แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Tamol

หน้า: 1 ... 14 15 [16] 17
226
เล่นหุ้นเริ่มต้นอย่างไร ใครกำลังเป็นมือใหม่หัดเล่นหุ้น ก่อนลงสนามจริงต้องศึกษาข้อมูลเบื้องต้นไว้ก่อนเลย

          หลายคนมีความคิดอยากเล่นหุ้น แต่ในใจยังกล้า ๆ กลัว ๆ และไม่รู้ว่าต้องเริ่มจากตรงไหน ต้องเปิดบัญชีอย่างไร ใช้เงินแค่ไหน แล้วซื้อขายอย่างไรล่ะ ถ้ากำลังมึน ๆ กับเรื่องหุ้นอยู่ล่ะก็ ขอให้ตามกระปุกดอทคอมมาเลย เพราะเราได้รวบรวมข้อมูลพื้นฐานสำหรับมือใหม่ที่อยากเล่นหุ้นด้วยตัวเองมาบอกให้รู้แล้วล่ะ

รู้จักสักนิด หุ้น คืออะไร

          หุ้น (Stock) ก็คือตราสารทุนที่บริษัทนั้นออกและเสนอขายให้ประชาชนทั่วไป เพื่อระดมทุนนำเงินที่ได้ไปลงทุนในกิจการของบริษัทนั้น ทั้งนี้ เมื่อเราลงทุนไปในหุ้นของบริษัทใด เราจะมีฐานะเป็น "เจ้าของกิจการ" ของบริษัทนั้น ถ้าบริษัทดำเนินไปได้ดี เราก็จะได้กำไร แต่ถ้าบริษัทมีปัญหา เราก็ประสบปัญหาขาดทุนได้ นี่ก็คือความเสี่ยงที่ได้จากการลงทุนในหุ้น ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงสูงกว่าการลงทุนในรูปแบบอื่น เช่น พันธบัตร หุ้นกู้ แต่ก็เป็นทางเลือกที่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงเช่นกัน


  วิธีเล่นหุ้นด้วยตัวเอง  มือใหม่หัดเล่นหุ้นต้องรู้เลย   

 
ทำความเข้าใจกับขั้นตอนการเล่นหุ้น

          ไม่ว่าคุณอยากจะเล่นหุ้นเพื่อเก็งกำไร หรือลงทุนในหุ้นระยะยาว ก่อนจะก้าวเข้าสู่ตลาดหุ้นก็ต้องเริ่มจากขั้นตอนต่อไปนี้

1. เปิดบัญชีหุ้น

          การจะเล่นหุ้นได้ ขั้นแรกต้องเปิดบัญชีหุ้นเสียก่อน โดยยื่นเอกสารสมัครได้ที่บริษัทหลักทรัพย์ หรือที่นักลงทุนเรียกว่า "โบรกเกอร์" (Broker) ซึ่งมีอยู่หลายบริษัทให้เลือก (ตรวจสอบบริษัทหลักทรัพย์ทั้งหมดได้ที่นี่)

          แต่ถ้าใครมีบัญชีเงินเดือนอยู่ธนาคารไหน สามารถเข้าไปสมัครที่ธนาคารสาขาต่าง ๆ ได้เลย แล้วธนาคารจะส่งเรื่องต่อไปยังบริษัทหลักทรัพย์ของตนเองอีกที เช่น บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ของธนาคารกรุงเทพ, บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ของธนาคารกรุงศรีฯ

          นอกจากนี้ บางธนาคารยังสามารถสมัครทางออนไลน์ได้เลย เช่น บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ของธนาคารกสิกรไทย ฯลฯ ที่แค่กรอกข้อมูลและส่งเอกสารผ่านทางออนไลน์ก็สามารถเปิดบัญชีได้ โดยไม่ต้องไปสมัครถึงธนาคาร

สำหรับเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการสมัคร ทั่ว ๆ ไปก็คือ

           สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน

           สำเนาทะเบียนบ้าน

           สำเนาใบแจ้งรายการบัญชีผ่านธนาคาร หรือสำเนาสมุดคู่ฝากบัญชีออมทรัพย์ย้อนหลัง 6 เดือน

           ค่าอากรแสตมป์ 30 บาท

          อย่างไรก็ตาม ควรติดต่อสอบถามจากบริษัทหลักทรัพย์ที่คุณจะสมัครอีกครั้ง เพราะแต่ละแห่งเรียกขอเอกสารไม่เหมือนกัน และที่ต้องรู้อีกข้อก็คือ ผู้ที่จะเปิดบัญชีหุ้นได้ต้องมีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปเท่านั้น ถ้าอายุต่ำกว่า 18 ปี ต้องได้รับการยินยอมจากผู้ปกครองก่อน

2. เลือกให้ดีจะเปิดบัญชีแบบไหน

          ในการเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นนั้น เราต้องเลือกด้วยว่าจะเปิดบัญชีแบบบัญชีเงินสด (Cash Account), บัญชีเงินฝาก (Cash Balance) หรือบัญชีเงินกู้ยืม (Credit Balance Account)

 มือใหม่ควรเปิดบัญชีแบบ บัญชีเงินฝาก (Cash Balance) มากที่สุด เพราะเราจะต้องโอนเงินเข้าบัญชีก่อน จึงจะซื้อหุ้นได้ในวงเงินที่เรากำหนดไว้เอง วิธีนี้จะช่วยให้เราไม่ซื้อหุ้นเกินวงเงินของตัวเอง ส่วนบัญชีเงินกู้ยืม (Credit Balance Account) นั้นไม่แนะนำ เพราะมือใหม่ยังขาดความรู้และประสบการณ์ในตลาดหุ้น เสี่ยงต่อการเป็นหนี้สูงมาก

3. ศึกษาโปรแกรม Streaming Pro สำหรับเล่นหุ้น

          เมื่อได้รับอนุมัติเปิดบัญชีแล้ว เราจะได้เลขที่บัญชี และรหัสผ่านเพื่อล็อกอินเข้าไปในหน้าเว็บของโบรกเกอร์ เมื่อเข้าไปแล้วเราจะรู้จักกับโปรแกรมที่ชื่อว่า Streaming Pro ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ให้เราใช้ส่งคำสั่งซื้อขายเรียลไทม์ สามารถใช้เองได้ไม่ยากเลย

4. ทำความเข้าใจคำศัพท์สำคัญในโปรแกรม Streaming Pro

          ในโปรแกรมจะมีคำศัพท์ภาษาอังกฤษอยู่หลายตัว แต่ศัพท์สำคัญที่เราจำเป็นต้องรู้ เพื่อใช้ในการส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นก็คือ

           Market จะเป็นส่วนแสดงข้อมูลภาพรวมของตลาดแบบเรียลไทม์

           Portfolio ส่วนแสดงพอร์ตการลงทุนของเรา ว่าได้กำไรหรือขาดทุนเท่าไร

           Account No. คือ หมายเลขบัญชีของเรา

           Credit Line คือ วงเงินอนุมัติจากทางบริษัท เราจะสามารถซื้อหุ้นได้ไม่เกินมูลค่า Credit ที่ปรากฏ

           Line Available คือ อำนาจซื้อที่แท้จริง ณ ขณะนั้น ๆ หมายถึงเราสามารถซื้อหุ้นได้เพิ่มเติมอีกไม่เกินมูลค่า Line ที่ปรากฏ เช่น หากโอนเงินเข้าบัญชี 10,000 บาท มูลค่า Line ตั้งต้นจะเท่ากับ 10,000 บาท เมื่อเราสั่งซื้อหุ้นไป 3,000 บาท มูลค่า Line จะถูกหักออก 3,000 บาท เท่ากับเรามีอำนาจซื้อเพิ่มเติมได้อีกไม่เกิน 7,000 บาท

           Cash  คือ มูลค่าเงินสดที่อยู่ในบัญชีของเรา ณ ขณะนั้น ซึ่งมูลค่านี้จะไม่อัพเดทแบบเรียลไทม์ เพราะกระบวนการชำระราคาในการซื้อขายหุ้นจะใช้เวลา 3 วันหลังการซื้อขาย (T+3) ดังนั้น หากซื้อหุ้นวันนี้ 20,000 บาท มูลค่า Cash จะยังไม่ปรับลดลงทันที แต่จะลดลงในวันที่ 3 หลังวันทำการ (T+3)

          ทั้งนี้ หากต้องการถอนเงินจากบัญชีหุ้น โดยโอนกลับเข้าบัญชีเงินเดือน ต้องรอให้ช่อง Cash อัพเดทเท่ากับ Line Available เสียก่อน จึงจะทำการถอนตามจำนวนที่ขายหุ้นออกไปได้ และเพื่อความสะดวกในช่วงเริ่มต้น แนะนำให้ใช้ บลจ.ธนาคารเดียวกับบัญชีเงินเดือนของคุณ จะสามารถระบุให้โอนเข้าบัญชีออนไลน์ได้ทันที

           T+3 คือ วันทำการที่ 3 นับจากวันซื้อขายหลักทรัพย์ โดยไม่นับรวมวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดของสถาบันการเงินตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น หากซื้อหุ้นวันศุกร์ ให้นับไปอีก 3 วันทำการ เงินจะตัดจากบัญชีในวันพุธ เช่นเดียวกับการขายหุ้น เงินจะเข้าบัญชีในอีก 3 วันทำการเช่นกัน

          ทั้งนี้ หากเป็น T+1, T+2 หรือตัวเลขอื่น ๆ ที่มักใช้ในการซื้อขายกองทุน ตัวเลขด้านหลังก็คือกี่วันทำการนั้น ๆ เหมือนกับ T+3

           Volume คือ ปริมาณของหุ้นที่ซื้อขาย หรืออธิบายง่าย ๆ ก็คือ จำนวนหุ้นที่ซื้อขายกันในวันนั้น

           Value คือ มูลค่าการซื้อขายของหุ้น หรือ ในวันนั้นมีการซื้อขายเป็นเงินเท่าไร

           Buy คือ ต้องการซื้อหุ้นเข้า Port ของเรา

           Sell คือ ต้องการขายหุ้นของเราออกไป

           Opened หรือ Queuing (SX) คือ คำสั่งซื้อขายที่รอการจับคู่ หรือมีการจับคู่ได้บางส่วนแต่ยังจับคู่ได้ไม่หมด

           Matched คือ คำสั่งซื้อขายได้รับการจับคู่แล้ว

           Approved คือ คำสั่งซื้อขายที่ไม่อนุมัติ อาจเกิดจากจำนวนเงินไม่เพียงพอในการซื้อขาย

           Bid คือ ราคาเสนอซื้อเข้ามาสูงสุด ณ ขณะนั้น

           Offer คือ ราคาเสนอขายเข้ามาสูงสุด ณ ขณะนั้น


เพื่อให้เข้าใจคำว่า Bid และ Offer ลองมาดูตัวอย่างกัน



หุ้น KTB (ธนาคารกรุงไทย)

          Bid คือราคาที่เสนอซื้อเข้ามาสูงสุด ณ ขณะนั้น โดยราคาสูงสุดอยู่ที่ 22.00 บาท มีคนรอซื้อราคา อยู่จำนวน 2,236,700 หุ้น (ตรงช่อง Volume) ส่วนคนที่รอซื้อราคา 21.90 บาท มีอยู่ 5,207,900 หุ้น

          หากเราต้องการซื้อหุ้น KTB ที่ราคา 22.00 บาท เมื่อเราเคาะราคาไป เราจะยังไม่ได้หุ้นในทันที เราต้องรอให้คนที่เสนอซื้อ 2,236,700 หุ้นก่อนหน้าเรา ซื้อได้หมดก่อน จึงจะถึงคิวของเรา

          * ข้อสังเกต เมื่อส่งคำสั่งซื้อ จะมีคำว่า Queuing ในขั้นตอนนี้หากส่งคำสั่งผิด สามารถ Can cell ได้ แต่หากมีคำว่า Match แล้วแสดงว่าคุณได้หุ้นตัวนั้นเรียบร้อยแล้ว ยกเลิกไม่ได้

          ส่วน Offer ราคาเสนอขายที่สูงสุด ณ ขณะนั้น อยู่ที่ 22.10 บาท มีคนรอขายจำนวน 8,532,700 หุ้น ส่วนราคา 22.20 บาท จำนวน 9,395,000 หุ้น ไล่เรียงกันไป

          ทั้งนี้ หากเราไม่อยากรอคิวซื้อที่ราคา 22.00 บาท เราอาจจะเสนอซื้อที่ราคา 22.10 บาท ซึ่งจะทำให้เราได้หุ้นทันที เพราะมีคนเสนอขายเราที่ราคา 22.10 บาทอยู่แล้ว จำนวน 8,532,700 หุ้น

สำหรับตัวหนังสือที่เป็นสีต่าง ๆ นั้นคือ

           สีเขียว แสดงว่าราคานั้นสูงกว่าราคาหุ้นที่ปิดตลาดเมื่อวาน

           สีแดง แสดงว่าราคานั้นต่ำกว่าราคาหุ้นที่ปิดตลาดเมื่อวาน 

           สีเหลือง แสดงว่าราคานั้นเท่ากับราคาหุ้นที่ปิดตลาดเมื่อวาน

          ในที่นี้ หุ้น KTB ณ ขณะนี้ราคา 22.00 บาท บวกเพิ่มจากราคาปิดเมื่อวาน 0.20 บาท แสดงว่าเมื่อวานราคาปิดอยู่ที่ 21.80 บาท Volume คือ ปริมาณการซื้อขายในขณะนี้ อยู่ที่ 50,353,400 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า (Value) 1,109,668 ล้านบาท

5. โอนเงินเข้าบัญชีเพื่อเตรียมซื้อหุ้น

          สำหรับมือใหม่ อาจทดลองเล่นหุ้นด้วยเงินจำนวนไม่มากก่อน ซึ่งขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท ก็สามารถเล่นหุ้นได้ (โปรดตรวจสอบกับแต่ละบริษัทหลักทรัพย์ที่คุณสมัครก่อนอีกครั้ง ซึ่งเรียกได้อีกชื่อหนึ่งว่า "โบรกเกอร์")

จากนั้นทำตามขั้นตอนนี้

           5.1 โอนเงินเข้าบัญชีโบรกเกอร์ (ตรวจสอบเลขที่บัญชีได้จากโบรกเกอร์ที่สมัครไว้)

           5.2 เมื่อโอนเงินแล้วจะต้องแจ้งวันเวลาที่โอนเงิน จำนวนเงินที่โอนกับโบรกเกอร์ โดยสามารถโทรศัพท์แจ้งกับเจ้าหน้าที่การตลาด (มาร์) ของโบรกเกอร์นั้น หรือแจ้งทางระบบอินเทอร์เน็ตก็ได้ (ขึ้นอยู่กับระบบของแต่ละโบรกเกอร์เอง)

           5.3 ตรวจสอบยอดเงินในโปรแกรม Streaming Pro ว่ายอดเงินตรงกับที่เราโอนเข้าไปหรือไม่

6. ทดลองซื้อขายหุ้น

          ถ้าเราคิดว่าตัวเองพร้อมแล้ว อยากลองเสี่ยงดู ก็เริ่มซื้อขายหุ้นได้เลย โดยอาจเลือกซื้อขายหุ้นในราคาต่ำ ๆ เช่น 1-5 บาท และปริมาณน้อย ๆ ก่อน โดยขั้นต่ำของการซื้อหุ้นแต่ละครั้งคือ 100 หุ้น เพื่อทดลองลงทุนดู แต่ถ้าใครยังกลัว ๆ ไม่กล้าเสี่ยง ก็ควรศึกษาปัจจัยต่าง ๆ หาความรู้ก่อนลงทุนจริง

          และนี่ก็คือภาพรวมของการเล่นหุ้น ซึ่งไม่ยากอย่างที่คิด ขั้นต่อไปก็ถึงเวลาเติมความรู้ให้ตัวเองมากขึ้น ติดตามข่าวสารทั้งในและต่างประเทศ ทั้งเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่อาจมากระทบต่อตลาดหุ้นในบ้านเราได้ นอกจากนี้ มือใหม่ก็ควรลองฟังข้อมูลการวิเคราะห์ของสถาบันต่าง ๆ หรือคลิปวิธีเล่นหุ้นเบื้องต้น เพื่อพิจารณาประกอบการตัดสินใจซื้อขายทุกครั้ง

โค๊ด: [Select]
http://money.kapook.com/view93881.html

227
การจะเริ่มเล่นหุ้นนั้นก่อนอื่น เราต้องรู้เรา หรือรู้ตัวเองก่อนครับว่า เราพร้อมแค่ไหน กับการที่จะเข้ามาทำกำไรในตลาดทุนแห่งนี้ (ส่วนรู้เขานั้นเราต้องไปวิเคราะห์กันในสภาพตลาดอีกทีว่าเหมาะสมกับการเล่นของเราหรือไม่ ต้องใช้เครื่องมือหรือการวิเคราะห์แบบไหนเข้าไปตรวจจับ ซึ่งจะเป็นในเชิงลึกแล้ว เราค่อยมาว่ากันทีหลัง ตอนนี้เรามาดูในเบื้องต้นกันก่อน)

สิ่งที่เราต้องรู้ตัวเราเองและต้องเตรียมในขั้นแรกๆ คือ เงินทุนและความรู้ โดยเฉพาะความรู้ถ้าเรามีไม่พอ ก็ไม่ต่างอะไรกับการโยนเงินรายได้ไปให้กับมือเก๋าๆ ในตลาดครับ

เล่นหุ้นต้องใช้เงินทุนเท่าไหร่?
ในการลงทุน เงินทุนยิ่งมากก็ย่อมดีกว่าอยู่แล้ว แต่สำหรับมือใหม่แนะนำว่าเริ่มต้นที่ 100,000 บาทก่อนก็ดีครับ เก็บความรู้เก็บประสบการณ์ไปก่อน ถ้าเก่งแล้วค่อยเพิ่มทุน ก็ยังไม่สายเกินไป

ที่จริงแล้วการจะใช้เงินทุนเท่าไหร่นั้น มันก็ขึ้นอยู่กับว่ารูปแบบการลงทุน ของเพื่อนๆ นักลงทุนเป็นแบบไหน  และลงทุนในหุ้นตัวไหน มีน้อยก็เริ่มจากลงทุนน้อยๆ ได้ แต่สำคัญที่ว่าเงินที่นำมาลงทุนในหุ้นนี้ ต้องเป็นเงินเย็น เงินที่เรากันไว้จากเงินที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันปกติแล้ว เป็นเงินที่เราไม่ได้จำเป็นต้องดึงกลับมาใช้ในเวลาอันใกล้นี้ เพราะอาจจะเกิดปัญหาที่ว่าเงินยังไม่ได้ออกดอกออกผลตามที่ควรจะเป็น กลับต้องดึงกลับมาใช้จ่ายซะแล้ว จะเสียประโยชน์ในระยะยาวเสียเปล่าๆ ครับ

ในการเล่นหุ้นต้องรู้อะไรบ้าง
รู้ว่าสิ่งที่เราจะลงทุนคืออะไร มีลักษณะเฉพาะตัวอย่างไร ซึ่งในที่นี้คือ หุ้น และอย่าลืมว่าราคาของหุ้นจะขึ้นจะลงได้ แท้จริงแล้วจะขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของธุรกิจนั้นๆ เป็นสำคัญ ไม่ใช่เกิดจากการทำราคาหุ้น ปั่นราคาหุ้น เพราะถึงจะทำราคาอย่างไร สุดท้ายแล้วราคาก็จะกลับมาเคลื่อนไหวตามผลการดำเนินงานของธุรกิจอยู่ดีแหละครับ ควรศึกษาไปให้ลึกถึงขั้นรู้ความเป็นมาของหุ้นแต่ล่ะตัวว่า เขาทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไร ใครเป็นผู้บริหาร สัญญาอะไรไว้ทำได้ตามนั้นหรือไม่ มีผลการดำเนินงานที่ผ่านมาเป็นอย่างไร มีเป้าหมายในอนาคตอย่างไร อะไรเป็นจุดอ่อนจุดแข็งของธุรกิจนี้บ้าง เป็นต้น ถึงแม้ในตลาดหลักทรัพย์ในบ้านเราจะมีหุ้นอยู่ 500 กว่าตัว แต่ไม่จำเป็นต้องรู้หมดทุกตัวหรอกครับ เลือกหุ้นที่เราสนใจ และอยู่ในธุรกิจที่เราเข้าใจดี แล้วเข้าซื้อขายให้ถูกจังหวะก็เพียงพอแล้ว
รู้ว่าตัวเราเองเหมาะกับการลงทุนแบบไหน เล่นสั้น กลาง หรือว่าลงทุนระยะยาว ชอบแบบเน้นตั้งรับกินปันผล หรือว่า ชอบเชิงรุกแบบแนววิเคราะห์ทางเทคนิค ซึ่งการลงทุนแต่ละแบบ วิธีการแต่ล่ะแบบก็จะแตกต่างกัน ดังนั้นเพื่อนๆ ก็ควรจะต้องรู้ตัวเองให้ได้ว่าเหมาะกับแบบไหน และทุกแบบก็มีข้อดีข้อเสียต่างกัน เช่นเล่นสั้นจะเห็นผลได้เร็วกว่า การเล่นระยะยาว แต่ก็ต้องใช้การตัดสินใจที่บ่อยครั้งกว่า และใช้เวลาในการติดตามราคามากกว่าการเล่นระยะยาวเป็นต้น ที่สำคัญต้องรู้ว่า เข้าซื้อวิธีไหนก็ขายออกด้วยวิธีนั้น ไม่ใช่ว่าตอนซื้อมาแบบนักลงทุนระยะสั้น แต่พอหุ้นไม่เป็นไปตามคาดก็ไม่ยอมตัดขาดทุน กลายเป็นนักลงทุนระยะยาวจำเป็นซะงั้น แบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกันนะครับ :-)
รู้ว่าจะใช้เครื่องมือชนิดใด การวิเคราะห์แบบไหนมาเป็นตัวช่วยในการลงทุน หรือมาเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ ซึ่งหลักๆ แล้วจะมีอยู่สองแบบคือ
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน(Fundamental Analysis) ซึ่งก็ต้องติดตามผลการดำเนินงานของบริษัท ดูบัญชีเป็น ดูงบการเงินเป็น ดูแนวโน้มการเติมโตของบริษัทนั้นๆ ได้ และเข้าซื้อเมื่อเห็นว่าราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงมากๆ วิธีนี้ส่วนใหญ่ในบ้านเราจะรู้จักกันในนาม VI การลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investor) นักลงทุนระดับโลกที่ใช้แนวทางนี้ก็ได้แก่ Benjamin Graham, Warren Buffett,  Philip Fisher รวมถึง Peter Lynch เป็นต้น ส่วนในไทยเราก็มี อาจารย์ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร, นพ.บำรุง ศรีงาน(หมอสามัญชน แห่ง ThaiVI.com) เป็นต้นครับ
การวิเคราะห์ทางเทคนิค(Technical Analysis) ซึ่งก็ต้องติดตามความเคลื่อนไหวของราคาของหุ้นนั้นๆ อ่านกราฟเป็น ใช้อินดิเคเตอร์เป็น เข้าใจแนวโน้มของราคา (Trends) เข้าใจรูปแบบของราคา (Patterns) เพื่อประกอบการตัดสินใจในการซื้อขายให้ถูกจังหวะ นักลงทุนระดับโลกที่ใช้แนวทางนี้ก็ได้แก่ George Soros, Jesse L. Livermore,  Ed Seykota เป็นต้น  ส่วนในไทยเราก็มี คุณลุงโฉลก(chaloke.com) คุณมัดเลย์ (mudleygroup.blogspot.com) คุณเด่นศรี (dsm.pantipmember.com) เป็นต้นครับ
มีทุน  มีความรู้พร้อมแล้ว ก็ไปเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ได้เลย หรืออาจจะเปิดไว้ก่อนแล้วค่อยไปหาความรู้ก็ได้ไม่ว่ากันครับ

เปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ต้องทำอย่างไร
อย่างแรกเลยคือต้องเตรียมหลักฐานเหล่านี้ให้พร้อม

สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน บัตรข้าราชการ หรือหนังสือเดินทาง
สำเนาทะเบียนบ้าน
สำเนาใบแจ้งรายการบัญชีธนาคารหรือสำเนาสมุดเงินฝากย้อนหลัง 6 เดือน
แบบคำขอให้หักบัญชีเงินฝากอัตโนมัติ (ATS) (อันนี้หากเราต้องการให้โบรกเกอร์ตัดเงินจากบัญชีได้เลยก็กรอกไปได้เลยครับ แต่ถ้าต้องการโอนเงินเข้าเองไม่ต้องการให้หักอัตโนมัติก็ไม่ต้องกรอกตัวนี้ครับ)
ค่าอากรแสตมป์ 30 บาท
จากนั้นก็เลือกโบรกเกอร์ได้เลย เพื่อนสามารถดูรายชื่อโบรกเกอร์ได้ที่ https://http://www.settrade.com/C00_BeginnerRedirect.jsp?txtPage=beginnerZone/th/beginner-broker-list.html

หากทุนน้อยและต้องการเทรดบ่อยๆ ก็สามารถเลือก โบรกเกอร์ที่ไม่มีค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ ที่ตอนนี้มี บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) กับ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ครับ

ตามลิ้งค์ด้านบนเพื่อนๆ สามารถกรอกข้อมูลสมัครทางออนไลน์ได้เลยครับแล้วเราก็ปริ้นออกมาเซนต์กำกับ หรือว่าโบรกเกอร์เขาจะส่งเอกสารมาให้กรอกทางไปรษณีอีกที อันนี้แล้วแต่โบรกเกอร์ หรือว่าถ้ามีสำนักงานโบรกเกอร์อยู่ใกล้บ้าน เพื่อนๆ สามารถโทรให้เขามาหาถึงบ้านพร้อมกับเอกสารการสมัครได้เลย โบรกเกอร์ต้องการลูกค้าใหม่ๆ อยู่แล้วเลยแข่งกันบริการเต็มที่ :-)

ส่วนระยะเวลาอนุมัติส่วนใหญ่จะประมาณ 7 วัน ถ้าเกินนี้โทรจิกไปเลย หรือไปตั้งกระทู้ที่ พันทิบ ห้อง สินทร (https://http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/) ก็ได้ รับรองได้เรื่อง :-)

ต้องเปิดบัญชีประเภทไหน
มือใหม่ควรเปิดแบบ บัญชีเงินฝาก (Cash Balance Account) ซึ่งเราต้องฝากเงินเข้าไปมีเงินเท่าไหร่ซื้อหุ้นได้เท่านั้น เพิ่งเริ่มอย่าเพิ่งเปิดแบบบัญชีเงินกู้ยืม (Credit Balance Account) ไว้เราบริหารจัดการการเงิน (Money Management) ได้เก่งแล้วค่อยมาว่ากันอีกที

และแนะนำว่าให้เปิดบัญชีแบบเล่นหุ้นออนไลน์จะสะดวกมากๆ ครับ โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์บ้านเราจะกำหนดวงเงินที่ต้องใช้เงินในการเปิดบัญชีออนไลน์ขั้นต่ำที่ประมาณ 5,000 ถึง 50,000 บาทครับ แล้วไม่ต้องกลัวว่าเงินของเราจะไปนอนนิ่งเฉยๆ ไม่ยอมทำงาน เพราะโบรกเกอร์เขาก็มีดอกเบี้ยเงินฝากให้ด้วยครับ :-)

อย่าลืมนะครับก่อนเล่นหุ้นด้วยเงินจริง ความรู้เพื่อนๆ ต้องพร้อม เพราะในสนามแห่งนี้ต่อให้เพื่อนๆ มีเครื่องมือดีขนาดใหน สุดท้ายก็ต้องสู้กันด้วยความรู้และประสบการณ์อยู่ดีครับ :-)

อยากให้เพื่อนๆ ที่เล่นหวย หันมารวยด้วยการเล่นหุ้นกันเยอะๆ แต่ไม่ใช่ว่าเห็นตัวเลขราคาแล้วมาเล่นหวยหุ้นกันอีกนะ อันนั้นหนักกว่าเดิมอีก :-)

โค๊ด: [Select]
http://www.stocktipsdd.com/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99/

228
การซื้อขายคู่สกุลเงินในตลาด Forex นั้นสามารถทำได้โดยใช้คู่สกุลเงินหลัก แต่จะไม่รวมสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐ การวิเคราะห์ความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการซื้อขายคู่สกุลเงินหลักอื่นๆ ส่วนการวิเคราะห์ค่าเงินรอง (EUR - ยูโร, JPY - เยน, CHF - สวิสฟรังก์, GBP - ปอนด์) นั้นไม่ได้มีความสำคัญมากเท่าใดนัก การซื้อขายคู่สกุลเงินนั้นถือว่าเป็นวิธีการซื้อขายที่มีกำไรดี แต่อย่างไรก็ตามนักลงทุนควรมีประสบการณ์ในการซื้อขายบนตลาด Forex ด้วย การซื้อขายคู่สกุลเงิน มูลค่าของสกุลเงินหนึ่งจะมีอิทธิพลต่อสกุลเงินอื่นๆ ยกเว้นสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐ โดยอัตราแลกเปลี่ยนของคู่สกุลเงินเหล่านี้จะเรียกว่าอัตราแลกเปลี่ยนทางอ้อม (cross rates) สกุลเงินที่มีการซื้อขายมากที่สุดคือสกุลเงินที่คู่กับยูโร เช่นคู่สกุลเงิน EUR/CHF, EUR/GBP, EUR/JPY โดยคู่สกุลเงินเหล่านี้มีความโดดเด่นเนื่องจากมีสภาพคล่องสูง ในบางครั้งอาจมีคู่สกุลเงินที่มีสภาพคล่องสูงกว่า USD/CHF เนื่องจากนักลงทุนสถาบันอาจสมัครใจที่จะลงทุนในเงินสกุลฟรังก์สวิสมากกว่า เงินเยนถือเป็นสกุลเงินที่มีความสำคัญต่อกลุ่มของคู่สกุลเงินอื่นๆ เช่น CAD/JPY ดอลล่าร์แคนาดาและเยน NZD/JPY ดอลล่าร์นิวซีแลนด์และเยน รวมไปถึง GBP/JPY - ปอนด์อังกฤษและเยน ซึ่งกลุ่มของคู่สกุลเงินดังกล่าวจัดว่าได้รับความนิยมในหมู่นักลงทุนพอสมควรเนื่องจากพวกเขาสามารถทำ carry trade กับคู่สกุลเงินดังกล่าวได้ Carry Trade คือการขายสกุลเงินหนึ่งที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า (เช่นเงินเยน) เพื่อไปซื้อสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า ซึ่งการซื้อขายดังกล่าวสามารถทำกำไรให้กับนักลงทุนได้จากการคิดค่าส่วนต่างของทั้งสองสกุลเงิน ประเทศที่พัฒนาแล้วดังต่อไปนี้เป็นประเทศที่มีอัตราดอกเบี้ยที่สูงที่สุด: แคนาดา, นิวซีแลนด์ และสหราชอาณาจักร ดังนั้นระบบ carry trade จึงใช้ค่าเงินของประเทศเหล่านี้เพื่อเทียบกับเงินเยนของประเทศญี่ปุ่น นักลงทุนที่ลงทุนในสกุลเงินหลักอาจพบเจอกับเหตุการณ์ที่ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐแข็งค่าพอกันกับค่าเงินรอง ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะทำให้ยากต่อการคาดการณ์ทิศทางของค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐ หากทั้งสหรัฐและประเทศแถบยูโรโซนยังยืนยังว่าเศรษฐกิจยังคงเติบโตขึ้นเรื่อยๆ นักลงทุนอาจไม่แน่ใจว่าควรตัดสินใจเปิดหรือปิดการซื้อขาย อีกตัวอย่างนึงคือการซื้อขายคู่สกุลเงิน EUR/JPY ซึ่งถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดเมื่อค่าเงินเยนถูกกดดันโดยปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ คู่สกุลเงินที่ได้รับความนิยมมากที่สดในการซื้อขายมีดังนี้ : EUR/CHF - ประเทศแถบยูโรโซนถือเป็นหุ้นส่วนในการซื้อขายที่สำคัญของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เนื่องจากการที่ค่าเงินฟรังก์สวิสค่อนข้างจะมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า จึงเหมาะในการซื้อขายในระบบปฏิบัติการ carry trade โดยแนวโน้มความเคลื่อนไหวของคู่สกุลเงินนี้เป็นไปในทิศทางบวกตั้งแต่ปี 2549 EUR/JPY - คู่สกุลเงินที่มีการซื้อขายอย่างแพร่หลาย โดยจะมีความเกี่ยวพันธ์กันระหว่างคู่สกุลเงิน USD/JPY และ EUR/USD นักลงทุนส่วนใหญ่มักจับตามองการเคลื่อนไหวของคู่สกุลเงินนี้ โดยจะมุ่งความสนใจไปที่อัตราดอกเบี้ยและค่าความต่างระหว่างอัตราการเติบโตของประเทศญี่ปุ่นและประเทศแถบยูโรโซน NZD/JPY - คู่สกุลเงินนี้เป็นที่ต้องการมากที่สุดในการตกลงซื้อขายแบบ carry trade เนื้่องจากมีค่าความต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยที่กว้างที่สุด โดยคู่สกุลเงินนี้เหมาะสำหรับการสร้างสถานะซื้อ (Long Position) โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีตัวชี้วัดพื้นฐานและตัวชี้วัดทางเทคนิคที่มีประสิทธิภาพ EUR/GBP - สำหรับประเทศอังกฤษ ประเทศแถบยูโรโซนถือเป็นหุ้นส่วนในการซื้อขายที่มีความสำคัญเป็นอันดับสอง หากนักลงทุนพิจารณาปัจจัยพื้นฐานต่างๆที่เกี่ยวเนื่องระหว่างประเทศอังกฤษและค่าเงินปอนด์เป็นหลักแล้ว เขาก็ต้องเลือกที่จะลงทุนในคู่สกุลเงินนี้อย่างแน่นอนเพราะ GBP/USD เป็นคู่สกุลเงินที่ได้รับผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐมากที่สุด CAD/JPY - นักลงทุนสามารถทำนายแนวโน้มในการซื้อขายราคาน้ำมันได้โดยคำนวณจากคู่สกุลเงินนี้ ประเทศแคนาดามีแหล่งกักเก็บน้ำมันที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ถือเป็นประเทศส่งออกน้ำมันหลักดังนั้นจึงทำกำไรโดยการเพิ่มราคาน้ำมัน ในทางตรงกันข้ามประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมันจะต้องพบกับภาวะขาดทุน ดังนั้นหากต้องการทำกำไรจากการเปิดสถานะซื้อคู่สกุลเงินนี้ ควรทำในช่วงที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น นักลงทุนสามารถเปิด carry trade ของคู่สกุลเงินได้ โดยยิ่งมีความแตกต่างระหว่าง 2 ประเทศมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีต่อการซื้อขาย ในแต่ละคู่สกุลเงินก็จะมีลักษณะพิเศษและอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเมืองและเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่จะเป็นตัวกำหนดแนวโน้มตลาด

โค๊ด: [Select]
https://www.instaforex.com/th/forex_cross_currency_pairs.php

229
พูดคุยForexทั่วไป / ชีวิต trader forex
« เมื่อ: 28/ก.ค./2015 03:40:09 »
Level 1 unconscious  incompetence

   หลังจากเซ็นสัญญา พร้อมส่งเอกสารต่างๆให้กับ  Broker เสร็จเรียบร้อยแล้ว . คุณสามารถเป็นเทรดเดอร์ได้ เพราะคุณคิดว่า ทุกคนที่เป็นเทรดเดอร์ ทำรายได้ ๆ ไม่น้อยเลยที่เดียว . และอาจสามารถทำรายได้มากกว่าเป็นขี้ข้าอยู่ในขณะนี้ ถึง 3 เท่า

ใช่หรือไม่ ?

   คุณอาจทำรายได้ โดยประมาณไม่ต่ำกว่า  100 – 200 จุด ภายใน 1 วัน , ( แค่คิดและตั้งความหวัง ) บางครั้งคุณยังมีความ วิตก กังวล ขึ้นมาบ้างในระยะแรก หรือพูดกับตัวเองอยู่เสมอว่า  ผมไม่เชื่อ!!! แค่ใช้ 1 indicator , โอ้โห คุณมีความสามารถ,คุณทำได้

เสียดาย  market เอาชนะคุณจนได้. แต่ยังคิดขึ้นมาอีกครั้งเพื่อเอาชนะตัวเอง  ว่า ไม่มีเทรดเดอร์คนไหนที่ประสบความสำเร็จ หรือดวงดีไปตลอด. Loss,loss,loss,loss, เข้ามาหาคุณทุกวินาที  สู้ สู้ต่อไป ,จนมาจิ้นไกล้จะหมด , หากหมดแล้วจะทำยังไง ?ใครจะทนได้วะฮ์ ?

มาถึงตอนนี้ยังไม่รู้ตัวอีกหรือว่าไกล้หมดตัวแล้ว ( ความจนถามหาอีกครั้ง แต่ยังคิดว่า จนไม่กลัว กลัวรวย เพราะ จนมานาน แล้ว) แต่คุณยังสู้ ต่อไป .ยังพูดกับตัวเองเสมอว่า ฉันทำได้  ฉันต้องทำได้ .ฉันต้องเอาชนะมันให้ได้ ,ฉันคือนักเทรดผู้ยิ่งใหญ่.

คุณยังคิดว่าคุณคือนักเทรดผู้ยิ่งใหญ่อีกหรือ ? เป็นนักเทรดที่ประสบความสำเร็จ แต่คูณไม่รู้ว่า 90% ของนักเทรดหายไป , ถึงตอนนี้แล้วคุณมีความรู้สึกอย่างไร ? คุณไม่มีหลักการอะไรที่มั่นคง. แต่ยังดื้อรั้นคิดที่จะเอาชนะเทรนอยู่นั่นแหละ  ทั้งๆที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้…..

90% ของนักเทรดที่หายไป เขาเทรดโดยที่ไม่ เคยคิด เลยว่า อันที่จริงแล้ว ความแน่นอนคือความไม่ แน่นอน . ( พูดแบบพื้นๆ ว่าเหมือนคน บ้า) เป็นเพราะเวลา ระยะสั้น มีแค่ 10% ของนักเทรด ที่สามารถเดินทางไปสู่ level ที่ 2 ได้

Level 2 conscious imcompetence

   ถึง level นี้ คุณเริ่มคิดขึ้นได้ว่าคุณไม่ สามารถเทรดได้ อย่างสม่ำเสมอ เลยนั่งคิดด้วยความกังวล ,ต่อมาได้จ้อง มองหา web side ., indicator, และคู่เมือไหม่ๆ   เพื่อเทรด ( คิดว่าจะใช้ได้ถึง 100% สุดท้ายแล้วก็ผิดหวังอีกครั้ง)  คุณเริ่ม เมามันกับindicator และคู่มือไหม่ ๆ เหมือนกำลังเดินทางอยู่กลางทะเลทราย  ด้วยความหิว และ ยังไม่เห็นเลยว่า ซ้าย หรือ ขวา ที่ควรเดินไป หรือจะเดินหน้าอีกต่อไป  ……..!!!

ระหว่างที่กำลังอยู่ใน level ที่ 2 คุณเริ่ม ทดลองใช้ 5-9 indicator มารวมกันเพื่อให้ปวดหัวตาลาย  และ เพื่อความสวยงามของกราฟ สุดท้ายแล้ว ก็ยังเหมือนเดิม

   หลังจากนั้นคุณเริ่ม คิดขึ้นได้ ว่าการต่อสู้ กับ market นั้นไม่ใช่เรื่อง ง่าย , เริ่งสังเกตุเห็นว่า indicator ทุกตัว ที่ได้มานั้น ใช้ได้หมด แต่ …indicator ทุกตัวก็จะปมด้อย ของตัวเอง , ต่อมาคุณก็เริ่มเข้าไปใน chat room เพื่อพูดคุย และถามอะไรหลายๆอย่างจากนักเทรดรุ่นเก่าๆ บางครั้งคำถามบางคำ เป็นคำถามที่ไม่ควรถาม ( แต่หากคุณไม่ถาม คุณก็จะไม่มีวันรู้ในสิ่งเหล่านั้น)

หลังจากนั้นคุณเริ่มใช้แค่ 2-3 indicator เพื่อพา ตัวเองไปสู่ level ที่ 3  จาก10%ของนักเทรดที่ ที่ขึ้นมาจาก level ที่ 1 เหลือแค่  7% ที่เอาตัวรอด เลื่อนชั้นขึ้นไปสู่ level ที่ 3 ได้  , อีก 3% ของนักเทรดที่สอบตกยัง อยู่ ใน level ที่ 2 อีกต่อไป

Level 3 the eureka moment

   เมื่อผ่านจาก level 2 ขึ้นมาอยู่ level ที่ 3 จะรู้ว่า การที่จะเป็น นักเทรดที่ประสบความสำเร็จนั้น ไม่จำเป็นต้องใช้ indicatorหลายตัวเลย เพียงแค่ใช้ สมองคิดเล็กน้อย บวก กับ fibo +stock 17-4-6 +zig zeg +money manegemant+trade manegemant – โลภ แค่นั้นเอง . ในเมื่อใช้เวลา ถึง 1ปี 8 เดือน เศษ ถึงเดินขึ้นมานั่งอยู่  level ที่ 3 ได้  , คุณเริ่มครอบครอง เทรนได้อย่างที่ ไม่เคยคิดมาก่อน หากเทรนยังไปไม่ถึงเขตที่คุณต้องการ  คุณได้แค่นั่งมอง แตะจุดที่คุณ ต้องการเมื่อไหร่เข้าเป้าแน่นอน

   ในสมองของคุณมีแค่คำเดีนว  คือ  คำว่า  profit  ไม่ว่ามาบอกคุณว่าใช้ indicator ตัวไหน ดี คุณ จะไม่ฟังอีกต่อไป เพราะคุณรู้ว่า วิธีที่คุณกำลังใช้อยู่ในการเทรดนั้น ดีที่สุดแล้ว , ใช้เวลาอยู่ใน level ที่ 3 ประมาณ 5 เดือน คุณก็เริ่มเข้าใจเรื่อง money manegemant เพื่อเดินทางไปสู่ level ที่ 4 คุณจะใช้ทุนเทรดแค่ 2% จากทุนก้อนใหญ่ และตั้ง stop loss 2% จากทุนที่ลงเล่น .

ไชโย !!! คุณชนะ   สู้ๆๆๆๆๆ

จาก 7% ของนักเทรดที่เดินทางมาจาก level ที่ 2 เหลือแค่ 5% ที่เดินไปสู่ level ที่ 4 ได้

Level 4 consciuos competence

   โอเค คุณสามารถเดินทางขึ้นมาอยู่ level ที่ 4 จนได้ คุณจะเทรดในเมื่อมี signal buy หรือ sell เท่านั้น ,  เข้าพร้อมออก คุณเริ่มตั้ง profit ไว้ 20 จุด ถึงแม้ว่า signal ของคุณ เทรนจะไปได้ ถึง 100 จุดก็ตาม , ไม่โลภ ใช้เวลาอยู่ประมาณ 2 เดือน , หลังจากนั้น คุณเริ่มตั้ง profit ที่  30-40 จุด เป็นเวลา 6 เดือน ต่อมาคุณเริ่ม เดินทางไปสู่ level ที่ 5

Level 5

   Level 5 คือ level ที่นักเทรดทุก คนรอคอย กว่าจะ มาถึง level นี้ได้ใช้เวลา 3 ปีเศษ,.ใครๆก็แห่กัน มาถามอะไรหลายๆอย่างจากคุณ เขาทั้งหลายจะถาม ทุกอย่างที่เขาอยากรู้กัน เพราะพวกเขา ยังอยู่ level ที่ 1 เหมือนคุณ เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา .

คุณเป็นคนที่ไม่ต้องกังวลเรื่อง การเงินอีกต่อไป,มีเวลาให้กับครอบครัว ,ไปไหน มาไหน ได้ตามใจชอบ ,  อยากได้อะไรก็ซื้อ โดยไม่ต้องคอยเงินเดือนออก , หรือจะเลือก โรงแรมระดับ 5 ดาว เป็นสำนักงานเทรดก็ได้

 

เพิ่มเติม

การลดความเครียด

 ความเครียดถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการเป็นนักเทรดซึ่งส่งผลในหลายๆระดับต่อนักเทรด forex , นักคาดการณ์ รวมทั้งนักลงทุนทั่วไป , ความวิตกกังวลและความเครียดมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดพฤติกรรมในทางลบ เช่น  การแสดงพฤติกรรมตอบโต้เกินความเป็นจริง  หรือ ตอบโต้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ

ในตลาด forex ความเครียดสามารถนำไปสุ่การสูญเสียผลประโยชน์และออกอาการที่ไม่เหมาะสม

 การรับรู้

ข้อมูลทุกอย่างที่มาสู่สมองของเรา เข้ามาผ่านทางสำนึก ปัจจัยนำเข้าหลักๆ สัมพันธ์กับการกระตุ้นที่เปิดเผย  การสัมผัส  การชิมรส ดมกลิ่น  มองเห็นและได้ยิน เป็นผู้รับรู้เบื้องต้น จากชั่วเวลาของการรับรู้ เราจะจะถูกถาโถมอย่างไม่ลดละจากการกระตุ้นของสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกันอีกมากมาย

โค๊ด: [Select]
http://www.forexha.com/aftertradeforex.php

230
1.   ท่านควรเล่นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี …คำว่าปัจจัยพื้นฐานดีหมายความว่า
   1.1   หุ้นนั้นมีอนาคต คือ ทำธุรกิจและมีรายได้มากกว่าค่าใช้จ่าย ได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นกำไรสุทธิ
   1.2   หุ้นที่มีกำไรสุทธิตามข้อ 1.1 จะจ่ายเงินปันผลได้ …แต่ต้องระวังข้อ 1.3
   1.3   ต้องใส่ใจดูว่าหุ้นนั้นมีขาดทุนสะสมหรือไม่ ในกรณีมีขาดทุนสะสม และเกิดกำไรสุทธิในปีปัจจุบัน แต่กำไรยังไม่มากพอ หุ้นนั้นก็ยังคงขาดทุนสะสมอยู่ ไม่สามารถจะจ่ายเงินปันผลได้
   1.4   ยกตัวอย่างข้อ 1.3) หุ้นนั้นมีขาดทุนสะสม 100 ล้านบาท มีกำไรสุทธิในปีนี้ 20 ล้านบาท หุ้นนี้ยังมีขาดทุนสะสมอีก 80 ล้านบาท แต่การดูแค่นี้ไม่ได้หมายความว่า หุ้นนี้จะไม่น่าลงทุน ท่านยังต้องดูข้อ 1.5 ต่อ
   1.5   หุ้นนี้มีส่วนเกินมูลค่าหุ้นหรือไม่ …ส่วนเกินมูลค่าหุ้น คือ ตอนที่หุ้นนี้ถูกขายให้ประชาชนในราคา 30 บาท/หุ้น ในขณะที่มูลค่าที่กำหนดอยู่ที่ 10 บาท/หุ้น เกิดส่วนเกินมูลค่าหุ้น หุ้นละ 20 บาท …จำนวนส่วนเกินมูลค่าหุ้นทั้งหมดนี้ท่านสามารถดูได้จากงบดุลตรงส่วนทุน หากดูแล้วปรากฏว่าเป็นตัวเลข 150 ล้านบาท งานนี้หุ้นจะวิ่งขึ้นพอสมควรครับ เพราะมีความหมายว่าขาดทุนสะสมจะหมดไปได้ หากบริษัทนั้นลงมติโดยที่ประชุมผู้ถือหุ้นให้นำส่วนเกินมูลค่าหุ้น 150 ล้านบาทนั้นมาล้างขาดทุนสะสมจำนวน 80 ล้านบาท
   1.6   บริษัทเลยมีกำไรสะสมทันที 70 ล้านบาท สามารถจ่ายเงินปันผลได้ (การล้างขาดทุนสะสม ด้วยส่วนล้ำมูลค่าหุ้นเป็นไปตาม พ.ร.บ.บริษัทมหาชน)
   1.7   นอกจากมีกำไรและไม่มีขาดทุนสะสมแล้ว หุ้นนั้นยังเติบโตได้เรื่อยๆ พูดง่ายๆ ก็คือ บริษัทสามารถขยายกิจการและสร้างรายได้ได้ต่อไป… มีกำไรโดยตลอด นี่แหละหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี




2.   ท่านควรเล่นหุ้นที่มีลักษณะของการทำธุรกิจแบบผูกขาด หรือเป็นผู้นำในตลาด… ดำเนินธุรกิจในตลาดแบบผูกขาด แบบผู้ขายน้อยราย แบบกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด …ไม่ใช่ดำเนินธุรกิจในตลาดแข่งขันสมบูรณ์ เพราะหุ้นแบบที่กล่าวไปจะมีกำไรสุทธิต่อยอดขายสูง มีปันผลในอัตราสูง หรือหากปัจจุบันยังไม่มีเงินปันผล แต่หากในอนาคตไม่มีใครจะเข้ามาแข่งขัน (ผูกขาด) ก็หมายความว่าหุ้นนี้จะราคาสูง ถึงแม้ว่าจะได้ปันผลต่ำ แต่ในระยะยาวจะได้กำไรจากส่วนต่างของราคาหุ้น และจะได้ปันผลสูงในอนาคต อย่าง PTT, PTTEP เป็นต้น

3.   ถ้าเป็นผม ผมจะเล่นหุ้นที่เตรียมตัวจะทะยานขึ้น ผมมักจะเล่นหุ้นที่มีลักษณะตามข้อ 1) คืออาจจะขาดทุนแต่เริ่มกำไร จากกำไรแล้วเริ่มเติบโตอย่างมั่นคง หุ้นลักษณะแบบนี้จะราคาถูกในตอนต้น หากถือไว้จะได้กำไรจากส่วนต่างของราคาหุ้นเป็นอย่างมาก

4.   นอกจากการเล็งหุ้นตามข้อ 3) ผมยังรู้ว่าหุ้นทุกตัวนั้นจะมีวงจรชีวิต ดังนั้นผมจะซื้อหุ้นตอนที่หุ้นฟื้นคืนชีพจากจุดต่ำสุด คือธุรกิจเริ่มฟื้นตัว มีกำไร แต่ยังขาดทุนสะสม หุ้นลักษณะนี้ราคาจะต่ำ เหมาะแก่การลงทุนในระยะกลาง …ท่านจะได้กำไรมาก

5.   เนื่องจากจำนวนหุ้นมีมากมายหลายร้อยตัว ผมจึงเฝ้าดูการซื้อขายของหุ้นแต่ละตัวในทุกวัน โดยดูจากข้อมูลในหนังสือพิมพ์ หรือจากแหล่งอื่นใด ผมจะดูให้รู้ว่า มีใครแอบไปเก็บหุ้นเอาไว้ในหน้าตักของตัวเองบ้าง เพราะก่อนการขึ้นของราคาหุ้นจะมีไอ้โม่งมาแอบเก็บของเสมอ

6.   จากข้อ 5) เมื่อผมเริ่มเอะใจกับหุ้นตัวใด ผมจะเข้าไป Print งบการเงินและสารสนเทศของบริษัทนั้นๆ ใน www.sec.or.th เอามาอ่านให้หนำใจ เพื่อที่จะได้จินตนาการโอกาสทางธุรกิจของหุ้นตัวนั้นออกว่า มีอนาคตหรือไม่อย่างไร

7.   ขั้นตอนข้อ 6) จะทำให้ผมเกิดความรู้สึกว่าหุ้นนี้น่าซื้อหรือไม่อย่างไร และยังนำมาพิจารณาเทียบเคียงกับเหตุการณ์ในข้อ 5) ทำให้ผมมั่นใจในการตัดสินใจมากขึ้นอีกมาก

8.   ก่อนจะไปในขั้นตอนต่อไป ผมคงบอกกับท่านว่า พอผมเอะใจว่ามีคนเก็บหุ้นตัวนี้ ผมจะเริ่มดูว่าหุ้นนี้มีใครเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่บ้าง รายย่อยถือจำนวนเท่าใด …งานนี้ผมต้องรู้ให้ได้ว่ารายใหญ่จะเก็บของกันวันละเท่าไร และเก็บนานกี่วัน …อย่างหุ้น 300 ล้านหุ้น หากมีรายย่อยถือ 30 ล้านหุ้น อาจมีปริมาณการซื้อขาย 2 ล้านหุ้น/วัน โดยที่ราคายังไม่เปลี่ยนแปลง ไอ้ปริมาณ 2.0 ล้านหุ้นที่ซื้อขายกันต่อวัน รายใหญ่อาจเก็บของ (หุ้น) ได้ประมาณซัก 30% ของ 2 ล้านหุ้น ท่านก็ลองคำนวณดูซิครับว่า จะต้องเก็บของกันกี่วัน ท่านเห็นว่ามีสัญญาณแบบนี้ ท่านก็กระโดดเข้าไปซื้อเลยครับ

9.   การกระโดดเข้าไปซื้อเป็นเพราะ 1) มีสัญญาณการเก็บของชัดเลย + 2) หุ้นมีพื้นฐานดี + 3) หุ้นมีโอกาสกำไรสะสม + 4) หุ้นมีโอกาสปันผลสูง

10.   หลังจากซื้อแล้ว รอเวลาให้หุ้นขึ้น แล้วขายในราคาที่ท่านพอใจ

11.   ราคาหุ้นขึ้นเท่าไรจึงจะขายเป็นปัญหาของนักลงทุนทุกคน เพราะส่วนใหญ่มักจะขายเร็วไป …หุ้นยังวิ่งขึ้นไปต่อ …งานนี้ขอแนะนำให้ทดลองทวนกระแสนักวิเคราะห์หุ้นดู ถ้านักวิเคราะห์บอกว่าให้ขาย ลองไม่ขาย อาจจะรวยได้ แต่ถ้าขายก็อาจจะเจ็บใจนักวิเคราะห์ (สาเหตุเป็นเพราะ กราฟที่แสดงข้อมูลทางเทคนิค รายใหญ่สามารถสร้างได้ จะให้เป็นเส้นอะไร บอกสัญญาณอะไร เป็นเรื่องที่หมูเหลือเกิน)
ทั้งหมดที่ผมเขียนอธิบาย เป็นกรณีของหุ้นที่เข้าสู่การเปลี่ยนฐานราคาคือ จาก 4 บาทเป็น 10 บาท จาก 20 บาทเป็น 26 บาท แบบนี้เป็นต้น
จำเอาไว้ว่า หุ้นขึ้นได้เพราะมีคนบงการ สำหรับวิธีการเล่นหุ้นก็คงขอเขียนอธิบายเอาไว้เท่านี้

โค๊ด: [Select]
http://www.sornhoon.com/d-sornhoon.aspx

231
เชื่อว่าหลายๆคนที่เห็นหัวข้อเรื่องแบบนี้แล้วต้องหันเข้ามาถามผู้เขียนอย่างแน่นอนว่า บ้าไปแล้วหรือเปล่า ที่มาสอนการเล่น forex ให้ขาดทุน 100% แต่เนื่องจากประสบการณ์ตรงของผู้เขียนเห็นว่า ถ้าไม่บอกและตั้งหัวข้อแบบนี้แล้ว รับรองว่าต้องมีคนที่เผลอไปเล่นแบบนี้อย่างแน่นอน มาดูกันว่าถ้าต้องการเล่น forex ให้ขาดทุนต้องทำอย่างไรบ้าง

 

1.ไม่เชื่อเครื่องมือของตนเอง

เครื่องมือหรือ Indicator อาจไม่ช่วยให้คุณนั้นทำกำไรได้ เชื่อเลยครับว่าต้องมีคนที่คิดอย่างนี้อย่างแน่นอน โดยอาจหลงลืมไปว่าเครื่องมือแต่ละตัวนั้นจะมีศักยภาพในการทำกำไรอยู่ระหว่าง 60-80% เท่านั้น ดังนั้นเมื่อไปเจอช่วงขาดทุนเข้าก็โทษเครื่องมือ สุดท้ายคุณก็จะเดินออกจากตลาด forex ในที่สุด

 

2.วาง Lot เกินกำลังหวังรวยเร็ว

Lot คือตัวคุณในการทำกำไรได้มากขึ้น ภายใต้ความเคลื่อนไหวของกราฟแท่งเทียนที่ขยับในกรอบแคบๆ ซึ่งแน่นอนว่ากราฟในบางช่วงนั้นมันจูงใจให้เรานั้นทำการวาง Lot มากๆเสียจริงๆ แต่ทำอย่างไรได้ล่ะครับ เรามันนักเก็งกำไรอยู่แล้ว ว่าแล้วก็วางเลย! ผลคือแท่งเทียนเปลี่ยนทิศทาง คุณสูญเงินนับล้านในเสี้ยววินาที

 

3.เชื่อมั่นในกราฟมากเกินไป

อย่าเพิ่งมั่นใจในกราฟมากเกินไปครับ การเล่น forex ที่ดีนั้นกราฟควรเป็นเพียง 1 เครื่องมือสำหรับประกอบการตัดสินใจของคุณเท่านั้นนะครับ และถ้าคุณชอบเรื่องของการวิเคราะห์กราฟแท่งเทียน ซึ่งถือเป็น price action ก็ใช้เพียงเป็นเครื่องมือประกอบกับการวิเคราะห์จากตัวอื่นๆนะครับ

 

4.คิดว่าประสบการณ์ไม่สำคัญ

การเล่น forex ให้ขาดทุนได้แบบ 100% นั้นสิ่งที่อยากจะเน้นมากที่สุดคือ อย่าลืมในเรื่องของประสบการณ์ อย่าไปสนใจเลยครับว่าจะต้องมีประสบการณ์หรือไม่ เพียงแค่คุณมีเงินและเล่นๆๆๆ เหมือนกับการเล่นหวยเท่านั้น คุณก็จะประสบความสำเร็จในการเล่น forexให้ขาดทุนแบบ 100% ได้อย่างแน่นอน

 

5.วินัยมีไว้สำหรับทหารเท่านั้น

การเล่น forex ให้ขาดทุนข้อสุดท้ายคือ มีความเชื่อว่าวินัยนั้นมีแต่เอาไว้ใช้ในการฝึกทหารเท่านั้น แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องของการทำกำไรแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นถ้าคุณมีชุดความเชื่อแบบนี้ ผู้เขียนการันตี โอกาสขาดทุนดังใจหวังไม่เกินเอื้อมแล้วครับ

 

หากใครลองปฏิบัติตามข้อข้างต้น แม้เพียงข้อใดข้อหนึ่งเท่านั้น โอกาสของการเล่น forex แล้วขาดทุน 100% นั้นย่อมต้องเกิดขึ้นกับคุณได้อย่างแน่นอน ผู้เขียนกล้ารับประกันเลยครับ แบบไม่ต้องรอสามสิบวันคืนเงินกันเลยทีเดียว ดังนั้นหากคุณไม่ต้องการที่จะเป็นอย่างที่กล่าวข้างต้น จนทำการเทรด forex ให้ตรงข้ามกับสิ่งข้างต้นนี้เท่านั้นนะครับ

โค๊ด: [Select]
http://www.thaiforexbroker.com/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%99-forex-%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%97/

232
เดี๋ยวนี้นั้นมองไปทางไหนก็เห็นแต่คนไทยเล่นหุ้นกัน โดยเฉพาะคนใหม่ๆที่ต้องการจะสร้างรายได้แบบก้าวกระโดดต่างต้องการเล่นหุ้นทั้งสิ้น และหุ้นหนึ่งที่อาจจะยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก และได้รับความนิยมมากเท่าไหร่ในหมู่คนไทยคือการเล่น หุ้น forex ซึ่งวันนี้เราจะมาขยายความกันให้มากขึ้นเกี่ยวกับ หุ้น forex รวมถึงวิธีการในการเล่นหุ้น forex ด้วยครับ

 

1.หุ้น forex ก็เหมือนกับหุ้นไทย

สำหรับสิ่งแรกที่ต้องทำความเข้าใจกันก่อนคือ หุ้น forex ก็เหมือนกับหุ้นไทย โดยหลักการเบื้องต้น เพียงแต่ถ้าเป็นหุ้นไทย ก็จะเป็นในรูปของ บริษัทเช่น ptt หรือ true หรือ jas เป็นต้น แต่สำหรับหุ้น forex แล้ว จะเป็นเรื่องของการจับคู่เงินมาแล้วทำการเทรด โดยเป็นเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนเฉพาะคู่เงินนั้นๆแทน แต่เมื่อแปลงเป็นกราฟแล้วก็เหมือนๆกัน

 

2.การเปิดพอร์ตก็เหมือนกับหุ้นไทย

สำหรับการเปิดพอร์ตนั้นก็มีลักษณะคล้ายๆกับหุ้นไทย เพียงแต่ว่าการเปิดพอร์ตอาจต้องใช้เงินทุนที่ต่ำกว่าในการเปิด ซึ่งแตกต่างจากหุ้นไทยที่อาจต้องใช้เงินเปิดพอร์ตค่อนข้างสูง (ปัจจุบันได้ลดลงมาแล้วเพื่อเม่ารายย่อย) ซึ่งหุ้น forex สามารถเปิดพอร์ตด้วยเงินเริ่มต้นแค่หลักร้อยบาทเท่านั้น

 

3.การใช้เครื่องมือกับหุ้น forex ก็เหมือนกัน

ใครที่เล่นหุ้นสายเทคนิค น่าจะชอบการเล่นหุ้น forex อย่างแน่นอน เพราะว่าเป็นการเทรดแบบเดียวกันเลย และใช้เครื่องมือตัวชี้วัดแบบเดียวกัน อาทิเช่น macd rsi เป็นต้น ซึ่งหากคุณคุ้นเคยกับเครื่องมือเหล่านี้อยู่แล้วถือว่าได้เปรียบมากๆเลยนะครับในการเล่นหุ้น forex

 

4.วิธีการทำกำไรเบื้องต้นไม่แตกต่างกัน

สำหรับในส่วนของการทำกำไรนั้น ต้องบอกว่าหุ้น forex นั้นทำกำไรได้ไม่แตกต่างจากหุ้นปกติเลยครับ แต่มีจุดต่างสำคัญ ที่อาจเป็นข้อดีก็ได้คือ เราสามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลงด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ ซึ่งถ้ามองเผินๆแล้วจะคล้ายๆกับการเล่น tfex เสียมากกว่า

 

5.ผลตอบแทนทางรายได้ที่คุณต้องตกใจ

สิ่งหนึ่งที่หลายๆคนที่เล่นหุ้น forex แล้วต้องตกใจคือ รายได้ที่มหาศาลในช่วงเวลาไม่ถึง 1 นาที โดยถ้าเป็นออเดอร์ที่คุณมั่นใจ และเปิดจำนวน lot ที่สูงๆแล้ว รายได้อาจเป็นหลักแสนภายในเวลาแค่ 1-2 นาทีเท่านั้น และอาจมากกว่านี้ด้วย (แต่ในมุมกลับกันการเสียก็เหมือนกัน)

 

เป็นอย่าไรกันบ้างครับ เชื่อว่าหลายๆคนที่อ่านบทความนี้จบแล้ว อาจจะอยากเล่น หรืออยากเทรดหุ้น forex กันซะเดี๋ยวนี้เลย! ซึ่งผู้เขียนบอกเลยว่า ทำได้ครับ! เพราะเพียงแค่คุณมีเงิน 1 เหรียญก็สามารถเปิดบัญชีและทำการเทรดหุ้น forexได้เลย ว่าแล้วจะรออะไรครับ เปิดบัญชีตอนนี้ แล้วเริ่มต้นรวย! ได้แล้ว

โค๊ด: [Select]
http://www.thaiforexbroker.com/%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99-forex-%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%87%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2-%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD/

233
การเทรด forex คือหนึ่งในโอกาสในการสร้างรายได้สำหรับคนรุ่นใหม่ ที่ชื่นชอบในเรื่องของการลงทุน โดยเฉพาะคนเช่นคุณ ไม่เช่นนั้นคงไม่เข้ามาหาข้อมูลกันที่นี่หรอกใช่ไหมครับ ดังนั้นต้องการเริ่มต้นเทรด มาดูกันว่าจะเริ่มต้นในการเทรดได้อย่างไรบ้างสำหรับมือใหม่

 

1.ตัดสินใจให้แน่นอนว่าต้องการเทรด forex

อันดับแรกนั้นคุณควรเริ่มต้นทำความเข้าใจเรื่องของเทรด forexเสียก่อน ประกอบไปด้วย forex มีรายได้มาจากอะไร และถ้าจะต้องเทรด forexจะต้องสมัครสมาชิกกับโบรกเกอร์ไหน ที่จะทำให้คุณสามารถทำกำไรได้อย่างยั่งยืน และเสียค่าธรรมเนียมน้อยที่สุด

 

2.เลือกรูปแบบกลยุทธ์ในการเทรด forex

ขั้นตอนต่อมาคือเลือกกลยุทธ์ในการเทรด forex ที่เหมาะสมสำหรับคุณ โดยกลุยุทธ์ในที่นี้หมายถึงการใช้เครื่องมือที่เรียกว่าอินดี้ต่าง (Indicator) ซึ่งกลุยุทธ์ในการเล่นนั้นมีทั้งแบบ ตามเทรนด์ แบบสวนเทรนด์ ซึ่งเครื่องมือที่ใช้นั้นก็แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับตัวของคุณครับ ว่าชื่นชอบหรือถนัดในแนวไหน

 

3.ตรวจเงินในกระเป๋าของคุณ

จากนั้นขั้นตอนที่สามคือ การตรวจสอบเงินในกระเป๋าของคุณว่ามีอยู่เท่าไหร่ แม้ว่าคุณจะสามารถเริ่มต้นเงินได้ด้วยเงิน 300 บาท แต่เพื่อให้คุณนั้นมีทุนเพียงพอต่อการเริ่มต้นในการเทรด forex ผู้เขียนแนะนำว่าควรใช้เงินอย่างน้อย 1,000-3,000 บาทสำหรับการเริ่มต้นจะดีที่สุด และควรเริ่มเล่นจากกองทุนขนาดเล็กเสียก่อนเพื่อป้องกันการขาดทุน

 

4.บริหารจัดการการเงินของคุณให้ดี

ต่อมาคือการรู้จักการบริหารจัดการกองทุนของคุณให้ดี จริงๆแล้วข้อนี้นั้นคือหัวใจสำคัญที่สุดเลยครับ ของการเทรด forex โดยผู้ที่สามารถอยู่ในตลาดเทรด forex ได้นานที่สุดคือผู้ที่มี MM หรือที่เรียกว่า Money Mamagement ดังนั้นตั้งกลยุทธ์ด้าน MM ของคุณให้ดีก่อนที่จะเริ่มต้นเทรด forex

 

5.รู้จักตัดขาดทุน Stop Loss

เรื่องนี้อาจเกี่ยวข้องกับสภาวะอารมณ์ เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากๆ เพราะเป็นเรื่องที่จะช่วยให้คุณนั้นสามารถมีทุนในการเทรด forex ได้อย่างต่อเนื่อง คุณต้องกำหนดกลยุทธ์ข้อนี้อย่างชัดเจนเช่น ตัดขาดทุนที่ 1% หรือ 2% เป็นต้น และเมื่อยอดขาดทุนถึงจุด Stop Loss แล้วต้องทำการปิด Order ทันที ไม่อย่างนั้นคุณจะเกิดภาวะที่เรียกว่ากินทุน ซึ่งยิ่งกินมากเท่าไหร่ การใช้อารมณ์ตัดสินเหนือเหตุผลจะมีมากขึ้นเท่านั้น

 

เพียงแค่ 5ข้อนี้คุณสามารถเริ่มต้นในการเทรด forex แบบเบื้องต้นได้แล้วครับ นอกเหนือจากที่นี้คือการฝึกฝนประสบการณ์ในการเทรด forexของคุณให้มีความช่ำชองและมีความเฉียบคมมากยิ่งขึ้นเท่านั้น เพราะประสบการณ์ที่ดีจะช่วยให้คุณนั้น สามารถเทรดทำกำไรได้มากกว่าขาดทุน และอยู่ในตลาดอย่างยั่งยืนได้

โค๊ด: [Select]
http://www.thaiforexbroker.com/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3-%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%94-forex-%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%87%E0%B9%88%E0%B8%B2/

234
Forex คือหนึ่งในเครื่องมือการสร้างอิสรภาพทางการเงินที่ทรงพลัง และน่าเรียนรู้อย่างมากในปัจจุบันนี้ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่สนใจในเรื่องของการเล่นหุ้น ต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน แต่เนื่องจากการเล่น forex นั้นหากเล่นโดยที่ไม่เรียนรู้แล้ว ร้อยละ 99 ในที่สุดจะขาดทุน และเดินออกจากตลาดไปในที่สุด ดังนั้นหากคุณไม่ต้องการเป็นอย่างที่กล่าวไว้ ลองนำข้อมูลต่อไปนี้ไปเลือกพิจารณาหาเว็บสอนเทรด forex ที่มีคุณภาพเพื่อให้คุณนั้นใช้เป็นพี่เลี้ยงตลอดการเทรดของคุณ ไปดูกันว่าการสังเกตทำได้อย่างไรบ้าง

 

1.เลือกเว็บสอนเทรด forex ที่ admin ทำได้จริง

ตัวอย่างที่ดีมีค่ากว่าคำสอนเสมอ ประโยคนี้ยังคงติดอยู่ภายในใจของผู้เขียน และมันใช้ได้กับเว็บสอนเทรด forexเช่นเดียวกัน ซึ่งโดยปกติแล้วผู้ที่เป็นแอดมินของเว็บนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่เทรดกับ forex อยู่แล้ว และเพียงแค่เขาต้องการที่จะแบ่งปันโอกาสในการสร้างผลกำไรที่เพิ่มขึ้นให้กับนักเทรดหน้าใหม่เท่านั้น

 

2.เลือกเว็บสอนเทรด forex ที่มีรีวิวโบรกเกอร์

โบรกเกอร์ที่คุณจะสังกัดนั้นมีผลอย่างยิ่งต่อความสามารถในการเลือกทำกำไรของคุณ ดังนั้นโปรดศึกษาให้ดีว่า เว็บไหนที่มีการสอน และแนะนำในเรื่องของโบรกต่างๆ เพื่อให้คุณนั้นใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการเทรด และทำกำไรได้ หากคุณกำลังมองหาเว็บนั้นอยู่อาจเลือกเว็บที่คุณกำลังอ่านบทความนี้ก็ได้

 

3.เลือกเว็บสอนเทรด forex ที่มี webboard

เว็บบอร์ดถือเป็นแหล่งชุมชนที่ชาวขาเทรดทั้งหลายนั้นสามารถใช้เป็นจุดเชื่อมของข้อมูล ในการเทรด เพื่อสร้างรายได้ให้กับตนเอง อีกทั้งยังเป็นแหล่งที่ใช้ในการแบ่งปันเทคนิคการเทรด หรือสายเทรดของคุณออกไป ซึ่งโดยปกติแล้วเว็บสอนเทรด forex ทุกเว็บมักจะมี webboard ให้เราเข้าไปใช้บริการอยู่แล้ว

 

4.เลือกเว็บสอนเทรด forex ที่มีบทความอัพเดทเป็นประจำ

บทความดีๆ มีผลต่อการพัฒนาขีดความสามารถในการเทรดมากๆ โดยเฉพาะบทความที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องเทคนิคต่างๆ ที่นำมาใช้ในการเทรดเป็นต้น สำหรับคุณที่ต้องการประสบความสำเร็จในวงการนี้แล้ว การศึกษาและเติมความรู้ทางปัญญา ถือเป็นการเสริมเขี้ยวเล็บให้กับการเทรดของคุณให้คมมากยิ่งขึ้น

 

5.เลือกเว็บสอนเทรด forex ที่สอนกลยุทธ์ต่างๆ

เว็บสอนเทรด forex ที่ดีมักมีการแบ่งปันกลยุทธ์ต่างๆที่ admin ใช้ในการเทรด หรืออาจเป็นของลูกเพจ ที่ใช้ในการเทรดก็ได้ครับ ซึ่งแน่นอนว่ามันอาจจะทำตามได้หรือไม่ได้ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆหากมันทำให้แอดมินทำเงินได้ มันก็ช่วยให้คุณทำเงินได้เช่นเดียวกันครับ

โค๊ด: [Select]
http://www.thaiforexbroker.com/5-%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B9%87%E0%B8%9A-%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%99/

235
การเทรด forex นั้นไม่ใช่เรื่องของการเข้ามาเสี่ยงดวงในการทำกำไร แต่มีหลักการทำกำไร และกลุยุทธ์ที่สามารถทำให้คุณนั้นอยู่รอดในตลาดได้ และสามารถได้รับเงินจากการเทรด forex ได้ด้วย แต่เถ้าหากคุณนั้นเป็นมือใหม่สำหรับการเทรด forexแล้ว สิ่งที่จะกล่าวต่อไปนี้คือข้อผิดพลาดที่พบบ่อย และมันอาจมีอยู่ในตัวคุณด้วย มาดูครับว่ามีอะไรบ้าง เพื่อที่คุณนั้นจะได้หาทางป้องกันข้อผิดพลาดนั้นๆได้

 

1.ไม่แม่นยำในการใช้โปรแกรม

ก่อนอื่นผู้เขียนขออนุญาตสอบถามคุณว่า คุณนั้นมีความชำนาญในการใช้โปรแกรม เทรดมากน้อยเพียงแค่ไหน เช่นโปรแกรมอย่าง MT4 หรือ MT5 เป็นต้น เพราะความไม่แม่นยำ เช่นการไม่รู้จักการตั้ง Pending Order หรือการทำ Instant Order เหล่านี้ล้วนมีผลอย่างยิ่งต่อการเปิดหรือปิด Order สำคัญๆ ส่งผลให้คุณไม่สามารถทำกำไรได้นั่นเอง

 

2.ยังไม่ชำนาญในตัว Indicator

ปกติแล้วคุณต้องตัดสินใจก่อนว่าจะเล่นเครื่องมือกับกราฟลักษณ์ใด เช่น เล่นแบบตามเทรนด์ หรือเล่นแบบสวนเทรนด์ อย่างนี้เป็นต้น เพราะการเล่นที่ไม่ถูกต้องนั้นจะทำให้คุณไม่สามารถทำกำไรจากตลาดได้นั่นเอง และนั่นคือเรื่องที่มีความสำคัญมากที่สุดครับ

 

3.เสพติดการเทรดที่ได้กำไรจากความผิดพลาดครั้งแรก

ต้องมีอยากแน่นอนที่การเทรดครั้งแรกๆของคุณแล้ว เกิดเหตุการณ์ในเรื่องของการทำกำไรได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ โดยที่คุณนั้นไม่จำเป็นต้องใช้สูตร หรือเทคนิคในการเทรดแต่อย่างใด ซึ่งหากเกิดเป็นเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวแล้ว จะส่งผลให้คุณเกิดการเสพติดการเทรดที่ไม่ถูกต้อง และในที่สุดสุดท้ายแล้วคุณจะไม่สามารถทำกำไรได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมากนะครับ

 

4.ปล่อยให้ความโลภเข้าครอบงำ

คุณอาจคิดว่าความโลภไม่มีอยู่จริงในตลาดการเทรด forex แต่แท้จริงแล้ว มันอยู่ในสายเลือกเลยครับ และเมื่อคุณนั้นเริ่มการเทรด forex และเริ่มที่จะเสียมากๆเข้า ความโลภจะเริ่มเข้าครอบงำ ซึ่งมันมีผลมากคือมันทำให้กระบวนการเล่นของคุณนั้นผิดพลาดไปหมด

 

5.คิดว่าจิตวิทยาไม่มีผลต่อการเล่นหุ้น

คำว่าจิตวิทยาการเล่นหุ้น หรือการนำมาใช้กับการเทรด forexนั้น จะเป็นเรื่องของความสามารถในการอดทน แต่แรงบีบบังคับ ทั้งการขายหากคุณนั้นเจอภาวะแรงขาย หรือเกิดจากการแกว่งตัวของมูลค่าหุ้นหรือของราคาอย่างแท้จริง ดังนั้นหากใครที่ไม่ทำตามวินัยของตนเองแล้ว ในที่สุดก็จะเกิดความผิดพลาดขึ้นมาได้และนั่นไม่ใช่ผลดีอย่างแน่นอน

โค๊ด: [Select]
http://www.thaiforexbroker.com/%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%94-forex-%E0%B8%AA%E0%B8%B3/

236
Forex คือตลาดการค้าเงินระดับโลกที่มีมูลค่าการซื้อขายต่อวันมากกว่างบประมาณในการบริหารประเทศไทยของเราในแต่ละปีเลยทีเดียว ดังนั้นเมื่อมีเม็ดเงินรอคุณอยู่อย่างมหาศาลขนาดนี้แล้ว การเลือกที่จะทำกำไรจาก forex จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ โดยเฉพาะการทำกำไรอย่ายั่งยืน ซึ่งหากคุณต้องการแล้ว เทคนิคการเทรด forex ต่อไปนี้จะช่วยคุณให้ทำกำไรได้อย่างแน่นนอนครับ มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

 

1.ศึกษาเครื่องมือสำหรับการเทรดดังต่อไปนี้

เครื่องมือสำหรับการเทรดนั้นถือเป็น เทคนิคการเทรด forex ที่สำคัญมาก โดยปกติแล้ว ชุด Indicator ที่ใช้กันมากๆ อาทิเช่น EMA, MACD, Rsi, Fibonacci, หรืออาจเป็น Bollinger Band, และอื่นๆ ซึ่งหากคุณชำนาญมากขึ้น จะมีเครื่องมือเฉพาะทางในการวิเคราะห์ให้กับคุณมากขึ้นด้วย

 

2.ทดสอบเครื่องมือก่อนเสมอ

เมื่อคุณได้ชุดเครื่องมือที่เหมาะสมกับการเทรดของคุณแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการทดสอบเครื่องมือเสียก่อนที่คุณนั้นจะทำการใช้จริง เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่า คุณเลือกเครื่องมือได้ไม่ผิดและถูกกับจริตของตัวคุณแล้วนั่นเอง เน้นย้ำว่าเทคนิคการเทรด forex สำคัญคือ อย่าลืมทดสอบเครื่องมือก่อนจนมั่นใจแล้วค่อยเทรดนะครับ

 

3.กำหนดเวลาเทรดของตนเองให้ชัดเจน

เวลาก็มีความสำคัญต่อการเทรดมากๆ คุณไม่ควรนั่งเฝ้าหน้าจอทั้งวัน เชื่อผม คุณอาจเสียมากกว่าได้ ดังนั้นให้กำหนดไปเลยครับ เช่นเทรดในช่วงเวลา 20.00-22.00 ของแต่ละวัน และเมื่อได้กำไรตามเป้าแล้วก็หยุด ทำเพียงแค่นี้ และสะสมกำไรไปเรื่อยๆ แบบนี้คุ้มค่ากว่ามากครับ

 

4.กำหนดคู่เงินที่ต้องการเทรดให้ชัดเจน

อย่าลืมในเรื่องของการกำหนดคู่เงินในการเฝ้าดู และการเทรดให้ชัดเจน เช่นคุณอาจเลือกเฉพาะคู่เงินอย่าง USD/EUD หรือ USD/JPY เป็นต้น และเวลาเทรด เทคนิคการเทรด forexมือใหม่คือ อย่าเทรดพร้อมกันหลายๆตัว แม้ว่าคุณจะเลือกค่า Laverage ที่ 1:2000 มาก็ตาม เพราะในที่สุดแล้ว คุณอาจเสียทั้งกระดานได้เนื่องจากไม่มีสมาธิพอในการตัดสินใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

 

5.กำหนดผลกำไร และขาดทุนให้ชัดเจน

อย่าลืมกำหนดในส่วนของผลกำไรและการขาดทุนให้ชัดเจน ในที่นี้หมายถึง คุณจะตั้งเป้าหมายในการทำกำไรวันละเท่าไหร่ เช่นวันละ 5% และตัดขาดทุนทุกครั้งที่ 1% อย่างนี้เป็นต้น ยิ่งคุณเลือกตัว % การทำกำไรต่ำเท่าไหร่ โอกาสขาดทุนคุณก็เหลือน้อยเท่านั้น

 

เพียงเท่านี้เทคนิคการเทรด forex เพื่อให้ได้กำไรอย่างยั่งยืนก็จะสามารถเกิดขึ้นกับคุณได้อย่างแน่นอนครับ โดยสิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนนั้นต้องการเน้นย้ำมากๆเลยคือ การมีวินัยและไม่ละเมิดกฎของการทำกำไรที่ตนเองตั้งไว้ เพราะถ้าละเมิดเมื่อไหร่ ยังเขียวอย่าง forex ก็พร้อมจะเอาเงินคุณกลับมาทั้งหมดเลยครับ

โค๊ด: [Select]
http://www.thaiforexbroker.com/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%94-forex-%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B8%B3/

237
วันนี้อากาศดีมาก ลมพัดกำลังสบายๆ ผมออกมานั่งเล่นกับเจ้าหมาเพื่อนรักทั้ง 3 ตัวที่สวนหน้าบ้าน เลยขอถือโอกาสที่ดีตอนนี้ เขียนเล่าเรื่องในหัวข้อ การเล่น Forex ให้กำไร ด้วยการวางแผนทางการเงินในระยะเวลา 5 ปี ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับแผนการเทรด Forex ของผมจริงๆ และใช้ได้จริง ไม่อิงนิยายด้วย ไม่ใช่เส้นทางติดจรวด แต่รวยแน่นอน ถ้าคุณมีวินัยและความอดทนอย่างเพียงพอ

คนในครอบครัวของผมมักจะพูดอยู่เสมอๆว่า ผมเป็นคนที่ใจเย็น และในบางครั้งก็ดูไม่มีหัวใจเอาซะเลย ไม่แปลกหรอกครับที่จะคิดอย่างนั้น เพราะคนชอบเขียน โดยมากจะเป็นคนไม่ชอบพูด ก็เลยดูเหมือนคนเย็นชาเป็นธรรมดา อย่างไรเสียมันก็เป็นเรื่องดีที่ผมชอบเขียน คุณก็เลยได้มีโอกาสมานั่งอ่านผลงานการเขียนเกี่ยวกับ Forex จากประสบการณ์ตรงของกระผมไง ผมคิดเสมอว่า พระเจ้าได้ประทานความสามารถที่เรียกว่า ความอดทน ให้กับตัวผม มันคือสิ่งที่สำคัญมากสำหรับการลงทุนโดยใช้เงินทำงานให้กับเรา เพราะมันมีเรื่องของเวลาและจังหวะเข้ามาเกี่ยวข้อง ความรีบร้อนหรือใจร้อนจะนำพาคุณไปสู่ความล้มเหลวในการลงทุนนั้นๆ รวมถึงการเทรด Forex ด้วย

ผมใช้เวลาลองผิดลองถูกกับตลาด Forex อยู่สองปี ในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเวลาที่เจ็บปวดมาก ขาดทุนกับตลาด Forex อย่างหนัก เป็นหนี้บัตรเครดิตอยู่ครึ่งล้าน แถมตกงานอีกต่างหาก แต่ผมก็ยังคงคิดถึงแต่เรื่องการเล่น Forex ให้ได้กำไรอยู่ดี และในปีที่ 3 ของการเทรด Forex แผนการลงทุน 5 ปีจึงเกิดขึ้น โดยผมเทรดทำกำไรเพียง 10% ต่อเดือน และใช้ระบบทบต้นของเงินในบัญชีเทรด Forex ทุกๆเดือน แต่มีข้อแม้ว่า ห้ามถอนเงินออกจากบัญชีเทรดไปใช้ก่อนระยะเวลา 5 ปี อาจมีการถอนเงินส่วนหนึ่งมาเก็บไว้ในบัญชีออมทรัพย์ เพื่อป้องกันความเสี่ยงอันเนื่องมาจากตัวฟอเร็กซ์โบรกเกอร์เล่นนอกเกมส์ กันไว้ดีกว่าแก้ โดยมีรายละเอียดของแผนการเทรด Forex ตามตารางข้างล่างดังนี้



แผนการเทรด forex 5 ปี
ขอย้ำนะครับว่า นี่คือตารางที่ผมใช้เทรด Forex ในระยะเวลา 5 ปีจริงๆ ตัวเลขกำไรอาจจะไม่ตรงเป๊ะๆ เพราะบางเดือนก็ได้มากกว่า 10% แล้วแต่จังหวะของตลาด Forex ในช่วงนั้นๆ อย่างไรก็ตาม เพื่อนๆ บางคนอาจจะคิดว่า วิธีนี้เป็นวิธีที่ช้าไม่ทันกิน แต่ผมเคยลองวิธีเร็วๆมาหมดแล้วครับ ผลก็คือ “เงินหมดเร็วจริงๆ” จงเชื่อมั่นเถอะครับว่า ถ้าคุณทำตามตารางการเทรดนี้ได้ โดยมีวินัยและสามารถอดทนต่อช่วงเวลาที่ยากลำบาก ทั้งกับตลาด Forex และชีวิตส่วนตัวได้แล้วละก็ คุณก็จะกลายเป็นนักเทรด Forex ที่มีความสุข และรู้อยู่เต็มอกว่า การเล่น Forex ให้ได้กำไร ในระยะยาวอย่างมั่นคง มันต้องทำกันอย่างไร สวัสดี

โค๊ด: [Select]
http://www.forexheng.com/%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%99-forex-%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B9%84%E0%B8%A3-%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99-5-%E0%B8%9B%E0%B8%B5/

238
แผนการสร้างกำไรจากทุนน้อยๆไปหากำไรที่มากๆ ขอให้เทรดเดอร์มือใหม่ทุกท่าน ตั้งเป้าหมายนี้ไว้

ทำกำไร Forex ทุน 100 เหรียญ สร้างกำไร 3 ล้านบาท ใน 10 เดือน(สำหรับผู้เริ่มต้น)

เป้าหมายมือใหม่..*ทุน 100 เหรียญ สร้างกำไร 1 แสนเหรียญ 3 ล้านบาท ใน 10 เดือน*
*(ทำแค่ 5% ต่อวัน)*ง่ายมาก สำหรับมือใหม่."(สำคัญมากอย่าโลภ!)



รวม              102,400 เหรียญ   x 30  =  3,720,000 บาท
( สะสมครบ 10 เดือนไม่ต้องถอน ถอนได้แค่ส่วนต่างของกำไรไว้เป็นค่าขนมนะครับ )
    ฝากเงิน 100$ รับ 3 ล้าน 10 เดือน อยากได้ ต้องลงมือทำ!
เริ่ม..ก้าวแรกทำตามเป้าหมาย...อย่าโลภ....
    มืออาชีพ  ทำ 30%- 60% ต่อวัน
     ขอให้ทุกคนโชคดีนะครับ...       

ทำกำไร Forex ทุน 1,000 เหรียญ สร้างกำไร 30 ล้านบาท ใน 10 เดือน(สำหรับเทรดเดอร์ทั่วไป)
ทุน 1,000 เหรียญ สร้างกำไร 1 ล้านเหรียญ 30 ล้านบาท ใน 10 เดือน*
*(ทำแค่ 5% ต่อวัน)*ง่ายมาก สำหรับมือใหม่."(สำคัญมากอย่าโลภ!)



รวม              1,024,000 เหรียญ   x 30  =  30,072,000 บาท

ขอให้ทุกคนที่อ่านบทความนี้สำเร็จตามแผนนี้นะครับ สาธุ
สิ่งสำคัญในการทำแผนการนี้ก็คือ ความอดทน และ ไม่ประมาท นะครับ

โค๊ด: [Select]
http://tradding2onlinemoney.blogspot.com/2012/12/forex-100-3.html

239
ในการที่เราจะเริ่มต้นการเทรด Forex อันดับแรก สิ่งที่คุณควรจะมีคือ

* คอมพิวเตอร์เจ๋งๆ ซัก 1 เครื่อง
* internet connection - ควรจะเป็นแบบไฮสปีดนะครับ
* โต๊ะคอมฯ และเก้าอี้นั่งสบายๆ
* ตัวเรา อ่ะ! อันนี้แน่นอน เพราะเราต้องทำการเทรดเองนี่นา
* ทุน เริ่มต้นที่ 0 บาท ครับ ไม่ผิด 0 บาท เพราะหากยังไม่คุ้นเคย ผมแนะนำให้ทดลองเล่น demo account ไปก่อน อย่างน้อยๆ 3 เดือน โบรกเกอร์ที่ผมใช้อยู่ มี demo account และ virtual money ให้ทดลองเล่น ทุกอย่างคือของจริง ยกเว้น เล่น-ได้ เสีย ก็ไม่ ได้-เสีย เงิน จริงๆ เพราะเป็นเงินปลอมทดลองเล่น และที่สำคัญ โบรกนี้ ยังมี real money หรือเงินจริง เป็นทุนให้เราด้วย ที่ $5 ครับ
* ทำใจสบายๆ แล้วทำเงินกันเลย


จากนั้นครับ สิ่งที่เราจะเริ่มต้นทดลองเทรดได้ จะต้องเริ่มจาก

สมัครเทรดกับโบรกเกอร์กันก่อน

ให้สมัครทิ้งไว้ก่อนนะครับ แล้วโหลดโปรแกรมมาเตรียมไว้ ยังไม่ต้องห่วงครับว่าจะใช้ยังไง เทรดยังไง จะค่อยๆแนะนำไปนะครับ


สำหรับผู้เริ่มต้นผมแนะนำว่า ควรสมัครที่ AGEA ก่อนนะครับ เนื่องจากเป็นโบรกเกอร์เจ้าแรกที่เปิดโอกาศให้รายย่อยได้มีโอกาศลงทุนในตลาด Forex โดยการแจกเงินให้ฟรี $5 ทันทีที่เราสมัคร Account
*ควรจำไว้ว่า AGEA อนุญาติ 1 คนสมัครได้แค่ 1 account และต่อ 1 เครื่องคอมพิวเตอร์เท่านั้นนะครับ

หมายเหตุ: Marketiva ได้เปลี่ยนชื่อเป็น AGEA แล้วนะครับ ตั้งแต่ วันที่ 30 เมษายน 2012 ที่ผ่านมา ในส่วนของระบบการใช้งานต่างๆ ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก ยังใช้งานง่ายเหมือนเดิม แต่ที่สำคัญคือมีการเพิ่มตัวโปรแกรมเทรด MetaTrader 4 หรือ MT4 เข้ามาให้ด้วย (และอีกไม่นานก็จะเปิดให้ใช้ MT5 อีกด้วย)  แถม ค่า spread ของการเทรดทองคำ ยังถูกลงอีกด้วย คือ ลดลงจาก 80 เหลือแค่ 55 ถือว่าเป็นการพัฒนาที่ดีมากเลยทีเดียวครับ 

ข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับ โบรกเกอร์ AGEA

AGEA Jinrong DOO เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศ Montenegro หมายเลข Registration number 5-0557722 อยู่ภายใต้กฎหมายเกี่ยวกับความโปร่งใสในธุรกรรมทางการเงิน MiFID (Markets in Financial Instruments Directive) ของสหภาพยุโรป หรือ EU

AGEA (Marketiva) เปิดตัวช่วงต้นปี 2005 ที่ผ่านมา ด้วยสโลแกนที่ว่า "Forex ใครๆ ก็เล่นได้" ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำแค่ 1$ ดอลลาร์ ทำให้ตอนนี้ AGEA (Marketiva) กลายเป็นบริษัท Forex ที่ร้อนแรงที่สุดในเวลานี้ มีคนให้ความสนใจและไปเปิดบัญชีลงทุนกันอย่างมากมาย

โค๊ด: [Select]
http://thaiforextrading.blogspot.com/2008/02/forex_28.html

240
Leverage 1:100 แปลว่า เราใช้ทุนของเราเองเพียง 1 เพื่อสั่งซื้อ-ขาย 100 เช่น เราจะสั่งซื้อ EUR มาถือไว้ โดยจะซื้อที่ราคา 1.3502 จำนวน 100 USD (คือได้มา 74.0631 EUR) เราไม่ต้องใช้ 100 USD ครับ เราจะใช้เพียง 1 USD เพื่อแลก 74.0631 EUR มาถือไว้ ซึ่งเมื่อเราขายคืนไปที่ 1.3552 หรือกำไรมา 0.0050 แทนที่เราจะกำไรแค่ นั้น จะกลายเป็นว่าเราจะทำกำไรได้ 0.50 usd แปลว่าเราสามารถทำกำไรได้ 50% จากเงินที่เราลง (เราลงเพียง $1 เพื่อทำกำไร $0.50)

แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ ว่าเราจะมีเงินพอรึเปล่า เวลามี Leverage แบบนี้ เพราะเวลาเทรดเราจะสั่งเทรดอย่างมาก ไม่เกิน 40% ของทุน (แต่แนะนำที่ 10% ครับ จะได้มีเหลือไว้แก้ตัว) เช่นถ้าเรามีทุน $100 เราก็สั่งเทรดเพียง $10 หรือ 10% (แต่เวลาสั่ง $10 คือ 1,000 unit นะครับ ที่ Leverage 1:100) 10% ที่ใช้ เราจะเรียกว่า used margin เวลาราคาวิ่งขึ้นหรือลง มันจะมาบวก หรือ ลบ ที่ 90% ที่เหลือ หรือที่เรียกว่า available margin หากเราติดลบไปเรื่อยๆ จน available หมด ระบบจะทำการตัดขาดทุน โดยการปิด order นี้ โดยอัตโนมัติ นั่นคือ โบรกเกอร์จะไม่ยอมขาดทุนแทนเราหรอกครับ

คิดคร่าวๆ คือ เราจะทำกำไร (ขาดทุน) ได้ ประมาณ 1% ต่อ pip จากเงินทุนของเรา (คู่อื่นอาจจะไม่ถึง 1% บางคู่ก็มากกว่า เช่น EUR/GBP ตกประมาณ 2% ครับ)

นั่นหมายความว่า ด้วยทุนเพียง $100 (3,400 บาท) คุณจะสามารถทำกำไรได้ถึงจุดละ $1 (สั่งเทรด 10,000 unit) หากทำได้ 10 จุดต่อวัน ก็วันละ $10 หรือ 340 บาท (โดยประมาณ) หรือวันละ 10%

และด้วยทุนเพียง $1,000 (34,000 บาท) เราจะสามารถทำกำไรได้ถึงจุดละ $10 (สั่งเทรด 100,000 unit) หากทำได้ 10 จุดต่อวัน ก็วันละ $100 หรือ 3,400 บาท

หรืออาจจะเริ่มเพียง $1 (34 บาท) โดยจะได้จุดละประมาณ 1 เซ็นต์

ค่อยๆ สะสมไปก็ได้ครับ เพราะมีแล้วคนที่ปั้น $5 จากทุนฟรีที่ Marketiva (โบรกเกอร์) มีให้ ไปเป็น $1,000 ใน 3 เดือน

ลองคิดดูเล่นๆู ล่ะกันครับ ถ้าเพียงคุณสามารถทำกำไรได้ 10% ของทุนต่อวัน เพิ่มไปเรื่อยๆ 6 เดือน (120 วันเทรด) จะเป็นเงินเท่าไหร่ จากทุนเพียง $5

เป็น $463,545.34 หรือ 15,765,541.60 บาท ครับ โอ้ววววว พระเจ้าช่วย (ทำได้แค่ 5% ของไอเดียนี้ก็หรูแล้วครับ)

ปกติ EUR/USD จะไม่แรงมาก ทำวันละ 20-30 จุดได้ หากเป็นบางคู่ เช่น GBP/JYP (ทุกวันนี้ผมเล่น GBP/JYP เป็นหลัก เพราะแรง เร้าใจ) ผมเคยทำได้มากสุด +250 จุด เพียงช่วงเวลาที่ผมหลับ (เที่ยงคืน) จนมาถึงเวลาที่ผมตื่น (7 โมงครึ่ง) หรือ 250% ของเงินทุนที่ผมเทรด

ที่ FxOpen (โบรกเกอร์) ให้เราสามารถ up Leverage ได้สูงสุดถึง 1:500 นั่นแปลว่า เราใช้ทุนตัวเองเพียง $200 ในการเทรด 100,000 unit (หรือ 1 lot จะได้จุดละ $10) เองครับ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น Leverage ก็เป็นดาบ 2 คม ที่ทั้งทำให้ รวย-จน ได้ในพริบตา

Leverage และการที่มันวิ่งขึ้นลงทั้งวัน นี่แหล่ะครับ ที่ทำให้ Forex สนุก และเร้าใจ

โค๊ด: [Select]
http://thaiforextrading.blogspot.com/

หน้า: 1 ... 14 15 [16] 17
SMF 2.0.15 | SMF © 2011, Simple Machines
SMFAds for Free Forums