แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Lolox101

หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 17
46
นื่องจากวันนี้เป็นวันแห่งการเริ่มต้นการทำงานวันแห่งการเริ่มต้นสิ่งใหม่ ๆ รวมไปถึงการเทรดด้วย ผมจึงอยากเปิดอาทิตย์
นี้ด้วยบทความจากประสบการณ์ของเจ้าของกระทู้คนนี้เพื่อให้เทรดเดอร์ที่กำลังพยายามก้าวตามฝันได้มีไฟลุกสู้ขึ้นมา


คุณ pawpaw100 เข้ามาตั้งกระทู้ว่า เขาเห็นคำถามที่คนเข้ามาเทรดใหม่ชอบตั้งกระทู้เสมอว่า “Forex จะเลี้ยงชีวิตเค้าได้จริง
หรือ” “จะสามารถใช้ชีวิตด้วยการเทรดได้จริงอะ” เขาเลยอยากจะมาแบ่งประสบการณ์ส่วนตัวของเขากับคนที่นี่และหวังว่า
เทรดเดอร์หน้าใหม่จะเลิกคิดเรื่องนี้และลงมือเทรดสักที! ก่อนอื่นเขาขอยืนยันนอนยันในคำตอบของกระทู้นี้ก่อนเลยว่าคุณ
สามารถฝากชีวิตไว้กับการเทรดได้จริง ๆ นะเฟ้ย !!!! เขาเคยพบกับคนที่เป็นเทรดเดอร์เต็มตัวมาแล้วถึง 2 คน ทั้งยังเคยเห็น
บัญชีของเขาและเทรดกับเขาด้วย คนแรกเคยเป็นพนักงานแบงค์มาก่อนก็จะย้ายมาเทรด Forex เขาเทรดใน Time Frame 15
นาทีแต่วิเคราะห์กราฟจาก 1 ชั่วโมงและ 4 ชั่วโมง บางครั้งก็ Daily หรือ Weekly เลยทีเดียว เขามีพอร์ตที่ใหญ่และก็แบ่ง
พอร์ตไปลงในหุ้นกับสินทรัพย์ด้วย เขาเคยทำกำไรได้ถึง 2 หมื่นยูโรในเวลาอันสั้นในช่วงเช้า


ส่วนอีกคนหนึ่งเริ่มต้นด้วยเงินในพอร์ต 3 หมื่นเหรียญดอลลาร์ใช้เวลาปั้นพอร์ตไปจนถึง 6 แสนเหรียญในเวลา 18 เดือน เคย
ล้างพอร์ตมาก่อนแต่เขาก็ไม่ย้อมแพ้กลับไปตั้งหลักใหม่ในบัญชีทดลอง 3 บัญชีด้วยกันก่อนจะกลับมาเทรดบัญชีเงินจริงอีกครั้ง
เขาบอกว่าการเปลี่ยนจากบัญชีเงินปลอมเป็นบัญชีเงืนจริงไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขาเพราะเขามองการเทรดแค่เฉพาะเปอร์เซนต์ที่
พอร์ตเติบโตกับจำนวนจุด (pips) ที่ได้ในแต่ละวันโดยที่ไม่ได้สนใจเลยว่าได้กำไรเท่าไหร่ เคยคิดว่ามันเป็นเหมือนเกมส์ ๆ หนึ่ง
ที่สนุกดี


ดังนั้น! หยุดฟังเสียงจากคนรอบข้างหรือคนที่เคยพ่ายแพ้ในตลาดแห่งนี้แล้วมาพูดให้คุณฟังว่า “คุณไม่มีวันทำได้” แน่นอนว่าคุณ
สามารถทำได้! ตั้งใจเทรดต่อไปและกระหายที่จะหาความรู้เกี่ยวการการเทรดมาพัฒนาตัวเองให้ก้าวขึ้นไปอีกเรื่อย ๆ ยิ่งคุณ
พยายามค้นหามากเท่าไหร่คุณก็ยิ่งจะเจอมันมากเท่านั้น เคาะประตูไปเรื่อย ๆ สักวันประตูก็จะเปิดรับให้คุณเข้าไปเองซึ่งผมก็เป็น
คนหนึ่งที่ยังเคาะประตูอยู่ซึ่งผมจะไม่หยุดหาหรือหยุดเคาะประตูแน่นอน ทุกวันนี้ผมพอใจมากที่ผลการเทรดของผมขึ้นมา 83%
ถึงแม้จะเป็นบัญชีเดโม่ก็เถอะ ผมคิดว่าจะเปิดบัญชีเดโม่เพิ่มอีก 2 บัญชีเพื่อหาข้อผิดพลาดของวิธีการเทรดของตัวเองและแก้ไข
มันแล้วค่อยเปลี่ยนไปเล่นบัญชีจริงซึ่งผมมั่นใจว่าสักวันหนึ่งผมจะเป็นเทรดเดอร์ที่ดีเหมือนกับคนสองคนที่ผมยกตัวอย่างไปก่อน
หน้านี้ เพื่อเป็นกำลังใจให้กับเทรดเดอร์หน้าใหม่ ผมจึงอยากจะยืมคำพูดของเพื่อนผมมาพูดสักหน่อย


เขาบอกกับผมว่า การเทรดเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาเพื่อศึกษามัน ฉันคิดว่าปัญหาที่นายกำลังเจอตอนนี้คือนายอยากจะ
ประสบความสำเร็จ อยากรวย ณ ตอนนี้เวลานี้เลยซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ ตลาดแห่งนี้ต้องการให้นายเรียนรู้กับมันอย่าง
จริงจังเพื่อพิสูจน์ตัวเองซะก่อนว่านายเจ๋งพอที่จะได้ครอบครองคำว่า “ประสบความสำเร็จ” เปรียบเทียบง่าย ๆ กับการ
เล่นฟุตบอล นายไม่ได้กลายเป็น คริสเตียโน โรนัลโด้ ทันทีที่นายเริ่มเตะบอล นายจะต้องฝึกเล่นบ่อย ๆ และอยู่กับ
ลูกบอลทุกวันจนถึงขั้นหมกมุ่นเลยละ การเทรดก็ไม่แตกต่างไปจากการเป็นนักฟุตบอลมืออาชีพเลยสักนิด นายต้อง
ทุ่มเทใส่ใจและอุทิศเวลาให้กับการเทรด ไม่มีทางลัดใด ๆ สู่ความสำเร็จ ไม่มีเทรดเดอร์คนไหนที่ประสบความสำเร็จจาก
การใช้ระบบเทรดของชาวบ้านหรือเพียงเพราะเข้าร่วมสัมมนาการเทรดหรอก การที่นายจะได้กลายเป็นสิ่งที่เรียกว่า
คนรวย” หรือ มีอิสรภาพทางการเงินจากการเทรดต้องผ่านอะไรเยอะแยะกว่านั้น ต้องมีทั้งการอุทิศ มีไหวพริบ และ
ความอดทน นายอาจจะล้างพอร์ตหรือโดนกราฟน๊อกนายลงไปนอนกองกับพื้นแต่นายต้องลุกขึ้นมาให้ได้ เลือกวิธีการ
เทรดที่เหมาะกับนายมาแล้วก็เทรด เทรด เทรด ไปเรื่อย ๆ ล้มแล้วลุกอีก ล้มแล้วลุกอีก หากพบจุดอ่อนของวิธีการเทรด
ของตัวเองก็หาวิธีมาแก้ไขมันให้ได้ เคยมีคนบอกกับฉันว่ามันจะต้องใช้เวลาเป็นหมื่น ๆ ชั่วโมงเลยทีเดียวแต่นายพร้อม
จะทำเพื่อมันไหมละ?


มุ่งมั่น จดจ่อ หมกมุ่นอยู่กับระบบและวิธีคิดของนาย ทุกระบบและกลยุทธ์สามารถทำกำไรได้หมดแต่ไม่ได้หมายความ
ว่าทุกระบบและกลยุทธ์จะเหมาะกับทุกคน หาวิธีเทรดที่เป็นของนาย สร้างขึ้นมาเพื่อนาย เพื่อนายคนเดียวให้เจอ อย่า
ลืมที่จะอ่านหนังสือเกี่ยวกับการเทรดดี ๆ ด้วยละ หนังสือเหล่านั้นอาจจะช่วยจุดประกายความคิดให้นายได้ และเมื่อวัน
หนึ่งที่นายได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่านายแน่พอเจ๋งพอที่จะได้รับคำว่า “อิสรภาพทางการเงิน” นายก็จะได้มันเอง”



หลาย ๆ คอมเม้นหลังจากนั้นก็เข้ามาเห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้ซะส่วนมาก บางคนก็บอกว่า ขอบคุณนะ สำหรับคำพูดดี ๆ มันช่วย
กระตุ้นไฟในตัวเราได้ดีมาก ๆ เลยละ บางคนก็บอกว่า ใช่เลย ผมเห็นด้วยกับบทความนี้

โค๊ด: [Select]
http://tradding2onlinemoney.blogspot.com/2013/06/forex_23.html

47
การเทรดโดยใช้หลักการดู Divergence เป็นวิธีการเทรดอีกอย่างหนึ่งซึ่งสามารถทำกำไรได้เป็นกอรปเป็นกำในแต่ละครั้งที่คุณพบเจอ เพราะนั่นจะหมายถึงการเปลี่ยนเทรน และ Divergence ก็เป็นสัญญาณเตือนคุณได้อย่างดีว่า เทรนกับลังจะเปลี่ยนไป
เครื่องมือส่วนใหญ่ที่เราจะใช้ในการดู Divergence ก็จะเป็นพวก Oscillator ต่างๆ และที่นิยมใช้กันมากในการดู Divergence ได้แก่ MACD , Stochastic และ RSI เป็นต้น แต่ก่อนอื่นเราลองมาดูหลักในการดู Divergence กันก่อนว่ามีอะไรบ้าง เพื่อที่จะช่วยให้เราไม่พลาดในการเลือกหาจุดเข้าทำกำไร
1. ต้องแน่ใจว่าคุณเห็น Divergence จริงๆ ซึ่งถ้ามี Divergence ราคามักจะมีรูปแบบดังต่อไปนี้ คือ

  • ระดับสวิงไฮของราคาที่ปรับตัวสูงขึ้นกว่าสวิงไฮก่อนหน้า (Higher High :HH)
  • ระดับสวิงโลว์ของราคาที่ปรับตัวต่ำกว่าสวิงโลว์ก่อนหน้า (Lower low :LL)
  • Double top
  • Double  bottom
อย่าเพิ่งมองที่ Indicator จนกว่าคุณจะเห็นว่าราคามีลักษณะดังที่กล่าวมาอย่างน้อยหนึ่งอย่าง และถ้าไม่มีลักษณะดังกล่าวมาเลยแล้ว ก็หมายความว่าไม่มีการเกิด Divergence ดังนั้น อย่าคิดเอาเองว่าเกิด Divergence ถ้าไม่เห็นลักษณะของราคาดังกล่าว


 


2. ให้ลากเส้นระหว่างจุดสูงสุด และ จุดต่ำสุด และหลังจากที่คุณเห็นลักษณะบางอย่างของราคาล่าสุดแล้ว ตอนนี้คุณเห็นแค่ลักษณะ 1 อย่างของ สี่อย่างต่อไปนี่คือ  จุดสูงสุดใหม่ที่สูงกว่าจุดสูงสุดเดิม (Higher high), จุดสูงสุดใหม่เท่ากับจุดสูงสุดเดิม (Flat high), จุดต่ำสุดใหม่ต่ำกว่าจุดต่ำสุดเดิม (Lower low), จุดต่ำสุดใหม่เท่ากับจุดต่ำสุดเดิม (Flat low)
ที่นี้ก็ลากเส้นจากจุดสูงสุดในปัจจุบันไปหาจุดสูงสุดก่อนหน้า และอีกกรณีก็คือลากจากจุดต่ำสุดในปัจจุบัน กลับไปหาจุดต่ำสุดก่อนหน้า ซึ่งมันจะต้องเป็นสวิงที่สำคัญต่อเนื่องกัน และถ้าคุณเห็นว่าระดับความเหลื่อมล้ำของทั้งสองจุดมีน้อยมากก็ไม่ต้องไปสนใจมัน ลืมไปได้เลย


3. ถ้าเห็นสวิงมีระดับที่เหลือมล้ำกันมากๆ ลากเส้นระวห่างสวิงไฮหรือสวิงโลว์ เมื่อคุณเห็นว่าสวิงไฮ 2 สวิงล่าสุดมีระดับที่เหลื่อมล้ำกันมากๆ ก็ให้คุณลากเส้นระหว่างสวิงทั้งสอง และในกรณีที่เป็นสวิงโลว์สองสวิง ก็ให้ลากเส้นเชื่อมต่อระหว่างสองสวิงนั้นเช่นกัน
อย่าพยายามลากเส้นที่ระดับต่ำสุดหากคุณเห็นว่า สวิงไฮได้ทำจุดสูงสุดใหม่ 2 รอบ (Higher high) เพราะนั่นมันจะหมายถึงว่าราคายังอยู่ในเทรนขาขึ้น


 


4. เปรียบเทียบระหว่างราคาและ Indicator เมื่อคุณลากเส้นเชื่อมต่อระหว่างสองจุดของสวิงไฮ หรือสวิงโลว์แล้ว ตอนนี้ก็มาดูที่ Indicator และเปรียบเทียบกับการเคลื่อนไหวของราคา ไม่ว่าเราจะใช้ Indicator ชนิดไหนก็ตาม จำไว้ว่าเรากำลังเปรียบเทียบยอดสวิงไฮ และสวิงโลว์ของ Indicator ดับราคา


 


5. ถ้าคุณลากจุดระหว่างจุดเชื่อมต่อระหว่างสวิงไฮสองจุดของราคาแล้ว คุณก็ต้องลากเส้นที่จุดสูงสุดสองจุดของ Indicator ด้วย และทำเช่นเดียวกันในกรณีที่เป็นสวิงโลว์ ถ้าคุณลากเส้นเชื่อมต่อระหว่างสองสุดของสวิงโลว์แล้ว คุณก็ต้องลากเส้นเชื่อมต่อระหว่างสองจุดต่ำสุดใน Indicator ด้วย



6. เมื่อเทียบในแนวตั้ง ตรงจุดสูงสุดหรือต่ำสุดที่คุณระบุใน Indicator ต้องเป็นแนวเดียวกันกับที่คุณระบุราคา


 


7. ดูที่ความลาดชัน เพราะ Divergence จะเกิดขึ้นต้องมีความขัดแย้ง หรือมีความลาดชันที่แตกต่างกันของเส้นที่เชื่อมระหว่างจุดสูงสุด หรือ ต่ำสุดสองจุด ใน Indicator และเส้นที่เชื่อมระหว่างสวิงไฮหรือสวิงโลว์ของราคา และความลาดชันจะต้องเป็นอย่างได้อย่างหนึ่ง ระหว่าง เอียงขึ้น (Ascending (rising) เอียงลง(Descending (falling)  หรือเป็นเส้นราบขนานกับพื้น (Flat)







8. ถ้าคุณตกรถแล้วก็ไม่ต้องรีบ เมื่อคุณเห็นว่า Divergence ได้เกิดขึ้นแล้ว ราคาก็กลับตัวไปได้ซักระยะหนึ่งแล้ว ก็ควรจะเป็นช่วงที่น่าจะพิจารณาว่าจะปิดทำกำไร และถ้าคุณพลาดไม่ได้เข้าตั้งแต่ที่แรก คุณก็พลาดโอกาสไปแล้วและไม่ควรรีบร้อนเปิดออเดอร์ในตอนนี้ แต่คุณควรรอให้ราคาฟอร์มตัวทำสวิงไฮหรือสวิงโลว์ใหม่ และค่อยมองหา Divergence ในครั้งต่อไป





9. สัญญาณ Divergence ในกรอบราคาใหญ่ๆจะมีแนวโน้มที่แน่นอนมากกว่าในกรอบเวลาที่เล็กกว่า ให้สัญญาณที่ผิดพลาดน้อยกว่า เทรดเดอร์ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยสนใจตรงนี้ แต่ถ้าเราใส่ใจกับมันซักหน่อยก็อาจทำให้เราได้เปรียบในการทำกำไรมากขึ้น
Divergence ในกรอบเวลาที่เล็กกว่าจะเกิดขึ้นบ่อยกว่าแต่มีความน่าเชื่อถือน้อยกว่า เทรดเดอร์บางคนอาจจะมองหา Divergence ใน กรอบเวลาอย่าง 15 นาทีหรือน้อยกว่านั้น แต่มันจะมีสัญญาณรบกวนที่มากเกินไป เราจึงขอแนะนำให้มองเฉพาะ Divergence ในกรอบราคา 1 ชั่วโมงขึ้นไป

โค๊ด: [Select]
http://tradding2onlinemoney.blogspot.com/2013/08/9-divergence.html

48
<a href="https://www.youtube.com/watch?v=5zOxbPYs-70" target="_blank">https://www.youtube.com/watch?v=5zOxbPYs-70</a>


โค๊ด: [Select]
https://www.youtube.com/watch?v=5zOxbPYs-70

49
สอนลงเก็งกำไรค่าเงินเบื้องต้น



ใครชอบเทรดรายวันต้องขอแนะนำตลาดฟิวเจอร์สค่าเงิน(ซื้อขายล่วงหน้า) ที่ที่เรียนกันว่า forex รับรองมันส์สะใจ สมัยก่อนตลาดนี้ไม่เปิดให้คนทั่วไปเทรดคนที่เทรดจะเป็นธนาคาร ใครชวนไปเทรดให้รู้ไว้เลยว่า"เถื่อน" จากข่าว "ดีเดย์เมษาเทรดฟิวเจอร์สค่าเงิน เล็งเปิดให้บุคคลธรรมดาซื้อขายได้"(ผู็จัดการ) คนทั่วไปเริ่มมีหวังแล้วครับ

ความมันส์ของตลาดนี้คือซื้อขายได้ 24 ชั่วโมง ตอนเช้าเทรดตลาดญี่ปุน บ่าย 2 เทรดตลาดลอนดอน ตอนค่ำเทรดตลาดอเมริกา พอตลาดเมกาปิดก็มาเทรดตลาดญี่ปุ่นต่อไม่ต้องหลับต้องนอน เทรดใช้เงินนิดเดียวใด้เสียเป็นเท่าตัวและก็หมดเนื้อหมดตัวได้ในวันเดียวได้เช่นเดียวกัน หุหุ ตลาด forex ใหญ่มากครับวันนึงเทรดกันมหาศาล ดูในรูปที่เปรียบเทียบขนาดตลาด 
คนในตลาดมีสองจำพวกครับพวกแรกคือ Hedger หรือผู้ป้องกันความเสี่ยง มีประมาณ 10%ของการซื้อขาย สมมติเขานำเข้าสินค้าจากเมกาชิ้นละ 1 ดอลล่าห์ (สมมติวันที่ตกลงซื้ออัตราและเปลี่ยนอยู่ที่ 31 บาทต่อ 1 ดอลล่าห์) เอามาขายในไทย 40 บาท ได้กำไร 9 บาท แต่สมมติีอีกว่าวันที่จ่ายเงินค่าของที่นำเข้ามาอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 36 บาทแทนที่จะได้กำไร 9 ก็เหลือเพียง 4 บาทหักต้นทุนนู่นนี่นั่นแล้วขาดทุนกระจาย เขาเลยป้องกันความเสี่ยงโดยการโทรไปหาธนาคารตอนวันที่ตกลงซื้อจากเมกา บอกว่าขอซื้อดอลล่าล่วงหน้าที่ 31 บาท พอถึงวันส่งมอบของชำระเงินจริงผู้นำเข้าก็ได้อัตราแลกเปลี่ยนที่ 31 บาท ควบคุมต้นทุนได้

อีกพวกหนึ่งคือ speculator หรือนักเกร็งกำไร มีประมาณ 90% ของการซื้อขาย พวกนี้เขาไม่ได้นำเข้าส่งออกสินค้าอะไรทั้งสิ้น มีเงินมาดูกราฟแล้วก็ซื้อๆขายๆ ได้เงินก็ดีใจ เสียเงินก็หดหู่ พวกนี้วันๆไม่ทำอะไรครับลุ้นกันตัวเกร็งทั้งวัน เหมือนเข้าบ่อนเล่นไฮโลยังไงก็ไม่รู้ เหมาะกับพวกเล่น day trade มากครับ

ปัจจัยที่มีผลต่อค่าเงินที่ต้องรู้มีอะไรบ้าง สรุปมาจากการบรรยายของ k-bank ครับ

* ค่าเงินจะขึ้นกับสภาพเศษฐกิจ ทุกวันศุกร์ประมาณ 1 ทุ่ม เมกาก็จะประการตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ เช่น อัตราการว่างงาน อัตราเงินเฟ้อ ยอดขายปลีก ฯลฯ ตัวเลขไม่ดีค่าเงิน USD ก็อ่อน ตัวเลขดีค่าเงิน USD ก็แข็ง เขาเทรดกันแค่นี้แหละไม่ต้องคิดมาก

* สงคราม เวลาเมกาสำแดงเดชไปถล่มประเทศนู้นี้นั้น ก็ต้องใช้เงินเยอะ ค่าเงิน USD ก็อ่อน
* น้ำมัน ทอง หุ้น อยู่ตรงข้ามกับ USD วันไหนทองราคาขึ้น USD ก็อ่อน
* ค่าเงินประเทศอื่น ยูโร หยวน บาท  อยู่ตรงข้ามกับ USD (หยวน กับ บาท วิ่งทางเดียวกัน)
* ตอนนี้ เมกากลัวจีนมากเพราะเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ จะบีบก็ตายจะคลากก็รอด
* ตอนต้นปี 54 ทุกคนคิดว่า USD พังแน่ค่าเงินต้องอ่อน แต่ปลายปี euro เจ้งซะงั้น คนก็เลยแห่กันมาซื้อ  USD ทำให้เงินแข็งซะงั้น คาดการณ์ผิดหมด 555 ตอนนี้ค่าเงินก็เลยผันผวนทั่วโลก เพราะเมกาก็ยังเศรษฐกิจไม่ดีมาเท่าไร

trick
* ทองจะขึ้นช่วง มีนา-เมษา
    เหตุผล : ญี่ปุ่นเป็นผู้ให้กู้ดอกเบี้ยต่ำรายใหญ่ของโลก ช่วง มีนา-เมษา ทั่วโลกแห่กันมาใช้หนี้ ญี่ปุ่น รวมถึ่งเงินปันผลจากบริษัทลูกๆของญี่ปุ่นที่กระจายทั่วโลก เข้ามาช่วงนี้ คนก็แห่กันขาย USD ซื้อ YEN พอ USD อ่อนทองก็ขึ้น
* ช่วงบ่ายสอง ราคาจะสวิงกิ้งมากเพราะตลาดลอนดอนเปิด
โค๊ด: [Select]
http://www.investidea.in.th/2011/12/blog-post_29.html

50
เล่น Forex ในไทยผิดกฏหมายหรือไม่???

หลายท่านอาจสงสัยว่าการเล่น Forex นั้นผิดกฎหมายหรือไม่ ถ้าไม่ผิดทำไมบ้านเราถึงยังไม่มี Broker ที่ไหนให้บริการ ในความเป็นจริงแล้วการลงทุนใน Forex นั้นรัฐบาลไทยอนุญาติให้กับสถาบันการเงินใหญ่ๆ เท่านั้น ด้วยเหตุผลที่ว่า Forex เป็นแหล่งการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง และใช้เงินลงทุนจำนวนมาก ประชาชนที่ไม่มีความรู้ที่เพียงพออาจเสียเงินทองจำนวนมากได้ และในอดีตมีข่าวทางด้านลบเกี่ยวกับบริษัทบางแห่ง เปิดให้บริการลูกค้าลงทุนใน Forex ในวงเงินที่สูง แต่กลับนำเงินไปรับความเสี่ยงเอง หรือทำตัวเป็นเจ้ามือเสียเอง ไม่ได้กินค่านายหน้าอย่างเดียว จนเมื่อลูกค้าทำกำไรได้มากๆ ก็ไม่สามารถจ่ายได้จนปิดบริษัทหนีไป ทำให้ Forex กลายเป็นสิ่งที่ไม่น่าลงทุน ไม่น่าเชื่อถือ ทำให้รัฐบาลออกกฎหมายเพื่อป้องกันสิ่งเหล่านี้ให้ห่างไกลจากประชาชน ซึ่งทำให้ประชาชนตาดำๆ อย่างเราถูกตัดโอกาสในการลงทุน ที่มหาเศรษฐีระดับโลกใช้เป็นเครื่องมือในการลงทุนชั้นเยี่ยมของเขา

ปัจจุบันการลงทุน Forex ของประชาชนทั่วไปยังถือว่าผิดกฎหมาย ทั้ง Broker ที่เปิดให้ลงทุนในประเทศไทย และผู้ลงทุนที่โอนเงินไปลงทุนกับ Broker ในต่างประเทศ โดยรัฐบาลกลัวว่าจะเป็นช่องทางที่จะนำเงินนอกระบบไปฟอกเงินนั่นเอง สำหรับท่านที่ลงทุนเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเพิ่มทักษะทางการลงทุนคงไม่จำเป็นต้องใส่ใจในเรื่องนี้มาก หากแต่ท่านที่ลงทุนเงินเป็นจำนวนมาก คงต้องคิดถึงความเสี่ยงด้านนี้ด้วย เนื่องจากการนำเงินกลับเข้ามาในประเทศเป็นจำนวนมากทางธนาคาร อาจทำให้ ปปง. เพ่งเล็งท่านได้ ตอนนี้ทำอะไรก็ตามแต่ ต้องโปร่งใส และพิสูจน์ไม่ได้ครับ แล้วท่านจะห่างไกลจากการตรวจสอบของรัฐบาลไทย ที่ยังเกรงว่าประชาชนของพวกเขาจะโดนหลอก จึงปิดกั้น แทนที่จะให้ความรู้ (เพราะมันง่ายดี)

โค๊ด: [Select]
http://money7forex.blogspot.com/2009/02/forex_18.html

51
การซื้อขายคู่สกุลเงินในตลาด Forex นั้นสามารถทำได้โดยใช้คู่สกุลเงินหลัก แต่จะไม่รวมสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐ
               
การวิเคราะห์ความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการซื้อขายคู่สกุลเงินหลักอื่นๆ ส่วนการวิเคราะห์ค่าเงินรอง (EUR - ยูโร, JPY - เยน, CHF - สวิสฟรังก์, GBP - ปอนด์) นั้นไม่ได้มีความสำคัญมากเท่าใดนัก การซื้อขายคู่สกุลเงินนั้นถือว่าเป็นวิธีการซื้อขายที่มีกำไรดี แต่อย่างไรก็ตามนักลงทุนควรมีประสบการณ์ในการซื้อขายบนตลาด Forex ด้วย
               
การซื้อขายคู่สกุลเงิน มูลค่าของสกุลเงินหนึ่งจะมีอิทธิพลต่อสกุลเงินอื่นๆ ยกเว้นสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐ โดยอัตราแลกเปลี่ยนของคู่สกุลเงินเหล่านี้จะเรียกว่าอัตราแลกเปลี่ยนทางอ้อม (cross rates)
               
สกุลเงินที่มีการซื้อขายมากที่สุดคือสกุลเงินที่คู่กับยูโร เช่นคู่สกุลเงิน EUR/CHF, EUR/GBP, EUR/JPY โดยคู่สกุลเงินเหล่านี้มีความโดดเด่นเนื่องจากมีสภาพคล่องสูง  ในบางครั้งอาจมีคู่สกุลเงินที่มีสภาพคล่องสูงกว่า USD/CHF เนื่องจากนักลงทุนสถาบันอาจสมัครใจที่จะลงทุนในเงินสกุลฟรังก์สวิสมากกว่า
               
เงินเยนถือเป็นสกุลเงินที่มีความสำคัญต่อกลุ่มของคู่สกุลเงินอื่นๆ เช่น CAD/JPY ดอลล่าร์แคนาดาและเยน NZD/JPY ดอลล่าร์นิวซีแลนด์และเยน รวมไปถึง GBP/JPY - ปอนด์อังกฤษและเยน ซึ่งกลุ่มของคู่สกุลเงินดังกล่าวจัดว่าได้รับความนิยมในหมู่นักลงทุนพอสมควรเนื่องจากพวกเขาสามารถทำ carry trade กับคู่สกุลเงินดังกล่าวได้ Carry Trade คือการขายสกุลเงินหนึ่งที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า (เช่นเงินเยน) เพื่อไปซื้อสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า ซึ่งการซื้อขายดังกล่าวสามารถทำกำไรให้กับนักลงทุนได้จากการคิดค่าส่วนต่างของทั้งสองสกุลเงิน
               
ประเทศที่พัฒนาแล้วดังต่อไปนี้เป็นประเทศที่มีอัตราดอกเบี้ยที่สูงที่สุด: แคนาดา, นิวซีแลนด์ และสหราชอาณาจักร  ดังนั้นระบบ carry trade จึงใช้ค่าเงินของประเทศเหล่านี้เพื่อเทียบกับเงินเยนของประเทศญี่ปุ่น
               
นักลงทุนที่ลงทุนในสกุลเงินหลักอาจพบเจอกับเหตุการณ์ที่ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐแข็งค่าพอกันกับค่าเงินรอง ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะทำให้ยากต่อการคาดการณ์ทิศทางของค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐ หากทั้งสหรัฐและประเทศแถบยูโรโซนยังยืนยังว่าเศรษฐกิจยังคงเติบโตขึ้นเรื่อยๆ นักลงทุนอาจไม่แน่ใจว่าควรตัดสินใจเปิดหรือปิดการซื้อขาย อีกตัวอย่างนึงคือการซื้อขายคู่สกุลเงิน EUR/JPY ซึ่งถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดเมื่อค่าเงินเยนถูกกดดันโดยปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์
               
คู่สกุลเงินที่ได้รับความนิยมมากที่สดในการซื้อขายมีดังนี้ :
               
EUR/CHF - ประเทศแถบยูโรโซนถือเป็นหุ้นส่วนในการซื้อขายที่สำคัญของประเทศสวิสเซอร์แลนด์  เนื่องจากการที่ค่าเงินฟรังก์สวิสค่อนข้างจะมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า จึงเหมาะในการซื้อขายในระบบปฏิบัติการ carry trade โดยแนวโน้มความเคลื่อนไหวของคู่สกุลเงินนี้เป็นไปในทิศทางบวกตั้งแต่ปี 2549
               
EUR/JPY - คู่สกุลเงินที่มีการซื้อขายอย่างแพร่หลาย โดยจะมีความเกี่ยวพันธ์กันระหว่างคู่สกุลเงิน USD/JPY และ EUR/USD นักลงทุนส่วนใหญ่มักจับตามองการเคลื่อนไหวของคู่สกุลเงินนี้ โดยจะมุ่งความสนใจไปที่อัตราดอกเบี้ยและค่าความต่างระหว่างอัตราการเติบโตของประเทศญี่ปุ่นและประเทศแถบยูโรโซน
               
NZD/JPY - คู่สกุลเงินนี้เป็นที่ต้องการมากที่สุดในการตกลงซื้อขายแบบ carry trade เนื้่องจากมีค่าความต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยที่กว้างที่สุด โดยคู่สกุลเงินนี้เหมาะสำหรับการสร้างสถานะซื้อ (Long Position) โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีตัวชี้วัดพื้นฐานและตัวชี้วัดทางเทคนิคที่มีประสิทธิภาพ
               
EUR/GBP - สำหรับประเทศอังกฤษ ประเทศแถบยูโรโซนถือเป็นหุ้นส่วนในการซื้อขายที่มีความสำคัญเป็นอันดับสอง หากนักลงทุนพิจารณาปัจจัยพื้นฐานต่างๆที่เกี่ยวเนื่องระหว่างประเทศอังกฤษและค่าเงินปอนด์เป็นหลักแล้ว เขาก็ต้องเลือกที่จะลงทุนในคู่สกุลเงินนี้อย่างแน่นอนเพราะ GBP/USD เป็นคู่สกุลเงินที่ได้รับผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐมากที่สุด
               
CAD/JPY - นักลงทุนสามารถทำนายแนวโน้มในการซื้อขายราคาน้ำมันได้โดยคำนวณจากคู่สกุลเงินนี้ ประเทศแคนาดามีแหล่งกักเก็บน้ำมันที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ถือเป็นประเทศส่งออกน้ำมันหลักดังนั้นจึงทำกำไรโดยการเพิ่มราคาน้ำมัน ในทางตรงกันข้ามประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมันจะต้องพบกับภาวะขาดทุน ดังนั้นหากต้องการทำกำไรจากการเปิดสถานะซื้อคู่สกุลเงินนี้ ควรทำในช่วงที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น
               
นักลงทุนสามารถเปิด carry trade ของคู่สกุลเงินได้ โดยยิ่งมีความแตกต่างระหว่าง 2 ประเทศมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีต่อการซื้อขาย  ในแต่ละคู่สกุลเงินก็จะมีลักษณะพิเศษและอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเมืองและเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่จะเป็นตัวกำหนดแนวโน้มตลาด


โค๊ด: [Select]
https://www.instaforex.com/th/forex_cross_currency_pairs.php

52
้้้เมื่อวานยามะสัญญาไว้ว่า จะมาลงข้อดีอีกข้อของ FX งั้นมาเรียนรุ้ต่อกันเลยค่ะ


ข้อดีอีกข้อของตลาด Forex นั้นคือ เราสามารถเทรดขาลงได้ด้วยละค่ะ

เมื่อเราสั่ง "ขาย" (เรียกว่า Sell หรือ Short) ในตอนที่เราเปิด order (เปิด order SELL) เราจะได้ราคาที่ bid และเมื่อเราสั่งปิด order นี้ เราจะได้ราคาที่ offer - การ Sell คือการที่เราสั่งโบรกให้ขายออกไปก่อน เพื่อรออัตราแลกเปลี่ยนตกลงมา และเราจะปิด order นี้ โดยการ Buy คืน (การสั่ง close order จะเป็นการ buy อัตโนมัติค่ะ - ไม่ใช่ให้เราเปิด order buy อีกอันนะค๊ะ) ไปในราคาที่ต่ำกว่า (ถ้า Buy คืนในราคาสูงกว่า เราก็ขาดทุนค่ะ) เรียกว่า ขายแพง แล้วซื้อถูก

แต่จะเห็นว่า เราดู จุด (หรือ pip) กันที่ ทศนิยมตำแหน่งที่ 4 (หรือตำแหน่งที่ 2 ในบางคู่) เราลองมาดู EUR/USD กันดีกว่าค่ะ

สมมุติว่า เราพิจารณาแล้วเห็นว่า EUR น่าจะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับ USD (คือ EUR จะแลก USD ได้มากขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป) เราจึงทำการเข้า buy โดยที่เราได้ราคา ที่ 1.3502 (ยังจำได้กันมั๊ยค๊ะว่าเราจะได้ราคา offer นั่นแปลว่าเมื่อเทียบกับ bid เราจะ -2 นี่คืนส่วนของค่าคอมมิทชั่นของโบรกเกอร์ค่ะ)

เมื่อเวลาผ่านไป ราคาวิ่งขึ้นไป ที่ 1.3552 หรือขึ้นมา 50 จุด แล้วเราเห็นว่าอาจจะไปต่อไม่ไหว จึงปิดทำกำไรที่ จุดนี้ เราจะได้กำไรมา 50 จุด (หรือ 50 pips) หรือ 0.0050 หน่วยใน base currency ซึ่งในที่นี้คือ 0.0050 USD

น้อยมากใช่มั๊ยล่ะค๊ะ 0.0050 USD = ครึ่งเซ็นต์ หรือประมาณ 17 สตางค์ เท่านั้น นั่นแปลว่าหากเราอยากทำกำไรเยอะๆ เช่น pip ละ $1 (50 pip ก็คือ $50) เราต้องสั่งเทรดถึง $10,000 เลยทีเดียว เป็นเงินที่ไม่น้อยเลย แล้วเราจะทำอย่างไรล่ะ

เดี๋ยวคราวหน้า เรามาดูกันต่อในหัวข้อ Leverage กันนะค๊ะ ว่าทำไมการมี Leverage ช่วยให้เราทำเงินเยอะ จากการลงทุนที่น้อยกว่าได้ยังไง

โค๊ด: [Select]
http://fxbkk1.blog128.fc2.com/blog-entry-4.html

53
จากที่ได้อธิบายไปเมื่อวันก่อนถึงความหมายของ forex หวังว่าผู้เริ่มต้นคงจะเข้าใจกันมากขึ้นนะค๊ะ
วันนี้เรามาต่อกันเรื่อง การซื้อ-ขาย และทำกำไรจากตลาด Forex กันดีกว่า ว่าเค้าทำกันยังไง

หลักการทำกำไรหลักๆ ก็จะคล้ายกับการเล่นหุ้นตรงที่ว่า "ซื้อถูก-ขายแพง"

ในการซื้อ-ขายหุ้นนั้น จะซื้อ-ขายเป็นตัวๆไป แต่ในตลาด Forex จะต่างจากหุ้นตรงที่เราจะดูกันเป็น “คู่” ซื้อเงินสกุลหนึ่ง ในขณะเดียวกัน ก็ขายเงินอีกสกุลหนึ่งออกไป หรือเป็นการจับคู่แลกเปลี่ยน ซื้อขายค่าสกุลเงิน กำไรก็จะได้มาจากส่วนต่างจากการขายในแต่ละครั้งนั่นเองค่ะ เช่น

เช่น EUR/USD bid= 1.3500 offer= 1.3502
[ EUR/USD คือการเปรียบเทียบระหว่างเงินยูโรของสหภาพยุโรป กับเงินดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินด้านซ้ายเราเรียกว่า base currency ]

ถ้าเราสั่ง "ซื้อ" (เรียกว่า Buy หรือ Long) ในตอนที่เราเปิด order (เปิด order BUY) เราจะได้ราคาที่ offer และเมื่อเราสั่งปิด order นี้ เราจะได้ราคาที่ bid ตัวอย่างเช่น ณ เวลาที่เราเข้า Buy คู่ EUR/USD ราคา offer อยู่ที่ 1.3502 ถ้าเราปิด (close) ทันที เราจะ sell คืนไปที่ราคา bid 1.3500 เท่ากับเราขาดทุนทันที 0.0002 หรือ 2 จุด หรือ pip (ทุกครั้งที่เราเปิดการเทรด เราจะติดลบก่อนเสมอ)

เราจะทำกำไรด้วยการ buy ที่ราคา offer ซึ่งก็คือซื้อมาถือไว้ เพื่อรออัตราแลกเปลี่ยนที่สูงขึ้น ก็คือรอให้ค่า bid สูงกว่าค่า offer ที่เราเปิด buy ไว้ และเราจะปิด order นี้ โดยการ sell คืน (การสั่ง close order จะเป็นการ sell อัตโนมัติ - ไม่ใช่ให้เราเปิด order sell อีกอัน) ไปในราคาที่สูงกว่า (ถ้า sell คืนในราคาต่ำกว่า เราก็ขาดทุน) เรียกว่า ซื้อถูก ขายแพง

วันนี้เอาแค่นี้ก่อนละกัน คราวต่อไปยามะจะมาบอกถึงข้อดีอีกข้อของตลาด FX นะค๊ะ


โค๊ด: [Select]
http://fxbkk1.blog128.fc2.com/

54
ย้อนกลับไปในปี 1920-30s มีอัจฉริยะด้านการบัญชีคนหนึ่งชื่อ Ralph Nelson Elliott (ราฟ เนลสัน เอลเลียต)

เขาได้ทำการวิเคราะห์วิจัยตลาดหุ้นอย่างใกล้ชิดกับข้อมูลบน 75 ปีของตลาดหุ้น

เขาพบว่าตลาดหุ้นนั้นมีพฤติกรรมที่การเคลื่อนไหวของราคาที่ไร้รูปแบบ ซึ่งปกติไม่ได้เป็นแบบนั้น

เมื่อเขาอายุได้ 66 ปี เขาได้หลักฐานสุดท้ายที่ทำให้เขามั่นใจในการค้นพบของเขา

เข้าตีพิมพ์ทฤษฎีของเขาลงหนังสือ ชื่อ The Wave Principle

เขาบอกว่า ตลาดนั้นมีการเทรดเป็นลักษณะวงจรที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ กัน ซึ่งเขาบอกว่าสาเหตุนั้นมาจากอารมณ์ของนักลงทุนที่ส่งผลมาจากปัจจัยต่าง ๆ กัน เช่น (ข่าวใน CNBC Bloomberg, ESPN) หรือข่าวที่มีผลต่อจิตวิทยาของนักลงทุนเวลานั้น ๆ

เขาอธิบายอีกว่า การสวิงขึ้นลง ของทิศทางราคาสาเหตุนั้นเกิดจากพฤติกรรมทางจิตวิทยาซึ่งแสดงออกมาในรูปแบบเดิมๆ ซ้าๆ เสมอๆ

เขาเรียกการสวิงขึ้นลงของราคาในลักษณะนี้ว่า คลื่น หรือ "Waves"


เขาเชื่อว่า ถ้าเราสามารถวิเคราะห์ได้อย่างถูกต้องเกี่ยวกับพฤติกรรมราคาที่เกิดซ้า ๆ ได้ คุณก็สามารถทำนายทิศทางราคาได้ว่ามันจะไปทางไหน (หรือว่าไม่เคลื่อนไหว) ต่อไป

นี่ทำให้ Elliott waves นั้นเป็นที่นิยมในหมู่นักเทรด มันทำให้พวกเขาสามารถวิเคราะห์ราคาว่าจะไปทิศทางไหนหรือกลับตัวที่จุดไหน หรือถ้าจะให้พูดอีกอย่าง Elliot Wave ทำให้นักเทรดสามารถจับรูปแบบการเกิด Top จุดสูงสุด กับ Bottom จุดต่ำสุดได้

ดังนั้นท่ามกลางความวุ่นวายของทิศทางราคา Elliott ค้นพบการจัดเรียงตัวของมัน ยอดเยี่ยมไปเลยใช่มั๊ย?

เหมือนอัจฉริยะคนอื่นๆ เขาต้องเป็นเจ้าของการค้นพบนี้ ดังนั้นมันจึงมีชื่อทฤษฎีของเขาว่า The Elliott Wave Theory

แต่ก่อนที่เราจะเจาะลึกกับตัว Elliott waves คุณต้องเข้าใจเป็นอันดับแรกก่อนว่า มันคือ Fractals
โค๊ด: [Select]
http://www.jubtadu.com/forex/basic-degree/elliott-wave.html

55
  เมื่อคุณศึกษาข้อมูลการลงทุน Forex มาได้สักระยะ พอเห็นถึงภาพรวมของตลาด เข้าใจโครงสร้างพอสมควร อีกเรื่องหนึ่งที่คุณควรให้ความสำคัญ เป็นอย่างมากนั่นก็คือ การเลือกโบรกเกอร์ Forex โบรคเกอร์ คือใคร? ทำหน้าอย่างไรและจะมีส่วนช่วยให้คุณประสบความสำเร็จได้อย่างไร ค่อยๆ มาทำความรู้จักกับพวกเขากัน

          โบรคเกอร์ Forex คือ ผู้รับซื้อหรือขายคำสั่งซื้อขายที่มาจากนักลงทุน ในที่นี้หมายถึงคุณหรือผู้สนใจเทรด Forex นั่นเอง โดยโบรคเกอร์จะได้รายได้จากค่าคอมมิชชั่น ค่าธรรมเนียมจากการให้บริการนั่นเอง โบรคเกอร์แต่ละที่ก็มีข้อดี-ข้อเด่นต่างกันออกไป ดังนั้น คุณจึงควรศึกษาและวิเคราะห์ รวมถึงทำความเข้าใจในอัตราค่าบริการและค่าธรรมเนียมให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจ โดยมีหลักเกณฑ์คร่าวๆ ดังนี้

    เป็นโบรคเกอร์ Forex ที่มีใบอนุญาต ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเพื่อป้องกันไม่ให้คุณโดนหลอกสูญเงินทุนไปเปล่า เราสามารถตรวจสอบกฎของโบรคเกอร์จากสถานะสมาชิกใน CFTC (Commodity Fetures Trading Commission) และ NFA เพื่อตรวจดูประวัติ รวมถึงตรวจสอบบันทึกประวัติการเกิดการฉ้อโกง ทุจริตเงินในการเทรด สามารถตรวจสอบทั้งทางโทรศัพท์และทางเว็บไซต์ www.nfa.futures.org/basicnet ให้ความสนใจเฉพาะโบรคเกอร์ที่มีประวัติที่ดี มีสภาวะการเงินมั่นคง มีองค์กรรองรับที่น่าเชื่อถือ
    ฝ่ายบริการลูกค้า เนื่องจากตลาด Forex เสมือนเปิดตลอด 24 ชั่วโมง ฝ่ายบริการลูกค้าของโบรคเกอร์นั้นๆ จึงควรสามารถติดต่อได้ตลอด 24 ชั่วโมง เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นผ่านโทรศัพท์ อีเมลล์ โปรแกรมแชทต่างๆ รวมถึงพนักงานที่ต้องคอยตอบคำถามนักลงทุน มีคุณภาพตอบคำถามและเพียงพอต่อการตอบคำถามของคุณได้หรือไม่ วิธีการ คุณอาจเลือกโบรคเกอร์มาหลายๆ แห่งมามาเช็ครีวิว อ่านตามเว็บบอร์ด นำมาเปรียบเทียบกัน แล้วค่อยคิดออกที่ละโบรคเพื่อให้ได้โบรคเกอร์ที่ดี เหมาะสมกับการลงทุนของคุณ
    โปรแกรมเทรดเดอร์ สิ่งสำคัญที่คุณต้องพิจารณาคือ สามารถตรวจสอบราคา หรืออัตราแลกเปลี่ยนได้แบบ Real-Time มีผลสรุปยอดรวมของบัญชีและผลกำไร มาร์จิ้น เป็นโปรแกรมเทรดบนเว็บหรือว่าเป็นโปรแกรมที่ต้องติดตั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ รวมทั้งคุณควรตรวจเช็คว่าโปรแกรมนั้นใช้ได้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าคุณจะใช้ Microsoft Window หรือ Mac และที่สำคัญอีกประการหนึ่งงก็คือ การได้ทดลองเทรดจากโปรแกรมของโบรคเกอร์ด้วยบัญชี DEMO ก่อนที่จะลงเงินจริง เพื่อที่คุณจะได้สามารถตรวจสอบความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือได้ ให้ยึดที่ความเรียบง่าย ใช้งานได้ไม่ซับซ้อน รวมไปถึงความเร็วของอินเตอร์เน็ต ก็มีส่วนสำคัญอย่างมาก เนื่องจากตลาด Forex มีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว คุณจึงควรได้รับข่าวสารข้อมูลเกี่ยวกับตลาดอย่างทันเวลา ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการเทรดของคุณพอสมควร รวมถึงตรวจสอบอัตราค่าธรรมเนียมการใช้งานโปรแกรมด้วย
    ประเภทของบัญชี เลือกขนาดให้เหมาะกับเงินลงทุนของคุณไม่ว่าจะเป็น Mini หรือ Micro Account ก็เลือกให้เหมาะ อย่างเช่น คุณอาจมี Mini Account เพื่อใช้ทดสอบ ทดลองการเทรด หรือช่วยกระจายความเสี่ยง และ ควรดู Spread ประกอบการตัดสินใจด้วย

          สรุปประเด็นน่าสนใจสำหรับการเลือกโบรคเกอร์ คือ การมองภาพรวมของโบรคเกอร์ให้ออก และเข้าใจเป้าหมายการลงทุนของคุณเองเพื่อเลือกใช้งานโบรคเกอร์ โปรแกรมเทรด เข้าใจนโยบาย รวมถึงการบริการแบบที่คุณต้องการ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่จะช่วยให้คุณเป็น Trader ที่ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนนั่นเอง


โค๊ด: [Select]
http://forexhow2.com/how-to-find-forex-broker/

56
รีวิว EA Channel Trader PRO ระบบเทรดอัตโนมัติ ทำกำไร 2,800% ใน 1 ปี            <!-- .entry-header -->         
        EA ย่อมาจากคำว่า  Expert Advisor ครับ เป็นระบบเทรดอัตโนมัติที่เขียนขึ้นโดยผู้พัฒนา ประมาณว่าถ้าคุณมีระบบเทรดที่ทำกำไร คุณก็สามารถเขียนโปรแกรมให้เข้าซื้อและขายเองได้ ทำการเขียนโค๊ดขึ้นมาครับ และใช้ติดตั้งในโปรแกรมเทรด MT4 เขาเรียกกันว่า EA ครับ ระบบเทรดอัตโนมัติหรือ EA เนี่ยมีเขียนกันขึ้นมาหลากหลายค่ายมากๆ ครับ เราควรเลือกใช้ให้ถูกกับความต้องการและงบประมาณของเรา บางค่ายก็ทำกำไรให้เราได้ บางค่ายก็ขาดทุนครับ อ่านเพิ่มเติมได้ที่ บทที่ 16 Expert Advisor (EA) คืออะไร ครับ
1. เกิ่นนำ EA หรือระบบเทรดอัตโนมัติของค่าย Channel Trader PRO ซึ่งเป็นระบบเทรดที่สามารถทำกำไร 2,800% ภายใน 1 ปี
รีวิว EA Channel Trader PRO ระบบเทรดอัตโนมัติ ทำกำไร 2000% ใน 1 ปี
สวัสดีครับผมชื่อ Doug Price ผมเป็นนักเทรดเต็มเวลา (Full time Forex Trader) ในรอบหลายปีที่ผ่านมาผมทำงานสำหรับการเทรดในกองทุนขนาดใหญ่กับการเทรดด้วยกลยุทธ์ของผมเอง ซึ่งระยะเวลาที่ผ่านมามันเป็นช่วงเวลาที่สนุกมาก ผมสามารถเทรดและหารายได้จากที่ใดก็ได้ จนกระทั่งผมเริ่มที่จะเหนื่อยที่จะต้องเทรดด้วยตัวเองด้วยกลยุทธ์แบบเดิมๆ และผมต้องการที่สร้างสรรค์ระบบเทรดเพื่อช่วยเหลือนักเทรดที่ต้องการประสบความสำเร็จะผมจึงได้เริ่มเขียนซอฟแวร์ขึ้นในวันนั้นเอง
คุณกำลังแสวงหาเวลาและกำไรที่ได้มาจากการเทรด Forex อยู่ใช่ไหม.. ผมแนะนำว่าบางทีอาจถึงเวลาที่จะลองสิ่งที่แตกต่าง โดยนักเทรด Forex ส่วนใหญ่จะเทรดอยู่ในคู่เงิน  EUR/USD, USD/JPY, GBP/USD เป็นต้น

คุณเคยคิดถึงการเทรดแบบ Less Mainstream pairs หรือไม่? (ก็คือเทรดโดยใช้คู่อื่นๆ เช่น AUDCAD, EURJPY, AUDUSD)
จากการศึกษามีเหตุผลที่จะต้องเทรดกับคู่เงิน AUDCAD EURJPY และ AUDUSD ซึ่งมี 3 ข้อที่สำคัญมาก ดังนี้
1.จากหลายๆ กรณีศึกษา มันง่ายต่อการทำกำไรมาก
2.พวกเรามีรูปแบบที่สามารถทำกำไรได้จากการเทรดกับคู่เงินเหล่านี้
3.การเทรดกับคู่เงินเหล่านี้สามารถทำให้จัดการพอร์ตได้ง่ายขึ้นมาก ซึ่งผมได้ใช้ระบบการจัดการแบบ Auto-Pilot เพื่อช่วยให้กำไรเพิ่มเป็นทวีคูณ
คู่เงินที่ EA Channel Trader PRO จะใช้ในการเทรดมีด้วยกัน 3 คู่ คือ AUD/CAD AUD/USD และ EUR/JPY
ทำไม? ถึงต้องเป็น 3 คู่นี้ Doug Price ค้นพบความเฉพาะเจาะจงของรูปแบบที่เกิดขึ้นในช่วงหลายปีที่่ผ่านมากับคู่เงินเหล่านี้ เพื่อที่จะใช้ประโยชน์จากรูปแบบเฉพาะดังกล่าว Doug Price ได้สร้างกลยุทธ์ ที่สารมารถทำกำไรจากรูปแบบดังกล่าวขึ้นมาและระบบดังกล่าวสามารถทำงานและทำกำไรได้ดีเกินคาด

รีวิว EA Channel Trader PRO ระบบเทรดอัตโนมัติ ทำกำไร 2000% ใน 1 ปี
เขาสามารถทำกำไรได้ 125,050$ ได้ภายใน 1 ปี ซึ่งเมื่อคิดเป็น % คือเขาสามารถทำกำไรได้เติบโตถึง 2600% ภายใน 1 ปีเนื่องจากระบบ auto-pilot ที่สามารถทำกำไรบัญชีเติบโตเป็นทวีคูณ
ไม่ต้องกังกวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของตลาด แน่นอนว่าตลาด Forex มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่ง EA Channel Trader PRO  สามารถที่จะโฟกัสในการเทรดระยะสั้นได้ดีมากและสามารถทำกำไรได้เป็นระยะๆ มีระบบจัดการบัญชีแบบไดนามิก (The dynamic management) และกลยุทธ์ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสภาพตลาดด้วย
2. เจาะลึก Myfxbook ของ EA Channel Trader PROแน่นอนว่าหลายๆ ท่านที่มีความสนใจ EA หรือระบบเทรดอัตโนมัติ ต้องรู้จัก Myfxbook กันเป็นอย่างดี ซึ่ง Myfxboox เป็นเว็บไซต์กลางที่ผู้ใช้งานสามารถนำบัญชีเทรดของตัวเอง มาบันทึกการเทรดเพื่อวิเคราะห์ผลแบบ RealTime ผ่านหน้าเว็บไซต์ Myfxbook เพื่อที่จะสามารถเผยแพร่ให้บุคคลทั่วไปได้เห็น เช่นเเดียวกับ Doug Price ที่นำ EA Channel Trader PRO มาติดตามผลแบบ RealTime และนำมาแสดงให้เห็นผ่าน Myfxbook ซึ่งมีผลดังภาพต่อไปนี้
2.1 อัตาการทำกำไรและความเสี่ยงจากภาพด้านล่าง ส่วนของอัตราการเติบโต 2845% ถือว่าเป็นอัตราการเติบโตของบัญชีที่สูงมาก เมื่อเทียบกับระบบอื่น Monthly อัตราการทำกำไรต่อเดือน 24.54% เป็นอัตราการกำไรที่เหมาะสมกับนักลงทุนอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตามการเติบโดตเช่นนี้ ก็จำเป็นต้องดูความเสี่ยงควบคู่ไปด้วย ให้ท่านดูที่ Drawdown เป็นอัตราจำนวนเงินที่ติดลบมากที่สุดในบัญชี ระบบเทรดของ Channel Trader PRO มี Drawdown อยู่ที่ 24.36% ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับอัตรากำไรแล้ว ผมคิดว่าระบบเทรดอัตโนมัตินี้เป็นระบบที่ดีมากๆ เนื่องจากสามารถทำกำไรได้สูงและมีอัตราความเสี่ยงต่ำ

Myfxbook Channel Trader PRO 26/7/2015
Doug Price ฝากเงินเข้าเทรดจำนวน 4,950$ และสามารถทำกำไร ได้เป็น 141,017$ ภายใน 1 ปี ซึ่งเป็นการทำกำไรได้อย่างไม่น่าเชื่อ ผมคิดว่าการทำกำไรขนาดนี้ต้องมี Drawdown ที่มากกว่านี้แน่นอน แต่ระบบนี้สามารถควบคุม Drawdown ได้ดีทีเดียว
2.2 ดูสถิติย้อนหลังผลการเทรดในช่วงรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่กลางปี 2014 ถึง กลางปี 2015 ผลปรากฏว่า สามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉลี่ยนแล้ว เดือนละ 24%

Channel Trader PRO 2014

Channel Trader PRO 2015
ระบบเทรดเช่นนี้ ค่อนข้างน่าสนใจมากๆ เลยทีเดียวนะครับ
2.3 ผลการเทรดแบบเจาะลึกด้วยผลกำไรและความเสี่ยงต่ำ ข้างต้นก็อดไม่ได้ที่เราจะต้องมาดูเจาะลึกถึงผลการเทรด เริ่มแรกระบบเทรดไปแล้วทั้งหมด 393 Order ซึ่งเป็นการเทรดที่เยอะพอสมควรในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ลองดูที่อัตรา Longs Won และ Shorts Won ครับ จะพบว่าระบบมีความแม่นยำในขาขึ้นถึง 99% และขาลง 97% ถ้าเฉลี่ยความแม่นยำแล้วหล่ะก็จะอยู่ที่ 98% ครับ แต่เราควรจะดูจำนวนจุดขาดทุนและจำนวนจุดการทำกำไรด้วยครับจะดูแต่ % ไม่ได้ ให้ไปดูที่ Average Win และ Average Loss ครับ จะเห็นว่า โดยเฉลี่ยแล้ว ออเดอร์ที่ปิดกำไร จะได้กำไรเฉลี่ยอยู่ที่ +11.16 จุด หรือ +407.3$ และออเดอร์ที่ขาดทุนจะขาดทุนเฉลี่ย -97.5 จุด หรือ -2826$ เห็นไหมครับว่า โอกาสปิดกำไร มีถึง 98% ครับ แต่เมื่อปิดกำไรจะได้เงินเพียง 407$ ครับ แต่เมื่อขาดทุนจะขาดทุนเงินถึง -2826$ อย่างไรก็ตามโอกาสขาดทุนมีเพียง 2% เท่านั้น และระบบเทรดอัตโนมัติ Channel Trader PRO ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าในระยะยาวสามารถทำกำไรได้อย่างมหาศาลจริงๆ

ผลการเทรดแบบเจาะลึก Channel Trader PRO
วิเคราะห์กำไร-ขาดทุนในแต่ละคู่เงิน EA Channel Trader PRO จะทำการเทรดทั้งหมด 3 คู่เงินคือ AUDCAD AUDUSD และ EURJPY ซึ่งคู่ EURJPYสามารถทำกำไรได้มากที่สุดคือ 73,129$ รองลงมาคือ AUDUSD สามารถทำกำไรได้ 50,181$ และสุดท้าย AUDUSD ที่ทำกำไรไปได้ 17,351$

Channel Trader PRO คู่เทรด
วิเคราะห์ค่าเฉลี่ยการเทรดในแต่ละวัน การเทรดจากภาพจะเห็นได้ว่า EA Channel Trader PRO จะมีการเทรดในช่วงวัน จันทร์ – ศุกร์ โดยมีอัตราเฉลี่ยเท่าๆ กัน คือ 70-80 Order ต่อวันในช่วงระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา

การเทรด Channel Trader PRO
เรื่องระยะเวลาการถือ Order จะเห็นได้ว่าส่วนมากแล้ว EA จะปิด Order โดยเฉลี่ยที่ 23 ชม. (ผมดูค่าเฉลี่ยจากการวิเคราะห์แบบเจาะลึกภาพแรกนะครับ Avg. Trade Length: 23h 37m) แต่จะเห็น Order ที่แสดงดังภาพที่มีการติดลบ จะถือ Order ยาวถึง 18-25 วันเลยทีเดียว เนื่องจาก EA ตัวนี้มีระบบการตัดขาดทุนที่ตั้ง SL ไว้หลายจุด แต่นั้นก็ไม่ใช่ผลเสียอะไรครับ

ระยะเวลาการถือ Order Channel Trader PRO
เรื่องการตั้ง TP SL ของ EA Channel Trader PRO ในภาพจะแสดงจำนวนการปิด Order ของ EA กลุ่มจุดสีเขียวแสดงการปิด Order + จุดสีแดงแสดงการปิด Order – โปรดสังเกตุกลุ่มจุดสีเขียวจะเห็นว่าจุดปิด Order+ หรือ TP จะอยู่ที่ 5-30 จุดโดยประมาณจากสายตา ส่วนจุดสีแดงหรือ Order- หรือ SL จะอยู่ที่ 200 จุด อย่างไรก็ตามถึงระบบเทรดของ Channel Trader PRO จะมีจุด TP ต่ำและ SL สูงก็จริงแต่ระบบเทรดนี้สามารถทำกำไรได้ในระยะยาวด้วยระบบ Auto-pilot ที่สามารถทำกำไรได้แบบทวีคูณนั่นเอง

จำนวน TP SL ของ EA Channel Trader PRO
3. สรุป EA Channel Trader PROตามความคิดเห็นของผม ผมคิดว่า EA ตัวนี้มีระบบการทำกำไรที่ดีมากๆ และความเสี่ยงต่ำเมื่อเทียบกับการทำกำไรนะครับ ประกอบกับมีระบบ auto-pilot ที่สามารถทำกำไรได้มากขึ้น ดังนั้น EA ตัวนี้จึงเหมาะสมกับนักลงทุนอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม EA ตัวนีเมีราคาค่อนข้างสูง ก็คือ 799$ แบบ Lifetime และ 347$ แบบรายเดือน ดังนั้น EA ตัวนี้จึงเหมาะสมกับนักลงทุนที่ค่อนข้างมีทุนในการเทรดพอสมควร และผมมีความมั่นใจกับการทำกำไรของ EA ตัวนี้เป็นอย่างยิ่งครับ
อยากจะฝากไว้อีกอย่างคือโบรกเกอร์ในการเทรดครับ ควรเลือกใช้โบรกเกอร์เดียวกับเจ้าของที่พัฒนา EA นะครับเนื่องจาก ผู้พัฒนา EA ได้เปรียบเทียบและตรวจสอบความเหมาะสมของโบรกเกอร์แล้ว ปัจจุบัน EA Channel Trader PRO ใช้โบรกเกอร์  Synergy FX นะครับ (https://http://synergyfx.com.au/)
4. สำหรับท่านที่สนใจ EA Channel Trader PRO
ข้อดีของการซึ่ง EA คือผู้พัฒนายินดีที่จะคืนเงินให้ภายใน 60 สำหรับท่านที่ไม่พอใจในตัว EA และมีข้อดัอื่นๆ ดังนี้
1.ผู้พัฒนายินดีที่จะคืนเงินให้ภายใน 60 วัน (60 Day Money Back Guarantee) หากท่านไม่ชอบใจ
2.อัพเดทฟรี
3.Support 24/7 ชม

วิธีสั่งซื้อ EA Channel Trader PRO
4.1 ท่านสามารถสั่งซื้อ EA Channel Trader PRO ได้ที่ channel trader pro ครับ

4.2 กดคลิกที่ CLICK HERE FOR ACCESS

 
4.3 กรอกข้อมูล ชื่อ อีเมล์ และกด CLICK HERE FOR ACCESS

 
4.4 ทำการสั่งซื้อ โดยสั่งซื้อตามความต้องการของท่านว่าจะเอาแบบตลอดชีพหรือรายเดือน (คืนเงินภายใน 60 วันหากไม่ถูกใจ)

 
4.5 ทำการสั้งซื้อและจ่ายเงิน โดยการกรอกรายละเอียด เลือกรูปแบบการจ่ายเงินส่วนตัวผมจะชอบซื้อโดยใช้ Credit Card เนื่องจากสามารถของ คืนเงินได้สะดวกและจ่ายเงินได้สะดวกครับ และกรอกรายละเอียดบัตรครับ หลังจากนั้นกด PAY NOW



โค๊ด: [Select]
http://forexhow2.com/%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A7-ea-channel-trader-pro-%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B9%82%E0%B8%99%E0%B8%A1/

57
 การลงทุนในตลาด Forex เป็นการเทรดค่าเงินที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีเงินลงทุนน้อย เริ่มต้นได้จากเงินเพียงเล็กน้อยสามารถทำกำไรได้สูงในระยะเวลาไม่นานนัก เพียงแต่คุณต้องศึกษา หาความรู้ และฝึกฝนตนเองให้สามารถควบคุมจิตใจ รวมถึงมีความกล้าที่จะเริ่มต้นเปลี่ยนแปลง และอยากประสบความสำเร็จ

          ในการเริ่มต้น เข้าเทรดในตลาด Forex คุณจำเป็นต้องมี คอมพิวเตอร์ พร้อมกับ การเชื่อมต่อด้วย อินเตอร์เนต ความเร็วสูง เงินทุน ใน บัญชีสำหรับเทรด Forex และระบบการเทรด โดยส่วนใหญ่แล้ว นักลงทุนทั่วไปจะซื้อขายผ่านโบรคเกอร์ ซึ่งทำหน้าที่คอยช่วยเหลือ ให้ความสะดวกในกระบวนการเทรด

    ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ ได้กล่าวว่า “คุณจะไม่มีทางเข้าใจ ว่า  Forex  ทำงานอย่างไร จนกว่า คุณจะได้เข้าเทรดในตลาด Forex จริง”

          เพื่อช่วยให้คุณมีประสบการณ์มากขึ้น โดยไม่ต้องเสี่ยงลงทุนจริง คุณสามารถเปิดบัญชีทดลอง จากเวปไซท์การศึกษา Forex หรือ จากโบรคเกอร์ ได้ จากนั้น คุณจะสามารถจำลองการเทรด อย่างเสมือนจริง และได้เรียนรู้สภาวะตลาดจริง ที่หลากหลาย รวมถึงดู ผลกระทบของสกุลเงินต่าง ๆ จากในอดีตได้

          ตลาด Forex สามารถให้โอกาสนักลงทุน หาเงินได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ อย่างไรก็ตาม การลงทุนในตลาด Forex นั้นมีความเสี่ยง ไม่มีนักลงทุนคนไหนที่สามารถทำกำไรได้ จากการเข้าเทรดทุกครั้ง นอกจากนี้ ผู้เทรดอาจขาดทุนอย่างหนัก ถ้าไม่ระมัดระวัง หรือไม่ได้ลงทุนอย่างฉลาด


โค๊ด: [Select]
http://forexhow2.com/forex-trading-is-right-for-you/

58
  มีเทคนิคอีกมากมาย ที่จะช่วยให้นักลงทุนประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็น วางแผนการเทรดและเทรดตามแผนของคุณ ไม่ควรตัดสินตามอารมณ์ ความรู้สึก ไม่ลำพองเมื่อได้กำไร หรือยึดติดกับความล้มเหลวที่ผ่านมา วิเคราะห์จุดเข้าจุดออกให้แม่นยำ บริหารมาจิ้น บริหารการเงินในพอร์ทอย่างมีวินัย เมื่ออยู่ในอารมณ์ที่สงบนิ่งมีสมาธิ แล้วจึงเปิดคำสั่งเทรด Forex แผนการเทรดทำกำไรที่ดี ควรประกอบด้วย การกำหนด จุดเข้า หรือ สัญญาณในการเข้าเทรด การกำหนดจุด ขาดทุน หรือ Cut-Loss การกำหนดเป้าหมายกำไรที่คุณต้องการ

          การวางแผนทางการเงิน คือบริหารเงินในพอร์ต อาจจะใช้วิธีกระจายความเสี่ยงโดยเปิดเป็นพอร์ตเล็กและพอร์ตใหญ่ เพื่อทดลองเทคนิคการพอร์ตที่หลากหลาย เพื่อให้คุณค้นพบวิธีเทรดของตนเอง ที่จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน โดยให้ยึดมั่นในแนวโน้มของกราฟ หาสัญญาณ Buy/ Long เมื่อ ตลาดอยู่ในสภาวะขาขึ้น และหาจังหวะ Sell/Short เมื่อตลาดอยู่ในสภาวะขาลง

          สิ่งสำคัญอีกอย่างสำหรับนักลงทุน ที่ควรตระหนักให้มาก นั่นคือต้องรักษาเงินในบัญชีของคุณให้ดีที่สุด ไม่ควรจะเทรดเกิน 10 % ของเงินในบัญชีเทรดของคุณ ควรจะเล่นน้อยๆ เรื่อย ๆ แล้ว อย่ามุ่งหวังแต่จะรวยเร็ว ต้องรู้ว่าเมื่อไรควรจะตัดขาดทุน นั่นคือ ต้องรู้จักตัวเองให้มาก อย่าให้ความโลภบังตา ที่จะทำให้คุณล้มเหลว หมดเงินในเวลาอันรวดเร็ว

          สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือ ตัดเนื้อร้ายออกไป อย่าให้มันรุกราม แล้วหาโอกาสหรือจังหวะดีๆ เพื่อเข้าใหม่ ถ้าติดลบให้ตัดสินใจ Cut-Loss ทันที อย่าเสียดาย เสียน้อยดีกว่าเสียมาก โอกาสหน้ายังพอมีหวัง โดยอาจจะกำหนดไว้เลย เช่น Exit stop Loss -20 จุด -30 จุด หรือตั้งไว้ตามแนวรับแนวต้าน Support-Resistance ในอีกมุมหนึ่งเมื่อได้กำไรเท่าที่คุณพอใจก็ควรมีจุดกำหนดตายตัวเช่นกัน โดยอาจกำหนดการจากทำกำไร 20 จุด หรือ 30 จุด หรือกำหนด ตามแนวรับแนวต้าน ( Support and Resistance) หรือกำหนด โดย Fibonaccy ก็ได้

    “ต้องย้ำอีกรอบว่าคุณควรมีวินัยในการลงทุนอย่างเคร่งครัด ทั้ง Stop Loss และการทำกำไร”

          อย่าเทรดตามคนอื่น ควรเทรดตามระบบ ตามสัญญาณ หรือตามแผนที่วางไว้ และวิเคราะห์ให้ดี และรอบคอบทุกครั้งก่อนเข้าทำการเทรด ทริกง่ายๆ อีกข้อที่นักลงทุนหลายท่านมองข้ามนั่นคือ การจดบันทึกผลการเทรดและความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เมื่อคุณเปิดคำสั่ง ซื้อ (Buy/Long) ให้จด เหตุผลว่าเข้าเพราะอะไร บันทึกความรู้สึกตอนนั้นไว้ให้ละเอียด รวมถึงเมื่อคุณเปิดคำสั่ง ขาย (sell/Short) ก็ทำเช่นเดียวกัน แล้วนำมาวิเคราะห์ บันทึกข้อผิดพลาดในการเทรด บทเรียนเหล่านี้จะเป็นตัวช่วยสำคัญเมื่อกาลเวลาผ่านไป เป็นประสบการณ์ที่ดีที่คุณได้อ่าน ได้ศึกษา จดจำและนำมาปรับแผนการลงทุน ที่อาจช่วยลดการขาดทุน หรือเพิ่มการทำกำไรให้กับคุณได้อย่างมาก ถ้าไม่แน่ใจไม่ต้องเทรดให้รอจังหวะที่ทิศทางชัดเจน และยึดระบบ ติดตามสัญญาณ และเข้าเทรดตามแผนเสมอ และสุดท้ายใช้หลักศาสนาเข้ามาช่วยควบคุมจิตใจนั่นคือ อย่าเทรดมากเกินไปให้รู้จักประมาณตน


โค๊ด: [Select]
http://forexhow2.com/forex-trading-techniques/

59
เล่นหุ้น forex ออนไลน์ผ่านโบรกเกอร์ จะช่วยให้เงินของคุณทำงานสมกับความเหนื่อยยากในการหาเงินมาหรือไม่นั้น มีปัจจัยหลายสิ่งที่สำคัญ ไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่าย ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับการศึกษาเรียนรู้ และพัฒนาตนเอง ถ้ายังไม่เก่งหรือไม่แน่ใจ ก็มีเงินจำลองให้ทดลองเล่นก่อน จนกว่าคุณจะมั่นใจ เข้าใจ และมีประสบการณ์มากพอ จึงค่อยลงเงินจริงก็ได้ การลงทุนคือความเสี่ยง ยิ่งผลตอบแทนเยอะความเสี่ยง ก็ยิ่งเยอะตามไปด้วย จึงควรศึกษาให้เข้าใจก่อน การลงทุน  ศึกษากราฟ รูปแบบราคา อินดิเคเตอร์ เพื่อหาแนวโน้มของราคา และสัญญาณในการเข้าเทรด การหาจังหวะปิดเพื่อทำกำไร

          ในปัจจุบันมีแหล่งให้เรียนรู้มากมาย เพียงแต่คุณวางแผนแบ่งเวลามาศึกษาให้เข้าใจก่อนลงทุน คุณก็จะประสบความสำเร็จได้ไม่ยากนัก ต่อมาศึกษาหลักการบริหารเงินในบัญชี และบริหารความเสี่ยง และอย่าหยุดที่จะทดลองเรียนรู้ หาประสบการณ์ใหม่ๆ ในการเทรด

          ในยุคปัจจุบันนี้โอกาสเปิดกว้างสำหรับทุกคนผู้มองเห็นโอกาส  ในยุคที่การสื่อสารเป็นการสื่อสารไร้พรมแดน  ผ่านทาง Internet เราสามารถถ่ายทอดเทคโนโลยีจากซีกโลกหนึ่ง ไปยังอีกซีกโลกหนึ่ง โดยใช้เวลาเพียงชั่วพริบตาเดียว และง่ายแค่ปลายนิ้วคลิก และที่สำคัญมีหลากหลายช่องทางให้คุณได้ใช้ ไม่ว่าจะเป็น โน้คบุ๊ค PC สมาร์ทโฟน สักเครื่องและอินเตอร์ที่รวดเร็ว ก็อาจพาคุณก้าวไปสู่การเป็นเศรษฐีได้ รูปแบบการลงทุนก็มีหลากหลาย

           การเล่นหุ้น Forex ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางการลงทุน สิ่งจำเป็นสำหรับผู้เริ่มลงทุน Forex คือ การวิเคราะห์ ซึ่งมีอยู่ 2 ประเภท

    การวิเคราะห์มูลฐาน  ดูตลาดผ่านปัจจัยอิทธิพลทางเศรษฐกิจ สังคม การเมืองที่อาจจะมีผลกระทบต่อปริมาณและความต้องการ อุปสงค์/อุปทาน เศรษฐกิจของใครกำลังไปได้ดี และของใครกำลังแย่ ซึ่งมีผลต่อค่าเงินของประเทศนั้นๆ ด้วย และแน่นอนย่อมมีผลต่อการลงทุนของคุณแน่นอน การ
    วิเคราะห์เชิงเทคนิค ศึกษาของการเคลื่อนไหวของราคา วิเคราะห์กราฟ  ดูประวัติการเคลื่อนไหวของราคา และอาศัยการขยับตัวของราคา ตัดสินคาดได้ในระดับหนึ่งว่าราคาจะไปที่จุดไหน โดยดูที่กราฟ ถ้าคุณสามารถเห็นแนวโน้มของราคา จะช่วยให้เห็นโอกาสดีในการชื้อขาย ถ้าอยากเป็นนักเทรดที่ประสบความสำเร็จ คุณต้องประยุกต์ใช้การวิเคราะห์ทั้งสองร่วมกัน เพราะแต่ละรูปแบบมีข้อดี-ข้อด้อยต่างกัน

          ส่วนเทคนิคในการทำกำไร คุณต้องขยันศึกษาหาความรู้ ฝึกฝนการคิดวิเคราะห์ ซึ่งหลายคำที่คุณควรเรียนรู้ก่อนเข้าตลาดจริง อาทิ

    Margin คืออะไร : คือวงเงินของเรา จะมี Available Margin = วงเงินคงเหลือที่ใช้ซื้อขายได้ Used Margin= วงเงินที่เราใช้ไป
    Long และ Short คืออะไร : Long คือ ซื้อไว้แล้วขาย หลักการก็คือคุณต้องซื้อไว้ที่ราคาถูกแล้วไปขายที่ราคาแพงกว่า เพื่อให้คุณได้กำไรจากส่วนต่าง
    Stop-Loss (SL) คืออะไร : Stop Loss (SL) คือจุดที่คุณยอมขาดทุน ตามแผนที่วางไว้ ถ้าหากราคาเท่านี้ต้องตัดใจ ห้ามลังเล

          การลงเงินเล่นหุ้น คุณจำเป็นต้องเหลือเงินติดไว้ เพราะเมื่อกราฟลงทุนของคุณติดลบ จนยอดเงินในบัญชีไม่พอ ระบบก็จะทำการ CLOSED การลงทุนในหัวข้อนั้นโดยอัตโนมัติครับ ทำให้คุณหมดโอกาสหวังกำไรในตอนที่กราฟกลับมาขึ้นสูง หลักการวิเคราะห์ทางเทคนิค ไม่ว่าตลาดไหนก็จะคล้ายๆ กัน สิ่งที่ต้องการให้ศึกษาในขั้นแรกก็คือ กราฟแท่งเทียน (Candlesticks) ซึ่งเป็นวิธีที่นิยมและเป็นเทคนิคที่ดีที่ใช้ในการวิเคราะห์ ปิดท้ายด้วยกฎทองของนักเล่นหุ้นที่หวังกำไรอย่างยั่งยืน คือ จงอย่าขาดทุนต้นทุน ถ้ากำไรเริ่มหายไปจงตัดใจขาย อย่าเสียดาย มีเงินสดไว้เสมอ หาแนวทางการเล่นหุ้นของคุณเองให้เจอ อย่าตกเป็นเหยื่อของความโลภและจิตใจของคุณเอง


โค๊ด: [Select]
http://forexhow2.com/forex-analysis-and-classification/

60
การเตรียมตัวก่อนลงทุนในตลาด Forex มีสิ่งที่คุณควรคำนึงถึงดังนี้

           ขั้นแรก เรียนรู้พื้นฐาน อย่าด่วนใจร้อนหวังรวยทางลัดจนเกินไป เพราะคุณอาจพลาดเจ็บตัว เจ็บใจได้ง่าย เพราะถูกความโลภบังตา การเรียนรู้ขั้นพื้นฐาน จะช่วยให้คุณตัดสินใจวางแผน เพื่อให้เงินทุนที่คุณมีอยู่ทำกำไรได้เท่าที่คุณตั้งเป้าหมายไว้  คุณจะไม่มีวันรวยหากคุณไม่มีเข็มทิศที่ดี ที่คอยชี้ทางการลงทุนที่ถูกต้องให้กับคุณได้  คุณจึงควรศึกษาและสะสมประสบการณ์ เพื่อลดความเสี่ยงขาดทุนหรือให้มีความเสี่ยงน้อยที่สุด Forex  เป็นเพียงอีกช่องทางหนึ่งของการลงทุนแต่ไม่ใช่ทางลัดไปสู่ความรวยเร็ว แต่คีย์ลัดที่สำคัญที่จะช่วยร่นระยะเวลาให้กับคุณทางหนึ่งที่ดีก็คือการเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญหรือผู้มีประสบการณ์ แต่สิ่งสำคัญก็คือการนำสิ่งที่ได้เรียนรู้มา ไปใช้ประกอบการตัดสินใจวางแผน การคิด  วิเคราะห์ ยังเป็นสิ่งที่ผู้ลงทุนควรใส่ใจให้มาก

           การฝึกคิดวิเคราะห์ คุณควรต้องรู้ขั้นตอนในการวิเคราะห์ตลาดและสามารถทำการวิเคราะห์ด้วยตัวของคุณเอง จะช่วยให้คุณเป็นมืออาชีพได้เร็วยิ่งขึ้น รวมทั้งการฝึกเทรดจาก Demo โดยใช้บัญชีทดลองเทรด จะช่วยให้คุณเข้าใจภาพการเทรดของตลาด Forex ได้ง่ายและเร็วขึ้น แต่ในการเทรดเงินจริงนั้น มีปัจจัยอีกหลายอย่างที่อาจทำให้คุณล้มเหลวได้ แต่หากมัวแต่กลัว มัวแต่ฝึกซ้อมไม่กล้าลงสนามจริง ก็คงยากที่จะประสบความสำเร็จเช่นกัน

    “ฉะนั้นนักลงทุนที่ดีต้องจริงจังกับการซ้อม เตรียมใจให้พร้อมรับมือกับคู่ชก และพร้อมชกทุกสถานการณ์..”

           อีกประการสำคัญ ทำทุกอย่างให้ง่าย ธรรมดาไม่ซับซ้อน  จงโฟกัสและศึกษาการเทรดจากสกุลเงินเพียง 1 คู่ เพื่อคุณจะได้เข้าใจมันอย่างถ่องแท้ ไม่ว่าจะเป็นการฝึกสังเกตปฎิกิริยาเกี่ยวกับข่าวต่างๆ อัตราการวิ่งของแต่ละคู่  ช้า-เร็ว ต่างกันอย่างไร ดังนั้นการเริ่มเทรดด้วยสกุลเงินเพียงคู่เดียว เริ่มจากง่ายธรรมดา และเมื่อคุณเป็นมืออาชีพแล้ว  จึงค่อยเพิ่มจำนวนคู่เทรดให้มากขึ้นได้

           นอกจากนั้นยังมีเทคนิคน่าสนใจอีกอย่างหนึ่งที่ขอเสนอไว้เป็นแนวทางสำหรับนักเทรดนั่นคือ อยู่ถูกที่ ให้ถูกเวลา นั่นคือ เทรดให้เหมาะสมกับเวลา การลงทุน forex นั้นแม้จะมีความเสี่ยง แต่การทำกำไรในแต่ครั้งนั้นก็ไม่ได้ยาก หรือว่าง่ายจนเกินไป สิ่งที่สำคัญในการเทรด forex ให้รวยเราควรรู้เวลาที่ไหนควรเทรด เวลาไหนไม่ควรเทรด ไม่ใช้ตั้งหน้าตั้งตารอแต่เวลาเทรดอย่างเดียว โดยลืมไปว่าช่วงนั้นกราฟไม่เคลื่อนไหว รวมถึงการเลือกคู่ผิดในการเข้าเทรดทำให้ใช้เวลานานกว่าจะปิดออเดอร์ได้ วิธีแก้ปัญหาก็คือเราจะต้องอ่านเทรนให้ออกว่าควรเทรด Forex เวลาไหนและคู่ไหนควรที่เทรด

           ยกตัวอย่างเช่น ตลาดญีปุ่น JPY คู่ที่ควรเข้าเทรด USD/JPY หรือ XXX/JPY เพราะช่วงดังกล่าวจะมีข่าวเกี่ยวกับค่าเงินตลาดนั้นๆ ออกมาทำให้กราฟเคลื่อนไหว คู่ที่ควรดูเป็นพิเศษคือ AUD/JPY เพราะช่วงเวลาดังกล่าว ข่าวทั้งสองตลาดออกพร้อมกัน จึงเป็นคู่ที่น่าจับตามองมาก ถ้าข่าวออกมา ดีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกราฟจะเคลื่อนไหวมาก เป็นต้น


โค๊ด: [Select]
http://forexhow2.com/forex-success/

หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 17
SMF 2.0.15 | SMF © 2011, Simple Machines
SMFAds for Free Forums