างความท้าทายแก่เทรดเดอร์ได้อย่างมากมาย  เพราะ Forex นั้นช่วยสร้างกำไรกับการลงทุนกับ Trader ได้อย่างร้อนแรง


พื้นฐานของ Trader ที่จะประสบความสำเร็จ
การเป็น Traderนั้น สามารถช่วยสร้างกำไรได้ตลอดเวลาก็จริง แต่กว่าจะไปยืนบนจุดนั้นได้ กว่าจะประสบความสำเร็จแบบนั้น เราต้องผ่านอะไรอีกมากมาย  จะต้องมีความรู้เกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค ที่ตรงกับกลยุทธ์การลงทุนของตัวเอง โดยจะต้องรู้จักการประเมินต้นทุน ความเสี่ยง และผลตอบแทนได้เสมอ และสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ดี

Trader คืออะไร
ในพจนานุกรม อังกฤษ-ไทยนั้น คำว่า Trader แปลว่า ผู้ที่ทำกิจกรรมเกี่ยวกับการเงิน แต่ในความหมายของทางการเงิน Trader จะหมายถึง บุคคลที่ทำหน้าที่ในการซื้อ – ขายสินทรัพย์ทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็น หุ้น ตราสารหนี้ สินค้าโภคภัณฑ์ และรวมไปถึงตราสารอนุพันธุ์ กล่าวโดยสรุป “เทรดเดอร์ ก็คือ นักเทรด หรือคนที่ทำการเทรดนั่นเอง” นั่นเอง

Trader ทำงานอย่างไร
การ Trad นั้น เป็นอาชีพที่สามารถทำงานเกี่ยวกับการเงินได้หลายทาง เช่น สถาบันการเงิน บริษัทเอกชน หรือนักลงทุนกลุ่มบุคคลก็ได้ โดย Trader จะมีวิธีการทำงานคือ เป็นผู้ที่ทำหน้าที่ซื้อ-ขายตราสารทางการเงินในตลาดหุ้น  ตลาดอนุพันธุ์ ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึง Forex ด้วย และ Forex เป็นอีกหนึ่งในส่วนสำคัญของตลาดการลงทุน ที่หลายๆ คนนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย

003 Trader คืออะไร
ทำความเข้าใจ Trader กับ Forex
ในการลงทุนกับ Forex นั้น Trader จะมีหน้าที่ซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนค่าเงิน ของสกุลเงินต่างๆ เป็นผู้ที่สร้างกำไรจากการลงทุนกับ Forex ได้ โดยใช้เวลาเพียงน้อยนิด ในภาพของวงการธุรกิจนั้นการเป็น Trader Forex ที่ประสบความสำเร็จมักจะได้รับการยอมรับจากนักลงทุนว่าเป็นมืออาชีพทันที เพราะนัก Trader Forex ที่เก่งกาจมักจะเป็นคนที่สุขุม สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้เป็นอย่างดี รู้จักควบคุมความเสี่ยง รู้ความอ่อนไหวของกลไกลตลาด ตลอดจนสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างดีเยี่ยม

อะไรคือ forex trading?

เริ่มต้นการซื้อขาย Forex ในวันนี้และทำเงินในตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ค้นพบผลประโยชน์ของการซื้อขาย FX กับ Forex4you:
เข้าถึงโปรแกรมเทรดหุ้น FX ออกแบบมาสำหรับผู้ประกอบการค้า Forex
ไม่มีค่านายหน้า
สเปรดต่ำให้คุณประหยัดเงินจากการซื้อขาย FX
ฟรีบัญชีสาธิตเพื่อเริ่มต้นเรียนรู้การซื้อขาย FX
เริ่มต้นการซื้อขายน้อยที่สุดด้วยเงินเพียง 2 เซ็นต์
คุณสามารถเลือกระดับ leverage ได้จาก : 1:10 ถึง 1:500
รับผลตอบแทนด้วยโบนัสเทรดดิ้ง
ซื้อขายทุกคู่สกุลเงินหลัก
เรียนรู้การเทรดด้วย บัญชีทดลองฟรี หรือเปิด บัญชีจริง และทำการเทรดด้วยเงินเพียง 2 เซ็นต์ คุณไม่ต้องจ่ายค่านายหน้าและรับโบนัสที่น่าสนใจ มากกว่าการเทรดที่คุณทำ สร้างรายได้ที่มากกว่า
เราให้คุณเข้าถึงเคล็ดลับ fx ให้คุณได้อยู่ในตลาดและได้เรียนรู้วิธีการซื้อขาย เมื่อคุณเทรดด้วย Forex4you คุณสามารถทำการเทรดได้ด้วย leverage สูงสุดถึง 1:500 ดังนั้นคุณจะใช้เพียง $20 สำหรับการเทรด $10,000

เรากำลังมุ่งมั่นที่จะนำเสนอบริการที่ดีที่สุดสำหรับเทรดเดอร์ เข้าร่วมกับเราวันนี้ และมาดูว่าเราหมายถึงอะไร
อะไรคือการเทรด Forex? ผู้คนสร้างรายได้ในตลาด Forex ได้อย่างไร?
เมื่อคุณเดินทางไปท่องเที่ยวในวันพักผ่อนที่ต่างประเทศ คุณจำเป็นต้องแลกเงินตราต่างประเทศ และเมื่อคุณเดินทางกลับ คุณก็จำเป็นที่จะต้องแลกเงินที่เหลือ ปัญหาของคุณคือ คุณจะสูญเสียเงินในอัตราที่สูงสำหรับการแลกเปลี่ยน และ ได้รับอัตราที่ต่ำคืนมาเมื่อคุณขายคืน และนี่คือสเปรด และ มันก็ทำให้สำนักงานแลกเปลี่ยนเงินตรานั้นได้กำไร

แล้วถ้าสเปรดน้อยมากล่ะ ?

คุณซื้อ $1,000 ใน London
สำนักงานแลกเปลี่ยนขายให้คุณที่ราคา 1.60 USD/GBP และคุณซืัอที่ราคา 1.62 USD/GBP
คุณจ่าย £625 เพื่อ $1000
คุณจะขาดทุน £7.72 ถ้าคุณขาย $1,000 กลับในทันทีแต่คุณไม่ได้เป็นอย่างนั้น
คุณรอสองสัปดาห์ เงินดอลล่าร์มีมูลค่าสูงขึ้น
สำนักงานแลกเปลี่ยนขายที่ราคา 1.57 USD/GBP และซื้อที่ราคา 1.59 USD/GBP
คุณขาย $1,000 และรับเงินt £628.93
คุณทำกำไร £3.93 ในการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตรา
คุณไม่สามารถรับ สเปรดขนาดต่ำจากสำนักงานแลกเปลี่ยนเงินตรา แต่คุณจะสามารถได้รับมันจาก โบรกเกอร์ forex คุณสามารถทำการซื้อขายในขอบเขตของอัตราที่มีอยู่ ดังนั้นคุณจะใช้เงินเพียง 1% ของเงินทั้งหมด ถ้าคุณมี leverage ที่ 1:100 นั่นหมายความว่า คุณจะลงทุนเพียง £6.25 เพื่อทำกำไร £3.93 ข้างต้น แน่นอนไม่มีการรับรองผลกำไรการซื้อขายแลกเปลี่ยน เงินดอลล่าร์อาจมีค่าต่ำลงไปได้เช่นเดียวกัน

191
ทาง exness-free ขอนำเสนอเรื่อง Top forex brokers กันนะครับ



 xm คะแนน 9.5
อันดับที่ 1 XM โบรกเกอร์อันดับ ที่ 1 ในปี 2017 XM ค่อยๆเลื่อนอันดับตัวเองขึ้นมาจากอันดับ 4 และ 3 และ 2 และเป็นที่ 1 ภายใน 3 ปี ถือเป็นโบรกเกอร์ที่มีพัฒนาการยอดเยี่ยมและต่อเนื่อง จากไม่มีซับพอร์ตไทย ตอนนี้มีแล้ว จากที่สเปรดสูง ตอนนี้ลดลงเรื่อยๆ โบนัสเงินฝากมากถึง 50% ที่สามารถใช้เป็นมาร์จิ้นในการติดลบเพิ่มขึ้นได้ แถมด้วยโปรโมชั่นที่เร้าใจ แจกเงินเทรดฟรี 30 เหรียญในการเปิดบัญชีครั้งแรก เทรดได้สามารถถอนกำไรได้ไม่จำกัด เลเวอร์เลจสูงถึง 1:888  มาตรฐานการบริการไม่เป็นรองใคร  พนักงานมีความเป็นกันเองมาก งานกาล่าดินเนอร์ขอบคุณลูกค้าชาวไทยตอนสิ้นปีก็จัดได้อย่างยิ่งใหญ่ เพิ่มชื่อเสียงให้โบรก XM ขึ้นมาอีกระดับ จนตอนนี้เทรดเดอร์รายใหญ่จำนวนมากก็เปลี่ยนมาใช้ XM มากขึ้นเรื่อยๆ อย่างน่าจับตามอง บัญชี Zero พึ่งมาใหม่ค่าบริการค่อนข้องถูก ทำให้ XM เป็นโบรกเกอร์ที่ใช้เป็นโบรกเกอร์หลักของเทรดเดอร์จำนวนมากครับ

xm เป็นโบรกเกอร์ Forex ในระดับชั้นนำที่ให้บริการ ครอบคลุมกว่า 170 ประเทศทั่วโลก มีโปรโมชันที่หลากหลาย มีความมั่นคงสูง สเปรดหรือค่าบริการไม่แพง มีหน้าเพจภาษาไทยซับพอร์ตไทย และบริการที่ดีรวดเร็ว มีความจริงใจในการให้บริการ ในเรื่องของระบบการซื้อขายมีความคล่องตัวพอสมควร ซื้อขายตราสารได้หลากหลาย ตั้งแต่ forex โลหะมีค่า พลังงาน รองรับ EA ทุกรูปแบบ มีออฟฟิศที่ไทยสำหรับเป็นช่องทางการให้บริการและมีพนักงานชาวไทยที่เก่งๆ อยู่หลายคน จึงไว้ใจในความน่าเชื่อถือและการติดต่อสื่อสารได้ครับ

อับเดต ปัจจุบัน XM มี Live Chat ภาษาไทยให้บริการ วันจันทร์ ถึง วันศุกร์ เวลา 10:00 – 18:00 , มีการจัดแข่งขันเทรดเดโม่ฟรี ที่ใหญ่ที่สุดและไม่เคยมีโบรกเกอร์ไหนทำมาก่อน เงินรางวัล 1 ล้านดอลล่าสหรัฐ

ข้อเสีย ไม่มีหน้ารวมบัญชี ซึ่งก็ไม่ทราบว่าทำไมถึงไม่มีเพราะมันก็ไม่ได้ยากและมีประโยชน์สำหรับคนมีหลายบัญชีในการจัดการต่างๆ , สเปรดอยู่ในระดับกลางๆ ไม่แพงแต่ก็ไม่ถือว่าถูก vps แพง สำหรับผู้ที่เทรดด้วย EA แนะนำให้ใช้ vps จากภายนอกครับ จะเสถียรและถูกกว่าซื้อกับโบรกเกอร์ , ระบบการฝากเงินในบางครั้งระบบไม่เสถียร อาจเกิดปัญหาสำหรับผู้ที่ต้องการฝากเพื่อเติมมาร์จิ้นให้ได้เร็วที่สุด

 FBS คะแนนรวม 9.0
อันดับ 2 FBS มีความมั่นคงสูงได้รับรางวัลและการยอมรับจากทั่วโลกมากมาย สเปรดต่ำมาก มีความคล่องตัวสูง ระบบเสถียร รองรับการถอนผ่านธนาคาร และฝากถอนทางธนาคารออนไลน์อีกมากมาย ครบครันในเรื่องของมาตรฐานการให้บริการที่ง่าย สะดวก   สามารถฝากเป็นเงินไทยและเทรดเป็นเงินไทยได้
FBS โดดเด่นเรื่องโบนัส โปรโมชั่นและการซับพอร์ต มี support online ภาษาไทย คอยบริการให้คำปรึกษา แก้ไขปัญหาและร้องเรียน เป็นโบรกเกอร์แรกและโบรกเกอร์เดียว ณ ขณะนี้ที่มีซับพอร์ทภาษาไทยตลอด 24 ชั่วโมง และตอนนี้มีสำนักงานที่ไทย คอยให้การสนับสนุนอย่างเป็นกันเอง การเทรดด้วย EA กับ FBS ให้ผลดีกว่าโบรกเกอร์อื่นๆ เพราะเซิฟเวอร์ FBS มีค่า ping ที่ต่ำมากๆ
ระบบง่ายต่อการใช้งานและการเปิดบัญชี มีความปรอดภัยที่สูงด้วยระบบยืนยันทาง sms สามารถเทรดได้ทุกรูปแบบ ซื้อขายเร็วไม่มีรีโควต เหมาะสำหรับทั้งมือใหม่และมีอาชีพ
แนะนำบัญชี Unlimited สเปรดต่ำ ซื้อขายรวดเร็ว

อับเดต ถอนเงินเร็วมากๆ ลูกค้าปกติสามารถถอนวันละ 50 000 บาท สำหรับบัญชี ลูกค้า VIP สามารถถอนวันละ 100 000 บาทภาย ในไม่ถึง 20 นาที, โปรโมชั่น เงินโบนัสเงินฝาก 100% มากสุดถึง 20,000 เหรียญ โบนัสสามารถเบิกได้ , แจก iPhone 6 เมื่อฝาก 5000$ เทรดครบ 500 ล็อต รับทันที , FBS Super trader ,การแข่งขันชิงเงินรางวัลทุกเดือน. มีโปรโมชั่นประกันเงินฝากในกรณีเทรดเสีย และโปรโมชั่นอื่นๆอีกเพียบ  และล่าสุด FBS เป็นโบรกเกอรที่กล้าให้ เลเวอเลจถึง 1:3000 , มีการปรับปรุงเรื่องการถอนเงิน ถอนผ่าน PayPaid ได้ไม่จำกัด ค่าธรรมเนียม 2% และถอนผ่านอีเคอเลนซี่ Neteller, WebMoney, FASAPAY, Perfect Money ถูกปรับปรุงให้รวดเร็วยิ่งขึ้น

ข้อเสีย ยังไม่มีระบบ copy trade เป็นของตัวเอง ไม่มีบัญชี Pamm ถอนเงินเสาร์อาทิตย์ช้า (ได้วันจันทร์ ในกรณีบัญชีปกติ) ,,มีบางกรณีที่กราฟราคาผิดปกติ ซึ่งเราสามารถเคลมได้ครับ ( ได้รับการแก้ไข และไม่เกิดขึ้นมาสักพักแล้ว ),หลังๆมานี้ ค่าบริการแพงขึ้น   ซึ่งก็น่าจะมาจากการจัดโปรโมชั่นมากมายก่อยกองครับ

pepperstone  คะแนน 8.8
อันดับที่ 3 peperstone โบรกเกอร์สัญชาติออสเตรเลีย ได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับ 3 ของ thai broker forex  หลังจากที่ทีมงานได้ทดลองเทรด  พบว่าโบรกเกอร์มีความคล่องตัวและประสิทธิภาพสูง ความโดดเด่นหลักอยู่ที่ สเปรด ถูกมาก หากเทียบเป็นค่าสเปรดอยู่ที่ประมาณ 0.7-1 จุด ในคู่เงินหลัก  ข้อดีอีกอย่าง Peperstone สามารถเทรด อีเอ ได้ดีมาก เนื่องจากกราฟมีความผิดพลาดที่น้อยมากๆ ซื้อขายรวดเร็ว แถมยังมีบริการ vps ที่เชื่อมโยงกับตลาด Forex ได้รวดเร็วระดับแนวหน้าของโลก ทำให้ Peperstone  ได้รับความไว้วางใจจากเทรดเดอร์ทั่วโลกในการเทรดด้วยอีเอ  นอกจากนี้ ยังมีซับพอร์ตภาษาไทยที่ติดต่อสะดวกทาง Line :  PepperHelp01 / PepperHelp02 / Pepperhelp03  ซึ่งแทบไม่มีโบรกเกอร์ไหนซับพอร์ตทางไลน์ครับ  ส่วนเรื่องการฝากถอน มีความพร้อมที่สูง มีช่องทางฝาก ถอน ทาง  PAYPAL ด้วย สามารถฝากถอนผ่านธนาคารออนไลน์ได้ได้อย่างคลอบคลุม และฝากถอนผ่านธนาคารไทยได้โดยผ่านทาง paysbuy  ถือว่าสะดวกมาก การฝากถอนฟรีค่าธรรมเนียม  โดยรวม ถือเป็นโบรกเกอร์ ความน่าชื่อถือสูง ประสิทธิภาพสูงระบบภายในสมบูรณ์และใช้งานง่าย และสเปรตต่ำมากๆครับ

ข้อเสีย ถอนเงินค่อนข้างช้า ประมาณ  1-3 วัน ทำการ เรื่องความรวดเร็วในการถอนคือสิ่งที่โบรกเกอร์นี้ควรปรับปรุงมากที่สุด และเป็นสิ่งที่ทำให้ทีมงานต้องลดอันดับลงครับ, ฝากขั้นต่ำ 200$ , ยังไม่สามารถฝากถอนจากธนาคารไทยโดยตรงได้ , การถอนเงินบางช่องทางยังมีค่าธรรมเนียม  ,ไม่มี Bonusหรือโปรโมชั่นใดๆ

exness คะแนนรวม 8.5
อันดับ 4 exness ง่ายที่สุด นั่นคือนิยามเขา ได้รับการจัดอันดับให้เป็นโบรกเกอร์ที่ดีที่สุดของเอเชียหลายปีซ้อน และหลายรางวัล เป็นการันตี นอกจากจะเป็นโบรกเกอร์ยอดนิยมอันดับต้นๆ นอกจะเป็นโบรกเกอร์ที่คนไทยนิยมเป็นอันดับต้นๆ ยังมีคุณลักษณะเด่นหลายประการ คุณลักษณะเด่นที่สุดคือการฝากถอนที่ง่าย และหลายช่องทางให้เลือก แถมยังฟรีค่าธรรมเนียม สามารถโอนผ่านธนาคารไทยได้ สามารถคุยผ่านซับพอร์ตภาษาไทยได้ เทรดทองได้ มีความคล่องตัวสูง ใช้ EA ได้ทุกรูปแบบ สเปรดต่ำ การเปิดบัญญชีง่าย ล่าสุดมีระบบ เลเวอเรจแบบไม่จำกัด ซึ่งถ้าใครมีบัญชีอยู่แล้วสามารถตั้งค่าบัญชีในพื้นที่ส่วนบุคคลได้ครับ (เลเวอเรจจะเปลี่ยนเป็น 1:2000 ในวันศุกร์ เวลา 24.00 น. (เขตเวลา GMT) และจะมีข้อกำหนดมาร์จิ้นเพิ่มขึ้น กฎนี้ใช้กับการทำธุรกรรมทั้งแบบใหม่และแบบเปิด) นับว่าเป็นเรื่องน่าสนใจสำหรับคนที่เทรดเก่งๆมากครับ ระบบโบนัส 2 แบบ ท่านสามารถเลือกได้แล้วแต่ความชอบ แต่ไม่สามารถถอนโบนัสได้ แนะนำบัญชี ECN สเปรดต่ำ ซื้อขายรวดเร็ว

ข้อเสีย การรีโควตบ่อยๆ ระบบที่ไม่ค่อยเสถียรในบางครั้ง เช่นในเวลาข่าว แรงๆ และมีออเดอร์มากๆ ระบบอาจมีการค้าง หรืออืดบ้าง และเว็บเสีย(เข้าไม่ได้)ในบางครั้ง ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับเงื่อนไขข้อตกลงยังไม่ละเอียดชัดเจนมากพอ เช่น โบนัสนี้มีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง ต้องถามซับพอร์ตเพิ่มทางเดียว

 

Hotforex  คะแนนรวม 8
อันดับที่ 5 Hotforex เป็นโบรกเกอร์ที่ได้รับรางวัลโบรกเกอร์ยอดเยี่ยมหลายรางวัล มีซับพอร์ตภาษาไทยที่บริการดีมาก ผมเคยสอบถามเกี่ยวกับโบนัสไปทาง e-mail ตอบมาเป็นข้อๆได้อย่าชัดเจนละเอียด ประสิทธิภาพของโบรกเกอร์ ถือว่าอยู่ในขั้นแนวหน้า มีความคล่องตัวของการให้บริการ มีความมั่นคงของบริษัทสูง เทรดเดอร์จากทั่วโลกนิยมใช้ HotForex เป็นอันดับต้นๆ ของตัวเลือก โดนเด่นที่ค่าสเปรดถูก และมีประเภทบัญชีที่หลากหลายมากๆ  มีโบนัสและโปรโมชั่นที่ดีทีเดียว เป็นโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียง ทั้งในไทยและต่างประเทศ มีคนไทยเทรดกับ Hotforex เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สามารถติดต่อผ่านไลน์ และ สไกป์ได้ ดูแล้วเป็นโบรกเกอร์ที่มีอนาคตทีเดียว

ข้อมูล โบนัส และ ประเภทบัญชี อธิบายไว้ในลิงค์ข้อมูลเพิ่มเติมอย่างละเอียด

ข้อเสีย  ยังไม่มีช่องทาง ฝาก ถอน ที่ซับพอร์ตคนไทยโดยตรง , ประเภทบัญชี 9 แบบ เยอะมากจนยากในการตัดสินใจเลือก , การแปลเว็บไซต์ก็ทำออกมาครึ่งๆ กลางๆ อ่านไม่ค่อยเข้าใจ , ก่อนจะถอนเงินมีการโทรมาถามก่อนจะคอนเฟิร์ม   เป็นขั้นตอนที่ไม่จำเป็นต้องมี,    นอกนั้นถือว่าโอเคครับ

FXCL  ( fxclearing ) คะแนน 7.8
อันดับที่ 6 FXCL ( fxclearing ) เป็นโบรกเกอร์ที่ดีมากโบรกเกอร์หนึ่ง ที่เน้นลูกค้ารายย่อย เน้นบัญชีเซ็น  ค่าสเปรดอยู่ในระดับกลางๆจนถึงสูง  เป็นโบรกเกอร์ที่ซับพอร์ตคนไทยแบบเต็มรูปแบบ  มีซับพอร์ตแชทภาษาไทยและพนักงานมีประสิทธิภาพ  การฝากถอนสะดวก อาจจะช้านิดหน่อยสำหรับการถอน   มีโบนัส 30%  50%  100%  โปรโมชั่นที่จัดอยู่ในขั้นดีเยี่ยม  การฝากถอนไม่มีค่าธรรมเนียมในช่องทางหลัก

ข้อเสีย , ยังขาดเรื่อง การสัมนา หรือการพบปะเทรดเดอร์ที่เห็นเป็นรูปธรรมในวงกว้าง ,ไม่มีระบบ copy trade , มีกฎที่ค่อนข้างเซนซิทีพ เวลาจะเทรดต้องเลือกบัญชีให้ดี, สเปรดแพง , คอมมิชชั่นนับเอาแค่บางออเดอร์ที่เปิดนานๆหรือยาวๆ ทั้งที่ เทรดเดอร์กดเทรดก็เสียเท่าเดิมทุกครั้ง , ถอนเงินช้า

weltrade คะแนนรวม 7.7
อันดับ 7 weltrade  พัฒนาจากอันดับท้ายๆ มาเป็นโบรกเกอร์อันดับต้นๆ ที่่โดดเด่นเรื่องความปรอดภัยและการถอนเงินที่รวดเร็ว ดำเนินการภายใน 30 นาที มีบัญชี Pamm เลเวอเลจ 1:2000 มีโบนัส 50% มีระบบที่ดูแลคนไทยโดยรวมที่ดีมาก ทั้งซับพอร์ตภาษาไทยที่ค่อนข้างเก่งแก้ปัญหาได้เร็วมาก สมัครง่ายใช้งานง่ายและความปรอดภัยสูง เว็บไซต์สวยหรูอ่านง่ายไม่ใช่แค่นั้นภายในพ้นที่ส่วนบุคคลก็ยังทำออกมาได้ดีมากๆ ในช่วงนี้ weltrade กำลังพัฒนาให้ดีขึ้นอีกในหลายๆ ด้านอย่างต่อเนื่องจนเราต้องมอง หลังจากที่พึ่งได้ใบรับรองสากลมาเมื่อท้ายปี 58 ก็ทำให้โบรกนี้อุ่นใจขึ้นมาเยอะขึ้นทีเดียว ยังไม่หมดเท่านี้ สิ่งที่ weltrade มีไม่แพ้ใครคือ ช่องทางการฝากถอนที่สะดวกมากหลากหลายธนาคารและปลอดคอมมิชชั่นสำหรับธนาคารไทย ค่าบริการถูกปรับให้ลดลงกว่าเดิม EUR/USD สเปรดเฉลี่ยที่ 1 pip , VPS ฟรีเมื่อฝาก 300$ ขึ้นไป โดยรวม weltrade  เป็นโบรกเกอร์ที่ดูไม่ใหญ่แต่มีสไตล์เป็นของตนเอง

ข้อเสีย ค่าสเปรดบัญชีเล็กยังอยู่ในอัตราที่สูง แนะนำบัญชี ECN โบนัสถอนไม่ได้ เป็นมาร์จิ้นก็ไม่ได้ อีกอย่างคือ weltrade พึ่งได้ใบรับรองจากองค์กรควบคุมมาได้เมื่อไม่นานมานี้ ทำให้ความน่าเชื่อถือทางด้านภาพลักษณ์ยังไม่ดีเท่าที่ควรโดยเฉพาะในมุมมองของเทรดเดอร์รายใหญ่ โบนัส 50% ใช้เป็นมาร์จิ้นไม่ได้และถอนไม่ได้แทบไม่มีประโยชน์อะไร ขอบเขตการให้บริการยังแคบอยู่มีเพียงไม่กี่ภาษา ,ฝากเงินบางช่องทางเสียเงิน ผมทดลองฝาก netteler 500$ จ่ายเพิ่ม 15$ ซึ่งโบรกเกอร์อื่น 90% ไม่เสียเพิ่มครับ

roboforex คะแนนรวม 7
อันดับ 8  roboforex โบรกเกอร์นิวซีแลนด์ รางวัลสุดยอดโบรกเกอร์ไม่ได้น้อยหน้าโบรกเกอร์อื่น สเปรดต่ำ สามารถเทรดใน MT4 และเทรดผ่านเว็บ WebTrader ได้ โดดเด่นมากในเรื่องระบบที่เสถียร มีการหลุดน้อยมาก มีโบนัส 30$ (แต่ต้อฝากเข้าก่อน 10$) โบนัสเงินฝากสูงถึง 115% มีรีเบทในอัตราค่อนข้างสูง ระบบซับพอร์ตดีเยี่ยม(ภาษาอังกฤษ) ทุกอย่างโดยรวมถือว่าอยู่ในมาตรฐานที่ดี เร็วๆ นี้ roboforex ได้มีกระบบ copy เทรด ซึ่งก็ใช้ดีพอสมควร ปัจจุบัน roboforex มีเว็บภาษาไทยแล้ว มีความละเอียดดีมากส่วนซับพอร์ตแชทภาษาไทยยังไม่มีครับ

ข้อเสีย เรื่องการฝากถอน ที่มีช่องทางฝากถอนไม่มากเท่าโบรกเกอร์อื่่นและไม่มีช่องทางที่เชื่อมต่อกับธนาคารไทยนอกจากบัตรเครดิต ไม่มีแชท ภาษาไทย ความเร็วในการซื้อขายในเวลาปกติอาจจะเร็วแต่เวลาข่าว บางช่วง ซื้อขายค่อนข้างช้า

forex4you คะแนนรวม 6.8
อันดับ 9 forex4you เป็นโบรกเกอร์ที่มีคุณภาพมาตรฐาน คนไทยใช้เยอะพอสมควร โดดเด่นในเรื่องการซื้อขายที่ค่อนข้างเร็ว มีซับพอร์ตภาษาไทย มีหน้าภาษาไทยที่ค่อนข้างละเอียด ถ้าเลือกโบรกนี้แนะนำบัญชี Pro เท่านั้น นอกจากนี้ forex4you ยังมี copytrade เป็นของตัวเองขึ้นมาแล้วด้วย นั่นคือ share4you  ข้อดีอีกข้อคือ เป็นโบรกเกอร์ที่คนนิยมใช้เทรดด้วย EA พอสมควร โดยรวมแล้วเป็นอีกหนึ่งที่ถือว่า พอใช้ได้ครับ

ข้อเสีย สเปรดค่อนข้างสูงแต่ก็พอรับได้ การถอนเงินค่อนข้างช้า มากๆ ครับ การถอนครั้งแรกในทุกช่องทางต้องรอถึง 30 วันหลังจากโอนเงินเข้า ช่องทางการฝากน้อยมากไม่ค่อยซับพอร์ตคนไทย ซึ่งตอนนี้มีแค่บัตรวีซ่ากรุงไทยเท่านั้นที่ใช้ในการฝากเข้าจากธนาคารไทย มีปัญหา เรื่อง no conneting บ่อย โบนัสยังไม่เป็นที่ดึงดูดเท่าที่ควร ระบบเว็บไซต์ยังไม่มีที่กดเปลี่ยนภาษาเลยครับ แสดงถึงความไม่พร้อมเป็นอย่างมาก ระบบต่างๆค่อนข้างละเอียดแต่ใช้งาน ยาก และเงื่อนไขเยอะมาก

หมายเหตุ  Forex4you การฝากถอนจะช้าในครั้งแรกเท่านั้นครั้งต่อๆไป อยู่ในขั้นใช้ได้ครับ ปกติเหมือนโบรกเกอร์ทั่วไปคือ 1-2 วันทำการ

fxopen คะแนนรวม 5.9
อันดับที่ 10 fxopen เป็นโบรกเกอร์ที่คนไทยใช้มากพอสมควรในช่วงแรกๆ  การฝากถอนง่าย สะดวก รวดเร็ว ความมั่นคงสูง มีกิจกรรม และโปรโมชันจำนวนมาก มีเว็บบอร์ดของโบรกเกอร์ที่จัดหมวดหมู่ เป็นประเทศต่างๆ รวมทั้งประเทศไทยด้วย ระบบการซื้อขายอยู่ในขั้นมาตรฐาน สเปรดอยู่ในขั้นกลางๆ ไม่ถูก และไม่แพงจนเกินไป การบริการ ซับพอร์ตอยู่ในขั้นดี

ข้อเสีย ความเสถียรของระบบอยู่ในขั้นไม่ดีนัก บางทีกำลังเทรดอยู่ดีๆโปรแกรมเด้งหลุดก็มี หรือบางทีกดซื้อไปแต่ไม่ยอมซื้อให้ แต่พอไปกดอีกทีก็กลายเป็นเบิ้ลสองไม้ไปซะงั้น ,กฎกติกาค่อนข้างเซนซิทีฟ เทรดสั้น 1-3 จุดบ่อยๆ อาจมีเมล์มาเตือน มีปัญหา เรื่อง no conneting บ่อย ช่วงหลังๆ มานี้ความนิยมลดลง

192
ทางเว็บไซด์ขอนำเสนอเรื่อง Time frame กันนะครับ

ในระหว่างที่กำลังเทรดแต่ล่ะครั้ง เราจะสังเกตเห็นว่า แต่ล่ะไทม์เฟรมของกราฟจะมีรูปแบบที่ต่างกัน ในขณะที่ไทม์เฟรมหนึ่งให้สัญญาณเชลล์ แต่อีกไทม์เฟรมหนึ่งบอกมันกำลังขึ้น สรุปแล้วเราจะเอายังไงกับมันดี ดูแล้วสับสน จับต้นชนปลายไม่ถูก นี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้เทรดเดอร์มือใหม่ ตัดสินใจพลาดในการเทรด เพราะพวกเขายังเลือกใช้ไทม์เฟรมไม่เหมาะสม หรือไม่ตรงตามจริตบุคลิกลักษณะการเทรดน์ในสไตล์ของเขา เรามาดูกันว่าในแต่ล่ะไทม์เฟรมมันแตกต่างกันอย่างไร และเหมาะกับนักลงทุนสไตล์แบบไหนบ้าง

ระบบเทรด (trading system) : time frame ที่ถูกจริตกับตัวคุณ เป็นจุดเริ่มต้นของการชนะตลาด

คำถามแรก คือ คำว่าถูกจริต คืออะไร? คำตอบคือ ถูกจริต = ถูกใจ เหมาะกับพฤติกรรมและนิสัยใจคอของเรา เพราะฉะนั้น ถ้าเราจะคิดระบบเทรด ขึ้นมาใช้กับตัวเราเอง เราก็ควรที่จะมีระบบเทรด ที่ใช้ในการตัดสินใจ ซื้อ-ขาย หุ้น ในแบบที่เราใช้ไปแล้วรู้สึกสบายใจ สะดวกใจ
และพร้อมที่จะทำตามแผนการเทรดของระบบเทรด อย่างเคร่งครัด

คำถามที่สอง คือ แล้ว time frame คืออะไรหละ ? คำตอบคือ time frame = ช่วงของระยะเวลา ที่เราจะวิเคราะห์
เช่น time frame week คือ กราฟแท่งเทียน 1 แท่ง ที่แสดงถึง
ราคาเปิด,ราคาปิด,ราคาสูงสุด,ราคาต่ำสุด ของ week นั้นๆ

คราวนี้เราจะเลือก time frame ที่จะใช้วิเคราะห์หาจังหวะ การซื้อ-ขาย ตามระบบเทรด ให้เหมาะกับจริตของเราอย่างไรดีหละ??

งั้นผมขอแนะนำ time frame ที่เป็นที่นิยมใช้ ดังนี้ แล้วกันครับ

1. time frame รายนาที (1,3,5,10,15,30,45,60,120)

เหมาะสมกับ : ผู้ที่เวลาเฝ้าหน้าจอเกือบตลอดเวลา มีประสาทสัมผัสที่ไวมากๆ และยังรวมถึงพวกที่เล่นหุ้นแบบ net settlement อีกด้วย (ซื้อ-ขาย จบในวันเดียว เพราะใช้วงเงินเล่นแทนเงินที่มีอยู่จริง)

ความเห็นของผม : โอกาสน้อยมากๆ หรือจะเรียกว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลย ที่ day trader จะใช้ระบบเทรด แบบไม่ดู bid-offer และ ticker จะชนะตลาดได้แบบยั่งยืน เพราะฉะนั้นผมไม่แนะนำให้ใช้ time frame ที่ตำกว่า day และ ไม่แนะนำให้เฝ้าหน้าจอ streaming ตลอดเวลา ครับ
---------------------------------------------

2. time frame Day

เหมาะสมกับ : ผู้ที่มีเวลาวิเคราะห์หุ้นทุกๆ สิ้นวัน , ผู้ที่อดใจไม่ได้ที่จะติดตามราคา และ ข่าวหุ้น ในทุกทุกวัน และ รู้สึก sensitive กับราคาที่สวิงขึ้นลงของหุ้น

ความเห็นของผม : t/f Day จะใช้ได้ดีกว่า t/f Week สำหรับหุ้นที่มีอัตราการเก็งกำไรที่สูง และ ทำราคาและไล่ราคาจบกันใน week และไม่เหมาะกับการเล่นหุ้นพื้นฐานดี และมีแนวโน้ม (trend) ชัดเจน เพราะจะทำให้เกิดอาการขายหมูได้บ่อยเกินไป ครับ
---------------------------------------------

3. time frame Week

เหมาะสมกับ : ผู้ที่ไม่มีเวลาวิเคราะห์หุ้นทุกวัน แต่ยังอยากสร้างกระแสเงินสดแบบเป็นรายเดือนอยู่บ้าง และ จะต้องมีความสุขุมเยือกเย็นระดับนึง ไม่สนใจหรือจดจ่ออยู่กับราคา หรือ ข่าว ที่เกิดขึ้นรายวัน

ความเห็นของผม : t/f Week สามารถใช้ได้ดีมากๆ กับการเทรดหุ้นที่มีพื้นฐานดีในระดับนึง และมีแนวโน้มที่ชัดเจน (trend)
---------------------------------------------

4. time frame Month

เหมาะสมกับ : ผู้ที่มีเงินเย็น , วิเคราะห์เศรษฐศาสตร์มหภาค และ วิเคราะห์ธุรกิจ ได้ดีมีเวลาในการวิเคราะห์หุ้นน้อย อาจเป็นเจ้าของกิจการ หรือ
ผู้บริหาร ที่ต้องการจะ focus ในงานหลักของตัวเอง แต่ยังมีความต้องการจะลงทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยที่มากกว่าเงินเฟ้อ

ความเห็นของผม : t/f Month ต้องใช้สำหรับหุ้นที่มีพื้นฐานกิจการดีเท่านั้น เพราะฉะนั้นการวิเคราะห์เชิงพื้นฐานสำคัญมาก สำหรับนักลงทุนที่ใช้ t/f นี้ โดยที่ t/f นี้ก็มีโอกาสในการสร้างรายได้และชนะตลาดได้ยั่งยืนมากที่สุด

สาหรับเทรดเดอร์บางท่าน เขาจะรู้สึกดีกับการเทรดใน Time frame ที่ 1 ชั่วโมง ซึ่งเป็นกรอบระยะเวลาที่ไม่ยาวมาก สัญญาณเทรดจะมีไม่มากมาก แต่ก็ไม่น้อยเกินไป จึงช่วยให้เราไม่ต้องเร่งรีบ ทำให้มีเวลาวิเคราะห์ตลาด
ในการเลือกใช้ Time Frame เพื่อหาจุดเข้าเทรดนั้น จะไม่มีตายตัว เราอาจจะเริ่มดูจาก Time Frame ที่เป็นกรอบระยะเวลามากไปหาน้อย หรือจากน้อยไปหามากก็ได้ แต่สิ่งสำคัญคือเราต้องมองตลาดในภาพรวมให้ได้ก่อน แล้วค่อยหาจังหวะเข้าเทรดใน  Time Frame ที่เราถนัด สำหรับมือใหม่จึงจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้จากการเทรดบัญชีดีโมก่อน เพื่อจะได้เห็นข้อแตกต่างของแต่ล่ะ Time Frame แล้วเลือกใช้ หรือหาจุดเข้าเทรดตามที่ตัวเองถนัด หรือเห็นว่ามันเหมาะสม
จะเห็นได้ว่าใน Time Frame ที่ระยะเวลาสั้น ๆ ทำให้เราสามารถใช้มาร์จิ้นได้ดีกว่า แต่ช่วงที่กำหนด Stop loss จะสั้นหรือเร็ว
จะเห็นได้ว่า Time Frame ที่กว้างๆ หรือมีระยะเวลาที่ยาวๆ การกำหนดจุด Stop Loss ก็จะกว้างหรือยาวตามไปด้วย เงินทุนที่มีอยู่ในหน้าตัก จึงต้องมีเยอะๆ พอร์ต้องใหญ่ๆ เพื่อจะได้กันการโดนล้างพอร์ท จากตลาดที่ราคามีการสวิงตัวแรงๆ

การผสมการใช้ Time Frame

เราต้องจำไว้เสมอว่า ตลาดหรือราคาใน Time Frame ที่ใหญ่ๆ เวลาที่กว้างๆ โอกาสในการทำกำไรจะไปได้ไกล และแนวรับแนวต้านจะแข็งแกร่งกว่า Time Frame ที่เล็กหรือระยะเวลาสั้นๆ การที่เราจะเลือกใช้เพื่อหาจุดเข้าออร์เดอร์ Buy หรือ Sell รวมทั้งการกำหนดจุด Stop Loss  หรือ take profite เราสามารถดูภาพรวมๆ ของตลาดก่อนว่าราคากำลังไปในทิศทางใด ตลาดกำลังอยู่ใน แพลทเทริ่นอะไร เป็นเทรนด์หรือไซต์เวย์สามารถเลือกดูจาก Time Frame ที่กว้างๆก่อน เช่น TFรายเดือน เดือน,T Fรายสัปดาห์ จากนั้นจึงค่อยๆซูมเข้ามาเรื่อยๆ เป็น TF รายชั่วโมง จนถึงราย TF รายนาที เพื่อใช้ประกอบการยืนยันที่ดีก่อนที่จะต้ดสินใจเปิดออเดอร์ ซึ่งกล่าวโดยสรุปในการเลือกใช้ Time Frame ก็คือ

Time Frame ใหญ่ที่สุด เพื่อใช้เป็นเทรนด์หลักของเรา ซึ่งนี่ทำให้เราเห็นภาพรวมที่เราอยากจะเทรด
Time Frame ที่เล็กว่า เรามักจะใช้มันเพื่อดูว่าสัญญาณ Buy หรือ Sell ขัดแย้งกันหรือเปล่า
Time Frame ที่เล็กที่สุด จะแสดงเทรนด์เล็ก ๆ และช่วยเราหาจุดเข้า หรือจุดออกจากเทรนด์ที่ดี
หมายเหตุ: Time Frame กรอบเวลาไหนที่เหมาะกับคุณที่สุด? ก็คือ Time Frame ที่คุณใช้แล้วสบายใจ และเทรดได้กำไรมากกว่าเสียนั้นเอง

193
สวัสดียามเย็น มาดูเกี่ยวกับเรื่อง Forex Majors กันนะครับ

โดยสกุลเงินหลักนั้นประกอบด้วย

Euro (EUR), US Dollar (USD), Japanese Yen (JPY), Great British Pound (GBP), Australian Dollar (AUD), และ Swiss Franc (CHF)

 

ตัวอย่างกราฟ USD/JPY เป็นสกุลเงินที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่เทรดกัน เดี๋ยวมาลองเปรียบเทียบกับคู่สกุลเงินที่ไม่ควรเทรด

         เห็นความแตกต่างไหมครับ นี่เป็นกราฟของ CHF/CUC (CHG = Swiss Franc ส่วน CUC = Peso หรือค่าเงินเปโซที่ใช้กันในพวกประเทศ อาร์เจนตินา , ชิลี , เม็กซิโก , คิวบา , โคลัมเบีย เป็นต้น ซึ่งสกุลเงินเปโซนั้นไม่ใช่สกุลเงินหลักที่เทรดกันในตลาด Forex จึงทำให้กราฟที่ออกมาหน้าตาเป็นอย่างที่เห็นในข้างต้น ซึ่งกราฟอย่างนี้ก็ไม่เหมาะสมที่จะเข้าไปเทรด

 

จึงอยากแนะนำให้มือใหม่ถ้านึกไม่ออกว่าจะเทรดค่าเงินอะไร ให้ไปดูพวกสกุลเงินหลักๆไว้ก่อน เพราะสกุลเงินเหล่านั้นจะเป็นที่นิยมเทรดกันอยู่แล้ว

The Forex Majors คืออะไร
 

คู่สกุลที่มีเลือกให้เทรดหลากหลายในตลาด Forex ทำให้มือใหม่หลายคนอาจจะงงๆ ว่าเราควรเทรดสกุลไหนดี ในบทความนี้จึงอยากนำเสนอสกุลเงินหลัก ให้เทรดเดอร์ตั้งเป็น Watch list ไว้ เผื่อวันไหนไม่รู้จะเทรดอะไร ก็ให้มาเทรดคู่สกุลเงินหลักเหล่านี้

 

ทำไมถึงคู่สกุลเงินเหล่านี้เป็นคู่สกุลเงินหลัก ก็เพราะว่า เป็นสกุลเงินหลักที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่เทรดกัน มีการเคลื่อนไหวจากแรงซื้อขายอยู่ตลอดเวลา สามารถสร้างจังหวะในการเทรดให้กับเราได้

194
การใช้ Take Profit (TP)
วิธีการใช้ Take Profit (TP) ให้เกิดประสิทธิผลมากที่สุด คุณอาจนำเอาแนวคิดด้านล่างนี้ไปประยุกต์ใช้ก็ได้ครับ หลักการมีดังนี้คือ

1.กำหนดเป็น % สำหรับการทำกำไร

โดยปกติแล้ว นักเทรด forex มืออาชีพมักจะกำหนดกำไรอยู่ที่ประมาณ 3-10% ต่อการเทรด 1 ครั้งเท่านั้น ซึ่งถือเป็นจำนวนเงินที่ปลอดภัยมากที่สุด และมีโอกาสน้อยที่สุดที่คุณจะขาดทุน

2.อย่าเปลี่ยนจุด Take Profit (TP) ถ้าคุณยังไม่แน่ใจ

หากคุณเริ่มทำกำไรจนกราฟวิ่งเข้ามาใกล้จุดที่คุณกำลังจะทำการ Take Profit (TP) แต่เริ่มมีความคิดในใจว่า อยากจะเลื่อนจุดTake Profit (TP) ให้ออกไปอีกสักหน่อย ผมว่าแม้ว่าเป็นความคิดที่ดี แต่ผิดสูตรมากๆ ผมอยากให้คุณทำแบบนั้นคือเลื่อน Take Profit (TP) ต่อเมื่อเป็นการเทรดในช่วงที่มีข่าว นอกเหนือจากนี้ห้ามเลื่อนเด็ดขาด อันตรายมากๆที่คุณจะเสียเงิน

Take Profit (TP) คืออะไร


ประโยชน์ของการใช้ Take Profit (TP)
1.ไม่ต้องนั่งเฝ้ากราฟ

สิ่งที่ผมชอบที่สุดของการตั้งจุด Take Profit (TP) คือคุณไม่จำเป็นต้องใช้เวลาทั้งวัน เพื่อการนั่งเฝ้ากราฟ เพราะเพียงแค่คุณตั้งจุดTake Profit (TP) และกราฟวิ่งมาจนกระทั่งถึงจุดที่เราต้องการแล้ว ระบบก็จะทำเงินทันทีโดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย

2.ทำกำไรได้อย่างแน่นอน

คำนี้หมายความว่า เมื่อกราฟวิ่งมาจนถึงจุดที่เราต้องการ มันก็ทำกำไรทันที โดยที่เราไม่ต้องไปกังวลหรือไปพะวงว่า มันจะมีการแกว่งตัวของกราฟที่ทำให้เรานั้นขาดทุนหรือไม่

ดังนั้นเราจะเห็นว่าการตั้งค่า Take Profit (TP) กับการเทรด forex ถือว่ามีประโยชน์อย่างมาก ดังนั้นเราจึงไม่ควรที่จะทิ้งวิธีการใช้ Take Profit (TP) ไปนะครับ ผมบอกเลยว่า สำคัญทุกตา แม้ว่าคุณจะเปิด lot ที่ 0.01 ในการเทรดก็ตาม ห้ามลืมเด็ดขาด

Take Profit (TP) คืออะไร
คำสำคัญคำต่อมาคือคำว่า Take Profit (TP) คำนี้ถือเป็นคำที่นักเทรด forex ชอบมากๆ เพราะถ้ากราฟของใครวิ่งมาถึงตรงจุดนี้นั้นหมายความว่าคุณสามารถทำเงินได้มากมายจากการทำ Take Profit (TP) ดังนั้นเรามาเจาะลึกไปพร้อมๆกันว่า Take Profit (TP) คืออะไร และเราสามารถใช้ประโยชน์จากการตั้งค่า Take Profit (TP) ได้อย่างไรบ้าง

Take Profit (TP) คืออะไร
คำว่า Take Profit (TP) หมายถึงการตั้งจุดของการทำกำไรบนเส้นกราฟ โดยปกติมักกำหนดขึ้นมาจากจำนวน pips หรืออาจคิดแบบเป็น % ของจำนวนเงินทุนที่คุณมีก็ได้ครับ เลือกเอาว่าจะใช้ค่าตัวเลขแบบไหน ซึ่งเมื่อกราฟวิ่งมาถึงจุด Take Profit (TP) ก็จะทำการปิดออเดอร์ และให้เราได้รับผลกำไรทันที



Take Profit หรือมักเรียกกันย่อๆ ว่า TP เป็นการตั้งจุดทำกำไรบนเส้นกราฟ เมื่อกราฟมาถึงจุดที่เราตั้งค่าไว้ Mt4 จะทำการ Cut Order อัตโนมัติ

แล้วเราจะกำหนด Take Profit อย่างไร?

การกำหนด Take Profit บางท่านกำหนดจากแนวรับแนวต้านกรณีกราฟเป็นแบบ Sideway

-Buy (Long) Order เราจะใช้เมื่อราคาปรับขึ้นใช้แนวต้านในการกำหนดจุด TP  เพื่อทำกำไร เมื่อราคาขึ้นไปถึงจุดที่เราตั้งไว้ Order นั้นจะถูกขายออกโดยอัตโนมัติ
– Sell (Short) Order เราจะใช้เมื่อราคาปรับลดลงโดยจะใช้แนวรับเป็นตัวกำหนด TP  เมื่อราคาลงไปถึงจุดที่ตั้งไว้ Order จะถูกปิดโดยอัตโนมัติ

อย่างไรก็ตามเราต้องศึกษาเรื่องแนวรับแนวต้านเพื่อใช้กำหนดจุด TP ด้วยนะครับ



ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงแค่ตัวอย่างเท่านั้นนะครับ จริงๆ แล้ววิธีตั้ง Take Profit นั้นมีเทคนิคต่างๆ มากมาย ลองไปฝึกฝนหาราคาเป้าหมายกันดูครับ

195
วิธีประยุกต์ใช้ System กับการเทรด forex

1.วางแผนก่อนทำการเทรดทุกครั้ง

สิ่งแรกที่คุณควรทำคือ การวางแผนก่อนทำการเทรดทุกครั้ง โดยตรวจสอบเสียก่อนว่าจะทำการเทรดอย่างไรดี มีขั้นตอน 1 2 3 4 อย่างไรก่อนการเทรด คุณต้องชัดเจน ไม่อย่างนั้นแล้วผลลัพธ์ที่ได้จากการเทรดจะไม่สามารถวัดผลได้

2.ดำเนินการเทรดตามระบบ

ข้อต่อไปคือการดำเนินการเทรดตามระบบเท่านั้น ผมค่อนข้างที่จะกังวลข้อนี้มากๆ เพราะว่าเมื่อทำการเทรดของจริงแล้ว ปัญหาส่วนใหญ่ของเราคือ ไม่สามารถเทรด forex ให้เป็นไปตามระบบที่วางไว้ได้ ซึ่งเหตุผลส่วนใหญ่ก็มาจากอารมณ์นั่นเอง สองอารมณ์ที่มีผลมากๆคือ อารมณ์โกรธ และอารมณ์โลภที่เกิดขึ้นในใจของคุณ

3.ตรวจสอบทุกครั้งหลักเสร็จสิ้น

ในแต่ละวันคุณจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทบทวนกลยุทธ์การเทรดของคุณ ว่าเป็นอย่างไรถูกต้องหรือไม่ หรือว่ามีสิ่งใดที่ต้องทำการปรับปรุงหรือไม่ การวางแผนที่ดีจะช่วยให้เมื่อเทรด forex ในครั้งต่อๆไป คุณสามารถปรับปรุงให้เข้ากับระบบได้เป็นอย่างดี



System คืออะไร

หากคุณต้องการที่จะลงทุนเทรด forex แต่ยังขาดความรู้ในเรื่องของ system แล้วบทความนี้จะพาคุณมาทำความเข้าใจไปพร้อมๆกันกับคำว่า System กันครับ มาดูกันว่า System นั้นมีความสำคัญและมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องของการเทรด forex อย่างไรบ้าง

System คืออะไร

คำว่า System หมายถึงระบบครับ อธิบายความได้คือมีกระบวนการที่เราป้อนเข้าไป กระบวนการการดำเนินการ ผลลัพธ์ และ กระบวนการตรวจสอบว่าสิ่งที่เราวางระบบลงไปนั้นมันถูกต้องหรือว่ามันใช้ได้หรือไม่เป็นต้น โดยปกติแล้ว การวางระบบนิยมนำไปใช้กับรูปแบบการทำธุรกิจทุกประเภทและรวมถึงการเทรด forex ด้วย

องค์ประกอบของ System

เพื่อให้เข้าใจอย่างเด่นชัดยิ่งขึ้น ผู้เขียนต้องการให้เห็นว่า System เกี่ยวพันกับการเทรด forex ตรงไหนหรือว่าอย่างไร โดยการดูที่ข้อมูลด้านล่างต่อไปนี้ครับ

Input = ระบบการวางแผน เป็นขั้นตอนอย่างง่ายๆว่า เรานั้นจะวางแผนอย่างไร เพื่อให้สามารถเทรด แล้วได้กำไร

Process = กระบวนการ หรือการลงมือทำการเทรด โดยการกำหนดเป็นขั้นๆไปครับ ว่าเราจะต้องลงมือทำอะไรบ้าง

Output = ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการเทรด

Check = การตรวจสอบเพื่อที่จะทำการปรับระบบเข้าไปใน Input อีกครั้ง

ประโยชน์ของ System

ประโยชน์ของ System คือความสามารถในการช่วยให้เรานั้นประมวลผลได้ว่า ระบบที่เราทำการเทรดนั้น มันมีผลลัพธ์ออกมาอย่างไร มีปัญหาเกิดขึ้นหรือไม่ และถ้าปัญหาเกิดขึ้นมาเราจะทำการแก้ไขปัญหานั้นๆอย่างไร ซึ่งหากเราเทรดโดยที่ไม่ใช้ระบบเข้ามาช่วย ผลที่สุดคือ เราจะไม่สามารถประเมินได้เลยหากเกิดความผิดพลาดขึ้นมานะครับ

เวลามีคนพูดถึง System trade ระบบเทรด Trading system หรืออะไรประมาณนี้ ทุกคนก็จะเข้าใจกันไปประมาณว่ามัน คือหุ่นยนต์ เขียวซื้อ แดงขาย เส้นนั้นตัดขึ้นซื้อ เส้นนี้ตัดลงขาย หรืออะไรประมาณนี้ ซึ่งแบบนี้แบบที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ แถวบ้านผมจะเรียก Algorithm หรือ Trade Algorithm ซึ่งเป็นเพียงแค่ส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งใน Trading system เท่านั้น

ความหมายของ Trading system (ระบบเทรด)2

ในความเข้าใจของผมจริงแล้วระบบเทรดส่วนใหญ่นั้นจะประกอบด้วย 3 ส่วนที่เป็นหัวใจหลักๆ ดังนี้

.     ส่วนแรก “Trade Algorithm” คือ ขั้นตอน ตรรกกะ วิธีหรืออะไรก็แล้วแต่ที่ใช้เป็นสัญญาณซื้อขายหุ้นได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นการวิเคราะห์หุ้นด้วยกราฟ ตัดขึ้นซื้อ ตัดลงขายอย่างที่เข้าใจกัน อาจเป็นการดูงบการเงิน รายได้กำไรของบริษัท หรือแม้แต่การเรียงตัวของดวงดาวยันโยนหัวก้อย ก็ยังนับเป็น Algorithm ได้ ขอแค่สร้างเงื่อนไขสำหรับการกำหนดจุดเข้า ออกของการเทรดได้ก็พอ

.     ส่วนที่สอง “Money Management” การบริหารจัดการเงินทุน หรือบางคนก็เรียกว่าการบริหารจัดการกับความเสี่ยง คือการวางแผนทางการเงิน ความเหมาะสมในการใช้เงินแต่ละครั้งในการซื้อขาย ซึ่งจะได้ผมดีที่สุดก็ต่อเมื่อมันสอดคล้องและเข้ากันได้ดีกับ Algorithm

.     ส่วนที่สาม “Mind” เรื่องของใจ ใช่ครับ “ใจ” แต่ “ใจ” ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงความกล้า ความฮึกเหิม แต่เป็นเรื่องของ วิธีคิด ความเข้าใจ ความอดทน ความเชื่อมั้น ที่มีต่อระบบ และที่สำคัญที่สุดของเรื่อง “ใจ” คือ “วินัย” ในการเทรด

.     Trading system ที่ดีไม่ใช่ระบบที่สามารถทำกำไรได้มาก Trading system ที่ดีต้องเป็นระบบที่ไม่ซับซ้อน เข้าใจง่าย มีการทดสอบ Back Test และ Forward Test มาอย่างดีแล้วว่าสามารถอยู่รอดในตลาดได้จริงและมีกำไรต่อเนื่อง ไม่ใช่ได้ๆเสียๆวนไปวนมาไม่สิ้นสุด

Trading system ไม่ใช่ เขียวซื้อ แดงขาย เส้นนั้นตัดขึ้นซื้อ เส้นนี้ตัดลงขาย แต่มันคือ ผลผลิตจากการศึกษาข้อมูล และการวางแผนจัดการทุกอย่างมาแล้วอย่างรอบคอบที่สุดเพื่อทำกำไรและอยู่รอดในตลาด

หน้า: 1 ... 11 12 [13] 14
SMF 2.0.15 | SMF © 2011, Simple Machines
SMFAds for Free Forums